หน้าหลัก / รักโบราณ / หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว / 21 : นายท่านเมี่ยวผู้นี้ร่ำรวยหรือไม่

แชร์

21 : นายท่านเมี่ยวผู้นี้ร่ำรวยหรือไม่

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 23:22:51

21 : นายท่านเมี่ยวผู้นี้ร่ำรวยหรือไม่

          ตระกูลหลินกับตระกูลหยาง ต่างถูกเนรเทศมาอยู่ค่ายทหารเมืองเหลียงได้หนึ่งเดือนแล้ว สองสามวันแรกพวกเขาต่างได้รับคำสั่งให้ทำงานหนัก แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดขึ้น แม่ทัพเหลียนมีคำสั่งให้พวกเขา ทำงานตามความเหมาะสม และห้ามทหารในค่ายรังแกพวกเขาอีกด้วย

          แต่ใช่ว่าทหารทุกคนจะฟังคำสั่ง เมื่อรังแกพวกเจ้านายไม่ได้ ก็แอบทุบตีพวกบ่าวไพร่แทน พอรู้ถึงหูของแม่ทัพเหลียนทหารนายนั้นก็ถูกทำโทษในทันที จึงทำให้ทหารในค่ายไม่กล้าหาเรื่องพวกเขาอีก

          เรือนพักแม่ทัพเหลียน

          แม่ทัพเหลียนกำลังต้อนรับสหายเก่าแก่ผู้หนึ่งอยู่ในห้องรับรอง ทหารรับใช้รีบนำน้ำชามาต้อนรับแขก

          “เหตุใดนายท่านเมี่ยวถึงได้มาหาข้าถึงค่ายทหารได้ล่ะ”

          คหบดีเมี่ยว เมี่ยวป๋อหลิน ยกถ้วยชาขึ้นจิบอึกหนึ่ง “ชาดี ๆ” เอ่ยชมแล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ สีหน้าของชายชราแลดูไม่สดชื่น คล้ายมีบางเรื่องรบกวนจิตใจอยู่

          “นายท่านเมี่ยว มีอันใดก็เอ่ยมาตรง ๆ ท่านกับข้าคบหากันมานับสิบปี อย่าได้เกรงใจไปเลย” คหบดีผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองเหลียง ไหนเลยจะเคยแบกหน้าอันสิ้นหวังมาหาเขาเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ว่าพบเจอเรื่องใหญ่โตเข้าให้รึ

          “ขออภัยที่ต้องเอ่ยตามตรง เกรงว่าคงเสียมารยาทไปแล้ว เรื่องคุณชายหยาง” คหบดีเมี่ยวเอ่ยแล้วหยุดมองหน้าแม่ทัพเหลียนก่อน “ข้าได้ยินบ่าวไพร่พูดคุยกัน เลยให้พ่อบ้านไปสอบถามฮูหยินของท่านดู นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดแต่ให้ข้ามาถามท่านแม่ทัพแทน”

          แม่ทัพเหลียนมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เรื่องบุตรชายถูกมนต์ดำทำร้าย เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้มากนัก เหตุใดบ่าวไพร่จวนคหบดีเมี่ยวถึงได้รู้เรื่องนี้ด้วย เกรงว่าจะเป็นคนในจวนของเขาเสียเองที่เอ่ยออกไป

          “นายท่านเมี่ยวเชิญท่านเอ่ยมาเถอะ”

          “เรื่องจริงใช่ไหมท่านแม่ทัพ”

          “ถ้าเรื่องบุตรชายของข้า ใช่เรื่องจริง” เพราะหลังจากนั้นเขาได้ประกาศตัดขาดกับพี่สาวตัวเอง และจับกุมนักพรตสายดำมาลงทัณฑ์ เรื่องเหล่านี้คงไม่อาจเลี่ยง ไม่เป็นประเด็นขึ้นมาได้ หากคหบดีเมี่ยวอยากสืบหาความจริง ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

          “ความจริงแล้วฮูหยินรองของข้าก็มีอาการแปลก ๆ มาสักใหญ่ ๆ แล้วล่ะ หมอทั่วทั้งเมืองเหลียงต่างบอกว่า น้ำมันตะเกียงใกล้หมด ให้ข้าเตรียมทำศพรอ”

          พอได้ยินเรื่องทุกข์ใจของอีกฝ่าย ความขุ่นเคืองใจก่อนหน้าของแม่ทัพเหลียนก็บางเบาลง “ฮูหยินรองของท่านป่วยหรอกรึ”

          “จะว่าป่วยก็ใช่ แต่ไม่มีที่มาที่ไป จู่ ๆ นางก็ล้มหมอนนอนเสื่อ แล้วยังมีอาการหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ข้าจนหนทางแล้วจริง ๆ ถึงได้มาหารือท่านในวันนี้” สีหน้าทุกข์ระทมของคหบดีเมี่ยว คล้ายกับตัวของเขายามที่บุตรชายเกิดเรื่องขึ้น

          “ข้าจะลองให้คนไปถามนางดูก่อน”

          “ได้ ๆ ข้าจะรอข่าวดีที่นี่”

          นายกองลู่ถูกเรียกมาเข้าพบ และได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ไปยังโรงสมุนไพร พอไปถึงเขาเห็นหลินซือเยว่กำลังนั่งวาดยันต์อยู่ในเรือนของนาง บนโต๊ะมีขนมหวานหน้าตาสวยงาม เตาอุ่นกาน้ำชามีไอร้อนกรุ่นลอยบางเบา

          คุณหนูหลินเจ้าช่างสุขสบายนัก ไหนเลยจะเหมือนนักโทษคนอื่น

          แต่พอสายตาของเขามองเห็นยันต์สีเหลืองที่นางกำลังวาดอยู่ ใบหน้าก็ยิ้มแย้มขึ้นมาในทันใด “คุณหนูหลินข้านายกองลู่เอง”

          “เข้ามาสิ” หลินซือเยว่วาดยันต์เสร็จพอดี นางเงยหน้าขึ้นมองเขา

          นายกองลู่รีบรายงานเรื่องที่แม่ทัพเหลียนมอบหมายมาให้ และคำเดียวที่หลินซือเยว่ถามเขาก็คือ “นายท่านเมี่ยวผู้นี้ร่ำรวยหรือไม่”

          “คุณหนูหลิน ! นายท่านเมี่ยวคือผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเหลียง ค่ายทหารเมืองเหลียงอยู่ดีมีสุขทุกวันนี้ เพราะเงินบริจาคปีละสองแสนตำลึงของนายท่านเมี่ยวนี่แหละ”

          “เช่นนั้นตกลง !” นางลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องครู่หนึ่ง ก่อนกลับออกมาพร้อมกระเป๋าสะพายหลัง ไม่ลืมที่จะทิ้งข้อความบอกเผิงฉือไว้บนกระดาษว่า ข้าออกไปทำงานนอกสถานที่

          “เอ่อ คุณหนูหลินข้าขอซื้อยันต์แคล้วคลาดของท่านสักสองแผ่นได้หรือไม่”

          หลินซือเยว่หันมามองเขาเล็กน้อย “ข้าดูโหงวเฮ้งเจ้าแล้วปกติดีทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องพกยันต์”

          นายกองลู่พลันหน้าแดงก่ำขึ้น เอ่ยออกมาอย่างอาย ๆ “เป็นคู่หมั้นของข้าเอง หมู่นี้นางป่วยบ่อยไม่รู้เป็นเพราะอะไร”

          “ป่วยก็พาไปหาหมอสิ”

          “ที่บ้านของนางพาไปแล้ว กินยามาหลายวันไม่หายสักที”

          หลินซือเยว่กลอกตาใส่เขาเบา ๆ “เอายันต์รักษาโรคภัยไปก็แล้วกัน ข้ายังพูดเหมือนเดิมให้หาหมอเก่ง ๆ มารักษานาง ยันต์อย่างเดียวช่วยไม่ได้” แน่นอนยันต์รักษาโรคทำได้แค่ประคองอาการเจ็บป่วย ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ ต้นตอของโรคจำเป็นต้องให้หมอรักษาจริง ๆ

          “ขอบคุณมากขอรับคุณหนูหลิน” นายกองลู่ยื่นมือไปรับยันต์มาจากนาง กลับไปเขาต้องกำชับครอบครัวของคู่หมั้น ให้พานางไปหาหมอดี ๆ สักคนแล้ว จากนั้นรีบนำทางนางไปที่เรือนพักของแม่ทัพเหลียน

          คหบดีเมี่ยวมองแม่นางน้อยตรงหน้าคล้ายเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาหันไปมองหน้าแม่ทัพเหลียนอีกหน พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ว่าใช่ ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมาหารือผิดคนหรือไม่

          “คุณหนูหลินหากเจ้าช่วยได้ก็ขอให้ช่วย แต่หากช่วยไม่ได้ก็เอ่ยมาตามตรงอย่าได้ฝืน” แม่ทัพเหลียนเองก็ไม่รู้สถานการณ์ และไม่รู้ว่าความสามารถของหลินซือเยว่ นั้นมากน้อยแค่ไหน เขาเห็นนางปราบวิญญาณร้ายแค่หนเดียว แต่ฮูหยินรองของคหบดีเมี่ยวนั้น ใช่ผีจริงหรือไม่ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้

          คราวนี้หลินซือเยว่ได้นั่งรถม้าออกจากค่ายทหาร และเดินทางผ่านใจกลางเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน ไม่เหมือนจวนแม่ทัพเหลียนที่อยู่ในตรอกเงียบสงบ จวนคหบดีเมี่ยวนั้นอยู่ใจกลางความรุ่งเรืองของเมืองเหลียงก็ว่าได้

          สิงโตคู่ขนาดเสมือนจริงหน้าประตูของจวนคหบดีเมี่ยว ตัวอักษรเมี่ยวสีทองด้านบนนั้นดูเด่นเป็นสง่า บ่งบอกถึงความมั่งมีศรีสุขของผู้อยู่อาศัย หลินซือเยว่เปิดเนตรทิพย์ในทันที ก่อนหน้าไม่เคยคิดเอาดีด้านการปราบผีมาก่อน เน้นการรักษาผู้คนหรือไม่ก็แค่วาดยันต์กันภัย แต่เหตุใดหลังจากกลับเมืองหลวง นางถึงได้เกี่ยวข้องกับโลกความตายมากขึ้น

          แน่นอนว่าคนที่อยู่มาสามโลกเช่นนาง ย่อมมีความคิดขัดแย้งในตัวเองอยู่ไม่น้อย ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ชีวิตไหลเวียนไปตามที่มันควรจะเป็น

          “คุณหนูหลินถึงแล้วขอรับ”

          หลินซือเยว่กระโดดลงจากรถม้าด้วยตัวเอง เดินตามหลังคหบดีเมี่ยวเข้าไปภายในจวน ไม่ช้าก็มาถึงเรือนของฮูหยินรอง ตรงห้องโถงของเรือนมีฮูหยินของคหบดีเมี่ยวและบุตรสาวยืนอยู่ด้วย ถัดไปก็คงเป็นอนุและบุตรตัวน้อยของนาง

          ช่างอบอุ่นดีจริง

          “ท่านพี่แม่นางผู้นี้คือ” เมี่ยวฮูหยินมีใบหน้าอิ่มเอิบแลดูจิตใจดี คนผู้นี้สั่งสมบุญเอาไว้มากมายนัก

          “นางคือคุณหนูหลิน คนที่ช่วยคุณชายหยางเอาไว้ ข้าไปรับนางมาดูอาการของฮูหยินรอง เผื่อว่านางอาจไม่ได้เจ็บป่วยธรรมดาทั่วไป” คำพูดของคหบดีเมี่ยวเหมือนสงสัย ฮูหยินรองจะต้องมนต์ดำ จากใครสักคนในจวนเข้า

          ภรรยาและอนุของเขาต่างหันหน้าไปหากันในทันที พวกนางรู้ดีว่าฮูหยินรองผู้นี้ อายุยังน้อยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้น อ่อนหวานเอาอกเอาใจเก่ง ทำให้คหบดีเมี่ยวลุ่มหลง จนแทบไม่เหลียวแลเรือนอื่นอีก

          เสียงเอะอะโวยวายในห้องนอนดังขึ้น สาวใช้วิ่งกรูเข้าไปอย่างรวดเร็ว คหบดีเมี่ยวผายมือเชิญหลินซือเยว่เข้าไปในห้องนอนของฮูหยินรอง เหล่าคนที่อยู่ด้านนอกรีบถือโอกาสตามเข้าไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

          “ออกไป ! อย่าเข้ามา ! ออกไป !” ฮูหยินรองผู้นี้มีหรือจะหลงเหลือความงามอยู่อีก ผมเผ้ายุ่งเหยิงแววตาหวาดระแวงไปหมด

          “คุณหนูหลินเจ้าดูนางให้ที ว่านางเจ็บป่วยจริง หรือว่ามีสิ่งอื่นทำให้กลายเป็นแบบนี้ไป” คหบดีเมี่ยวนึกเวทนาฮูหญิงรองของตัวเองเหลือเกิน แม้ไม่ได้มีบุตรด้วยกันแต่เขาก็รักนางมากจริง ๆ

          หลินซือเยว่เดินเข้าไปใกล้ ๆ ฮูหยินรอง ที่ตอนนี้ปีนขึ้นไปบนเตียง มือไม้ผลักไสบางอย่างออกจากตัว คนอื่นอาจมองไม่เห็น แต่หลินซือเยว่กลับเห็นอย่างชัดเจน วิญญาณสตรีตั้งครรภ์นางหนึ่ง แม้ตายไปแล้วยังหลงเหลือความงามให้คนได้มองเห็น ท้องโตขนาดนั้นคงใกล้คลอดเต็มที น่าเสียดายที่ดันมาหมดวาสนาไปเสียก่อน

          “ฮูหยินรองของท่านไม่ได้ป่วย นางแค่โดนวิญญาณตามอาฆาต” สิ้นคำของหลินซือเยว่ วิญญาณนางนั้นก็ลอยตรงมาหานาง

          “แม่นางเจ้ามองเห็นข้าใช่ไหม” สีหน้าของนางวิงวอนขอความเห็นใจ

          หลินซือเยว่ทำเป็นมองไม่เห็นนาง หันไปทางที่ทุกคนยืนอยู่

          คหบดีเมี่ยว “วิญญาณอาฆาต ?”

          เมี่ยวฮูหยิน “คุณหนูหลินท่านอย่าได้เอ่ยวาจาเลื่อนเปื้อน จวนของพวกเราจะมีวิญญาณอาฆาตได้อย่างไร”

          เหล่าอนุและบุตรสาวของคหบดีเมี่ยวต่างพยักหน้าเห็นด้วย

          แต่คหบดีเมี่ยวกลับคิดไปอีกทาง “คุณหนูหลินเจ้ามีวิธีปราบวิญญาณร้ายนี่ เจ้าช่วยฮูหยินรองของเข้าด้วย”

          หลินซือเยว่ “นางไม่คู่ควร !”

          “เหตุใดเจ้าถึงได้กลับกลอกเช่นนี้ !”

          “ท่านพี่ค่อยพูดค่อยจากันเจ้าค่ะ” เมี่ยวฮูหยินไม่อยากให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน “ตอนนี้ฮูหยินรองกำลังต้องการการรักษาอยู่นะเจ้าคะ”

          “นางไม่คู่ควรอย่างนั้นรึ เจ้าลองบอกเหตุใดข้ามาสักข้อได้หรือไม่ หากเจ้ามีเหตุผลดี ๆ ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้เลย” ยามนี้คหบดีเมี่ยวเหมือนถูกไฟสุมทรวง สตรีรุ่นลูกนางนี้กล้าหักหน้าเขาต่อคนในจวนได้อย่างไร

          “ข้าเพียงบอกว่านางไม่คู่ควร ท่านก็เป็นเดือดเป็นร้อนถึงเพียงนี้ ดูเหมือนท่านจะลุ่มหลงฮูหยินรองผู้นี้มากเกินไปแล้ว”

          “นี่เจ้า !”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status