“คนโง่ กล้าเล่นตุกติกต่อหน้าต่อตาข้าหรือ”เห็นได้ชัดว่าเวินเยวี่ยรู้ทันการละครที่ไม่แนบเนียนของเวินหย่าลี่ตั้งแต่แรก เพียงแต่นางไม่นำมาใส่ใจสักนิดเพราะยามนี้นางมั่นใจในวิชากู่และวิชาพิษของตัวเองมากนางยิ่งแน่ใจว่าภายในเมืองหลวง นอกจากตัวนาง ไม่มีใครสามารถช่วยชุยเส้าเจ๋อได้แน่นอนดังนั้นนางไม่กลัวสักนิดว่าเวินหย่าลี่กับจงหย่งโหวจะทำอะไรตรงกันข้าม ขอเพียงรอให้ทั้งสองทำทุกวิถีทาง ยามที่ไม่ว่าอย่างไรก็ช่วยชุยเส้าเจ๋อไม่ได้ สองสามีภรรยาจมสู่ความสิ้นหวังถึงจะถูกนางใช้งานได้ดีกว่าทว่าแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เวินเยวี่ยไม่ใช่คนใจกว้างปล่อยให้พวกเขาอะไรลับหลังนั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่จะไม่เล่นงานพวกเขาเลยคงเป็นไปไม่ได้“ความผิดที่พ่อแม่เจ้าก่อ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ลูกชายอย่างเจ้ารับกรรมไปเถอะ”เมื่อสิ้นเสียงเวินเยวี่ย สีหน้าของชุยเส้าเจ๋อที่นอนอิดโรยอยู่บนเตียงเปลี่ยนไปทันใด ใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด ร่างกายราวกับได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวกะทันหัน ดิ้นรนอยู่บนเตียงอย่างรุนแรง“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย!”วันนั้น เสียงร้องโหยหวนของชุยเส้าเจ๋อดังก้องไปทั่วจวนจงหย่งโหว“เด็กๆ”หลังจากเล่นงานชุยเส้าเจ๋อจนหน
“เส้าเจ๋อ! แม่มาเยี่ยมเจ้าแล้ว! เส้าเจ๋อ?”เมื่อเวินหย่าลี่เปิดประตูห้องชุยเส้าเจ๋อ มองเห็นคนที่ผอมจนเหลือแต่กระดูกนอนอยู่บนเตียง นางแทบล้มทั้งยืน“ลูกเอ๋ย!”เวินหย่าลี่เอ่ยเรียกด้วยเสียงเวทนา จากนั้นล้มลุกคลุกคลานไปถึงข้างเตียงชุยเส้าเจ๋อ ร้องไห้จนสะอึกสะอื้น“ท่านแม่...ท่านมาได้อย่างไร?”ชุยเส้าเจ๋อที่ซูบผอมมากได้ยินเสียงแม่ของตัวเอง จึงฝืนมีสติขึ้นมาบ้าง“เส้าเจ๋อ เกิดอะไรขึ้น? นางคน...เวินเยวี่ยนั่นทำอะไรกับเจ้าอีก? นี่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นสภาพเช่นนี้?!”เวินหย่าลี่แทบจะก่นด่าเสียงดัง แต่เมื่อนึกถึงวิธีการเหล่านั้นที่หญิงชั่วทรมานลูกชายตัวเอง นางไม่กล้าด่าทอออกมาด้วยซ้ำ ได้แต่ฝืนอดกลั้นไฟโกรธและความชิงชังไว้ สงสารลูกชายของนางที่ยังทุกข์ทรมานจับใจ“ท่านแม่ อย่าว่าเยวี่ยเอ๋อร์เช่นนี้ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ทำอะไรข้า นางกำลังช่วยข้า หากไม่ได้เยวี่ยเอ๋อร์สำแดงวิชาเซียน เกรงว่าลูกคงจะปวดตายไปนานแล้ว ท่านแม่ดูสิ ตอนนี้ข้าสบายดีมาก บนตัวไม่เจ็บปวดเลยสักนิด เพียงแต่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย รู้สึก...เหนื่อยเกินไป”วิชาเซียนบ้าบออะไรกัน!เวินหย่าลี่อยากจะสับเวินเยวี่ยเป
เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้คิดมาก เพียงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ไม่มีคนออกมาอะไรกัน เพียงแต่รู้ข่าวจากในวังตั้งแต่แรกเหมือนข้าก็เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ยอมเปิดประตู”เวินเฉวียนเซิ่งคิดว่าเป็นอย่างนั้นแต่ไม่รู้พ่อบ้านเป็นอะไร ในใจมักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ ช่างเถอะ อาจเพราะเขาคิดมากไปเองพ่อบ้านบอกตัวเองเช่นนี้อย่างเงียบเชียบแต่เขากลับไม่รู้ ขณะนี้ภายในจวนจงหย่งโหวเป็นดังที่เขาคาดการณ์ พิลึกอย่างมาก“เยวี่ย...เยวี่ยเอ๋อร์ เจ้าดูสิสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าสั่งให้คนไปซื้อมาให้เจ้าหมดแล้ว วันนี้...ให้ข้าพบเส้าเจ๋อได้หรือไม่?”ขณะนี้หากเวินซื่อมาอยู่ข้างกัน ต้องตะลึงกับภาพตรงนี้อย่างหาที่สุดไม่ได้ใครบ้างจะไม่รู้จักนิสัยของเวินหย่าลี่? ตอนแรกที่เวินเยวี่ยแต่งเข้ามา นางหาเรื่องรังแกเวินเยวี่ยสารพัดทว่ายามนี้ทำราวกับบ่าวรับใช้ ยืนอยู่ตรงหน้าเวินเยวี่ย เอาใจนางด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายเวินเยวี่ยยกมือกวาดผ่านเครื่องหยกมูลค่าแพง ส่องแสงประกายแวววาว ทว่าวินาทีต่อมานางกลับหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วขว้างลงพื้นอย่างแรง“พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!...”หลังจากขว้างชิ้นที่หนึ่ง
“ท่านพ่อ!”เวินฉางอวิ้นลุกพรวดทันที เขาพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เมื่อก่อนเรื่องที่ท่านลำเอียงน้องหกก็ให้แล้วไป แต่น้องห้าก็เป็นลูกในไส้ของท่าน เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของพวกเราเช่นกัน! ท่านพูดได้อย่างไรว่าจะสังหารนาง?!”“ทำไมจะไม่ได้!”ขณะนี้แววตาของเวินเฉวียนเซิ่งคมกร้าวสุดขีด ในแววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารเยือกเย็น “ทุกสิ่งของนางได้มาจากข้าเวินเฉวียนเซิ่ง หากไม่ใช่เพราะข้ามีจิตเมตตา เจ้านึกว่านางจะรอดมาถึงตอนนี้หรือ?!”เวินฉางอวิ้นได้ยินพลันตะลึง เขามองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างตื่นตระหนก “หมายความว่าอย่างไร? ท่านพ่อกำลังพูดอะไร?”อะไรคือมีจิตเมตตา?หรือท่านพ่อคิดจะฆ่าน้องห้านานแล้ว?“ย่อมหมายความตามที่พูด”ขณะนี้เวินเฉวียนเซิ่งไม่ปิดบังเจตนาฆ่าที่นางมีต่อลูกสาวในไส้อย่างเวินซื่อสักนิด เพียงข่มขู่เวินฉางอวิ้นเสียงเย็น “ฉางอวิ้น เจ้าเป็นลูกที่พ่ออบรมเลี้ยงดูด้วยตัวเอง เจ้าน่าจะฉลาดหน่อย อย่าทำให้พ่อต้องลำบากใจนัก”“ต้องรู้ว่าหากพ่อไม่เห็นแก่หน้าเจ้า เกรงว่าคงกำจัดลูกทรพีนั่นไปนานแล้ว แต่ใครจะไปคิด เก็บนางไว้จนถึงตอนนี้ นางกลับสร้างความยุ่งยากให้ข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”ยามนี้เวินเฉวียนเซิ่งโกรธแค้
ฮ่องเต้อยากฟัง เวินซื่อเองก็ไม่มีสิ่งใดไม่สะดวกเพราะอย่างไรฮ่องเต้เองก็อยากเห็นโจรเฒ่าอย่างเวินเฉวียนเซิ่ง ที่กุมอำนาจในราชสำนักมาหลายปีโดนโค่นและขายหน้าดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ เวินซื่อเชื่อว่าฮ่องเต้ยินดีที่จะได้เห็นมันเกิดขึ้นต่อมา เวินซื่อได้บอกเล่าแผนการของนางในห้องทรงพระอักษรให้หมิงฉี่เฉียนฟังเป็นไปตามคาดฮ่องเต้องค์นี้ดวงตาลุกวาวทันที พร้อมเอ่ยอย่างดีใจ “ดีๆ ๆ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเตรียมการเช่นนี้เอาไว้ ถ้าเป็นเช่นนี้คงทำได้”หลังหมิงฉี่เฉียนครุ่นคิด จึงเอ่ยกับเวินซื่อ “อีกเดี๋ยวเจ้าอยู่เป็นเพื่อนฮองเฮาให้มากหน่อย วันนี้ไม่ต้องรีบร้อนกลับอารามสุ่ยเยว่ เจ้ายึดจวนสกุลหลานในเมืองหลวงคืนมาแล้วไม่ใช่หรือ ค่ำแล้วก็ค้างแรมที่เมืองหลวงสักคืนเถอะ เพราะการว่าราชการในวันรุ่งขึ้นจะสายไม่ได้”ระหว่างที่พูดเขาหันมองเป่ยเฉินหยวน “เสด็จอาอย่าลืมจัดองครักษ์คุ้มกันธิดาศักดิ์สิทธิ์ให้ดี”เป่ยเฉินหยวนเลิกคิ้วพร้อมพยักหน้าคราวนี้ไม่มีคนนอก สีหน้าของเขาช่างเป็นธรรมชาติเสียเหลือเกิน“เมื่อเอ่ยถึงองครักษ์ ครั้งนี้การเดินทางไปชางโจวของธิดาศักดิ์สิทธิ์ มีอันตรายมากมาย ดังนั้นกระหม่อมอยากจะเสนอฝ่า
“ดังนั้นวันนี้ เราอยากตกรางวัลให้ผลงานของเจ้า ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ทรัพย์สินเงินทอง ที่ดินบ้านเรือน หรือของล้ำค่าหายาก ขอเพียงเราสามารถให้ได้ เจ้าว่ามาได้เลย”เมื่อได้ยินดังนั้น สองมือเวินซื่อพนมแล้วกล่าวอมิตตาพุทธ “ฝ่าบาทตรัสชมเกินไปแล้ว นี่เป็นหน้าที่ของอู๋โยว ซึ่งได้รับความรักจากฝ่าบาทและราษฎร ไม่กล้าเอามาเป็นผลงานของตนเองเพคะ”“แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เราอยากประทานรางวัลแก่ขุนนางมีคุณ ดังนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูงหมิงไม่ต้องปฏิเสธ”ได้ยินฮ่องเต้กล่าวดังนั้น เวินซื่อจึงครุ่นคิด แล้วเอ่ยขึ้น “ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่สำหรับอู๋โยวทรัพย์สินเงินทองไม่มีประโยชน์ ที่ดินบ้านเรือนไม่ใช่สิ่งที่อู๋โยวต้องการ เพียงแต่อู๋โยวมีสิ่งหนึ่งอยากขอร้อง ไม่ทราบฝ่าบาทจะช่วยสงเคราะห์ได้หรือไม่เพคะ?”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ว่ามาเถอะไม่เป็นไร”เวินซื่อหลุบตากล่าว “ฝ่าบาทเองคงทราบดี อู๋โยวมีนามทางโลกว่าเวินซื่อ ตั้งแต่ออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงสกุลเวิน อู๋โยวได้ตัดขาดกับครอบครัวเจิ้นกั๋วกงแล้ว หากยังใช้นามเวินซื่อ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ดังนั้นอู๋โยวขอฝ่าบาททรงอนุญาต ให้อู๋โยวเปลี่ยนเป็นแซ่หลาน เหมือนกับมารดาเพคะ”เมื่อได้ยิ