บริเวณท้ายจวน
ร่างของหญิงสาวสวมอาภรณ์ซึ่งเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 21 กางเกงยีนรัดรูปสีน้ำเงินเข้มสวมทับเสื้อเบี่ยงไหล่แขนข้างเดียวสีดำสนิทเปลือยเรียวแขนขาวโพลนดั่งลำเทียนข้างซ้าย ในขณะที่แขนข้างขวาความยาวของแขนเสื้อแนบยาวคลุมถึงข้อมือ เสื้อนั้นรัดรูปเน้นทรวงอกอวบตามวัยสาว 19 ปีของเธออย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีความยาวเพียงแค่เหนือสะดือ มิหนำซ้ำกางเกงยีนที่สวมอยู่ยังเอวต่ำเปิดเปลือยหน้าท้องขาวนวลเนียนโชว์สะดือสวยรับกับสะโพกกลมกลึงและช่วงขาเรียวยาว สวมรองเท้าบูธสีดำยาวจนเลยเหนือเข่าไปอีกหนึ่งคืบ ปลายส้นร้องเท้าบูธสูงถึงสี่นิ้วยิ่งทำให้เธอสูงระหงมากยิ่งขึ้นไปอีก ลี่มี่มี่นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ตรงหน้าบ่อน้ำมาตลอดทั้งคืน หญิงสาวไม่ยอมลุกเดินไปไหนด้วยเพราะเธอกำลังสับสนและตกใจอย่างสุดขีดกับเหตุการณ์ประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเธออยู่ในเวลานี้ ด้วยยังหวังอยู่ภายในใจลึกๆ ว่าหากยังนั่งอยู่ตรงนี้หญิงสาวจะได้กลับไปในยุคที่เธอจากมาก็อาจเป็นได้ หากแต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิดเพราะลี่มี่มี่นั่งกอดเข่าอยู่หน้าบ่อน้ำดังกล่าวมาตลอดทั้งคืน จวบจนกระทั่งรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ได้เข้ามาเยือน แสงสีทองเริ่มปรากฏขึ้นอยู่บนขอบฟ้าเข้ามาแทนที่ เวลาแห่งรัตติกาลเลือนหาย ความสว่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อยจนกระทั่งสว่างไปทั่วบริเวณจนสะท้อนเงาดำทะมึนของหญิงสาวตรงบ่อน้ำ “เช้าแล้วหรือนี่!”ลี่มี่มี่ส่งเสียงพึมพำดวงตาเริ่มกลอกไปมา หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากท่านั่งกอดเข่ามาตลอดทั้งคืนพร้อมสร้อยคอที่เป็นล็อคเก็ตข้างในมีรูปถ่ายของหญิงสาวปรากฏเฉพาะใบหน้าสวยคมเฉี่ยว ท่ามกลางเส้นผมสีดำสนิทแสกกลาง ดวงตาคมลึกภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองจิกคนที่กำลังมองภาพเธออยู่ตลอดเวลาอยู่ทางด้านบน ในขณะที่ด้านล่างคือนาฬิกาบอกเวลาซึ่งลี่มี่มี่พกติดกายอยู่เสมอ “นาฬิกาตาย!”หญิงสาวกล่าวออกมาทันทีครั้นเห็นเช่นนั้น “ตายตอนห้าโมงห้านาที แล้วตอนนี้เวลาอะไรแล้วก็ไม่รู้”หญิงสาวบ่นพึมพำ ทันใดนั้นเอง เสียงผู้คนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าด้านนอกกำแพงจวนเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือนผู้คนก็ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำงานหาเลี้ยงชีพและครอบครัวกันต่อไป ครั้นเวลากลางคืนมาเยือนบริเวณจวนสกุลหลินที่มีอาณาเขตกินพื้นที่ยาวนับหนึ่งกิโลจะไร้สิ้นผู้คนเดินสัญจรไปมาอย่างสิ้นเชิง ด้วยความหวาดกลัวกันอย่างถ้วนหน้า สาเหตุเพราะจวนขุนนางที่ถูกสั่งประหารล้างตระกูลนั้นจะเต็มไปด้วยวิญญาณมากมายที่มีแต่แรงแค้นและอาฆาตจองเวรอย่างยิ่งยวด นอกจากจวนสกุลหลินแล้ว ที่อยู่ไม่ไกลกันเสียเท่าใดนักก็เป็นจวนสกุลฟางและจวนสกุลจั่วซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน ล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งสิ้น หลายจวนถูกปิดตายห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ ประตูถูกคล้องกุญแจอย่างหนาแน่นทุกทางเข้าออก ซึ่งจวนสกุลหลินมีประตูทางเข้าออกทั้งหมดห้าประตูด้วยกัน ล้วนถูกปิดตายและมีหมายจากทางการปิดเอาไว้ทุกทิศ “ผักสวยๆ เพิ่งตัดใหม่วันนี้เลย” “ปลาไหมจ๊ะปลา จับมาเมื่อเช้าตรู่เอาไหม” “ซาลาเปาร้อนๆ เนื้อแน่นฟูรสชาติล้ำเลิศที่สุดในเป่ยจิง!” เสียงพ่อค้าพ่อแม่ค้าต่างส่งเสียงเรียกลูกค้าจนเอ็ดอึงไปหมดการค้าเริ่มคึกคักอย่างเห็นได้ชัด และเสียงร้องเรียกดังกล่าวมีหรือที่ลี่มี่มี่จะไม่ได้ยิน จ๊อกกกกก!!! เสียงน้ำย่อยในกระเพาะร้องออกมาอย่างดังจนต้องใช้มือกดท้องของตัวเองเอาไว้ ร่างงามระหงยันกายลุกขึ้นยืนจากพื้นมาอย่างทุลักทุเลเพราะนั่งอยู่ในท่าเดียวเช่นนั้นตลอดทั้งคืน โดยใช้มือทั้งสองข้างคว้าขอบบ่อพร้อมลุกขึ้นยืนมาได้ในที่สุดก่อนจะกวาดสายตาไปมาจนทั่วบริเวณ “นี่มันเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอที่เราหวนคืนกลับมาที่จวนสกุลหลินในอดีต”ลี่มี่มี่พูดพึมพำพลางกวาดสายตามองต้นอวี้หลัน ฉับพลันเธอเห็นภาพในอดีตว่าแถวกำแพงด้านหลังของจวนจะมีบันไดที่บรรดาบ่าวใช้พาดกับลำต้นเพื่อขึ้นไปตัดแต่งกิ่งอวี้หลันให้สวยงาม “แถวนี้จะต้องมีบันไดที่พวกบ่าวเอาไว้ขึ้นไปตัดแต่งกิ่งต้นไม้ แต่ว่าตอนนี้มันผ่านไปนานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ จะให้แน่ใจต้องปีนกำแพงขึ้นไปดูคนข้างนอกว่ามันเป็นอย่างไง อย่างน้อยถ้าเห็นตึกสูงในปักกิ่งที่ตั้งห่างออกไปทางทิศตะวันออกของพระราชวังต้องห้ามนั่นก็หมายความว่าเราไม่ได้ถูกย้อนเวลากลับมา แค่เห็นภาพหลอนลวงตาเท่านั้น”ลี่มี่มี่ยังคงพยายามคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ร่ำไป หญิงสาวค่อยๆ ก้าวเดินฝ่ากองใบไม้ที่ร่วงหล่นจนสูงท่วมเต็มพื้นไปหมดก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นไม้สีน้ำตาลโผล่ออกมาจากกองใบไม้ดังกล่าว ลี่มี่มี่ไม่รอช้ารีบเดินตรงไปอย่างรวดเร็วจากจุดที่บ่อน้ำตั้งอยู่ถัดออกไปไม่ถึงห้าสิบเมตร ทันทีที่ไปถึงสองมือรีบปัดใบไม้ออกจนเห็นบันไดอย่างชัดเจน “มีอยู่จริงๆ ด้วย”ลี่มี่มี่พูดออกมาด้วยความแปลกใจ ร่างระหงยืนมองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจรีบยกบันไดดังกล่าวพาดไปตามกำแพงจวนพร้อมขยับและจัดวางองศาให้มั่นคงเพื่อที่เธอจะได้ปีนขึ้นไปได้ “เอาละที่นี้จะได้ปีนขึ้นไปดูเสียที จะได้รู้กันไปเลยว่ามันเป็นอย่างไง”ลี่มี่มี่พูดพร้อมรีบปีนขึ้นบันไดพลางไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็วจวบจนกระทั่งลำตัวโผล่พ้นจากขอบกำแพงจวนขึ้นมาถึงครึ่งตัว หา! เสียงอุทานดังขึ้นออกมาด้วยความตกใจสุดขีดอีกครั้งเมื่อหญิงสาวเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ นอกกำแพงจวนสกุลหลินคือถนนที่ทอดยาวหลายร้อยเมตรเลยทีเดียว ซึ่งในยุคปัจจุบันคือถนนหนานโหลวกู่เซียง และเป็นถนนคนเดินใหญ่ที่สุดในมหานครปักกิ่ง และยังเป็นสถานที่ทางรัฐบาลประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ทางวัฒนธรรมเพราะมีบ้านเรือนในต้นยุคราชวงศ์เมืองหมิงยังคงหลงเหลือให้เห็นมาจนถึงศตวรรษที่ 21 ถัดออกไปคือพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเชื่อมติดต่อกันเป็นบริเวณคือพื้นที่ของพระราชวังต้องห้าม ซึ่งในเวลานี้มีเพียงผืนป่ากว้างใหญ่ไม่ปรากฏพระราชวังชื่อก้องที่โลกในอนาคตต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีไปทั่วทวีปแต่อย่างใด ด้วยในช่วงเวลาดังกล่าวพระราชวังแห่งนี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้นนั้นเอง และที่สำคัญไม่ปรากฏตึกสูงระฟ้าของมหานครปักกิ่งที่อยู่นอกเขตพระราชวังต้องห้ามแต่อย่างใด มีเพียงบ้านเรือนในสมัยโบราณและจวนขุนนางน้อยใหญ่ปรากฏเข้ามาแทนที่ ตึงสูงระฟ้าเลือนหายมีแต่ผู้คนกำลังเดินขวักไขว่ไปมาสวมอาภรณ์โบราณที่พบเห็นในละครพีเรียดหรือภาพยนตร์จีนในยุคปัจจุบันกันทุกคน อุบ! ลี่มี่มี่ยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะพยายามกลอกตาไปมาหรือจะสำรวจไปทั่วบริเวณกี่ครั้งภาพตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม และไม่ว่าจะพยายามหลับตาและเปิดขึ้นมาใหม่อีกสักกี่ครั้งทุกอย่างก็ไม่แปรเปลี่ยนไปแต่อย่างใด “ฉันถูกพากลับมาจริงๆ หรือนี่”ลี่มี่มี่แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาแต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้นนี้ได้ ลี่มี่มี่ค่อยๆ ไต่บันไดลงมาอย่างอ่อนแรง หัวสมองมึนตึ้บไปหมดไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจัดการกับชีวิตของเธออย่างไรต่อไปดี ศีรษะพิงไปกับกำแพงจวนพยายามครุ่นคิดอย่างหนักถึงสาเหตุที่ถูกนำกลับมาในอดีตเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้มีแต่ความสับสนและอาการตกใจเสียมากกว่า “โลกคู่ขนานมีอยู่จริง! เราถูกทำนำกลับมาที่นี่มันจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอนแต่จะหาคำตอบได้อย่างไงกันเล่า จะได้กลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้ ป่านนี้เสี่ยวเซียนกับเสี่ยวม่านคงตามหาจนวุ่นวายไปหมดแน่ๆ”ลี่มี่มี่ยืนพูดพึมพำพลางมองตรงไปในเขตพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของเรือนน้อยใหญ่ เพียงครู่ลี่มี่มี่พลันนึกขึ้นมาได้ว่าสมบัติของสกุลหลินซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหน เพราะหลินลี่ชาเป็นบุตรีคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกและหลินเหยียนเจิ้ง ดังนั้นผู้ปกครองจวนคนต่อไปก็คือนางหากยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไป ด้วยเหตุนี้หลินลี่ชาจึงช่วยฮูหยินเซียวเก็บสมบัติอันมีค่าของตระกูลเอาไว้ในสถานที่ลึกลับซึ่งภายในจวนจะมีห้องใต้ดินซุกซ่อนอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน และทางเข้าห้องใต้ดินอยู่ภายในห้องนอนของหลินเหยียนเจิ้งและฮูหยินเซียวนั่นเอง “ถ้าเราคือหลินลี่ชาจริงๆ แล้วละก็สิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ได้นั่นก็คือห้องใต้ดินที่ใช้เป็นสถานที่เก็บสมบัติของสกุลหลิน ใช่แล้วต้องไปที่นั่นและเดี๋ยวนี้เลยด้วย”ลี่มี่มี่พูดพร้อมหันกลับไปมองเรือนที่ตั้งห่างออกไปจากบริเวณสวนหลังบ้าน สองขาก้าวเดินนำเธอไปราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักรีบหันหลังกลับเดินตรงมาที่บ่อน้ำคว้าถุงหูหิ้วของเธอมากมายซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องสำอางคแบรนดแนมยี่ห้อดังที่เพิ่งซื้อจากห้างสรรพสินค้า เพื่อจะนำไปทำคลิปสอนแต่งหน้าและใช้สำหรับในการแสดงงิ้วของเธอ “เกือบลืมไปเลยทิ้งเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ ของทำมาหากินทั้งนั้นหมดเงินซื้อไปตั้งหลายหมื่นหยวนเลย”ลี่มี่มี่บ่นพึมพำ คนงามหิ้วถุงพะรุงพะรังเต็มสองแขนรีบเดินไปตามทางเดินเพื่อตรงเข้าไปที่เรือนนอนมากมาย แยกออกมาเป็นสัดส่วนตามปกติของครอบครัวซึ่งมีสมาชิกมากมายกว่าสองร้อยชีวิตเลยทีเดียว ร่างงามระหงเดินไปตามเส้นทางที่ทอดยาวผ่านเรือนนอนมากมาย ราวกับว่าคุ้นเคยและชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดีว่าแต่ละเรือนนั้นมีไว้เพื่อทำอะไร บางเรือนแยกออกไปและมีอาณาเขตส่วนตัวอีกต่างหาก นั่นหมายถึงเป็นครอบครัวอาศัยอยู่พร้อมมีบ่าวรับใช้และคนคอยดูแล ซึ่งจวนสกุลหลินมีบุตรชายถึง 15 คน จึงทำให้มีสะใภ้มากมายถึง 11 คนที่ยังเยาว์วัยอายุไล่เลี่ยกันยังไม่ถึง 15 ปีมีทั้งหมด 4 คน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีรุ่นหลานอีกเป็นจำนวนมากนั่นเองและถ้อยคำดังกล่าวทำให้ลี่มี่มี่ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นอกจากตู้เหมิ่งห้าวแล้วพรรคพวกของมันยังมีเหล่าขุนนางผู้ใดบ้างเจ้าคะที่ร่วมมือด้วย”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ซือหม่าฉีและเว่ยชุน รวมไปถึงซือกงกง ขันทีที่ทำตนเป็นนกสองหัว หมาสองรางผู้ใดให้ประโยชน์สูงสุดก็จะอยู่กับคนผู้นั้นไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจึงไว้วางพระทัยให้คอยรับใช้อย่างใกล้ชิด”ลี่มี่มี่นั่งเอามือเท้าคางพร้อมใช้มือจับปลายคางตัวเองพลางครุ่นคิดตาม “แล้วซือหม่าเยี่ยคังไม่ได้ร่วมมือด้วยอย่างนั้นเหรอเจ้าคะท่านน้า ในเมื่อซือหม่าฉีเป็นพวกเดียวกับตู้เหมิ่งห้าว”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้อะไรบางอย่าง “ตงฉ่างโหวไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของขุนนางคนใด เพราะเป็นคนมีอุดมการณ์และหนักแน่น ถวายความจงรักภักดีและรับคำสั่งจากฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นนอกนั้นอย่าหวังว่าจะชี้นิ้วสั่งได้ และเพราะท่านโหวเป็นแบบนี้ไงตู้เหมิ่งห้าวจึงพยายามที่จะยัดเยียดตู้หรูอี้ให้มาเป็นฮูหยิน พยายามที่จะเข้าครอบงำอำนาจหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพรซึ่งมีสิทธิขาดในการไล่ล่า ไต
“นะ..นี่เจ้าคือ...ก็คือคุณหนูสิบหกหลินลี่ชาจริงๆ อย่างนั้นหรอกเหรอ แต่ว่าตระกูลหลินไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลยนะ ผู้คนภายในจวนทั้ง 228 ชีวิตถูกประหารจนหมดสิ้น และคุณหนูสิบหกก็ถูกไฟคลอกตายพร้อมคุณหนูสิบเจ็ดภายในบ่อน้ำ”ฉู่ฉิงเยี่ยนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เด็กสาวตรงหน้าบอกกับนาง “ก็เหมือนที่ท่านเป็นภรรยาลับที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เช่นกัน จึงทำให้รอดชีวิตมาได้ ส่วนข้านั้นที่ผู้คนบอกว่าถูกไฟคลอกตาย สภาพศพจะต้องไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกจนไม่เหลือร่องรอยของข้าอยู่เลยใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นแน่ใจได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วข้านั้นตายจริง” ลี่มี่มี่ตั้งใจให้ตัวของเธอที่กลับชาติมาเกิดใหม่ในยุคอนาคตเข้ามาแทนที่ตัวเองในภพชาติอดีต จึงต้องสร้างสถานการณ์เท็จขึ้น “เป็นจริงหรือนี่! ที่คุณหนูสิบหกยังไม่ตายเหลือเชื่อเสียจริงเหลือเชื่อจริงๆ ”ฉู่ฉิงเยี่ยนกล่าวออกมาอยู่เช่นนั้นก่อนจะเอ่ยถามกลับไป “แล้วนี่เจ้ารอดตายมาได้อย่างไรกัน”เจ้าหอเลี่ยงเฟิ่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ปาฏิหาริย์จากสวรรค์เบื้องบน ซึ่งมันยากที่จะอธิบายให้ผู้ใดเข้าใจได้ แต่ท่านน้าจงเชื่อเถอะว่าข้าคือหล
ยามโหย่วณ.หอเลี่ยงเฟิ่ง ร่างสูงระหงเดินไปตามทางที่ทอดยาวมุ่งหน้าไปยังห้องพักของตัวเอง หอเลี่ยงเฟิ่งในเวลานี้มีแต่ความเงียบงันด้วยเป็นช่วงเวลาหยุดพักผ่อนเป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้บรรดาคณะงิ้วได้กลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัว บางคนที่บ้านเกิดอยู่ไกลและต้องเสียเวลาเดินทางทั้งไปและกลับซึ่งใช้เวลานานก็จะไม่ไปไหน ต่างพากันใช้เวลาว่างไปทำประโยชน์อย่างอื่นที่นอกเหนือจากการนอนหลับเอาแรงจนเต็มที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ตามห้องพักของแต่ละคน บางห้องก็มืดมิดเพราะกลับบ้านและบางห้องก็มีแสงสว่างจากโคมไฟซึ่งปรากฏให้เห็นเพียงไม่กี่ห้องอยู่ในขณะนี้รวมไปถึงห้องพักของลี่มี่มี่ด้วยเช่นกันที่ภายในห้องปรากฏแสงสว่างจากโคมไฟกำลังลุกโชนอยู่ในขณะนั้น ลี่มี่มี่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องพักของตัวเองที่เห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นอยู่ภายในห้องด้วยความแปลกใจ ดวงตากลมโตคู่งามมองลอดผ่านหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้เพียงน้อยนิดและพบว่า ภายในห้องนั้นมีร่างของฉู่ฉิงเยี่ยนกำลังนั่งหันหลังมาทางประตูอยู่ในขณะนั้นอยู่เพียงลำพัง “ท่านน้ารออยู่ในห้องเสียด้วย
“อดีตฮ่องเต้ทรงมีเงินในท้องพระคลังหลวงมากมายถึงเพียงนี้เลยเหรอ ถ้าเช่นนั้นจะต้องมีคนบางกลุ่มต้องการเงินมหาศาลก้อนนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ หากข้าเดาไม่ผิด”ลี่มี่มี่เอ่ยขึ้นตามความคาดเดา แต่แล้วกลับต้องขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะโรงแลกเงินจินหมิงตามที่เธอล่วงรู้มาผู้ที่เป็นเจ้าของไม่ใช่ราชสำนักของอดีตฮ่องเต้เจี้ยนเหวิน “ท่านน้ามีบางอย่างที่ข้าสงสัยเกี่ยวกับโรงแลกเงินจินหมิง ไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าล่วงรู้มาเป็นเรื่องจริงหรือว่ามีการบันทึกบิดเบือนไปจากความเป็นจริงที่ถูกต้อง”ลี่มี่มี่เอ่ยถามกลับไป “เจ้าสงสัยสิ่งใดถามมาได้เลย หากข้าล่วงรู้ก็จะตอบเจ้าตามความเป็นจริง”เจ้าพอเลี่ยงเฟิ่งตอบกลับไป ลี่มี่มี่พยักหน้าขึ้นลงครั้นได้ยินเช่นนั้นพร้อมเอ่ยขึ้น “ที่ข้าล่วงรู้มาก็คือเจ้าของโรงแลกเงินจินหมิงคือตระกูลเว่ย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็คือตู้เหมิ่งห้าว หัวหน้าสภาขุนนางในราชสำนักของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ใช่เหรอท่านน้า คำถามของลี่มี่มี่ทำให้ฉู่ฉิงเยี่ยนมองหน้านางเขม็งเพราะความจริงของเรื่องนี้เกี่ยวกับโรงแลกเงินจินหมิงมีเพียงเกาจิ้งหยวนและหลินเ
มือของตัวเองเข้าหากันจนแน่น เพื่อไม่ให้บ่าวไพร่ต่างพากันมองนางว่าเป็นสตรีที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจ รวมไปถึงบ่าวจากจวนตงฉ่างที่กำลังยืนตัวลีบตัวงอด้วยความตกใจและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอยู่ในขณะนั้น “พูดต่อไป! ข้าบอกให้เจ้าหยุดตั้งแต่เมื่อไรกันเชียว”ตู้หรูอี้พยายามปรับเสียงของนางให้กลับมาเป็นปกติดั่งเดิม “จะ..จะ..เจ้าค่ะ!”บ่าวคนดังกล่าวรับคำเสียงเบาก่อนจะรีบรายงานเหตุการณ์ตามที่นางได้เห็นเต็มสองตา “ท่านโหวไม่มีท่าทีขับไล่นางให้ห่างออกจากกายเลยเจ้าค่ะ มิหนำซ้ำยังให้นางสัมผัสชนิดที่ว่าถึงเนื้อถึงตัวได้เช่นกัน สองมือของนางเฝ้าคอยประคองใบหน้าของท่านโหวอยู่บ่อยครั้งด้วยเจ้าคะ” ตู้หรูอี้ถึงกับสูดลมหายใจเขาปอดด้วยความโกรธและริษยาสตรีที่กำลังกล่าวถึงอย่างยิ่งยวด ในขณะที่ตัวนางเองนั้นจะเข้าใกล้ท่านโหวหนุ่มในรัศมีสิบฉื่อยังไม่สามารถทำได้แม้แต่น้อย ด้วยเพราะตงฉ่างโหวจะทำตัวไม่เคยว่างทุกครั้ง เวลาที่นางไปเยี่ยมฮูหยินฮัวที่จวนผิงอันกั๋วกง ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปในสิ่งที่นางต้องการล่วงรู้ “เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าหญิงผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน บุตรีขอ
จวนสกุลตู้ เรือนส่วนตัวของคุณหนูคนงามตู้หรูอี้ ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราเต็มไปด้วยความประณีตและงดงามวิจิตรยิ่งนัก เทียบเท่ากับตำหนักในพระราชวังหลวงก็ว่าได้ ทุกอย่างต้องดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือน อาภรณ์ที่สวมใส่และเครื่องประดับอันมีค่า ตู้เหมิ่งห้าวเลือกเฟ้นมาประเคนให้แก่บุตรสาวคนโปรดชนิดที่ว่านางอยากได้อะไรไม่มีคำว่าไม่ได้แต่อย่างใดในชีวิตของนาง “เจ้าว่าอะไรนะ!”เสียงแหลมสูงของคุณหนูคนสวยดังแทรกขึ้นมาทันที ภายในเรือนนอนส่วนตัว เมื่อบ่าวที่นางใช้เงินซื้อข่าวเพื่อให้รายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่างของตงฉ่างโหว หลังจากที่ได้รับพระราชทานจวนพำนักมาจากองค์จักรพรรดิแยกมาอยู่ต่างหาก จากจวนของสกุลซือหม่าหรือที่รู้จักกันดีนั่นก็คือคือจวนผิงอันกั๋วกง ซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของตงฉ่างโหวหรือซือหม่าเยี่ยคังนั่นเอง ซึ่งเดิมทีมีคนของตู้หรูอี้คอยส่งข่าวภายในจวนดังกล่าวมาให้นางล่วงรู้อยู่ทุกวี่วันเป็นประจำ ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไรตลอดจนถึงเรื่องของฮูหยินฮัว ท่านแม่ของตงฉ่า