เวินจื่อเยวี่ยทำสีหน้ารังเกียจเต็มประดา ส่วนเวินเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ กลับมิได้ผสมโรงไปกับคำพูดของเขานางเพียงจ้องเขม็งไปยังหลานซื่อที่แต่งกายปลอมเป็นชายในเวลานี้ ในสายตาปรากฏแววริษยาอันล้ำลึกขึ้นแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ เวินซื่อกับพวกไปสืบความล่วงรู้สิ่งใดมาหรือไม่? มิเช่นนั้นเหตุใดจู่ ๆ ถึงกลับมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย? ซ้ำยังทำลับหลังพวกเราอีก…”เวินเยวี่ยเอ่ยปากคล้ายเพียงถามด้วยความสงสัยเล็กน้อยเวินจื่อเยวี่ยฟังคำพูดของนางแล้ว ก็พยักหน้าเห็นด้วยทันควัน คิดว่าจริงตามนี้ “ต้องใช่แน่! เวินซื่อมีผู้คนรอบกายมากมาย อาจล่วงรู้อะไรบางอย่างลับหลังเรา แล้วไม่บอกพวกเราก็ได้!”เขาแค่นเสียงเย็นชา กอดอกยืนประจันหน้ากับคนกลุ่มนั้นด้วยอาการไม่สบอารมณ์นักเวินเฉวียนเซิ่งเพียงกวาดตามองทีหนึ่ง แล้วหันไปเรียกองครักษ์นายหนึ่งให้เข้ามาหา ก่อนโยนถุงเงินให้องครักษ์ผู้นั้น แล้วยังสั่งการอีกสองสามคำเวินจื่อเยวี่ยอยู่ใกล้ ย่อมได้ยินถ้อยคำที่เวินเฉวียนเซิ่งสั่งการองครักษ์ผู้นั้นอย่างชัดเจนพอเขาฟังจบ ก็เบิกตากว้างทันที “ท่านพ่อ พวกเราก็ต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของชาวต่างเผ่าด้วยหรือ?”ใช่แล้ว เวินเฉวียนเซ
หากว่ามีแล้วนั้นฝูงแมลงพิษที่ซ่อนเร้นในเงามืดจะตรวจจับได้ทันทีในเมื่อยังไม่พบสถานการณ์ใด ๆ ก็หมายความว่าตอนนี้นางยังไม่ถูกเปิดโปงเช่นนี้แล้ว นางเพียงต้องอำพรางตนสักหน่อยเท่านั้นแน่นอนรวมถึงเล่อตุนด้วยเล่อตุนก็เหมือนกับอวิ่นซิง แต่แรกนั้นเป็นคนของชางชิงหลาน หากมิใช่นางพาตัวเข้าสู่มิติแล้วพาหลบหนีไป ก็คงไม่มีน้องชายผู้เก่งกาจถึงเพียงนี้พอเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ หลานซื่อก็พลันตระหนักว่า...ทั้งราชาแมลงพิษที่เก่งที่สุดกับน้องชายที่ต่อสู้เก่งที่สุดของนาง แท้จริงแล้วชางชิงหลาน “มอบ” ให้นางทั้งนั้น!หลานซื่อพลันเอ่ย “ขอบคุณ” อยู่ในใจเงียบ ๆเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าเหตุใดชางชิงหลานถึงต้องลงทุนลงแรงเพื่อออกประกาศจับนางเพียงนี้เฮ้อ หากส่งราชากู่มาให้นางอีกสักตัวก็ดีสิไข่ราชากู่อีกาหมึกของเฒ่าป่าเถื่อนผู้นั้นนางยังอยากเก็บไว้ศึกษา เผื่อฟักตัวออกมาเป็นราชากู่หมึกอีกาที่ใช้งานได้จริงดังนั้นหากต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้อวิ่นซิง ก็ต้องเสาะหาราชากู่ตัวอื่นเพิ่มอีกหลวงจีนเฒ่าที่อยู่กับเวินเฉวียนเซิ่งคอยแต่หลบ ลับ ๆ ล่อ ๆ รับมือได้ยากแต่เห็นชัดว่าทำให้ชางชิงหลานมาหาถึงท
เหล่าแมลงพิษนับไม่ถ้วนกวาดไปทั่วถนนสายนี้อย่างเงียบงัน จากนั้นภายใต้คำสั่งนายหญิงของพวกมัน ก็สังหารพ่อค้าขายหมูเพชฌฆาตเหล่านั้นจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเมื่อผู้คนจากร้านค้าอื่นได้ยินเสียงและออกมาดู ก็เห็นศพเรียงรายบนถนน ทุกคนต่างตกใจจนขวัญกระเจิงทันทีไม่ใช่เพราะหวาดกลัวเมื่อเห็นศพแต่เป็นเพราะกว่าสิบศพนั้นตายอย่างน่าสยดสยองเกินไปหากจะเรียกว่าศพ สู้เรียกว่าซากกระดูกจะเหมาะกว่าเลือดเนื้อบนนั้นถูกแทะจนพรุนเกือบหมด ร่องรอยที่เหลืออยู่ยิ่งทำให้ซากกระดูกนั้นดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งและสิ่งที่ทำให้น่าประหลาดใจที่สุดคือ ซากกระดูกของพวกเขาล้วนถูกสับออกเป็นท่อน ๆเหมือนกับการขายเนื้อหมู ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนแผงขายเนื้อหมูของพวกเขาเองตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ทว่าเนื้อหมูที่เคยอยู่บนแผงกลับหายไปหากเวลานี้มีผู้ใดอยู่ในป่าทิศตะวันออกนอกตลาดการค้าชายแดน คงจะเห็นกองดินเล็ก ๆ กองหนึ่งโผล่ขึ้นมาใหม่ที่นั่นและหน้ากองดินเล็ก ๆ นั้นมีคัมภีร์สวดส่งวิญญาณเล่มหนึ่งวางอยู่โดยมีก้อนหินเล็ก ๆ ทับไว้......หลังจากจัดการพ่อค้าขายหมูบนถนนหมูเรียบร้อยแล้ว หลานซื่อก็พาพวกเขากลับโรงเตี๊ยมตลอดเส้นท
นางได้รับสารที่อวิ่นซิงส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วบอกว่าตรงแผงขายเนื้อหมูที่หัวมุมถนนมีสิ่งผิดสังเกตนางจึงพาเล่อตุนและเสี่ยวหานเดินมาพอมาถึงสายตาของนางก็สะดุดเข้ากับหนึ่งในประกาศมากมายที่แปะอยู่บนกำแพงข้างแผงขายเนื้อหมูเจ้านี้ ม่านตาของนางหดรัดลงในทันใดนี่คือ...ภาพเหมือนของนางหรือ?!สายตาของนางพลันมองไปยังบรรทัดอักษรต่างถิ่นที่อยู่ใต้ภาพเหมือนนั้นแม้นางไม่เข้าใจ แต่อวิ่นซิงกลับสามารถแปลความหมายให้นางได้เมื่อนางฟังจบ สีหน้าของนางก็ขรึมลงฉับพลันแทนที่จะเรียกว่าภาพเหมือนของนาง สู้เรียกว่าประกาศจับของนางจะดีกว่าสิ่งที่วาดไว้ในภาพ คือโฉมหน้าของนางตอนไปช่วยท่านปู่หลินและท่านลุงหลินที่อำเภอหลินเจียงผู้ที่เคยเห็นการแต่งกายของนางในครั้งนั้นและยังสามารถออกประกาศจับในดินแดนชาวต่างเผ่าแห่งนี้ได้ หลานซื่อแทบจะนึกถึงบุคคลหนึ่งขึ้นมาในทันใด...อ๋องชางแห่งราชสำนักต่างถิ่น ชางชิงหลานและยังเป็นนายเก่าของอวิ่นซิงด้วย[ชางชิงหลานอยู่ที่นี่หรือ?]หลานซื่อเอ่ยถามอวิ่นซิงโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับสัมผัสคลื่นอารมณ์ของมันอย่างถี่ถ้วนอย่างไรเสียก็เป็นนายเก่า เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่ออวิ่นซิง
“เล่อตุ้น ไปกันเถอะ”ให้เล่อตุ้นจัดการรายนี้เรียบร้อย ผลของการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นชัดเจนว่าดีมากหลานซื่อเหลือบมองแผงขายเนื้อหมูตรงหัวมุมถนน ก่อนจะเรียกเล่อตุ้นให้ออกไปจากที่นี่ด้วยกันพวกพ่อค้าขายหมูจากแผงอื่นทำได้เพียงมอง “เหยื่อ” เดินผ่านถนนสายนี้ที่พวกเขาอยู่ไปตาปริบ ๆ แต่ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือขัดขวางยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการล้างแค้นให้พ่อค้าขายหมูที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมผู้นั้นเลยจนกระทั่งหลานซื่อกับพวกเดินผ่านไปแล้ว ถึงมีพ่อค้าขายหมูซึ่งคับข้องใจนักเปิดปากพูดกับพ่อค้าขายหมูอีกแผงหนึ่งด้วยภาษาชาวต่างเผ่าว่า “เจ้าสอง จะปล่อยหมูสองสามตัวนั่นไปอย่างนี้หรือ?”“ก็ใช่น่ะสิ กว่าจะมาที่ทั้งนุ่มทั้งอวบมาหลายตัว แถมยังมาหาเองถึงที่”“ถ้าปล่อยให้พวกเขาเดินผ่านถนนหมูของเราไปโดยที่ร่างกายยังครบสามสิบสองล่ะก็ คนที่ถนนแกะไม่หัวเราะจนท้องแข็งก็แปลกแล้ว!”เมื่อมีคนหนึ่งทนไม่ไหวเอ่ยปากขึ้น พ่อค้าขายหมูคนอื่น ๆ ก็พากันโผล่หน้าจากหลังแผงขายเนื้อหมูอย่างอดใจไม่ไหว มีบางคนมองตามทางที่หลานซื่อกับพวกจากไปด้วยความเสียดายและละโมบ“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า?”พ่อค้าขายหมูที่ถูกคนอื่นเรียกว่า “เจ้าสอง” ปัก
สุนัขชั่วร้ายกำลังแทะกระดูกชิ้นใหญ่ที่อยู่กับปาก เคี้ยวส่งเสียงดังพลางจ้องมองหลานซื่อกับพวกที่ก้าวเข้ามาในถนนสายนี้ด้วยดวงตาแดงก่ำ“หมาไม่เอาไหน กินของในชามยังไม่พอ ยังอยากได้มื้อใหญ่เพิ่มอีกงั้นหรือ?”ผู้ที่จ้องมองหลานซื่อกับพวกเช่นเดียวกับสุนัขชั่วร้าย ยังมีพ่อค้าขายหมูที่เพิ่งสับกระดูกชิ้นใหญ่เสร็จและกำลังเล่นมีดทำครัวในมือเมื่อเห็นหลานซื่อกับพวกมองมาทางเขา เขาก็แสยะยิ้มทันที พวงแก้มใหญ่สั่นไหว ดูเป็นรอยยิ้มที่มีเจตนาแอบแฝงประมาณหนึ่ง“มองอะไร ขืนมองอีกทีข้าจะเชือดพวกเจ้ามาเป็นกับแกล้มเหล้าเสียเลย”สีหน้าของเสี่ยวหานพลันขรึมลงทันทีแต่นางยังไม่ทันโวยวาย หลานซื่อที่อยู่ด้านหน้าก็ก้าวเท้าเดินต่อไปแล้วเสี่ยวหานได้แต่ถลึงตาใส่พ่อค้าขายหมูผู้นั้น ก่อนรีบตามหลานซื่อไป“คุณหนูเจ้าคะ เรารีบไปจากที่นี่เถิด ผู้คนบนถนนสายนี้ดูไม่ค่อยปกติเลย”พอเสี่ยวหานพูดจบ เวินฉางอวิ้นที่เดินตามหลังมาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพยักหน้าตาม อยากเกลี้ยกล่อมให้หลานซื่อไปจากตรงนี้เสียเพราะอย่างที่เสี่ยวหานว่าไว้ บนถนนสายนี้ยังมีแผงขายเนื้อหมูแบบเดียวกับพ่อค้าขายหมูผู้นั้นอีกสิบกว่าเจ้าและแผงขายเนื้อ