แชร์

20 : ข้าอยากทำงานที่โรงสมุนไพร     

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 23:22:36

20 : ข้าอยากทำงานที่โรงสมุนไพร     

          รุ่งขึ้นนักโทษสตรีที่มาใหม่ ถูกเรียกมารวมตัวกันหน้ากระโจม ทุกคนต่างหวาดผวาว่าจะถูกสั่ง ให้ไปทำหน้าที่นางบำเรอวันนี้เลยหรือไม่ แต่ทหารที่มาแจ้งข่าวนั้น กลับบอกว่าพวกนางไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป ให้ย้ายไปทำงานกับคนในตระกูลของตัวเอง

          เหล่าสตรีทั้งหลายพากันปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ มีเพียงหลินซือเยว่ที่ยืนสัปหงกอยู่เพียงลำพัง คล้ายว่านางนอนเท่าใดก็ไม่อิ่มเสียที

          "พี่สะใภ้ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” หลินจื่อรั่วหันไปเขย่ามือจูหวังลี่แรง ๆ

          “คุณหนูรองเรื่องจริงเจ้าค่ะ” อนุหลิวหันมายิ้มอย่างดีใจ

          “เก็บของแล้วตามทหารไปยังที่พักใหม่ของพวกเจ้า” ทหารผู้นำข่าวดีมาบอก ตะโกนให้ทุกคนออกไปเก็บของของตัวเองได้ “เจ้าว่าคนไหนคือคุณหนูหลินที่ท่านแม่ทัพให้ดูแลดี ๆ นะ” เขาหันไปกระซิบกับทหารคนด้านข้าง

          “คุณหนูที่ยืนอยู่คนเดียวด้านหลังนั่นไง”

          ได้ยินแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาหลินซือเยว่ “คุณหนูหลินขอรับ”

          หลินซือเยว่ “เจ้าเป็นใคร”

          “ข้านายกองลู่ ลู่เสี่ยวเฟิงขอรับ” เขากำหมัดคารวะหลินซือเยว่ด้วยความนับถือ หันซ้ายขวาก่อนเอ่ยเสียงค่อย “ท่านแม่ทัพให้ข้ามาคอยดูแลท่านขอรับ” นายกองลู่เป็นหนึ่งในทหารของจวนแม่ทัพเหลียน เขาได้รับมอบหมายมาให้ดูแลหลินซือเยว่เป็นพิเศษ ดีที่คนอื่นเข้าไปในกระโจมกันหมด จึงไม่มีใครสนใจเขาที่กำลังทำความเคารพหลินซือเยว่อยู่

          “เจ้าอย่าประเจิดประเจ้อได้ไหม ข้าจะอยู่ยาก”

          “ขอรับ ๆ”

          “กลับไปทำงานของเจ้าได้แล้ว” นางเอ่ยคล้ายรำคาญ แม่ทัพเหลียนผู้นี้ให้คนมาดูแลนาง หรือมาจับผิดนางกันแน่

          “ข้าไปแล้วขอรับ” ลู่เสี่ยวเฟิงรีบกลับไปยืนอยู่ที่เดิมของตน

          กระโจมพักหน่วยเสบียง

          เมื่อสตรีของทั้งสองตระกูลได้กลับไปหาครอบครัวของตัวเอง พวกนางต่างกอดกันร่ำไห้ด้วยความดีใจ ฮูหยินเฒ่าให้สะใภ้ใหญ่ยัดเงินทหาร เพื่อส่งข่าวให้บรรดาบุตรชายของตนได้รู้

          “คุณหนูกลับมาแล้ว” เผิงฉือตรงเข้าไปรับกระเป๋าเป้จากหลินซือเยว่ แววตาปริ่มไปด้วยความดีใจ

          เถียนฮูหยิน “เยว่เอ๋อร์”

          หลินซูฮวา “พี่รอง”

          จูฮูหยิน “เยว่เอ๋อร์”

          หลินซือเยว่ก้มศีรษะให้ทั้งสามเล็กน้อย “ท่านแม่ น้องสาม ท่านป้าจู”

          “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เถียนฮูหยินถามแบบกล้า ๆ กลัว ๆ นางเห็นสีหน้าของบุตรสาวอิดโรยยิ่งนัก เกรงว่าคำตอบที่ได้กลับมา จะทำให้หัวใจของนางแหลกสลาย

          “พี่รองท่านแม่เป็นห่วงพี่รองมาก นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกคืนเลย” หลินซูฮวาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าใสซื่อ นางแค่อยากให้พี่สาวรู้ว่ามารดาเป็นห่วงมากแค่ไหน

          “ข้าอกตัญญูทำให้ท่านแม่ต้องเป็นห่วง แต่วางใจเถอะข้าไม่ได้ถูกใครเอารัดเอาเปรียบหรอก”

          เถียนฮูหยินมองหน้าบุตรสาวคนโต ที่ยังฝืนยิ้มให้ตนเองเบา ๆ “เหตุใดเจ้าถึงดูเหนื่อยล้าเช่นนี้”

          “ข้าเพียงแค่นอนไม่อิ่มเท่านั้นเอง ท่านอย่าได้กังวลมากเกินไป”

          จูฮูหยิน “นางกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว ได้ข่าวว่าแม่ทัพเหลียนให้พวกที่มาใหม่ ทำงานที่ห้องครัวด้วยกันหมด แล้วโยกย้ายคนเก่าบางส่วนไปทำหน้าที่อื่น นับว่าพวกเรายังดวงดีอยู่”

          เผิงฉืออมยิ้มเล็กน้อย ไหนเลยจะมีเรื่องดีเช่นนี้ หากไม่ใช่ฝีมือคุณหนูของนาง

          นายกองลู่เดินมาทางหลินซือเยว่ พร้อมกับผายมือเชิญนางไปคุยกันที่ห่างไกลผู้คน หลินซือเยว่นึกเคืองอยู่ในใจ คนผู้นี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง

          “ข้าเกรงว่างานครัวจะไม่เหมาะกับคุณหนูหลิน ได้ข่าวว่าท่านมีความรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง ท่านสนใจจะไปทำงานที่โรงหมอของค่ายทหารหรือไม่”

          หลินซือเยว่นิ่งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่านายกองลู่ผู้นี้จะปรารถนาดีต่อตนเองจริง ๆ เหอะ ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายหรอก

          “เจ้าเอ่ยมาต้องการสิ่งใดตอบแทน”

          นายกองลู่เกาหลังคอเบา ๆ สีหน้าเก้อเขินเมื่อถูกจับได้ “คือว่าไม่รู้เป็นเพราะอะไร ช่วงนี้ข้าเคราะห์ร้ายตลอด เดือนก่อนเดินอยู่ดี ๆ ก็ตกหลุมขาเคล็ด สิบวันจากนั้นก็ตกน้ำที่ลำธาร ไม่นานมานี้ยังโดนม้าดีดจนต้องนอนพักไปหลายวัน คุณหนูหลินท่านพอจะมอบยันต์กันภัยให้ข้าได้หรือไม่”

          หลินซือเยว่ดูโหงวเฮ้งให้เขาพร้อมถอนหายใจเบา ๆ ออกมา “เมฆหมอกปกคลุมทั่วศีรษะเช่นนี้ โชคดีก็แปลกแล้ว เอาเป็นว่าข้าจะไปทำงานที่โรงหมอก็แล้วกัน ให้ป้าเผิงไปกับข้าด้วย”

          “ป้าเผิง ?”

          “นางชื่อเผิงฉือ นางหัวไวเรียนรู้ง่ายช่วยงานโรงหมอได้แน่นอน”

          “เช่นนั้นได้ขอรับ”

          หลินซือเยว่หยิบกันแคล้วคลาดออกมาสองแผ่น “ยันต์นั้นกันได้เพียงแค่ภัยภายนอก ตัวเจ้าเองต้องหมั่นสะสมบุญเอาไว้ด้วย หากได้ผลดีเจ้าก็หาเวลาว่าง ไปบริจาคน้ำมันตะเกียงในอารามเต๋าสักแห่ง”

          นายกองลู่รับยันต์ไปด้วยสีหน้าเบิกบาน “ข้าควรไปบริจาคน้ำมันตะเกียงที่ไหนดีขอรับ”

          หลินซือเยว่เงยหน้ามองฟ้า กวาดสายตามองไปรอบ ๆ “ทิศเหนือถัดไปราวสามลี้มีอารามเต๋าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ที่นั่นคู่ควรให้เจ้าไปเคารพบูชา”

          หลินซือเยว่ให้นายกองลู่ทำเป็นชี้ตัวเลือกนางกับเผิงฉือไปที่โรงหมอ โดยให้เหตุผลว่านางกับเผิงฉือมีความสามารถด้านนี้อยู่บ้าง โรงหมอกำลังขาดคนอยู่สองคนพอดี ทั้งคู่จึงเหมาะที่จะไปทำงานอยู่ที่นั่น

          เถียนฮูหยินนึกอยากร้องไห้ขึ้นมา แต่จูฮูหยินกลับเอ่ยปลอบว่า หลินซือเยว่ทำงานอยู่โรงหมอย่อมดีกว่าในห้องครัว พอคิดตามแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ อยู่โรงหมออย่างน้อยก็เรียนรู้สมุนไพร ช่วยรักษาอาการผู้ป่วยในแต่ละวัน ซึ่งยามนี้ไม่มีศึกสงคราม ไหนเลยจะต้องมาทำงานหนักเหมือนในห้องครัว

          “ท่านแม่ข้าจะแวะมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ” หลินซือเยว่เอ่ยเพียงเท่านั้นก็โค้งศีรษะให้มารดา เดินตามหลังนายกองลู่ไป

          โรงหมอค่ายทหารเมืองเหลียง

          ท่านหมออิน อินจิ้งเซียน บุรุษมากความสามารถวัยห้าสิบสองปีผู้นี้ เป็นผู้ดูแลหลักของโรงหมอในค่ายทหาร ค่ายแห่งนี้มีทหารราวสองแสนนาย มีโรงหมออยู่ทั้งหมดห้าโรง แยกย่อยไปตามแต่ละค่าย อินจิ้งเซียนคือผู้อยู่บนสุดของเรื่องการรักษา เขามีหน้าที่ดูแลโรงหมอหลัก ซึ่งเป็นโรงหมอใหญ่ที่สุดของค่าย

          โรงหมอสี่โรงมีหมอทหารอยู่ดูแลสองคน แต่มีผู้ช่วยทำการรักษายี่สิบคน และคนช่วยเก็บกวาดอีกห้าคน แต่โรงหมอหลักของท่านหมออินนั้น มีท่านหมอผู้รักษาทั้งหมดห้าคน ล้วนเป็นลูกศิษย์ของท่านหมออินทั้งหมด ส่วนผู้ช่วยทำการรักษามีราวสี่สิบคน และคนดูแลจิปาถะอีกสิบคน

          แน่นอนว่านายกองลู่เล่าให้ฟังระหว่างทาง นางจึงเข้าใจระบบงานทั้งหมด รู้สึกว่าตัวเองไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย กับพวกหมอยุคโบราณพวกนั้น จึงเอ่ยถามไปคำหนึ่งว่า “ที่นี่มีใครดูแลสมุนไพรสำหรับทำยา”

          “ท่านหมอหลี่ หลี่จางขอรับ”

          หลินซือเยว่ “ข้าอยากทำงานที่โรงสมุนไพร”

          นายกองลู่ “?”

          ท่านเอ่ยเช่นนี้ข้ามีหรือจะกล้าขัด

          ความจริงแล้วคนของโรงสมุนไพรไม่ได้ขาด แต่นายกองลู่ลอบเข้าไปบอกแก่ท่านหมอหลี่ ว่าเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพเหลียน

          ท่านหมอหลี่ “แม่ทัพเหลียนไม่เคยก้าวก่ายงานของโรงสมุนไพร เหตุใดคราวนี้ถึงได้ปฏิบัติผิดไปจากเดิม”

          นายกองลู่ยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

          “เอาเถอะคนก็มาแล้ว ข้าจะทำอันใดได้ จริงไหมคุณหนูหลิน” ท่านหมอหลี่หันไปทางหลินซือเยว่ เดิมทีเขาเป็นหมอที่มีอนาคต อายุเพียงสี่สิบปีก็ได้เข้าไปอยู่ในวังหลวง แต่หลังจากนั้นห้าปีเขากลับเจอเคราะห์หนัก ไม่สามารถรักษาอาหารป่วยของพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ได้ ทำให้พระนางยังนอนป่วยอยู่บนเตียงมาจนถึงทุกวันนี้ จึงถูกลงโทษให้มาดูแลโรงสมุนไพรอยู่ที่นี่

          หลินซือเยว่มองเห็นเส้นทางชีวิตแสนผกผันของเขา แต่ว่าบุรุษผู้นี้มีใบหน้าอิ่มเอิบ ประพฤติตัวดีโดยชอบ หนทางข้างหน้าย่อมเจริญรุ่งเรือง

          “คุณหนูหลิน” ท่านหมอหลี่เรียกชื่อนางย้ำ

          หลินซือเยว่หันมาทางเขา “ข้าชื่อหลินซือเยว่ ส่วนนี่เผิงฉือ ข้าเรียกนางว่าป้าเผิง จะมาทำงานในโรงสมุนไพรของท่าน” นางค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย เผิงฉือที่อยู่ด้านข้างก็ทำตามในทันที

          ท่านหมอหลี่นึกตำหนิในใจ ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าอยากฝากเนื้อฝากตัวกับข้า มีเพียงแค่บอกว่าจะมาทำงานที่นี่

          “ท่านหมอหลี่ คุณหนูหลิน ข้าต้องขอตัวกลับไปรายงานท่านแม่ทัพก่อนนะขอรับ”

          “ไปเถอะ” ท่านหมอหลี่โบกมือให้เขา จากนั้นก็พาสองนายบ่าวเข้าไปยังเรือนที่พัก

          เป็นเรือนไม้ขนาดเล็กมีสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องสุขา หลินซือเยว่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ อย่างน้อยก็มีสิ่งจำเป็นครบครัน ไม่ต้องอยู่ในกระโจมแออัดกับผู้อื่น

          “เดิมทีเป็นที่อยู่ของลูกศิษย์ข้า นางเพิ่งออกเรือนไปเมื่อเดือนก่อน เรือนแห่งนี้จึงว่างอยู่” ท่านหมอหลี่เปิดประตูเข้าไปในเรือน

          หลินซือเยว่ได้รู้ว่าโรงสมุนไพรแห่งนี้มีคนทำงานอยู่เพียงสามคนเท่านั้น ท่านหมอหลี่กับลูกศิษย์อีกสองคน รวมนางกับเผิงฉือก็เป็นห้าคนพอดี ดูไปแล้วพวกเขาคงไม่ได้ให้ความสำคัญกับโรงสมุนไพรแห่งนี้จริง ๆ

          “พวกเจ้าเอาของเข้าไปเก็บ แล้วตามข้าไปที่ลานตากสมุนไพร” เหมือนท่านหมอจะลืมเอ่ยบางสิ่งไป จึงหยุดแล้วหันกลับมา “สวมใส่เสื้อผ้าของโรงสมุนไพรด้วย”

          เผิงฉือรีบนำกระเป๋าของตนเองกับของหลินซือเยว่ไปเก็บไว้ในเรือน สักพักหนึ่งก็มีสตรีสูงวัยนางหนึ่งนำชุดประจำโรงสมุนไพรมาให้ นางชื่อหูหวังฟางอายุราวห้าสิบห้าปี ส่วนอีกคนที่เดินตามหลังมาคือกัวซูเมิ่งยังเป็นบุปผาน้อยวัยสิบห้าปี

          “เรียกข้าว่าป้าหูก็ได้ ส่วนนี่ซูเมิ่ง พวกเราสองคนมีหน้าที่ดูแลโรงสมุนไพรแห่งนี้”  หูหวังฟางพูดจานุ่มนวลเหมือนคนผ่านการอบรมมาอย่างดี ส่วนกัวซูเมิ่งนางขี้อายไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับผู้คน

          ชุดคนงานในโรงสมุนไพร เป็นผ้าป่านเนื้อหยาบสีเทา ต้องมัดรวบเส้นผมไว้ด้านหลังให้เรียบร้อย สวมหมวกกันเส้นผมหล่นลงบนสมุนไพร แต่เนื่องจากอยู่ในฤดูหนาว ที่นี่ไม่สามารถตากสมุนไพรกลางแจ้งได้ อีกทั้งแทบไม่มีสมุนไพรเข้ามาให้ตากด้วย หน้าที่ในตอนนี้จึงทำเพียงนำสมุนไพรเก่าออกมาอบไว้ให้ห้องอุ่น

          ท่านหมอหลี่ตั้งใจข่มนางด้วยชื่อสมุนไพรทั้งหมด แต่เขาต้องผิดหวังเมื่อหยิบอันแรกออกมา

          หลินซือเยว่ “หวงฉี”

          ท่านหมอหลี่หยิบอันที่สอง ...

          หลินซือเยว่ “กันเฉ่า”

          หลินซือเยว่ “ตังกุย”

          หลินซือเยว่ “ไฉหู !”

          “เจ้ามัน สอนไม่ได้ !” ท่านหมอหลี่เกือบจะปาไฉหูในมือใส่นางแล้ว เขาโกรธที่นางรู้จักสมุนไพรทุกตัว จึงหันหลังเดินจากไป และไม่สนใจไยดีนางอีก

          “อุ๊บ !” เหมือนมีใครบางคนกลั้นขำไม่อยู่ จากนั้นทุกคนในห้องสมุนไพรก็พากันหัวเราะออกมาดัง ๆ ป้าหูกับกัวซูเมิ่งอยู่ที่นี่มาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้เห็นท่านหมอหลี่จนมุมจนทำตัวไม่ถูก หลินซือเยว่ผู้นี้ช่างเปิดหูเปิดตาพวกนางเสียจริง

          หลินซือเยว่ “ข้าทำอันใดผิดหรือ” นางถามด้วยแววตาใสซื่อ

          เผิงฉือยังยิ้มไม่หุบ “คุณหนูไม่ผิดเจ้าค่ะ คุณหนูทำถูกต้องแล้ว”

          หลินซือเยว่ “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”

          ดูเหมือนงานที่นี่จะไม่มีอะไรให้ทำได้เลยจริง ๆ คงต้องรอให้ผ่านพ้นฤดูหนาวไปเสียก่อน นางถึงจะแอบขึ้นเขาไปสำรวจสมุนไพรดู

          การทำงานที่นี่ง่ายกว่าคิดเอาไว้ ท่านหมอหลี่เองก็ไม่ได้สนใจโรงสมุนไพรเท่าใดนัก ส่วนใหญ่เขาเอาแต่อ่านตำราศึกษาหาความรู้ อยู่ในห้องหนังสือของตนเอง มีกัวซูเมิ่งคอยรับใช้อยู่ใกล้ ๆ ส่วนงานในห้องอุ่นอบสมุนไพร ส่วนใหญ่ก็มีป้าหูกับเผิงฉือคอยดูแล มีหรือจะตกมาถึงมือของหลินซือเยว่ได้

          ช่วงนี้นางเลยมีเวลาว่างค่อนข้างมาก ลากตั่งตัวยาวในห้องนอน ออกมาวางตรงลานหน้าเรือน พร้อมกับเอนตัวลงตากแดด ที่นางไม่ได้เห็นมาราวครึ่งเดือนแล้ว “แดดเด็กดีเจ้าควรจะโผล่หน้าออกมาทุกวันนะ” นางหลับตาลงพร้อมลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอ

          หนึ่งชั่วยามต่อมา

          หลินซือเยว่บิดตัวไปมาหลังอาบแดดเต็มอิ่มแล้ว นางมองเห็นเผิงฉือยกหม้อดินอันเล็กออกมา ดวงตาประกายวาวขึ้นในทันที

          “คุณหนูเจ้าคะ วันนี้มีไก่ตุ๋นสมุนไพรเจ้าค่ะ”

          “หืมทำงานแค่เดือนเดียวก็มีไก่ตุ๋นสมุนไพรกินแล้วรึ” หลินซือเยว่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเผิงฉือจะมีความสามารถเช่นนี้

          “ข้าจ้างทหารที่ออกไปซื้อของในเมืองเหลียง ให้ซื้อของกินเข้ามาให้ เสียเงินไปตั้งสองตำลึงเชียวนะเจ้าคะ กว่าจะได้ไก่กับสมุนไพรมาตุ๋นให้คุณหนูกิน”

          แม้ว่าเมิ่งฮูหยินจะนำเงินหนึ่งพันตำลึงมามอบให้ภายหลัง เนื่องจากอาการของบุตรชายหายดีเป็นปกติแล้ว แต่เผิงฉือก็คือคนสนิทผู้มีจิตหวังดี อยากช่วยเจ้านายมัธยัสถ์

          “ในเมื่อจ้างแล้ว ได้ซื้อของอย่างอื่นกลับมาหรือไม่”

          “ซื้อสิเจ้าคะ คุณหนูพูดไว้ไม่มีผิดเลยเจ้าค่ะ ขอแค่มีเงินอยู่ที่ไหนก็ไม่ตกยาก” เผิงฉือยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ดีที่นางกับคุณหนูของนาง สามารถรักษาตั๋วเงินหลายพันบาทนั้นไว้ได้ “ไม่รู้หลินอ้ายใช้เงินเป็นหรือไม่ ไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย”

          หลินซือเยว่ตักน้ำสมุนไพรในหม้อขึ้น ใช้ลมปากเป่าเบา ๆ “ทางนั้นค่อนข้างลำบากเล็กน้อย”

          เผิงฉือ “คุณหนูจะช่วยพวกเขาหรือไม่”

          หลินซือเยว่ “สบายมาตั้งนาน ลองลำบากดูเสียบ้างจะเป็นไรไป” นางยกมุมปากคล้ายยิ้มไม่ยิ้ม ก่อนจะตักไก่ตุ๋นสมุนไพรเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

          เผิงฉืออดคิดไม่ได้ คนพวกนั้นสมควรแล้วล่ะ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   81 : ตอนพิเศษ 10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน (จบตอนพิเศษ)

    10 : พวกเขาเกิดมาคู่กัน หลินซือเยว่ชวนน้องสาวมาเยือนที่เรือน เพื่อเปิดโอกาสให้ฮู่ตงหยางได้พูดคุยกับนางบ้าง อย่างน้อยได้ทำความรู้จักพูดคุยกันก่อน ยามออกเรือนไปแล้วจะได้ไม่เขินอายกันจนเกินไป แต่นางได้เอ่ยกับบิดามารดาไปแล้ว ว่าให้หมั้นหมายกันไปก่อนหนึ่งปี เพราะยามนี้น้องสาวของนางเพิ่งอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดปีเอง แต่มารดาของนางกลับแย้ง ว่าอายุช่วงนี้กำลังเหมาะสม หากรอไปอีกหนึ่งปีฮู่ตงหยางก็สามสิบปีพอดี ในสายตาของผู้อื่นอาจคิดว่าอายุของทั้งคู่ไม่เหมาะสมกัน เพราะห่างกันร่วมสิบสองปี แต่ในสายตาของหลินซือเยว่ ฮู่ตงหยางอยู่ในวัยกำลังสร้างครอบครัวได้ มีแต่น้องสาวของนางนี่แหละที่เด็กน้อยเกินไป “น้องรอง” “เจ้าคะ” “เจ้าไม่คิดว่าองครักษ์ฮู่แก่ไปหรอกหรือ” หลินซูฮวาอมยิ้มเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ เขาดูแข็งแรงดี” “อ้อ เป็นข้าที่คิดมากไปเอง เจ้าดูเด็ก ๆ อยู่ตรงนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ข้ามีงานไปคุยกับท่านอ๋องก่อน” “ได้เจ้าค่ะ” หลินซูฮวาชอบที่ได้เล่นกับหลานตัวน้อยทั้งสอง พวกเขาเลี้ยงง่าย แค่ได้วิ่งเล่นไปมาก็มีความสุขแล้ว นางเองได้นั่งมองเด

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   80 : ตอนพิเศษ 9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล”

    9 : “เป็นเจ้านี่เองที่ว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล” หลินซูฮวาไม่ได้โง่ นางมองปราดเดียวก็รู้ ว่าคนตรงหน้าได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ช่วยด้วยวิธีไหนนั้นนางไม่แน่ใจ ภายในรถม้าที่นั่งกลับเรือนด้วยกันสองต่อสอง นางจึงได้ใจกล้าเอ่ยถามเขา “ท่านผายปอดให้ข้ารึ” ฮู่ตงหยางตัวแข็งทื่อหลังได้ยิน “คุณหนูหลินท่านรู้จักการผายปอดด้วยรึ” เขาถามเสียงค่อยคล้ายคนหมดเรี่ยวแรง “รู้จักสิ พระชายามาสอนคนที่จวนอยู่เหมือนกัน ข้าก็ได้เรียนรู้ด้วย” นางเม้มปากแน่น พวงแก้มค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา การที่เขาไม่ปฏิเสธย่อมหมายความว่าเป็นเรื่องจริง “คุณหนูหลินข้าล่วงเกินท่านแล้ว” ฮู่ตงหยางยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “หมายความว่าอย่างไร พระชายาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือชีวิตผู้คน ข้าไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยสิ” หลินซูฮวาบิดปลายนิ้วใต้แขนเสื้อสุดแรง “ตอนข้า เอ่อ ผายปอดท่าน มีชาวบ้านอยู่แถวนั้นกันหลายคน เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว” “องครักษ์ฮู่ท่านหมายความว่า มีคนเห็นท่าน” หลินซูฮวาหยุดพูด แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ๆ “เป่าลมเข้าปากข้ารึ” ถาม

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   79 : ตอนพิเศษ 8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !”

    8 : “เท้า ไม่ใช่มือ !” หลินซือเยว่จัดการเรื่องออกเรือน ให้สาวใช้สินเดิมทั้งสองเรียบร้อยแล้ว นางมอบของขวัญเป็นเรือนให้คนละหลัง พร้อมมอบกิจการร้านค้าให้อีกด้วย กระทั่งหนังสือขายตัวก็ฉีกทิ้งไป ปล่อยให้ทั้งคู่ได้เป็นอิสระในภายภาคหน้า “ข้าไม่เคยรู้ว่าเจ้าใจดีถึงเพียงนี้” เซวียนหมิงยู่โอบกอดนางจากด้านหลัง พร้อมหอมแก้มนุ่ม ๆ ของนางฟอดหนึ่ง “ยามเป็นโหย่วซิงเยียนพวกนางดีกับข้ามาก พอเป็นหลินซือเยว่ก็ตั้งใจเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพร ยามนี้เลยได้ใช้ประโยชน์บ้าง ต่อไปภายภาคหน้าหากเกิดการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนางก็สามารถรักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องหาหมออย่างเดียว” หลินซือเยว่ได้วางแผนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ให้แก่คนในจวนไว้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่มีเวลาได้ลงมือทำ “ข้าถึงได้ว่าเจ้าจิตใจดีอย่างไร” ไม่เพียงแต่กับบ่าวไพร่ในจวน กระทั่งชาวบ้านทั่วไปหลินซือเยว่ก็ใจดีต่อพวกเขา เซวียนหมิงยู่ได้รู้จากท่านหมอหลี่ ว่าพระชายาของตนได้ให้คนจากโรงสมุนไพร ออกไปถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานให้แก่ชาวบ้าน และสอนเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บเบื

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   78 : ตอนพิเศษ 7 : วาสนานำพารัก

    7 : วาสนานำพารัก หลินเต๋อให้คนไปเชิญพระชายามายังจวนของตน เพื่อหารือเรื่องสำคัญ ครั้นหลินซือเยว่ไปถึงก็ได้รู้ว่าพี่ชายของตนเอง กำลังจะมีข่าวดีเรื่องมงคล “ซีฮันสวมกวานมาหลายปีแล้ว สมควรคิดเรื่องออกเรือนได้เสียที” เถียนฮูหยินเป็นผู้เอ่ยเรื่องนี้ หลินซือเยว่รีบหันไปทางพี่ชายในทันที เห็นเขาใบหน้าแดงเถือกขึ้นอย่างชัดเจน นี่หมายความว่าไม่ปฏิเสธเป็นแน่แท้ “ท่านแม่หมายปองสตรีนางใดให้พี่ใหญ่หรือเจ้าคะ” “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวง ทำการค้าเหมือนกัน” “ท่านพ่อเห็นชอบว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางหันไปทางบิดาบ้าง ส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุณหนูผู้นี้มาก่อน “อืม คุณหนูใหญ่ผู้นี้ใช้ได้เหมือนกัน” หลินเต๋อย่อมเชื่อใจการมองคนของภรรยา หลินซือเยว่มองน้องสาวของตัวเองบ้าง เห็นนางพยักหน้าลงคล้ายพึงพอใจอยู่เหมือนกัน ทุกคนในบ้านล้วนพึงพอใจสตรีนางนี้ กระทั่งหลินซีฮันยังไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ “พี่ใหญ่ ท่านไปแอบดูนางมาแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างอ้าปากค้างหลังได้ยิน โดยเฉพาะเถียนฮูหยิน นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรชาย ไปแอบดูคุณหนูใหญ่ตระกูลหวงตอนไหน “ซีฮันนี่เจ้า

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   77 : ตอนพิเศษ 6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้”

    6 : “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” ยามนี้คุณชายกับคุณหนูทั้งสองอายุครบสองปี ทั้งคู่เริ่มเรียกชื่อบิดามารดาได้แล้ว อีกทั้งยังพูดคุยประโยคสั้น ๆ ได้บ้าง หลินซือเยว่ได้จัดงานแต่งให้สวีวั่งซูอย่างสมเกียรติไปเมื่อปีที่แล้ว ยามนี้ฮู่ตงหยางจึงกลายเป็นคนขี้อิจฉา ยามได้เห็นสหายรัก รีบร้อนกลับเรือนทุกครั้งหลังออกเวร พอหันกลับมาทางท่านอ๋องของตน แทบนึกช่วงเวลาเหลียงอ๋องผู้เกรียงไกรแทบไม่ออก เพราะยามนี้นั้น “บิน ๆ สูง ๆ” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของคุณชายตัวน้อย ท่านอ๋องของตนกำลังให้คุณชายขี่คอแล้วพาวิ่งไปรอบ ๆ ลานหญ้า ส่วนพระชายานั้นกำลังนั่งถักเปียให้คุณหนูด้านข้างมีเผิงฉือกับสองสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู่ “อี้เอ๋อร์อยากขี่ม้าใช่ไหม ได้ ๆ ตงหยางมานี่เร็ว !” “ท่านอ๋องคุณชายยังไม่ได้เอ่ยสักคำ” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่เข่ากลับคุกคลานลงบนพื้น ไม่ช้าคุณชายตัวน้อย ก็ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนหลังของเขา “คลานดี ๆ อย่าให้ลูกชายข้าหล่นได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฮู่ตงหยางก้มหน้าคลานไป ประคองคุณชายน้อยไปด้วย เขากลับมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ คุณชายน้อยส่

  • หลินซือเยว่ผู้นี้มีสามชะตาในคราเดียว   76 : ตอนพิเศษ 5 : แฝดชายหญิง      

    5 : แฝดชายหญิง หนึ่งเดือนต่อมา เผิงฉือนั่งมองพระชายาของนาง ที่กำลังจ้องที่ข้อมือของตัวเองอย่างเงียบ ๆ บางครั้งพระนางก็เอานิ้วไปแตะ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็แตะข้อมืออีกครั้ง เป็นอยู่เช่นนี้จนน่าสงสัย “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้แม่ครัวเคี่ยวน้ำแกงบำรุงร่างกายมาให้เพคะ” ลี่ถิงเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำแกง หลินซือเยว่หันไปค้อนนางแรง ๆ อย่างไร้สาเหตุ “พระชายาเป็นอันใดเพคะ” เผิงฉือเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ โบกมือให้ลี่ถิงรีบวางถ้วยน้ำแกงลง แล้วให้รีบออกไปให้เร็วที่สุด “ป้าเผิงข้าไม่สบายใจเล็กน้อย” นางถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา แววตามีความสับสนเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดที่ทำให้พระชายาไม่สบายใจหรือเพคะ หากบอกได้ก็เอ่ยออกมาเถอะ” เผิงฉือเข้าไปยืนอยู่ใกล้ ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางเล็กน้อย ดันถ้วยน้ำแกงออกไปให้ไกลตัว “ต่อไปข้าคงกินน้ำแกงบำรุงนี่ไม่ได้อีกแล้ว ฤทธิ์มันแรงเกินไป ไม่ดีต่อเด็กในท้อง” “เช่นนั้นหรือเพคะ” เผิงฉือค้างชะงักไปหลังตัวเองเอ่ยจบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status