“กรี๊ด… พวกแกดูสิว่าใครแอดเฟรนด์ฉันมา”
ไอรินส่งเสียงกรีดร้องด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนกระดี่ได้น้ำ รีบหันหน้าจอโทรศัพท์ให้เพื่อนดู
“แล้วใครล่ะ” น้ำค้างถามกลับ
“อีชะนี นี่แกไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้จักแก๊งหนุ่มหล่อปีสามของมหา’ ลัยเรา”
เพื่อนสาวสองแผดเสียงใส่ น้ำค้างไม่ค่อยชอบตามส่องผู้ชายเหมือนอย่างสองคนนี้ แล้วอีกอย่างเพื่อนในเฟซบุ๊ก ไอจี ก็มีแต่คนที่เธอรู้จักทั้งนั้น ถ้าไม่รู้จักจะไม่รับเพื่อนเด็ดขาด
“นี่พี่นายน์ วิศวกรรมอุตสาหการปีสามเลยนะ แก๊งนี้มีทั้งหมดสี่คน โคตรหล่อ แล้วก็ยังโสด”
ไอรินแนะนำหนุ่มหล่อแต่ละคนว่ามีใครกันบ้าง แต่น้ำค้างก็ยังทำหน้าเรียบเฉย ก็อย่างว่าเพื่อนรักของพวกเธอออกจะหน้าตาดีที่สุดในกลุ่ม มีแต่คนมาจีบ แต่ยัยคุณหนูขี้เบื่อก็ไม่สนใจใครทั้งนั้นนอกจากเรื่องเรียนกับออกไปเที่ยวกินดื่มหลังเลิกเรียน และไอรินก็ไม่นึกไม่ฝันว่าหนุ่มหล่อหนึ่งในสี่คนนี้จะแอดเฟรนด์เธอมา
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีแชทปรากฏขึ้นในหน้าจอมือถือ ไอรินจึงรีบเปิดเข้าไปอ่านข้อความ
นายน์ : พี่ชื่อนายน์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้อง…
ไอรินกระตุกยิ้มกับการแนะนำตัวของรุ่นพี่ ปิดท้ายด้วยคำสั้น ๆ ที่แสดงถึงความอยากรู้จักกัน ก่อนจะจรดปลายนิ้วพิมพ์ตอบกลับไป
ไอริน : ไอรินค่ะ
นายน์ : ไหน ๆ เราก็รู้จักกันแล้ว ศุกร์นี้ไปดื่มด้วยกันไหมครับ
ไอริน : ?
อยู่ ๆ ไอรินก็นึกอยากเล่นตัวขึ้นมาเสียหน่อย เลยไม่ได้ตอบตกลงไปในทันที ไม่นานนักหนุ่มรุ่นพี่ก็ส่งข้อความเข้ามาอีก
นายน์ : ชวนเพื่อนไปได้นะครับ พี่ก็จะนัดเพื่อนไปด้วยเหมือนกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง
“โคตรใจป๋าเลยอะ”
ไอรินเอ่ยเสียงแผ่ว ใบหน้าสวยยกยิ้มกับข้อความที่ได้รับ จนเพื่อนสาวสองอย่างเฟญ่าอดไม่ได้ที่จะเบะปากด้วยความหมั่นไส้
“อะไรกันยะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
“พี่นายน์ชวนพวกเราไปเที่ยว”
“เลี้ยง?”
เฟญ่าถามกลับ เห็นเธอเป็นกะเทยสายเปย์ แต่เพื่อนของหล่อนจะมาเปย์ผู้ชายแบบนี้ไม่ได้ หนุ่มหล่อนัดทั้งทีก็ต้องออกปากเลี้ยงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นห้ามไปเด็ดขาด
“อื้ม”
“ตอบตกลงไปเลยจ้าสาว”
ได้ยินแบบนี้เฟญ่าก็สนับสนุนเต็มที่ ได้เมาฟรี เงินอยู่ครบ ใคร ๆ ก็ชอบ แล้วไอรินก็รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับ
ไอริน : ตกลงค่ะ
นายน์ : เจอกันที่ Ex-so Pub สองทุ่มครึ่งนะครับ
ไอริน : ค่ะ
ไอรินกดออกจากแชทก็หันมองเพื่อนสาวอีกคนที่นิ่งเงียบ ก่อนจะเอ่ยประโยคเชิญชวนแกมบังคับด้วยใบหน้าระรื่น
“ศุกร์นี้ฉันนัดกับพี่นายน์แล้ว แกสองคนไปเป็นเพื่อนฉันนะ ห้ามปฏิเสธ”
“ฉันไปอยู่แล้วย่ะ” เฟญ่ารีบเอ่ยตอบ
“แล้วแกล่ะน้ำค้าง” ไอรินเอ่ยถาม
“อื้ม ไปก็ไป”
*****
คืนวันศุกร์สองทุ่มครึ่ง
สามสาวได้ขับรถส่วนตัวเข้าไปจอดเรียงกันสามคันที่ลานจอดรถของผับ ไอรินรู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก คืนนี้เธอใส่ชุดมินิเดรสเกาะอกสีดำ แต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าตามลุคของสาวสวยเฉียบ แต่ทว่าพอเดินทางมาถึงกลับรู้สึกไม่มั่นใจ กลัวหนุ่มรุ่นพี่ไม่ประทับใจกับการพบกันเป็นครั้งแรก
“พวกแกว่าฉันแต่งตัวดูดีรึยัง” ไอรินถามเพื่อน
“เลิศแล้วจ้า อีดอก”
เฟญ่าเบะปากใส่เพื่อนที่สวยเกินหน้าเกินตากะเทยอย่างเธอไปมาก ก่อนจะปรายตามองไปยังเพื่อนสาวอีกคนที่สวยไม่แพ้กัน แต่คืนนี้มาในลุคเรียบร้อยไปนิด
น้ำค้างแต่งชุดกระโปรงยีนสีดำ เสื้อสายเดี่ยวสีขาว คลุมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนพอดีตัว ซึ่งปกติจะแต่งแซ่บกว่านี้มาก
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” น้ำค้างเอ่ย
“หิวเหล้าเหรออีชะนี”
“เออ พูดมากน่ะอีเฟรม”
น้ำค้างเอ่ยเสียงเรียบพลางกระตุกยิ้มมุมปากหยอกล้อเพื่อนสาวสอง ก่อนจะเข้าไปสวมกอดแขนของไอริน พากันเดินเข้าไปในผับ
“ว้าย อีน้ำค้าง หล่อนอย่าพูดแบบนี้ในผับนะยะ เดี๋ยวผู้จะเตลิดกันหมด”
เฟญ่าแหกปากใส่เพื่อน รีบสับเท้าเดินตามเข้าไป
ไอรินสอดสายตามองหาโต๊ะที่หนุ่มรุ่นพี่นั่ง พอเห็นนายน์ระบายยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นส่งสัญญาณว่าเขานั่งอยู่ตรงมุมด้านในที่เป็นโซฟา ไอรินกับเพื่อนรักทั้งสองก็พากันเดินเข้าไปหา
และนั่นก็ทำให้น้ำค้างหยุดชะงักฝีเท้ายืนนิ่งอยู่กับที่ มองไปยังเพื่อนของนายน์ พลันถอนหายใจเลี่ยงสายตามองไปทางอื่น
“ซวยจริง ๆ”
เสียงแผ่วดังออกมาจากปากของน้ำค้างเมื่อพบคนที่ไม่อยากเจอ แต่เพื่อนของเธอก็ดันเข้าไปนั่งกันแล้ว จึงจำใจต้องหย่อนก้นนั่งลงตรงเบาะว่างด้านนอกสุด ซึ่งก็ได้นั่งประจันหน้ากับใครบางคนที่พอเห็นเธอก็กระตุกยิ้มส่งสายตาจ้องมอง
“แก พี่คนนี้...”
ไอรินเอ่ยกระซิบข้างหูของน้ำค้าง พอเห็นใบหน้าของหนุ่มหล่อที่นั่งข้างนายน์ เธอก็นึกขึ้นมาได้ เขาคือคนที่น้ำค้างเข้าใจผิดแล้วกระโดดถีบจนล้มไปกองกับพื้น
“เออ ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนกัน”
น้ำค้างเอ่ยตอบอย่างเสียอารมณ์ ก่อนมาเธอรู้สึกแปลกราวกับว่ามีลางสังหรณ์บางอย่างตั้งแต่ไอรินเอ่ยปากชวน ไม่คิดว่าอาการประหลาดที่เกิดขึ้น จะเป็นเพราะคืนนี้ต้องมาเจอหน้าคนที่ขโมยจูบแรกของเธอไป เกิดมายี่สิบปีเธอไม่เคยจูบกับใครเลยสักครั้ง คิดแล้วก็โมโหไม่หาย
“มาครับสาว ๆ คืนนี้ดื่มกันให้เต็มที่เลยนะครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
เสียงของนายน์เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นแก้วน้ำสีอำพันออกไปตรงกลางโต๊ะเพื่อชวนชนแก้ว นัดสาวมาทั้งทีก็ต้องใจป้ำกันหน่อย เขาเป็นสายเปย์อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับสาวสวยอย่างไอริน ยิ่งเปย์ได้ไม่อั้น
“หมดแก้วเลยนะครับน้องไอริน”
นายน์กระซิบข้างหูหญิงสาว ในรูปโปรไฟล์ว่าสวยแล้ว เจอตัวจริงยิ่งสวยและน่าค้นหาจนอดใจไม่ไหว แล้วเพื่อนของเธอก็สวยไม่แพ้กัน ขนาดคนเป็นสาวสอง ยังแทบมองไม่ออกเพราะเฟญ่าได้ทำศัลยกรรมมาแล้วทั้งตัว
“ค่ะพี่นายน์”
ไอรินขานรับน้ำเสียงหวานจ้องสบตากันหวานเยิ้ม ก่อนจะยกเหล้าดีกรีแรงขึ้นดื่มตามที่เขาบอก
หลังจากทุกคนแนะนำตัวและพูดคุยกันได้พอประมาณ น้ำค้างรู้สึกว่านายน์ดูเป็นคนอารมณ์ดี ชวนคุยเก่ง เวลาคุยกับผู้หญิงมักจะใช้น้ำเสียงสุภาพอ่อนหวาน ใบหน้าหล่อฉายแววเจ้าชู้ตั้งแต่แรกเห็น เพื่อนของเธอที่นั่งอยู่ข้างกันก็ออกอาการว่าถูกใจผู้ชายคนนี้มาก
ส่วนหนุ่มหล่อเงียบขรึมอีกคนที่มาด้วยกัน คืนนี้เขาดูหล่อเหลาสะดุดตาต่างจากวันแรกที่พบกัน ฉลามยกเหล้ากระดกลงคอส่งสายตาเปล่งประกายมองมายังเธอไม่หยุดราวกับมีแผนร้ายอยู่ในใจ
น้ำค้างเริ่มทำตัวไม่ถูกกับการถูกจับจ้อง ยกเหล้าขึ้นจรดริมฝีปากสีนู้ดชมพู เลี่ยงสายตามองไปยังหนุ่มหล่อสาวสวยทั้งหลายที่ออกมาดื่มและลุกขึ้นเต้นกันที่โต๊ะ บางส่วนก็เต้นกันอยู่ตรงหน้าดีเจที่กำลังสร้างเสียงเพลงมันส์ ๆ ท่ามกลางไฟหลากสีสะท้อนแสงวิบวับจนลายตา
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
น้ำค้างบอกเพื่อนก็ลุกออกจากโต๊ะทันที คืนนี้เธอไม่ค่อยได้พูดคุยกับใคร เพราะไอรินเอาแต่หลงเสน่ห์ของหนุ่มหล่อแทบจะลืมเพื่อนที่มาด้วยกัน ส่วนเฟญ่าก็มองหาแต่หนุ่ม ๆ แล้วแวะเวียนไปชวนชนแก้วไม่อยู่กับที่ ทำให้เธอนั่งเงียบเหงายกเหล้าขึ้นดื่มไปเยอะพอสมควร
น้ำค้างทำธุระเสร็จ ขณะเดินออกจากห้องน้ำเพื่อจะกลับไปที่โต๊ะก็มีมือของใครบางคนคว้าข้อมือของเธอโดยไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของหญิงสาวก็แนบชิดติดกับผนังในมุมมืดสลัว
“กรี๊ด พวกแก ดูทางนั้น”“นั่นมันหนุ่มฮอตวิศวะปีสามนี่”“มาหาใครกันนะ”“วาสนาผู้ใดน้อ”“นั่นสิ อยากรู้จังว่ามาหาใคร”เสียงซุบซิบของบรรดานักศึกษาสาวดังขึ้นขณะหันมองสองหนุ่มหล่อที่สวมชุดช็อปสีแดงเลือดหมูเดินตรงเข้ามาในโรงอาหารของคณะบริหารธุรกิจ พลันทำให้กลุ่มของน้ำค้างที่เพิ่งกินข้าวไปได้เพียงไม่กี่คำ ต่างก็เงยใบหน้าขึ้นแล้วหันมองตามเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยของน้ำค้างจะเบิกโพลงเมื่อสองหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ ทำเอาใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำราวกับทำตัวไม่ถูกแต่แล้วหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองคนก็เดินมือล้วงกระเป๋าเสื้อผ่านโต๊ะของพวกเธอไปราวกับไม่ได้อยู่ในสายตา“นั่นมันพี่นายน์กับพี่ฉลามนี่ เขามาหาใครอะ” เฟญ่าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนรู้จักสาขาการจัดการโรงแรม เป็นหนึ่งในสาขาของคณะบริหารธุรกิจ พวกเธอมักจะมากินข้าวที่นี่ทุกวัน แต่ไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อน เพราะคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็มีโรงอาหารของตัวเองเหมือนกัน“ก็คงมาหาผู้หญิงของเขาแหละมั้ง” น้ำค้างเอ่ยไม่เต็มเสียง ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อส่วนไอรินที่เป็นสาวคู่นอนของนายน์ได้มองตามแผ่นหลังของเขาพลางยิ้มเยาะให้กับตัวเอง เรื่องนี้เพื่อน
“โอ๊ะ บังเอิญจัง เจอคนรู้จัก”ฉลามเข้าไปในร้านก็สอดสายตามองหาหญิงสาวที่เข้ามาก่อนหน้า พอเห็นเธอนั่งอยู่ตรงมุมด้านข้างติดกับผนัง เลยถือวิสาสะเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างอีกตัว เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าระรื่นที่แห่งนี้คือคาเฟน้ำหอม ทั่วทั้งร้านถูกประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมีขนาดเล็กใหญ่คละกันไป มีแจกันดอกไม้แห้งวางอยู่ทุกโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ น้ำค้างชอบมาสั่งน้ำผลไม้และขนมเค้ก รวมทั้งอาหารก็ทำออกมาได้รสชาติดีไม่แพ้กับภัตตาคารใหญ่ เธอจึงมาฝากท้องที่ร้านนี้บ่อยครั้งและที่เธอชอบมากก็คือสไตล์การทำน้ำหอมจากดอกไม้แห้ง ที่มีกลิ่นเฉพาะและสูตรที่ปรับแต่งของร้านนี้ก็ส่งกลิ่นหอมได้ยาวนาน เธอมักจะซื้อติดมือไปวางไว้ที่คอนโด ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกทว่าความสุนทรีที่มีก่อนหน้าก็ได้มลายหายไป คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปม พร้อมกับใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจจ้องไปยังคนหน้าด้านที่หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ข้างเธอ“บังเอิญหรือตั้งใจกันแน่”“งั้นตั้งใจก็ได้ พี่ขอนั่งด้วยนะ”“มีมารยาทด้วยเหรอ ก่อนนั่งไม่เห็นจะถาม”หญิงสาวโต้กลับน้ำเสียงเรียบ ริมฝีปากสวยย
เช้าวันต่อมาชยันต์ได้โทรมาถามอาการของลูกสาว ต่อด้วยคำถามที่ว่าทำไมถึงกลับไปนอนคอนโด มันทำให้รู้ได้ทันทีว่าแม่เลี้ยงน่าจะบอกไปแบบนั้น น้ำค้างจึงจำใจต้องโกหกว่าเพื่อนเป็นห่วงจะมานอนด้วย เลยเลือกกลับไปนอนคอนโด เมื่อบอกไปดังนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อในช่วงบ่ายหมอก็ได้มาตรวจอาการ ผื่นตามตัวของเธอเริ่มบางลงกว่าเมื่อคืน อาการแน่นหน้าอกก็หายแล้ว หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ส่วนไอรินและเฟญ่าก็อยู่ดูแลเธอไม่ห่าง พอออกจากโรงพยาบาลก็พาไปส่งที่บ้านเพื่อกลับไปเอารถ เช้าวันจันทร์น้ำค้างก็ไปเรียนตามปกติหลังเลิกเรียนน้ำค้างแวะที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นตึกสามคูหาตั้งอยู่ถัดจากมหาวิทยาลัยไปเพียงไม่กี่หลัง เพื่อหาของกินไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่คอนโดน้ำค้างส่งมอบแซนวิชให้พนักงานก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อให้เขานำไปอุ่น ระหว่างนั้นเธอก็หยิบของกินอื่น ๆ ออกวางบนเคาน์เตอร์เพื่อรอคิดเงิน แต่แล้วก็มีมือของใครบางคนยื่นผ่านหน้าไป พร้อมกับวางกล่องถุงยางอนามัยลงบนเคาน์เตอร์ก่อนหน้านี้ฉลามกำลังขับรถออกจากมหาวิทยาลัย ดวงตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นสาวสวยกำลังเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ จึงตีไฟเลี้ยวเข้าข้า
ช่อผกากลับไปถึงบ้านก็ขึ้นไปหาสามีบนห้องนอน ดูท่าเขาคงจะร้อนใจอยากรู้อาการของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ชยันต์เห็นประตูห้องเปิดเข้ามาก็ลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปหาภรรยา“น้ำค้างล่ะ”“หนูน้ำค้างไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ หมอฉีดยาแล้วก็ให้ยาแก้แพ้กับยาทาผื่นคัน ตอนนี้กลับคอนโดไปแล้ว”“กลับคอนโด รถก็ยังอยู่ที่นี่ แล้วจะกลับยังไง”“เธอให้เพื่อนมารับน่ะค่ะ”ช่อผกาสวมกอดแขนผู้เป็นสามีพากันเข้าไปนั่งบนเตียง เงยใบหน้าอ่อนกว่าวัยแสดงสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมอง“คุณโกรธฉันไหมคะ”“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไร”“ก็ที่ฉันทำให้ลูกสาวคุณแพ้อาหาร ฉันขอโทษนะคะ ต่อไปจะจำให้ขึ้นใจว่าหนูน้ำค้างกินถั่วเหลืองไม่ได้”เธอว่าพลางซบใบหน้าออเซาะลงที่แผงอกของสามีเพื่อขอความเห็นใจ นับตั้งแต่คบกันจนกระทั่งแต่งงาน ชยันต์ไม่เคยหาเรื่องทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยสักครั้ง และครั้งนี้เธอก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น“ผมจะโกรธคุณได้ยังไง ก็คุณไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดมากเลยนะคุณช่อ ผมรู้ว่าคุณหวังดีกับน้ำค้าง”“ค่ะ ฉันจะไม่คิดมาก ขอบคุณคุณมากนะคะที่เชื่อใจ”เอ่ยจบรอยยิ้มมุมปากของช่อผกาก็เผยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แข็งกระด้าง*****คอนโดของนายน์ เวลาสี่ทุ่ม“อ๊ะ อ๊ะ
ในช่วงค่ำชยันต์เดินไปเคาะประตูเพื่อเรียกลูกสาวลงไปกินข้าวด้วยกัน มื้อนี้ทั้งสี่คนอยู่กันพร้อมหน้า ช่อผกานั่งอยู่ข้างสามีของเธอ ส่วนยิปโซก็นั่งฝั่งเดียวกับน้ำค้าง อาหารบนโต๊ะมีหลากหลายเมนูที่ภรรยาของเขาตั้งใจเตรียมเอาไว้อย่างสุดฝีมือ“น้าช่อตั้งใจทำของโปรดให้ลูกเลยนะ ลองชิมดู”ชยันต์ใช้ช้อนตักแกงเผ็ดไก่ให้ลูกสาว เขาจำได้ว่าน้ำค้างชอบให้แม่ทำเมนูนี้ให้กินอยู่บ่อยครั้ง แต่พอเขาแต่งงานใหม่แล้วรับช่อผกากับยิปโซเข้ามาอยู่ในบ้าน น้ำค้างก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทำเมนูนี้อีกเลย“ขอบคุณค่ะ”น้ำค้างจำใจตักเข้าปากเพื่อให้พ่อสบายใจ จะว่าไปรสชาติก็อร่อยดี แต่เห็นหน้าคนทำแล้วทำให้เธอหมดอารมณ์กินข้าว แต่ก็ต้องฝืนใจเพื่อไม่ให้พ่อลำบากใจที่เห็นคนในบ้านไม่ลงรอยกัน“เรื่องเรียนถ้ามีอะไรไม่เข้าใจหนูขอให้พี่น้ำค้างช่วยได้นะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน” ชยันต์เอ่ยกับลูกติดภรรยาใหม่“พอดีหนูมีคนช่วยติวแล้วค่ะคุณลุง”ยิปโซมักจะตั้งแง่กับน้ำค้างตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน แม่ของเธอมักจะพูดกรอกหูเป็นประจำว่าต้องทำตัวน่ารัก เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้รับตำแหน่งในโรงแรมที่สูงกว่าลูกสาวในไส้ของเขาแม้ว่ายิปโซจะไม
ฉลามกระตุกยิ้มจ้องมองหญิงสาวที่หลบสายตาเขาอยู่ตลอด ยกมือวนเวียนข้างพวงแก้มสีเลือดฝาด ทั้งสองยืนอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นของลมหายใจผสมกับกลิ่นเหล้า“ทำไมถึงไม่คุยกันเลยล่ะ ทำอย่างกับไม่รู้จัก”“ก็ไม่ได้อยากรู้จัก แล้วก็ช่วยขยับออกไปด้วย” น้ำค้างเอ่ยเสียงแผ่ว หลุบตามองต่ำ“แต่เราดันรู้จักกันแล้วนี่สิ ทำไงดี”หนุ่มหล่อยกยิ้มยียวน ส่งมือหนาเชยปลายคางสาวสวยเชิดขึ้นจ้องสบตากัน จากนั้นก็ส่งมืออีกข้างรั้งท้ายทอยของเธอเข้ามาใกล้“อื้อ”น้ำค้างส่งเสียงต่อต้านในลำคอพร้อมกับมือพยายามผลักไส เพียงชั่วครู่ก็เหมือนว่าเธอจะเผลอตัวคล้อยตามความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ได้รับ เผยอปากเปิดรับเอาลิ้นร้ายเข้าไปในโพลงปากหวานฉลามตวัดลิ้นสากต้อนลิ้นของสาวสวยแสนเย่อหยิ่งจนจนมุม ดูดดื่มเอาน้ำหวานที่คละเคล้ากับรสเหล้าลงคอ และดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานอารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ เผลอตวัดลิ้นหยอกล้อเขาอย่างไม่ประสาส่งผลให้ชายหนุ่มลมหายใจติดขัด ตัดสินใจผละริมฝีปากออกก่อนที่จะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ กระตุกยิ้มจ้องมองคนที่หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงและหลุบตามองต่ำ“หึ”เสียงแค่นหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้น้ำค้างได้สติ ช้อนดวงตาที่ไหว