LOGINเสียงที่คุ้นเคยนี้ทำให้เวินเยวี่ยเงยหน้าขึ้นมองโดยสัญชาตญาณ...จากนั้นก็สบตากับหลานซื่อ ผู้ที่เมื่อครู่นี้นางเพิ่งด่าทอด้วยความเกลียดชังนับพันครั้งว่า ‘หญิงชั่ว’ใบหน้าที่งดงามนั้นกำลังก้มลงมองนางอย่างยิ้มแย้ม สายตาเย็นเยียบราวกับบึงน้ำลึกอันหนาวเหน็บวินาทีนั้นเวินเยวี่ยราวกับถูกสายฟ้าฟาด หนังศีรษะพลันชาวาบไปทั้งหัว“อ๊ะ!”นางตกใจจนล้มลงไปกองกับพื้นข้าง ๆพอได้สติกลับมา ก็ทั้งกลัวทั้งโกรธในทันที“จู่ ๆ ท่านมาทำอะไรลับหลังข้า? ท่านเป็นบ้าหรืออย่างไร มาข่มขวัญใครที่นี่!”เวินเยวี่ยตะโกนเสียงดังกลบเกลื่อนความรู้สึกประหม่าในใจทว่าหลานซื่อกลับมีสีหน้ายิ้มก็ไม่ใช่ไม่ยิ้มก็ไม่เชิง “ข่มขวัญหรือ?”นางเปล่งเสียงยิ้มเยาะ “หากไม่ได้ทำผิด ก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร ดูจากท่าทางประหม่าสุดขีดของเจ้าแล้ว เกรงว่าเมื่อครู่คงแอบด่าทอข้าในใจไปไม่น้อยเลยกระมัง?”“ใคร... ใครด่าท่าน!”เวินเยวี่ยที่ถูกแทงใจดำเข้าอย่างจังพลันเด้งตัวลุกจากพื้นขึ้นมาแก้ตัวโดยสัญชาตญาณแต่พอนางได้สติอีกครั้ง ก็รู้ว่าคำแก้ตัวของตนเองไร้ประโยชน์สิ้นดี ทั้งยังดูน่าขบขันยิ่งนักสีหน้าของนางพลันเคร่งขรึมลงทันใด จากนั้นก็เปล่
อย่างไรเสียนางก็มีคนที่เอ้อถานหลัวต้องการไว้ในมือเช่นกันและในขณะนี้เอง จู๋เยวี่ยก็ปรากฏตัวข้างกายหลานซื่อ ‘นางตื่นแล้ว’หลานซื่อได้ยินดังนั้น ก็เข้าใจในวินาทีเดียว “เวินเยวี่ย? เหตุใดนางถึงตื่นเร็วเช่นนี้?”นางจำได้ว่ายาที่ตนเองใช้นั้นเพียงพอที่จะทำให้เวินเยวี่ยสลบไปได้สิบวันอย่างไรเสียก็เป็นผีดิบ ไม่กลัวว่าจะทรมานนางจนเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาแต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเร็วเพียงนี้?รวมช่วงเวลาที่รออยู่ด้านนอกราชสำนักด้วย นี่เพิ่งผ่านไปประมาณห้าวันเท่านั้น น้อยกว่าเวลาเดิมถึงครึ่งหนึ่งทีเดียวไม่รอให้จู๋เยวี่ยเอ่ยปาก หลานซื่อก็นึกอะไรขึ้นมาได้ พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “หรือจะเป็นเพราะร่างกายของนางตายไปแล้ว ประสิทธิภาพของยาจึงลดลงอย่างมาก?”หากเป็นเช่นนี้ ยาอื่น ๆ ก็เป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่?หลานซื่อเกิดความสนใจขึ้นมาทันที อยากจะทดลองดูบ้างในขณะเดียวกันนางก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลวงจีนชั่วเอ้อถานหลัวนั่นถึงได้จับตามองเวินเยวี่ย ของที่พิเศษเช่นนี้คุ้มค่าแก่การศึกษาค้นคว้าจริง ๆนางไม่รู้ว่าเอ้อถานหลัวต้องการศึกษาอะไรบนร่างกายของเวินเยวี่ย อย่างไรเสียนางเองก็อยากทดล
หลานซื่อยืนอยู่บนยอดเขา ทอดสายตาจากที่สูงลงไปมองดูกองทัพต่างเผ่าที่อยู่ห่างไกลนั้นเป่ยเฉินหยวนก็มองไปยังเวินเฉวียนเซิ่งที่ปะปนอยู่ในนั้นเช่นกัน “ตอนนี้เขาอยู่ในกองทัพต่างเผ่า คาดว่าคงไม่แยกตัวออกมาง่าย ๆ ให้ท่านมีโอกาสเข้าใกล้เขาหรอก”อย่างไรเสียเวินเฉวียนเซิ่งเองก็รู้ดีว่า หลานซื่ออยากฆ่าเขามากเพียงใดต่อให้เขามีแผนคิดร้ายต่อหลานซื่อใหญ่โตเพียงใด ก็ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่จะรับประกันความปลอดภัยในชีวิตของเขาได้ส่วนตอนนี้น่ะหรือ?หากกล้าออกจากกองทัพต่างเผ่านั้นแม้เพียงครึ่งก้าว เป่ยเฉินหยวนก็นับว่าเขามีความกล้าหาญเห็นได้ชัดว่าเวินเฉวียนเซิ่งไม่กล้า แต่สีหน้าของหลานซื่อกลับดูไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย“ไม่จำเป็นต้องให้เขาแยกตัวออกมา อันที่จริงคนที่ข้าต้องการตามหาก็ไม่ใช่เขา”ขอเพียงเวินเฉวียนเซิ่งปรากฏตัวก็พอแล้วหลานซื่อจึงส่งฝูงแมลงพิษออกไป มุ่งหน้าไปยังกองทัพต่างเผ่านั้นอย่างเงียบ ๆหลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนพาคนติดตามไปอย่างระมัดระวังตลอดทาง เดิมทีคิดว่าหลวงจีนชั่วผู้นั้นไม่ช้าก็เร็วจะต้องปรากฏตัว อย่างไรเสียตอนนั้นอีกฝ่ายก็ดูสนใจในตัวเวินเยวี่ยมากแต่นึกไม่ถึงว่า สามวันผ่านไป คนผ
หลานซื่อพึมพำประโยคนี้ด้วยสีหน้าเฉยชาหากไม่ใช่เพราะเวินฉางอวิ้น นางคงโยนเวินจื่อเยวี่ยออกไปนานแล้วอย่าว่าแต่ช่วยเขาเลย แค่นางไม่แทงเขาย้ำอีกสักดาบ ส่งเขาไปยมโลกก็ถือว่าคับอกคับใจพอแล้วเพราะ ‘พี่สามผู้แสนดี’ คนนี้ของนาง ตั้งแต่ต้นจนจบก็เบื่อหน่ายนาง เกลียดชังนาง อยากจะฆ่านางใจจะขาดแน่นอนว่า เวินจื่อเยวี่ยก็ได้ทำเช่นนี้จริง ๆเพียงแต่เจ้าโง่นี่มันโง่เขลาเกินไป หลงตัวเองเกินไปเท่านั้นเองตอนนี้หลานซื่อไม่คิดจะเสียเวลาลงมือกับเขาเลย ก็เพียงเพราะชีวิตของเวินจื่อเยวี่ยอยู่ในกำมือของนางแล้วเช่นกันนางอยากให้เขาตาย แต่ก็เพียงเสี้ยวความคิดเดียวที่ยังเก็บเขาไว้ ก็เพียงเพราะเป็นจอมโง่เขลาอีกคนหนึ่งหลานซื่อหันไปมอง ‘จอมโง่เขลาอีกคน’ ในกรงขังที่กว้างกว่าซึ่งอยู่ข้าง ๆชีวิตของเวินฉางอวิ้นถูกหลานซื่อใช้ยาสมุนไพรและน้ำทิพย์ยื้อเอาไว้ตั้งนานแล้วพลังวิญญาณในกรงขังที่เขาอยู่ก็พอ ๆ กับในมิติของหยกทั้งหมดดังนั้นบาดแผลที่ลำคอได้สมานกันนานแล้วมีน้ำทิพย์ มีพลังวิญญาณ ทั้งยังมีสมุนไพรล้ำค่ามากมายที่ใช้ไปกับร่างกายของเขาตามหลักแล้ว คนผู้นี้ควรจะตื่นได้ตั้งนานแล้วน่าเสียดายที่เขาดันไม่
เป่ยเฉินหยวนรู้สึกเสียความมั่นใจไปบ้างแต่บนใบหน้ากลับเผยสีหน้าที่สงบนิ่งเขามีใจอยากแต่ไม่กล้าทำอยู่แล้วแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด กลุ่มแมลงพิษที่เฝ้าอยู่ข้างกายหลานซื่อไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ มีเพียงเป่ยเฉินหยวนที่เข้าใกล้ได้จู๋เยวี่ยเข้าใกล้ได้ แต่กลับทำอะไรไม่ถูกเพราะดูแลคนไม่เป็น ไม่ใช่ป้อนโจ๊กไม่เข้าปาก ก็ทำน้ำหกเป่ยเฉินหยวนที่มองอยู่ข้าง ๆ ทนดูไม่ไหว ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก เข้าไปแย่งถ้วยโจ๊กมาถือไว้เอง ป้อนเข้าปากหลานซื่อทีละช้อนอย่างระมัดระวังและอ่อนโยนเมื่อนึกถึงฉากนั้น แก้มของหลานซื่อก็พลันแดงเรื่อขึ้นมาทันที“...ขอบคุณท่านอ๋องที่ดูแล หลายวันมานี้เสี่ยวหานไม่อยู่ จู๋เยวี่ยไม่ถนัดเรื่องเหล่านี้ ต้องรบกวนท่านอ๋องแล้ว โปรดอภัยด้วย”เป่ยเฉินหยวนแอบมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่แดงก่ำของนาง อดที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทั้งสองเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรู้กัน“ตอนนี้เสี่ยวหานยังอยู่ในมือของหลวงจีนชั่วนั่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ใด แต่คิดว่าคงจะอยู่รอบ ๆ ตัวเวินเฉวียนเซิ่ง”หลวงจีนชั่วนั่นกับเวินเฉวียนเซิ่งดูเหมือนจะบรรลุข้อตกลงอะไรกัน จึงได้คอยแอบปกป้องกั
หลังจากนั้นนางก็ข่มมันไว้ ไม่ไตร่ตรองให้ละเอียดหลังจากมอบหมายเรื่องที่เหลือให้เป่ยเฉินหยวนกับพวกแล้ว หลานซื่อก็ผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิงทั้งคณะหาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง เตรียมหยุดพักชั่วคราวสักสองวันก่อนหลานซื่อก็มีความคิดนี้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อจัดแจงสถานที่พักผ่อนของนางเรียบร้อย นางก็ล้มตัวลงนอนทันทีหลังจากนอนหลับอย่างเต็มอิ่มไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ ถึงได้สลัดความรู้สึกอ่อนล้าที่ฝังลึกนั้นออกไปได้ แล้วจึงค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มที่ไม่ได้กินอะไรเลยหลานซื่อกลับพบว่าตนเองดูเหมือนจะไม่ได้หิวเป็นพิเศษ พอขยับปากเล็กน้อย ในปากกลับมีกลิ่นหอมจาง ๆ ของโจ๊กมีคนป้อนโจ๊กให้นาง...ตอนที่นางหลับอยู่หรือ?หลานซื่อประหลาดใจเล็กน้อยหนึ่งคือไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนป้อนสองคือนึกไม่ถึงว่าตนเองจะหลับลึกถึงเพียงนี้ แม้แต่คนเข้ามาใกล้ป้อนอาหารก็ยังไม่รู้สึกตัวสักนิดหลานซื่อแตะริมฝีปากเบา ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าเข้าไปจัดแจงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในมิติครู่หนึ่ง ถึงได้เดินออกจากมุมเล็ก ๆ ในถ้ำแห่งนี้ทันทีที่นางปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ร่างของจู๋เยวี่ยก็ร่อนลงข้างกายนางทันที“เมื่







