แชร์

บทที่ 608

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“อุ๊บ!”

ความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้ไม่ได้เกิดขึ้น

แต่สิ่งที่ดังขึ้นมากลับเป็นเสียงหัวเราะเยาะที่ไร้เยื่อใย

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดูท่าทางขี้ขลาดของเจ้าสิ ตลกชะมัด”

หลินเนี่ยนฉือถือแส้ยืนห่างออกไปสามเมตร หัวเราะจนตัวงอ ซ้ำยังเอานิ้วชี้ไปที่เวินเยวี่ย ราวกับเห็นเรื่องตลกที่สุดในโลก

เวินเยวี่ยที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกแกล้งก็โกรธจนใบหน้าแดงก่ำเหมือนกับก้นลิงไม่มีผิดทันใด

นางอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว กระโดดออกมาระเบิดอารมณ์ในทันที “นังสารเลวกล้าเล่นกับข้าหรือ?!”

“ผัวะ!”

วินาทีต่อมา หลินเนี่ยนฉือก็หุบรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า แส้ในมือถูกสะบัดไปที่ตัวเวินเยวี่ยที่ไม่มีเวินจื่อเยวี่ยคอยกำบังโดยไม่ทันตั้งตัว

โอ้ไม่ใช่ ควรบอกว่าเป็นใบหน้าของนาง

เพราะแส้เดียวนี้ได้ฟาดอย่างรุนแรงจนใบหน้าครึ่งหนึ่งของเวินเยวี่ยเสียโฉม

“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ!”

เสียงร้องโอดโอยในครั้งนี้แม้แต่ชาวบ้านที่กำลังทำงานหนักห่างออกไปเป็นโยชน์ก็ได้ยินกันหมด

“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่คือเสียงอะไร?”

“ไม่รู้...”

หลังจากที่แต่ละคนมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นอะไรเลย ก็ก้มหน้าก้มเอวทำงานต่อไป

ในขณะนี้บนถนนใหญ่ เวินจื่อเยวี่ยกำลังมองดูใบหน้าที่โชกเลือดของเวินเย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 610

    “เหอะ พี่สาม ใครทำให้ท่านตกใจกลัว เยวี่ยเอ๋อร์ในสภาพนี้น่ากลัวมากหรือ?”เวินเยวี่ยหัวเราะออกมาโดยพลัน พยายามฉีกยิ้มมุมปาก ข่มเจตนาฆ่าในดวงตาเอาไว้ฆ่าไม่ได้อย่างน้อยก็ยังฆ่าไม่ได้ในตอนนี้หากฆ่าไปแล้ว บิดาต้องสงสัยนางเป็นแน่เดิมทีช่วงนี้บิดาก็ไม่พอใจในตัวนางเป็นอย่างมากอยู่แล้วดังนั้นต่อให้นางต้องการฆ่าก็ต้องหาเวลาที่เหมาะสมถึงขั้นที่ว่า ยังต้องใช้คุณค่าสุดท้ายของเวินจื่อเยวี่ยให้คุ้มค่าสักหน่อยไม่เช่นนั้น นางเสแสร้งต่อหน้าเวินจื่อเยวี่ยเป็นเวลานานเช่นนี้แต่กลับไม่ได้อะไรเลย มันจะขาดทุนขนาดไหน?หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เวินเยวี่ยก็ยกมือขึ้นแตะใบหน้าโชกเลือดของตัวเอง เผยความคับข้องใจออกมาเช่นเคยพลางเอ่ยว่า “อย่าบอกนะว่าพี่สามรู้สึกเยวี่ยเอ๋อร์เสียโฉมแล้ว ก็เลยไม่ชอบเยวี่ยเอ๋อร์แล้ว?”“จะเป็นไปได้อย่างไร! ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน!”เดิมทีเวินจื่อเยวี่ยยังสะดุ้งโหยงกับสายตาของเวินเยวี่ยเมื่อครู่นี้ แต่ทันทีที่เห็นการร้องไห้อย่างคับข้องใจก็เปลี่ยนคำพูดทันที “ผิดที่เมื่อครู่พี่สามตาลายเอง เห็นสายตาของน้องหกไม่ชัดเจน พี่สามขอโทษน้องหก น้องหกอย่าร้องไห้เลยได้ไหม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 609

    “เวินจื่อเยวี่ย!”หลินเนี่ยนฉือขึ้นเสียงอย่างดุดัน จ้องมองเขาแวบหนึ่งอย่างดุร้าย “อย่าเอาปากเน่า ๆ ของท่านมาพูดถึงอาซื่อของข้า อาซื่อของข้าดีกว่าพวกท่านสองคนเป็นพันเท่าหมื่นเท่า และนางไม่จำเป็นต้องมาพูดอะไรกับข้า เพราะข้าชอบเอาใจนาง ต้องการสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกท่านที่กล้ารังแกนาง!”“อีกอย่าง จงจำไว้ให้ดี ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”สายตาเย็นชาของหลินเนี่ยนฉือเลื่อนผ่านตัวเวินเยวี่ย นางเอ่ยยิ้มเยาะ “จากนี้ไปพวกท่านต้องซ่อนตัวสักหน่อยจะดีที่สุด ข้าบอกไปแต่แรกแล้วว่า หากพวกท่านกล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้าหนึ่งครั้ง ข้าก็จะทุบตีพวกท่านหนึ่งครั้ง”“ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เวลาใด ทุบตีถึงระดับไหนขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นข้ามีอารมณ์อย่างไร”และวันนี้ อารมณ์ของนางนั้นแย่มากดังนั้นจึงเอาใบหน้าของลูกสาวนอกสมรสคนนี้มาทำให้อารมณ์ดีสำหรับเวินจื่อเยวี่ยนั้น...“เพียะ! เพียะ! เพียะ!”หลินเนี่ยนฉือฟาดลงบนตัวเวินจื่อเยวี่ยอย่างแรงด้วยแส้อีกสามครั้งโดยไม่เกรงใจยิ่งเขาปกป้องเวินเยวี่ยได้ดีและแน่นหนาขึ้นเท่าใด นางก็ยิ่งตีเขารุนแรงมากขึ้นเท่านั้นแส้สุดท้ายฟาดลงไป เกือบทำให้กระดูกแขนของเขาแตก “เป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 608

    “อุ๊บ!”ความเจ็บปวดที่จินตนาการไว้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่สิ่งที่ดังขึ้นมากลับเป็นเสียงหัวเราะเยาะที่ไร้เยื่อใย“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดูท่าทางขี้ขลาดของเจ้าสิ ตลกชะมัด”หลินเนี่ยนฉือถือแส้ยืนห่างออกไปสามเมตร หัวเราะจนตัวงอ ซ้ำยังเอานิ้วชี้ไปที่เวินเยวี่ย ราวกับเห็นเรื่องตลกที่สุดในโลกเวินเยวี่ยที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกแกล้งก็โกรธจนใบหน้าแดงก่ำเหมือนกับก้นลิงไม่มีผิดทันใดนางอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว กระโดดออกมาระเบิดอารมณ์ในทันที “นังสารเลวกล้าเล่นกับข้าหรือ?!”“ผัวะ!”วินาทีต่อมา หลินเนี่ยนฉือก็หุบรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า แส้ในมือถูกสะบัดไปที่ตัวเวินเยวี่ยที่ไม่มีเวินจื่อเยวี่ยคอยกำบังโดยไม่ทันตั้งตัวโอ้ไม่ใช่ ควรบอกว่าเป็นใบหน้าของนางเพราะแส้เดียวนี้ได้ฟาดอย่างรุนแรงจนใบหน้าครึ่งหนึ่งของเวินเยวี่ยเสียโฉม“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ!”เสียงร้องโอดโอยในครั้งนี้แม้แต่ชาวบ้านที่กำลังทำงานหนักห่างออกไปเป็นโยชน์ก็ได้ยินกันหมด“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่คือเสียงอะไร?”“ไม่รู้...”หลังจากที่แต่ละคนมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นอะไรเลย ก็ก้มหน้าก้มเอวทำงานต่อไปในขณะนี้บนถนนใหญ่ เวินจื่อเยวี่ยกำลังมองดูใบหน้าที่โชกเลือดของเวินเย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 607

    แผ่นหลังของเวินจื่อเยวี่ยเมื่อครู่นี้ก็ถูกแส้เฆี่ยนหนึ่งครั้งเช่นกัน เจ็บปวดจนเขาสูดลมเย็นเข้าปากหากจะบอกว่าคนที่ใช้แส้ได้เก่งกาจที่สุดก็คือหลินเนี่ยนฉือหญิงผู้นี้นั่นเองแส้ในมือของนางอาจดูธรรมดาทั่วไป แต่ความจริงแล้วมันคืออาวุธที่สกุลหลินจ้างช่างใหญ่และใช้วัสดุพิเศษผลิตขึ้นมาเพื่อนางโดยเฉพาะ ดุดันยิ่งกว่าแส้กฎประจำตระกูลในจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขาเสียอีกดังนั้นแม้ว่าเขาและเวินเยวี่ยจะถูกตีจนผิวหนังเหวอะหวะ แต่หลินเนี่ยนฉือบอกว่าจะปรานี ก็ต้องปรานีจริง ๆเพราะหากนางใช้กำลังไปสิบส่วนจริง ๆ ทันทีที่ฟาดแส้ลงไป โอกาสที่จะตีกระดูกของพวกเขาหักก็มีสูงมาก!“หลินเนี่ยนฉือ เจ้าใจเย็นลงหน่อยได้ไหม?”เวินจื่อเยวี่ยกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด พูดกับหลินเนี่ยนฉือว่า “เจ้าไม่พอใจน้องหกตรงไหนกันแน่? เจ้าพูดออกมาสิ ทำไมจะต้องลงไม้ลงมือให้ได้? เป็นผู้หญิงด้วยกัน เหตุใดเจ้าต้องกลั่นแกล้งนางเช่นนี้?”“คำพูดแบบนี้ท่านควรไปถามน้องหกของท่าน ว่าตอนนั้นนางไม่พอใจอะไรในตัวอาซื่อของข้ากันแน่? พยายามบีบบังคับอาซื่ออย่างหนัก บังคับจนต้องออกบวชเป็นชียังไม่พอ ยังปล่อยให้พวกท่านรังแกนาง ดูถูกนางต่อไปอีก ถึงขนาดให

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 606

    “โอ๊ย!”เวินเยวี่ยร้องอุทานออกมาโดยพลัน ราวกับตกใจอะไรบางอย่าง พลางคว้าแขนของเวินจื่อเยวี่ยไว้ จากนั้นก็หันหลังแล้วกระโจนเข้าไปในอ้อมอกของเขา“พี่สาม พี่หญิงเนี่ยนฉือจะตีเยวี่ยเอ๋อร์อีกแล้ว เยวี่ยเอ๋อร์กลัว!”เวินเยวี่ยมีสีหน้าร้องไห้หวาดกลัว ร้องไห้ดั่งลูกสาลี่ตากน้ำฝน เห็นแล้วก็น่าเอ็นดูเวินจื่อเยวี่ยที่รู้สึกสงสารรีบเอื้อมมือออกไปปกป้องนางไว้ “น้องหกไม่ต้องกลัว มีพี่สามอยู่ พี่หญิงเนี่ยนฉือของเจ้าจะไม่มีทางตีเจ้าอีก”แม้ว่าเมื่อครู่เวินเยวี่ยจะพูดคำเหล่านั้นเพื่อยุแยงตะแคงรั่ว แต่ก็ไม่นึกว่าคำพูดปลอบโยนของเวินจื่อเยวี่ย กลับทำให้นางอดแสยะมุมปากไม่ได้ดวงตาท่านบอดหรืออย่างไร?ไม่เห็นหรือว่านางเฆี่ยนตีข้าต่อหน้าท่านไปแล้วหนึ่งครั้ง?ท่านกล้าพูดได้อย่างไรว่านางจะไม่ตี?เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่เพราะยังท่านมีประโยชน์อยู่เล็กน้อย ท่านคิดว่าข้าจะยังเก็บท่านไว้หรืออย่างไร?!เวินเยวี่ยกลัวว่าหลินเนี่ยนฉือจะลงมืออีกครั้ง จึงรีบคว้าเวินจื่อเยวี่ยไว้ ตัวเองซุกอยู่ในอ้อมอกของเขา ปล่อยให้เขาใช้ร่างกายกำบังให้ทำแบบนี้ นางอยากดูว่าหลินเนี่ยนฉือยังก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 605

    นั่นคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตแต่ตอนนี้ เขากลับถูกบังคับให้ลงนามในหนังสือถอนหมั้นด้วยตัวเองแล้วจะให้เขาทำใจยอมรับได้อย่างไร?!เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองหลินเนี่ยนฉือไม่วางตา “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ข้าจะไม่ยอมแพ้ในตัวเจ้า เจ้าเป็นคู่หมั้นของข้า แม้ว่าจะถอนหมั้นแล้ว แต่ชาตินี้เจ้าก็ต้องเป็นคนของข้าอยู่ดี!”เวินจื่อเยวี่ยล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอก แล้วยื่นไปตรงหน้าหลินเนี่ยนฉือหลินเนี่ยนฉือก้มหน้าลงมอง มันคือจี้หยกที่แกะสลักด้วยมือเวินจื่อเฉินเอง เป็นสิ่งยืนยันการหมั้นหมายในอดีตของพวกเขาด้วยหลินเนี่ยนฉือมองจี้หยกชิ้นนั้นที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่รอยร้าวยังคงเห็นได้ชัดมาก นางไม่ได้เอื้อมมือไปรับมา“แก้วแตกยากจะสมาน และหยกกับคนก็เป็นเหมือนกัน”หลินเนี่ยนฉือพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบแต่เวินจื่อเยวี่ยกลับเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าไม่เชื่อ”“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ท่าน ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ไม่ได้มาหาท่าน”ทันทีที่หลินเนี่ยนฉือพูดจบ สายตาก็เลื่อนไปหาเวินเยวี่ยที่อยู่ข้างกายเขาต้องบอกว่าเวินจื่อเยวี่ยมีความเข้าใจในตัวหลินเนี่ยนฉือในระดับหนึ่งดังนั้นเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 604

    สีหน้าของเวินเยวี่ยเปลี่ยนไปทันใด หลังจากได้ยินคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยเมื่อสักครู่และคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว นางก็กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วหันหน้าไป “พี่สาม แม่นางผู้นี้คือใครกัน? ทำไมพอนางมาถึงก็พูดจาเช่นนี้?”เวินจื่อเยวี่ยแนะนำให้นางรู้จักด้วยความดีใจ “นางก็คือหลินเนี่ยนฉือคู่หมั้นของข้า น้องหก เรียกนางว่าพี่หญิงเนี่ยนฉือเร็วเข้า”เวินเยวี่ยเผยสีหน้าท่าทางที่ดูไร้เดียงสาออกมา แล้วเรียกหลินเนี่ยนฉือ “พี่หญิงเนี่ยน...”“เอ๊ะ! ยังไม่ยอมหยุดพูดอีก!”เวินเยวี่ยยังเรียกไม่ทันจบ ก็ถูกหลินเนี่ยนฉือยกมือขึ้นเอาแส้ชี้พลางตัดบท “ใครเป็นพี่หญิงเนี่ยนฉือของเจ้า? อย่ามาเรียกมั่วซั่ว พี่น้องที่ดีของข้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คืออาซื่อ”“ส่วนเจ้า...”หลินเนี่ยนฉือมองพิจารณาเวินเยวี่ยขึ้นลงด้วยสายตารังเกียจ ก่อนจะเอ่ยอย่างดูถูก “ลูกสาวนอกสมรสอย่างเจ้า ยังไม่คู่ควร”ทันทีที่นางพูดประโยคนี้ออกมา เวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ยก็เปลี่ยนสีหน้าพร้อมกันเวินเยวี่ยดูคับข้องใจ “พี่หญิงเนี่ยนฉือ ต่อให้ท่านไม่ชอบข้า แต่ท่าน...เหตุใดท่านถึงพูดกับข้าเช่นนี้? เยวี่ยเอ๋อร์ดูเหมือนจะไม่เคยล่วงเกินท่านมาก่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 603

    “ขอรับ บ่าวรับทราบแล้ว”หลังจากหารือธุระจบแล้ว เสี่ยวหานกำลังจะส่งพ่อบ้านหลานกลับไป ในเวลานี้หลินเนี่ยนฉือก็เดินออกมาพอดี“ข้าไปส่งพ่อบ้านหลานแล้วกัน วันนี้ข้าจะเดินทางเข้าเมืองหลวงพอดี”“คุณหนูใหญ่หลิน”พ่อบ้านหลานประสานมือคารวะเวินซื่อถามด้วยความงุนงง “ทำไมวันนี้ถึงต้องเข้าเมืองหลวงอีก? เมื่อวานเพิ่งเข้าวังมามิใช่หรือ?”หลายวันมานี้โดยทั่วไปในทุก ๆ สองวัน หลินเนี่ยนฉือจะถูกไทเฮาเรียกตัวเข้าวังบางครั้งก็เข้าไปเพื่อเรียนรู้กฎเกณฑ์และพิธีรีตอง บางครั้งก็แค่ไปสนทนาเป็นเพื่อนไทเฮาเท่านั้นทุกวันนี้ในวังหลังมีคนอยู่ไม่มากนัก ไม่มีแผนการในวังที่สลับซับซ้อนเหล่านั้น บวกกับท่าทีอันมีเมตตาและเป็นมิตรของไทเฮาที่มีต่อนาง ได้ทำให้หลินเนี่ยนฉือรู้สึกเป็นสุขเช่นกัน“ไม่รู้สิ ไทเฮาไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร ถึงอย่างไรก็เรียกข้าเข้าไปในวังอยู่ดี”หลินเนี่ยนฉือยักไหล่ “สบายใจเถอะ คิด ๆ ดูแล้วก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ข้าจะรีบไปรีบกลับ”“ตกลง เดินทางปลอดภัย”เวินซื่อไม่ได้บอกให้นางกลับมาเร็ว ๆ เพราะถึงอย่างไรจากเมืองหลวงมาที่อารามสุ่ยเยว่ก็ค่อนข้างไกล บางครั้งถ้ารีบมาไม่ทันเวลา ไทเฮาก็จะให้หลิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 602

    ในขณะนี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าถึงแม้มดตัวน้อยของนางจะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจที่นางสั่งการให้สำเร็จได้ แต่พวกมันก็นำ “ของล้ำค่าชิ้นโต” มาให้นาง กำลังรีบวิ่งเข้าบ้านอย่างกระหืดกระหอบ…กลางอารามสุ่ยเยว่ในเวลานี้“แปลงสมุนไพรในจินโจวและลู่โจวได้ตระเตรียมพร้อมแล้ว เมล็ดพันธุ์สมุนไพรและต้นกล้าชุดแรกก็ได้ทำการปลูกแล้ว ตามที่ทางผู้ดูแลจงเอ้อร์ส่งจดหมายมา การเจริญเติบโตในปัจจุบันนี้ยังดีอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นก็ดี”เวินซื่อดูสมุดบัญชีในช่วงนี้ พลางเอ่ยถามไปด้วย “อ้อ ได้ยินมาว่าผู้ดูแลจงเอ้อร์เป็นน้องสาวของผู้ดูแลจง?”พ่อบ้านหลานพยักหน้า “ขอรับ เดิมทีบ่าวต้องการย้ายผู้ดูแลจงไป แต่ผู้ดูแลจงบอกว่าน้องสาวของนางเหมาะสมกว่านางขอรับ”“ผ่านการทดสอบแล้วหรือ?”“คุณหนูไม่ต้องกังวลขอรับ บ่าวทำการทดสอบแล้ว ผู้ดูแลจงเอ้อร์เหมาะสมกว่าผู้ดูแลจงจริง ๆ นอกจากการหัวสมองฉับไวแล้ว ฝ่ายนั้นยังมีความสามารถในการจัดการผู้คนอีกด้วย”จินโจวและลู่โจวอยู่ห่างไกล คนที่จะไปที่นั่นย่อมต้องการคนที่มีความสามารถสักหน่อยพ่อบ้านหลานก็มีความสามารถนี้ แต่เขาอายุมากแล้ว และต้องการอยู่ข้างกายเวินซื่อมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไปไม่ได้อยู

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status