Share

ตอนที่ 3 ฝันจากอดีต 1.1

last update Last Updated: 2025-08-27 16:13:51

ยุคปัจจุบัน

 มหานครปักกิ่ง

         คอนโดขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้ามีความสูงถึง 59 ชั้นตั้งอยู่ในเขตเฉาหยาง ของมหานครปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทวีปเอเชียและกำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกที่แม้แต่ทางโลกตะวันตกยังต้องเฝ้าจับตามองการเจริญเติบโตชนิดที่ว่าก้าวกระโดดทางด้านเทคโนโลยีอันทันสมัยล้ำยุค เจริญก้าวหน้าไปอย่างมีมีที่สิ้นสุด

         ภายในห้องพักอาศัยขนาดสามห้องนอน มีสมาชิกเข้ามาอาศัยพักอยู่ด้วยกันสามคนล้วนเป็นหญิงสาววัยแรกรุ่นกำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัยด้วยกันทั้งสิ้น หญิงสาวทั้งสามเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ยังเรียนระดับประถมและเติบโตมาพร้อมกัน จนกระทั่งต่างแยกย้ายสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยแต่ก็อยู่ภายในมหานครปักกิ่งทั้งสิ้น

         หวังจิวเซียน หญิงสาวในวัย 20 ปีลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ทางการเงิน กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทางด้านเศรษฐศาสตร์เพื่อรับช่วงต่อของกิจการตระกูลหวังครอบครัวเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีต้นๆ ของจีนที่มีทรัพย์สินมากมายหลายหมื่นล้าน

 เฉินเสวี่ยม่าน หญิงสาววัย 20 ปีเช่นกัน ครอบครัวเป็นนักการเมืองใหญ่เป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลเฉิน กำลังศึกษาในคณะประวัติศาสตร์ มีความไฝ่ฝันอยากเป็นนักโบราณคดีระดับแนวหน้าของโลก

 และลี่มี่มี่หรือมี่มี่ หญิงสาวในวัย19 ปี เพิ่งจะกำพร้าพ่อแม่ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองปีก่อน เธอศึกษาอยู่ภายในสถาบันศิลปะการแสดง วิชาเอกอุปรากรจีน และการจากไปของพ่อและแม่ทำให้ลี่มี่มี่เคว้งคว้างเป็นอย่างมาก 

 หวังจิ้นเค่อนักธุรกิจใหญ่บิดาของหวังจิวเซียน เอ็นดูและสงสารเพื่อนสนิทของลูกสาวที่พ่อแม่จากไปอย่างกะทันหันเช่นนั้น เขาจึงรับลี่มี่มี่มาอุปการะและให้พำนักอยู่ด้วยกันกับหวังจิวเซียนในคอนโดหรูดังกล่าว

 สามสาวมารวมตัวกันซึ่งลี่มี่มี่คือตัวแม่ของแก๊งนางร้ายที่ไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร เธอมีนิสัยประหยัดอดออมเพราะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง พ่อและแม่ของเธอเป็นเพียงข้าราชการที่มีฐานะปานกลางเท่านั้น จะซื้ออะไรที่อยากได้จะต้องทำงานและอดออมเพื่อแลกเงินจนเพื่อนร่วมแก๊งตั้งฉายาให้ว่านางพญาหน้าเงิน เพราะเธอทำทุกอย่างที่จะได้เงินแต่เป็นงานสุจริตเท่านั้น

 แต่เงินที่ได้มานั้นลี่มี่มี่ ไม่ได้แสวงหาความสุขใส่ตัวเองแต่อย่างใด และเธอทำทุกอย่างเพื่อรักษาบ้านซึ่งพ่อและแม่ยังผ่อนกับธนาคารไม่หมดเพื่อจะได้มีสิทธิครอบครองอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายของประเทศ ด้วยเหตุนี้ลี่มี่มี่จึงไม่รีรอที่จะหาขวยขวายหาเงินเพื่อผ่อนบ้านต่อจากพ่อและแม่แม้ว่าจะยังเรียนอยู่ก็ตาม

 ด้วยสถาบันศิลปะการแสดงที่ลี่มี่มี่กำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ เธอเลือกเรียนวิชาเอกอุปรากรจีนซึ่งทางรัฐบาลให้การสนับสนุนในส่วนการแสดงงิ้วเป็นอันดับแรก เป็นศิลปะวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและยกให้เป็นเอกลักษณ์ของแผ่นดินจีน 

 งิ้วปักกิ่งจัดได้ว่าดีที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ จะทำการคัดเลือกนักแสดงจากสถาบันการศึกษาที่มีความสามารถนำมาร่วมแสดงอยู่ในคณะงิ้วปักกิ่ง ซึ่งมีคิวการแสดงแน่นตลอดทั้งปีสร้างรายได้ให้แก่มี่มี่เป็นอย่างมาก

 และลี่มี่มี่เป็นหนึ่งในนักแสดงนำของคณะงิ้วปักกิ่ง รับบทเด่นเป็นตัวละครหญิงแต่ส่วนใหญ่จะเล่นบทนางเอกบู้ด้วยความสูงที่ 170 เซนติเมตรของเธอและดวงตากลมโตสวยเฉี่ยวแต่เวลามองใครจะมองอย่างดุดัน จิกแรง 

 ร่างระหงของลี่มี่มี่เวลาร่ายรำพร้อมถืออาวุธในมืออ่อนช้อยสวยงามมากจึงทำให้รับบทบาทนั้นเสียเป็นส่วนใหญ่ นานๆ จะรับบทนางเอกสาวสักครั้ง อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ในการแต่งหน้าเมคอัพเป็นอย่างมาก นอกจากจะแต่งหน้าแสดงงิ้วของตัวเองได้อย่างสวยงามและเพื่อนๆร่วมคณะด้วยแล้ว ยังสามารถแปลงโฉมตัวเองได้หลากหลายนับหลายพันหน้าเลยทีเดียว 

 ด้วยเครื่องสำอางในยุคปัจจุบันที่เอื้ออำนวยและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้ลี่มี่มี่แสดงฝีมือการแต่งหน้าที่หลากหลายลงในสื่อโซเชียลจนมีผู้ติดตามหลายล้านคน สร้างรายได้ให้เธอเป็นกอบกำตั้งแต่อายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น และนั่นทำให้หญิงสาวสามารถผ่อนบ้านของพ่อและแม่หมดสิ้น ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปีนับตั้งแต่จากไป

 ภายในห้องนอนของลี่มี่มี่เปิดหน้าต่างเพื่อรับลมในยามค่ำคืนและให้อากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวกเนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อน อากาศในมหานครปักกิ่งยุคปัจจุบันจะอบอ้าวเหลือจะกล่าวเลยทีเดียว แม้จะมีเครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ตามแต่เนื่องจากนางเป็นคนขี้งกจึงเลือกที่จะเปิดหน้าต่างรับลมแทนที่จะเปิดแอร์ที่กินค่าไฟอย่างมหาศาล

 ร่างระหงของหญิงสาวนอนหงายอยู่บนเตียงกว้างแต่เพียงลำพัง เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายกระจายเต็มหมอนหนุน เปลือกตาที่กำลังปิดสนิทอยู่ในขณะนั้นเริ่มกลอกกลิ้งไปมา เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้างามและเสียงพึมพำดังออกมาอย่างแผ่วเบา

 “เจินเจินเงียบไว้! อย่ากล่าวสิ่งใด..อย่า...อย่า”เสียงพึมพำทวนย้ำกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

 “ซือหม่าเยี่ยคัง! อย่าเผาข้า! อย่าฆ่าข้า! อย่า!...ช่วยด้วย!!!”เสียงร้องเรียกให้ช่วยดังก้องภายในห้องนอนดังกล่าวพร้อมเสียงของฝีเท้าของคนกำลังวิ่งมาทางห้องของเธอก่อนจะเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว

 “มี่มี่!!!”หวังจิวเซียนและเฉินเสวี่ยม่านต่างพากันร้องเรียกชื่อเล่นของเพื่อนรักออกมาพร้อมกัน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินแต่เสียงเรียกดังกล่าวแต่อย่างใด

 ร่างของสองสาวรีบตรงเข้าไปหาเพื่อนรักของพวกเธออย่างรีบร้อน ด้วยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือเช่นนี้จากเพื่อนสาวจนดังก้อง ได้ยินไปจนถึงห้องนอนของบรรดาเพื่อนๆ

 “มี่มี่ตื่น! มี่มี่ตื่นสิมี่มี่!!!”ทั้งสองพยายามส่งเสียงเรียกเพื่อนพร้อมเขย่าตัวไปมาอย่างแรง

 พรึบ! เปลือกตาที่ปิดสนิทพลันเปิดขึ้นทันใดด้วยแรงเขย่าของเพื่อนรักทั้งสองที่ช่วยกันปลุกให้เธอตื่นจากฝันร้าย

 พรืดดด!!! ลี่มี่มี่ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของหวังจิวเซียนและเฉินเสวี่ยม่านต่างพากันนั่งมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกหวาดกลัวกัไปบดวงตากลมโตที่แรงกล้าและเบิกกว้างอยู่ในขณะนั้น

 “มะ...มี่..มี่มี่...เธอเป็นอะไรฝันร้ายเหรอ...มะ..มี่มี่ทำไมมองพวกเราสองคนแบบนี้จำเสี่ยวเซียนกับเสี่ยวม่านไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ”หวังจิวเซียนถามเพื่อนเสียงตะกุกตะกัก

 ควับ! ดวงตาคมเฉี่ยวหันกลับไปมองเพื่อนสาวทั้งสองทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 “ว้ายยย! ตามี่มี่น่ากลัวเป็นบ้าเลยเสี่ยวเซียน”เฉินเสวี่ยม่านไม่พูดเปล่า

 ร่างค่อนข้างไปทางผอมกระโดดเข้าไปหลบอยู่ทางด้านหลังของหวังจิวเซียนด้วยความหวาดกลัวต่อสายตาของเพื่อนรักก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหลังกลับพร้อมโผเข้ากอดเพื่อนซุกตัวด้วยความกลัวเช่นกัน เมื่อลี่มี่มี่ยังคงนั่งจ้องหน้าเพื่อนสาวทั้งสองเขม็งราวกับถูกผีเข้าก็ไม่ปาน

 หากแต่เพียงครู่ดวงตาที่แข็งกร้าวและดุดันค่อยๆ อ่อนลงทันใดเมื่อหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว ดวงตาคู่สวยกลับมาเป็นลี่มี่มี่คนเดิมของเพื่อนๆ อีกครั้ง

 “เสี่ยวเซียน! เสี่ยวม่าน”เสียงเรียกเพื่อนสนิททั้งสองดังออกมาแผ่วเบา

 สองสาวแก๊งนางร้ายที่กำลังกอดกันแน่นด้วยความกลัวอยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าลี่มี่มี่พร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเธอทั้งสอง ครั้นเห็นดวงตาคมเฉี่ยวของเพื่อนรักมีแต่แววตาอ่อนโยนเช่นนั้น 

 “มี่มี่”เสียงร้องเรียกชื่อเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้มกว้างปรากฏออกมาก่อนจะรีบโผเข้าไปหา

 “มี่มี่ตัวจริงกลับมาแล้ว...เมื่อกี้เหมือนกับไม่ใช่เธอเลยนะราวกับเป็นคนละคนเลย”เฉินเสวี่ยม่านพูดพร้อมยกมือขึ้นตบแก้มนวลของเพื่อนสาวสลับไปมาทั้งสองข้าง

 “ใช่! ตาของเธอน่ากลัวมากมองพวกเราสองคนอย่างกับว่าถ้าฆ่าได้คงตายแน่ๆ เลยนะ ตกลงเป็นอะไร! หรือว่าฝันร้ายเห็นร้องเรียกชื่อใครก็ไม่รู้...อะไรคังๆ นี่แหละ”หวังจิวเซียนถามกลับไปด้วยความอยากรู้

 ลี่มี่มี่ได้แต่ส่งยิ้มให้กับเพื่อนสนิททั้งสองของเธอก่อนจะยกมือเสยผมยาวสีดำสนิทที่ตกลงมาปรกหน้าอยู่ในขณะนั้น ดวงตาสีอ่อนคู่สวยที่แข็งกร้าวและดุดันเมื่อครู่ที่ผ่านมาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดแต่กลับแฝงเร้นความเศร้าเอาไว้มากมาย

 “ฉันฝันร้ายแต่มันเหมือนจริงมากเลยเสี่ยวเซียน เสี่ยวม่าน และฝันเห็นมาแล้วหลายครั้งที่น่าแปลกก็คือ ช่วงสี่ห้าเดือนมานี้จะฝันเห็นจวนขุนนางเก่าในสมัยโบราณ เต็มไปด้วยศพคนถูกฆ่าล้างตระกูลไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน แรกๆ จะฝันเห็นภาพเลือนรางหลังจากนั้นเริ่มชัดขึ้น จนกระทั่งวันนี้ฉันฝันเห็นเด็กผู้หญิงสองคนถูกไฟคลอกตายในบ่อน้ำร้างของจวน ไฟลุกท่วมตัวเต็มไปหมดเลย”ลี่มี่มี่เล่าความฝันให้กับเพื่อนสนิทของเธอ

 ในขณะที่สองสาวเมื่อได้ยินความฝันดังกล่าวของลี่มี่มี่ต่างพากันหันกลับมามองหน้ากัน

 “ฝันร้ายจริงๆ ด้วย”สองสาวต่างพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

 “มันก็แค่ความฝันมี่มี่ไม่ใช่ความจริงเสียหน่อย”เสี่ยวม่านปลอบเพื่อนของเธอกลับไป

 “จะเป็นไปได้ไหมว่าเธอกำลังท่องบทละครใหม่ที่กำลังจะขึ้นแสดงครั้งล่าสุด รอบนี้เธอได้เล่นเป็นนางเอกไม่ใช่เหรอมี่มี่ ต้องท่องบทและร้องเยอะมากเลยไม่ใช่เหรอ บางทีเป็นเพราะซ้อมหนักก็เลยเก็บเอาไปฝันก็อาจเป็นไปได้นะ”หวังจิวเซียนบอกเพื่อนของเธอ

 “เรื่องความฝันในหอแดงนี้นะเหรอที่จะทำให้ฉันเก็บเอามาฝันร้าย ฉันแสดงเรื่องนี้มาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้วอีกอย่างเป็นเรื่องราวความรักในยุคราชวงศ์ชิงแต่ความฝันของฉันเกิดอยู่ในยุคหมิงของจักรพรรดิหย่งเล่อนะพวกเธอ ในความฝันเหมือนฉันกำลังเห็นตัวเองถูกไฟคลอกตายพร้อมกับน้องสาวเลย มันเจ็บปวดทรมานและโคตรแค้นจนบอกไม่ถูก”ลี่มี่มี่อธิบายให้เพื่อนของเธอฟัง

 อ้าว!!! สองสาวต่างเอ่ยออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินเช่นนั้นพร้อมเสียงของหวังจิวเซียนเอ่ยขึ้น

 “แล้วทำไมถึงคิดว่าคนที่ถูกไฟคลอกเป็นตัวเธอด้วยละมี่มี่ คิดไปเองหรือเปล่าเป็นไปไม่ได้หรอก”หญิงสาวทักท้วงเพื่อนด้วยเพราะเห็นต่างไปจากเพื่อนรักพร้อมเสียงของเฉินเสวี่ยม่านดังขึ้น

 “หรือว่าเธอระลึกชาติได้อย่างนั้นเหรอมี่มี่”หญิงสาวพูดพลางมองหน้าเพื่อนรักคล้ายรอคำตอบ

 ใบหน้าสวยคมเฉี่ยวของลี่มี่มี่ส่ายไปมาติดต่อกันเมื่อถูกถามกลับมาเช่นนั้น

 “ไม่รู้สิ! มันบอกไม่ถูกแต่ความรู้สึกบอกว่า กำลังมองตัวเองถูกไฟคลอกตายและเด็กที่อยู่ด้วยกันคือน้องสาวคนละแม่ของฉันชื่อเจินเจิน”เธออธิบายกลับไปพลางจ้องหน้าเพื่อนสนิททั้งสองเมื่อสายตาของคนทั้งคู่ต่างพากันมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

 “มี่มี่...นี่เธอรู้ขนาดนี้เลยเหรอแม้แต่ชื่อยังบอกออกมาได้ ทำไมชื่อจริงไม่รู้ไปเลยเล่ามีแต่ชื่อเล่นแบบนี้ใครๆ ก็พูดลอยๆ ขึ้นมาได้ทั้งนั้นแหละ”เฉินเสวี่ยม่านบอกเพื่อนรักก่อนจะได้ยินลี่มี่มี่พูดสวนกลับมาทันที

 “น้องสาวของฉันชื่อเจินเจิน ชื่อจริงหลินซูเจิน ส่วนฉันชื่อหลินลี่ชาหรือช่าช่า จวนขุนนางโบราณที่ฉันฝันเห็นอยู่ในยุคของราชวงศ์หมิงคือจวนตระกูลหลินของเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้ง เป็นพ่อของฉันแม่ฉันคือฮูหยินเซียวฉิงเซียง และไอ้คนที่ลงมือฆ่าฉันกับน้องก็คือซือหม่าเยี่ยคัง!!”ชื่อสุดท้ายลี่มี่มี่พูดกระแทกเสียงกร้าว

 สองสาวเพื่อนซี้พากันนั่งงงงันไปตามๆ กันเมื่อได้ยินลี่มี่มี่บอกรายละเอียดกลับมาได้อย่างชัดเจนเช่นนั้น

 “ว้าว! พ่นออกเป็นชุดเลยเสี่ยวม่าน ได้ยินเหมือนกันไหม”หวังจิวเซียนพูดพลางใช้ศอกสะกิดเพื่อน

 ในขณะที่เฉินเสวี่ยม่านพยักหน้าขึ้นลงเป็นการยอมรับ

 “ได้ยินแล้วไม่ต้องสะกิดเสี่ยวเซียน...ว่าแต่เธอแน่ใจนะมี่มี่ว่าไอ้ที่บอกมาเมื่อกี้คือความฝันเพราะคนที่กำลังพูดถึงมีตัวตนจริงๆ ในยุคแผ่นดินต้าหมิงนะเธอ”เฉินเสวี่ยม่านถามเพื่อนกลับไป

 ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นลี่มี่มี่มองหน้าเพื่อนสาวของเธอเขม็งจะว่าดีใจก็ไม่ใช่จะว่าเสียใจหรือก็เปล่า

 “เสี่ยวม่านชื่อของคนที่บอกเมื่อกี้มีตัวตน ในยุคราชวงศ์หมิงจริงๆ นะเหรอ”ลี่มี่มี่ถามกลับไปเพื่อให้แน่ใจ

 “เอ้า! ก็จริงอะดิ...จะไปหลอกทำไมแต่มันก็ไม่ทั้งหมดหรอกนะเพราะมีแค่หลินเหยียนเจิ้งกับซือหม่าเยี่ยคังเท่านั้นที่เอ่ยถึงในบันทึกประวัติศาสตร์ของยุคฮ่องเต้หย่งเล่อ ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวฉันคือว่าที่นักโบราณคดีชื่อก้องโลกในอนาคตนะยะเธอ”เฉินเสวี่ยม่านบอกเพื่อนรักกลับไป

 “โอเคแม่นักโบราณคดีใหญ่อย่ามัวแต่เพ้ออยู่เลย เล่าให้ฟังหน่อยจะได้ไหมว่าคนที่ชื่อหลินเหยียนเจิ้งเป็นใคร โดยเฉพาะคนที่ชื่อซือหม่าเยี่ยคัง ฉันอยากรู้ว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร ถึงได้ใจโหดลงมือฆ่าล้างตระกูลหลินจนล้มตายหมดแบบนั้น”ลี่มี่มี่พูดเสียงกร้าวเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด

 “เป็นเอามากเลยนะมี่มี่ทำไมถึงอยากรู้นักถามจริงเถอะ”หวังจิวเซียนถามกลับไป

 “ก็อยากรู้!”ลี่มี่มี่ตอบสวนกลับไปโดยไม่หันกลับมามองเพื่อนรักอีกคนแม้แต่น้อย

 หวังจิวเซียนถึงกับนิ่งงันไปทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทแปรเปลี่ยนกลับไปกลับมาแบบนั้น

 “มี่มี่มันท่องบทละครผิดเรื่องหรือเปล่า ตกลงเล่นเรื่องความฝันในหอแดงหรือสามก๊กกันแน่วะ ทำราวกับว่าเป็นจอมยุทธ์หญิงจะออกไปทำศึกร่วมกับโจโฉอะไรแบบนั้นเลย”หวังจิวเซียนคิดในใจพลางยกศอกสะกิดเฉินเสวี่ยม่านท่ามกลางสายตาของลี่มี่มี่

 “ตกลงจะเล่าไม่เล่าเสี่ยวม่าน”ลี่มี่มี่พูดพลางจ้องหน้าเพื่อนเขม็งเล่นเอาอีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ทัน

 “เออ...กำลังจะเล่าเดี๋ยวนี้แหละใจร้อนไปได้”เฉินเสวี่ยม่านพูดพลางนั่งคิดทบทวนความรู้ที่เธอศึกษาร่ำเรียนและบันทึกประวัติศาสตร์มากมายพร้อมเอ่ยขึ้น

 “คนที่ชื่อหลินเหยียนเจิ้ง ตามบันทึกบอกไว้ว่าเป็นหนึ่งในเสนาบดีใหญ่ที่ถูกฮ่องเต้หย่งเล่อมีรับสั่งให้ประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร โทษฐานความผิดไม่จงรักภักดีต่อพระองค์เพราะหลินเหยียนเจิ้งเป็นหนึ่งในสภาขุนนางของยุคฮ่องเต้เจี้ยนเหวินซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์หมิง ชีวิตของผู้คนตระกูลหลินถูกประหารชีวิตตามพระราชโองการทั้งหมด 228 ชีวิต ถ้านับรวมเก้าชั่วโคตรก็หลายร้อยคนหรืออาจจะถึงพันคนเลยเชียวละ แต่ก็มีอีกบันทึกบอกว่าตระกูลหลินแท้จริงแล้วถูกใส่ร้าย”

 “ถูกใส่ร้ายอย่างนั้นเหรอ!”ลี่มี่มี่พูดสวนขึ้นมาทันที

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 70 บทส่งท้าย (ตอนอวสาน)

    ห้าปีผ่านไป จวนตงฉ่าง จวนตงฉ่างในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กเล็กๆกำลังส่งเสียงหัวเราะไม่เว้นแต่ละวัน จวนตงฉ่างหรือจวนสกุลหลินในอดีตเต็มไปด้วยเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงันและความหดหู่ปกคลุมไปทั่วจวบจนกระทั่งจวนสกุลหลินได้กลายมาเป็นจวนตงฉ่าง ซึ่งเจ้าของจวนเป็นถึงผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร และจากเหตุการณ์ในอดีตซึ่งมีเรื่องราวสลับซับซ้อนได้ถูกเปิดเผย จนทำให้ล่วงรู้ว่าอดีตเสนาบดีเกาจิ้งหยวนเจ้ากรมคลังและอดีตเสนาบดีหลินเหยียนเจิ้งเจ้ากรมพลเรือน แท้จริงแล้วคือขุนนางผู้ภักดีแต่ความภักดีนั้นกลับทำให้เกิดเรื่องน่าสลดเพราะถูกให้ร้ายจากคนโฉด และมลทินทั้งหลายได้ถูกชะล้างไปหมดสิ้นเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย ด้วยเหตุนี้สกุลหลินและสกุลเกาจึงได้รับความบริสุทธิ์กลับคืน ลี่มี่มี่คือทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของสกุลหลินเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ทำให้ตระกูลของเธอได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมา

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 69 แค้นนี้ข้าทวงคืน!!! 1.3

    คุกตงฉ่าง สตรีร่างเล็กในชุดนักโทษกำลังนั่งตัวชาในท่านั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นห้องขัง ตู้หรูอี้แทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงประกาศราชโองการขององค์จักรพรรดิถูกนำมาคุกตงฉ่างหลังจากที่ได้นำไปประกาศที่จวนเซี่ยเสิ้งกั๋วกง โดยเจิ้งหลี่เม่าเป็นผู้ประกาศราชโองการดังกล่าว ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายของอดีตคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ไม่ยอมรับความจริงกับชะตากรรมของตระกูลที่เกิดขึ้นและจบลงในเวลาอันรวดเร็ว “ท่านพ่อของข้าถูกใส่ร้าย! ข้าไม่เชื่อ! พ่อข้าไม่ใช่กบฏ..พวกเจ้าให้ร้ายตระกูลของข้า เจ้าพวกโฉดชั่ว”ตู้หรูอี้ก่นด่ากราด “จะกล่าวโทษผู้ใดก็จงดูการกระทำของเจ้าด้วยนะ สิ่งที่ทำลงไปสร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่นมากแค่ไหน สำนักรู้ได้หรือเปล่าก็ไม่ล่วงรู้ ตอนนี้เจ้าคือนักโทษประหารที่จะต้องถูกตัดหัวกลางแจ้งต่อหน้าประชาชน นี่คือสิ่งที่เจ้าและพ่อรวมไปถึงคนในตระกูลสร้างเอาไว้ตายทีเดียวสิบชั่วโคตร แต่ก่อนจะถูกประหารมีคนอยากพบเจ้าและคนผู้นี้เจ้าเองก็ลงมือสังหารนางมาแล้วถึงสองครั้งสองครา”หลี่เม่ากล่าวพร้อมก้าวเดินออกไปจากห้องคุมขังนักโทษที่ลึกอยู่ชั้นในสุดอย่างมิด

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 68 แค้นนี้ข้าทวงคืน!!! 1.2

    จวนเซี่ยเสิ่งกั๋วกงร่างสันทัดของตู้เหมิ่งห้าวกำลังไล่ตรวจบันทึกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลตู้ ที่ปีนี้งอกเงยจากปีก่อนขึ้นมานับเท่าทวีคูณ ในขณะที่เรื่องราวของบุตรสาวคนโปรดยังไม่ล่วงรู้ถึงหู ด้วยเพราะนางบอกแต่เพียงว่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมเพื่อบำบัดจิตใจให้คลายความทุกข์ลงไปได้บ้าง โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าบัดนี้ตู้หรูอี้ได้นำหายนะครั้งยิ่งใหญ่มาสู่ตระกูลของตัวเอง ทันทีที่เปิดเผยเรื่องราวในอดีตว่าแท้จริงแล้วเป็นนางที่วางแผนฆ่าคุณหนูสิบหก หลินลี่ชาแห่งสกุลหลิน โดยการยืมมือซือกงกงเป็นผู้สังหารเพื่อกำจัดสตรีที่ถูกจับจองให้เป็นฮูหยินข้างกายชายที่นางหลงรัก อีกทั้งลูกสมุนที่ถูกส่งไปทำงานใหญ่โดยการลักพาตัวลี่มี่มี่มากักขังไว้ในสถานที่คุมขังที่จัดเตรียมเอาไว้ก็ยังไม่ส่งข่าวมาแจ้งว่าลงมือทำงานไปถึงไหน นั่นเป็นเพราะลูกสมุนทั้งหมดถูกกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรล้อมจับเอาไว้ได้ทั้งหมด รวมไปถึงตู้หรูอี้บุตรีคนโปรดของหัวหน้าสภาขุนนางคนปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับด้วยเช่นกัน ด้วยข้อหาฉกรรจ์เจตนาฆ่าเจ้าสาวของผู

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 67 แค้นนี้ข้าทวงคืน!!! 1.1

    จวนตงฉ่าง เรือนชิงเหลียน เรือนใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องเรือนมากมายที่ลี่มี่มี่เลือกจัดวางมาลงที่เรือนดังกล่าวด้วยตัวเองทั้งสิ้น ทั่วทั้งบริเวณตลอดทั้งภายนอกและภายในประดับด้วยผ้าแดงมงคลเต็มไปหมด ตลอดจนทั่วทั้งจวนด้วยในวันพรุ่งนี้ก็จะถึงพิธีสมรสของตงฉ่างโหวและพิธีขึ้นจวนใหม่ไปพร้อมกัน เรือนชิงเหลียนในอดีตนั้นก็คือที่พำนักของหลินเหยียนเจิ้งและฮูหยินเซียว บิดาและมารดาของหลินลี่ชา คุณหนูสิบหกของตระกูลหลินผู้เป็นดวงใจของพ่อและแม่ ภายในห้องนอนปรากฏร่างของลี่มี่มี่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ซึ่งจะใช้เป็นห้องหอในวันพรุ่งนี้ หญิงสาวถูกว่าที่สามีของเธอช่วยชีวิตออกมาจากโลงศพที่ต้องการฝังนางทั้งเป็น และยากเกินกว่าที่ผู้ใดจะหยั่งรู้ได้จะเป็นเพราะสวรรค์ดลใจหรือสิ่งเร้นลับบางอย่างคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดนั้นเรื่องนี้ก็ยา

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 66 ท่านโหวช่วยมี่มี่ด้วย! 1.2

    ในขณะเดียวกันป่าไผ่เขียว อาชาตัวมหึมาควบห้อตะบึงมุง่หน้ามายังบริเวณป่าที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ลำมหึมายืนต้นสูงแผ่กิ่งก้านจนบดบังแสงอาทิตย์ไม่สามารถแทงลำแสงลงสู่เบื้องล่างได้ จนทำให้ทั่วบริเวณดังกล่าวนั้นมืดครึ้มไปหมด ในขณะที่ดวงตาสีสนิมเหล็กดุจพญาเหยี่ยวของตงฉ่างโหวจับจ้องอยู่ตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาพร้อมสังเกตไปรอบกาย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อม้าคู่ใจวิ่งมาถึงลานป่าไผ่ยืนต้นสูงเรียงรายล้อมรอบเป็นวงกลมคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่เขียวมากมายยืนต้นสูง “อะไรกันนี่!”ตงฉ่างโหวเอ่ยออกมาทันที เบื้องหน้าในขณะนี้ปรากฏดอกอวี้หลันสีม่วงปกคลุมพื้นดินจนมีรูปร่างคล้ายหลุมฝังศพ ครั้นหันไปสำรวจทั่วบริเวณกลับไม่ปรากฏต้นอวี้หลันอยู่ภายในบริเวณนั้นแม้แต่น้อย ครั้นแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบนก็ไม่ปรากฏแหล่งที่มาของดอกไม้ดังกล่าวนำพาความแปลกใจให้แก่ท่านโหวหนุ่มยิ่งนัก ดวงตาคมกล้าจับจ้องอยู่แต่ดอกอวี้หลันที่อยู่ตรงหน้าเช่นนั้นและจดจำขึ้นมาได้ทันทีเมื่อดอกไม้นี้ สตรีที่อยู่ในหัวใจชอบมากที่สุด “ดอกอวี้หลันสีม่วง ดอกไม้ของมี่มี่!!!

  • หลินลี่ชา ฮูหยินร้ายจวนโหว   ตอนที่ 65 ท่านโหวช่วยมี่มี่ด้วย! 1.1

    ป่าไผ่เขียว ทั่วทั้งบริเวณของต้นไผ่ที่สูงชะลูดแข่งขันกัน แผ่กิ่งก้านที่เต็มไปด้วยใบไผ่สีเขียวปกคลุมจนทำให้มืดครึ้ม แสงแดดจากท้องฟ้าเบื้องบนสาดแสงลงสู่เบื้องล่าวได้เพียงน้อยนิด สาเหตุเพราะถูกกิ่งที่เต็มไปด้วยใบไผ่มากมายปิดบังเอาไว้ ทำให้แสงแดดของเวลากลางวันทอแสงรำไรพุ่งตรงลงสู่พื้นดินเบื้องล่างมองเห็นได้เป็นย่อมๆ เพียงเท่านั้น พื้นดินตรงบริเวณที่เป็นหลุมฝังศพของลี่มี่มี่ซึ่งถูกฝังไปเมื่อครู่ที่ผ่านมา บัดนี้ใต้พื้นดินเบื้องล่างกำลังเกิดสงครามระหว่างลี่มี่มี่กับโลงศพ เมื่อเธอถูกฝังทั้งเป็นทั้งที่ยังไม่ตาย ร่างที่กำลังห่อหุ้มอยู่ในผ้าขาวนั้นจึงพยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวเองออกไปจากโลงแคบๆ นี้ให้ได้ถึงแม้ว่าอากาศรอดจะมีเพียงแค่ศูนย์เปอร์เซ็นต์ก็ตามแต่ลี่มี่มี่ก็ไม่ยอมแพ้ “ตู้หรูอี้! อย่าให้คนอย่างลี่มี่มี่รอดไปได้นะ ฉันจะกลับไปทวงชีวิตของแก! ต่อให้ตายเป็นผีก็จะไปหักคอแกให้ถึงที่เลยนางคุณหนูหน้าขาว!”ลี่มี่มี่ก่นด่าตู้หรูอี้พร้อมพยายามใช้มือของเธอที่ถูกมัดแน่นอยู่ในขณะนั้นล้วงเข้าไปในอกเสื้อที่ซุกซ่อนบางอย่างเอาไว้อยู่ต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status