“พี่หญิง!”ฟ่านจุ้ยนึกว่าหลานซื่อมาถึงแล้ว ก็พลันดีใจรีบรับแมงมุมน้อยตัวนั้นไว้แต่เมื่อลองสัมผัสอย่างละเอียด บริเวณรอบๆ นอกจากคนรับใช้สองคนที่ถูกเขาควบคุมไว้ที่นอกประตูแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีกเลยยังไม่ทันที่ฟ่านจุ้ยจะเผยสีหน้าผิดหวังออกมา แมงมุมน้อยในมือของเขาก็พลันเกาฝ่ามือของเขาเบาๆ ฟ่านจุ้ยมองดูอีกครั้ง ถึงได้พบว่าบนหลังของแมงมุมน้อยตัวนั้น ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ใช้ใยแมงมุมมัดไว้อยู่?เป็นกระดาษที่พับไว้!ฟ่านจุ้ยรีบวางแมงมุมน้อยลงบนโต๊ะ หลังจากหยิบกระดาษขนาดเท่าเล็บมือออกจากหลังของมันแล้ว พอเปิดออกดู ก็มีเพียงคำใบ้สองสามคำ[หลวงจีนชั่วต่างเผ่า แผนที่สมบัติ ชุยเหลียงเฟิง]ในบรรดาคำเหล่านั้น คำว่าแผนที่สมบัติถูกขีดฆ่าทิ้งเขียนออกมาแล้ว แต่กลับขีดฆ่าทิ้งหากเป็นคนอื่นอาจจะยังดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก แต่ฟ่านจุ้ยกลับเข้าใจในทันทีเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ หลวงจีนเฒ่าในห้องหนังสือนั่นเป็นคนที่พี่หญิงกำลังตามหาอยู่จริงๆ เพียงแต่ไม่คิดว่า หลวงจีนเฒ่านั่นไม่เพียงแต่มุ่งเป้ามาที่แผนที่สมบัติ แต่ยังมุ่งเป้ามาที่ชุยเหลียงเฟิงด้วยถึงแม้สองวันนี้ฟ่านจุ้ยจะอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกงตล
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ ”เอ้อถานหลัวพลันหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มือข้างหนึ่งลูบเคราขาวที่ยาวเหยียด ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย “ดี ดีมาก ต้นกล้าเช่นนี้เหมาะที่จะเป็นศิษย์ของอตมาอย่างยิ่ง!”ศิษย์หรือ?เวินเฉวียนเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่งตอนแรกเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดว่าตนเองอาจจะคิดอะไรผิดไป หมากตานี้เดินผิดไปแล้วหรือ?แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็พลันนึกถึงศิษย์ทั้งสองคนที่เอ้อถานหลัวกล่าวถึง โดยเฉพาะชุยเส้าเจ๋อที่ทำให้เขาประทับใจอย่างยิ่งหากศิษย์ที่เอ้อถานหลัวพูดถึงล้วนเป็นพวกที่กึ่งเป็นกึ่งตายเช่นนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แตกต่างจากแผนการของเขาสักเท่าไรนัก?“ถึงแม้จะเป็นสตรี แต่ข้าได้ยินมาว่านางได้เข้าสู่ประตูแห่งพุทธศาสนาบำเพ็ญเพียรนานแล้วมิใช่หรือ? เช่นนั้นก็ดีเลย ช่างเป็นวาสนาโดยแท้!”เอ้อถานหลัวไม่รู้ว่าเวินเฉวียนเซิ่งกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็กำลังจมดิ่งอยู่กับความตื่นเต้นของตนเอง“ขอเพียงท่านไต้ซือพอใจก็พอแล้ว”เวินเฉวียนเซิ่งเลิกคิ้ว “ขอเพียงท่านไต้ซือยินดีที่จะคุ้มกันข้าตลอดการเดินทางไกลครั้งนี้ ถึงเวลานั้น ไม่ว่าท่านไต้ซือจะต้องการอะไร ข
“ท่านมีแผนที่สมบัติหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงหรือ?”ทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือของเวินเฉวียนเซิ่ง เวินเฉวียนเซิ่งยังไม่ทันได้รินชาให้เขา เอ้อถานหลัวก็เข้าประเด็นทันทีเวินเฉวียนเซิ่งคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าหากข่าวเรื่องแผนที่สมบัติแพร่ออกไป ย่อมมีคนนั่งไม่ติดอย่างแน่นอนแต่เขาไม่นึกว่า แม้แต่หลวงจีนชั่วที่ดูลึกลับอย่างเอ้อถานหลัวผู้นี้ พอได้ยินเรื่องแผนที่สมบัติแล้ว จะรีบร้อนเช่นนี้หรือว่า แผนที่สมบัตินี้เป็นของจริง?ความคิดของเวินเฉวียนเซิ่งวนเวียนอยู่ในใจอย่างเงียบเชียบ“เหอะๆ ไม่นึกเลยว่าท่านไต้ซือจะข่าวสารว่องไวถึงเพียงนี้ ถูกต้อง เดิมทีในมือของข้ามีแผนที่สมบัติหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงอยู่จริงๆ”บนใบหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งประดับด้วยรอยยิ้ม หยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “เพียงแต่ในราชสำนักนั้น เพื่อรักษาชีวิตไว้ ข้าได้ถวายแผนที่สมบัติให้แก่ฝ่าบาทไปแล้ว บัดนี้แผนที่สมบัติไม่ได้อยู่ในมือของข้าแล้ว”พอเขาพูดจบ ก็เห็นบนใบหน้าของเอ้อถานหลัวปรากฏความเสียดายอย่างสุดซึ้ง พร้อมกับจิตสังหารที่แวบผ่านไปอย่างรวดเร็วเวินเฉวียนเซิ่งใจหายวาบ ยิ่งยืนยันว่าสิ่งที่คิดเป็นความจริงหลวงจีน
“ดังนั้น ฝ่าบาทจึงปล่อยเขาไปหรือ?”หลานซื่อนั่งอยู่ในหอคอยสูง มองดูกล่องของขวัญพระราชทานที่ถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้านาง แล้วฟังคำบอกเล่าของเป่ยเฉินหยวน สีหน้าของนางยากจะคาดเดา“ฝ่าบาททรงให้เวลาเขาครึ่งปี หากภายในครึ่งปีไม่สามารถตามหาหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงในแผนที่สมบัตินั่นได้ ก็จะทรงถอดถอนยศศักดิ์ของจวนเจิ้นกั๋วกง ลดขั้นลงเป็นสามัญชน และเวินเฉวียนเซิ่งก็จะถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยข้อหาหลอกลวงเบื้องสูง”หลานซื่อแค่นเสียงเย็นออกมาทันที“ท่านอ๋อง รบกวนท่านช่วยไปทูลฝ่าบาทแทนข้าด้วยว่า ข้าสามารถรักษาโรคหัวใจของไทเฮาให้หายขาดได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปตามหาเซียนหรือหมู่บ้านเซียนอะไรนั่น”นางต้องการเพียงให้เวินเฉวียนเซิ่งถูกตัดสินโทษ!“ได้ ข้าจะไปทูลให้”สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ เป่ยเฉินหยวนไม่ได้ห้ามนาง แต่กลับรับปากในทันทีเพียงแต่หลังจากที่เขารับปากแล้ว เขามองหลานซื่อที่กำลังโมโห ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ แล้วจึงค่อยๆ กล่าวว่า “ข้ามีวิธีที่สามารถทำให้ฝ่าบาททรงถอนรับสั่งนี้ได้ แต่ว่าอู๋โยว บางทีท่านอาจจะลองสงบสติอารมณ์ลงก่อนแล้วค่อยๆ คิดดูให้ดี ท่านแน่ใจหรือว่าจะยอมทิ้งโอกาสที่จะได้แก้แค้น
“เจิ้นกั๋วกงก่อกรรมทำชั่วสารพัด ความผิดมหันต์สมควรตายอย่างยิ่ง!”“เจิ้นกั๋วกงหลอกลวงเบื้องสูง สมควรถูกประหารชีวิต!”“เจิ้นกั๋วกงลอบสังหารธิดาศักดิ์สิทธิ์ โทษนี้มิอาจให้อภัยได้!”“เจิ้นกั๋วกง...”ไม่ว่าจะเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ของเป่ยเฉินหยวน หรือขุนนางฝ่ายบุ๋นที่เคยมีความเกี่ยวข้องกับสกุลหลาน ในเวลานี้ พวกเขาต่างกำลังทูลขออย่างแข็งขันเจิ้นกั๋วกงรวมกลุ่มเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ข่มขู่เบื้องสูง ใช้อำนาจล้นฟ้า โอหังมานานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้หนุ่มอย่างหมิงฉี่เฉียน หรือเหล่าขุนนางเก่าแก่บางคน ก็ล้วนสุดจะทนกับเขามานานแล้วบัดนี้ ก็ถึงเวลาที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วในตอนนั้นเอง“ฝ่าบาท!”เวินเฉวียนเซิ่งพลันโขกศีรษะเสียงดัง “ปัง” หน้าผากกระแทกลงบนพื้นกระเบื้องทองคำอันเย็นเยียบของท้องพระโรงจินหลวนอย่างแรงครั้งนี้รุนแรงจนหน้าผากของเขาแตกในทันที โลหิตไหลรินแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เพียงเผยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวออกมา แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหมิงฉี่เฉียนที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรที่อยู่เบื้องบน“ฝ่าบาท วันนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเตรียมการมาอย่างดี กระหม่อมมีร้อยปากก
“เจิ้นกั๋วกง บัดนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนและเหล่าขุนนางได้ยื่นฎีกากล่าวโทษว่า ท่านรวมกลุ่มเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ใช้ข่าวลือสร้างความเดือดร้อนแก่ราษฎร ข่มขู่เหล่าขุนนาง และความผิดอื่นๆ อีกหลายข้อหา และยิ่งไปกว่านั้น ม่อโฉวซือไท่ยังได้ยื่นฟ้องว่าท่านบงการให้ผู้อื่นลอบสังหารธิดาศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุครบครัน ท่านยังมีอะไรจะชี้แจงอีกหรือไม่?”ณ ท้องพระโรงภายในพระราชวังหมิงฉี่เฉียนแค่นเสียงเย็น มองเวินเฉวียนเซิ่งที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่างพลางเอ่ยถามเวินเฉวียนเซิ่งสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ จนถึงตอนนี้สีหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเขาประสานมือคารวะพลางเอ่ยขึ้น “ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณา กระหม่อมถูกใส่ความพ่ะย่ะค่ะ”“การที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ถูกทำร้าย กระหม่อมเองก็เจ็บปวดใจอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าตอนนี้ธิดาศักดิ์สิทธิ์จะมิใช่บุตรสาวสกุลเวินของกระหม่อมแล้ว แต่สายเลือดนั้นย่อมไม่อาจตัดขาดได้ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็ยังคงเป็นบิดาของนาง ขนาดเสือร้ายยังไม่กินลูกของตน แล้วกระหม่อมจะไปลอบสังหารบุตรสาวแท้ๆ ของตนเองได้อย่างไร?”เวินเฉวียนเซิ่งพลันหันไปมองทางฝั่งของเป่ยเฉ