หลินหลินเข้ามิติมาเพื่อดูว่าตัวนางจะหายไปจากตรงนั้นไหม นางดูนาฬิกา ตอนนี้ 10 วิแล้วที่นางอยู่ในมิติ
นางลุ้นมาก สิ่งที่นางคิดไม่น่ามีอะไรผิดพลาด มันเป็นทฤษฎีของแมลง นักวิทยาศาสตร์มีการวิจัยเกี่ยวกับความสามารถอันน่าทึ่งของแมลงไว้ว่า แมลงบางชนิดสามารถบินหลบสายฝนได้โดยที่ตัวมันไม่เปียกด้วยซ้ำ!
ซึ่งแมลงพวกนี้มีสายตาที่ไวมากเป็นพิเศษ แถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบฉับพลันอีกด้วย ซึ่งการตอบสนองของมันไวกว่ามนุษย์ถึง 10 เท่า!
แมลงบางชนิดจะมีดวงตาที่ขาและมีดวงตาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กจำนวนมากมายเรียงกัน เลนส์เหล่านี้ทำหน้าที่รับภาพและประมวลผลออกมา ซึ่งมีความไวมากกว่ามนุษย์มากถึง 4 เท่า บวกกับมันสามารถทำความเร็วในการบินได้ 8 กม. ต่อชม. นั้นทำให้มันมองเห็นภาพเป็นแบบสโลว์โมชั่น ความสามารถการมองเห็นแบบสโลว์โมชั่นของมัน ทำให้การตบจากมนุษย์เป็นแค่การตบแบบสโลว์โมชั่นของมันเท่านั้น
เมื่อหลินหลินลองเทียบเวลา 1 เดือนในมิติกับ 1 วันภายนอก มันมีความต่างที่เหลื่อมล้ำกับการรับภาพผ่านดวงตาของมนุษย์ทั่วไป นางเลือกทั้ง 3 คนนี้เป็นกลุ่มแรกที่นางจะทดลอง
เพราะพวกเขาบางคนไม่มีพลังเวท หานเซียวมีแค่เวทระดับต่ำพื้นฐานเท่านั้น การรับรู้ความไวจะไม่มาก เท่าเวลาในมิติของนางแน่นอน
ตอนนี้หลินหลินอยู่ในมิติ เป็นเวลา 1 นาทีแล้ว นางตัดสินใจออกมิติ ..พรึ่บ....!!!
พวกเขาจะเห็นว่านางหายไปจากตรงนี้ไหมนะ.....? ดวงตาหลินหลินค่อย ๆ มองไปที่ปู่หลิว หานเซียว สือหย่ง ทั้ง 3 คนไม่มีการตกใจ และทุกคนยังคงอยู่ที่เดิม !
เหมือนเวลาที่ถูกหยุดลงไปในเวลาที่นางเข้ามิติ สือหย่งยังคงเอื้อมไปตักอาหารจานปลา และจากที่นางสังเกตคือ มือที่กำลังเอื้อมไปตักนั้นยังไม่ถึงเนื้อปลาเลยด้วยซ้ำ
หลินหลินยิ้มออกมาอย่างพอใจ ได้ข้อสรุปในใจว่า... นางสามารถเข้ามิติได้โดยที่พวกเขาจะมองไม่ทันเห็นว่านางหายไป เพราะการรับรู้ของประสาทตาบวกกับห้วงเวลาที่ต่างกัน...
หลินหลินตัดสินใจลองอีกครั้ง ครั้งนี้นางตั้งใจเข้ามิตินานถึง 1 ชม. นางควรหาจุดสังเกตเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นางมองไปที่ถ้วยชาที่หานเซียวยกขึ้นจิบ ระดับน้ำชาในถ้วยนี่แหละ เมื่อข้ากลับมาจะต้องไม่เปลี่ยนไป คิดได้ดังนั้น หลินหลินจึงหายเข้าไปในมิติอีกครั้ง...
ภายในมิติเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง หลินหลินออกจากมิติกลับมา
ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลินหลินยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ทฤษฎีที่นางคิดไว้มันใช้ได้จริง หลินหลินมองไปที่ถ้วยชาของหานเซียว ระดับน้ำชาลดลงไปเล็กน้อย แต่ไม่มากนัก แสดงว่าเวลาในมิตินางเร็วกว่าโลกภายนอกมาก
นางจึงตักหมูตุ๋นให้ทั้งสามคน ขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือ ทุกคนน่าจะใช้การแบ่งกิน 2-3 ครั้ง เพราะหมูชิ้นใหญ่
"ขอบคุณขอรับ..."
ทั้งสามคนนั่งทานอย่างสุภาพ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่พูดคุย หากพูดคุยนางจะรู้การต่อบทสนทนานั้นได้ แต่ 2 ชม. ที่นางจะเข้ามิติ มันก็มากพอที่นางต้องการแล้ว
เมื่อเห็นทุกคนตักกินคำแรกแล้ว หลินหลินเข้ามิติทันที ครั้งนี้นางไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะนางมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่รับรู้ว่านางหายไปจากตรงนั้น
หลินหลินตรวจสอบผลผลิตต่าง ๆ ตอนนี้มิติฟาร์มของนางใกล้จะอัปไประดับ 6 แล้ว
นางตรวจดูของแปรรูปที่อยู่ในโรงงานอาหารแปรรูป ของแปรรูปมีเยอะมาก นางคงต้องหาทางระบายของพวกนี้บ้างแล้ว ถ้าให้อัปเกรดโกดังตลอดก็ไม่ไหว เพราะตอนนี้อัปเกรดทีใช้เหรียญทองเยอะมาก
หลินหลินขยายซื้อแปลงผักเพิ่ม นางชอบปลูกผัก ตอนนี้ระบบอัปเดตไม่ต้องซื้อดินเป็นแปลง ๆ เปล่าแล้ว แต่ซื้อสวนผักชนิดนั้น ๆ ได้เลย
หลินหลินเลือกสวนผักปลูกเพิ่ม นั่นคือ ฝักแฟง สวนพริก และถั่วเหลือง นางตัดสินใจเลือกปลูกพวกนี้มากหน่อย เพราะของพวกนี้นางชอบกิน ฮ่า ๆ ๆ นี่คือเหตุผลหลักของนางเลยนะ
หลินหลินใช้เวลาในมิติจนครบ 2 ชม. นางก็ออกจากมิติอีกครั้ง ...และก็เป็นดั่งคาด พวกเขาเพิ่งทานหมูตุ๋นคำแรก ยังไม่ทันได้ตักคำที่ 2 ด้วยซ้ำ...
หลินหลินคิดขอบคุณสวรรค์ ที่ทำให้นางมีสิ่งที่วิเศษขนาดนี้ติดตัวมา ตอนได้มิติมานางยังแอบหวั่นในใจ ชื่อมิติมันดูแปลก ๆ ชอบกล แต่ตั้งแต่มีมิติมาก็ยังไม่พบปัญหาอะไร
เมื่อสรุปห้วงเวลาความต่างของมิติได้คร่าว ๆ แล้ว หลินหลินก็มาสนใจอาหารตรงหน้า นางตักแบ่งอาหารไว้อย่างละนิด เพื่อชิมรสชาติเท่านั้น เพราะนางชอบรสชาติอาหารในมิตินางมากกว่า อาหารที่นี่ไปในทางที่ค่อนข้างจืด หากเผ็ดก็เผ็ดร้อนพริกไปเลย ไม่ค่อยมีความลงตัว อาจจะเป็นเพราะเครื่องปรุง หืม.... ใช่แล้ว เครื่องปรุงสำคัญมาก
ระบบ ในมิติเรามีผลิตเครื่องปรุงไหม ?พวกซีอิ๊ว น้ำปลา น้ำตาล ซอสพริก ประมาณนี้
"จากที่ระบบเช็คตอนนี้ยังไม่มีขอรับ ท่านผู้ถูกเลือกต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนในระบบไปก่อนขอรับ"
หลินหลินฟังระบบไปพลาง มือก็ตักเป็ดย่างที่นางแบ่งไว้ขึ้นมาชิม นางชิมไปได้ 1 ชิ้น ก็เปลี่ยนไปชิมอย่างอื่นที่เหลือ ถ้าให้นางอธิบายรสชาติอาหารตรงหน้า ก็คงพูดว่ามันธรรมดามาก อาจจะเป็นเพราะว่ายุคนี้ยังไม่มีเครื่องปรุงเหมือนยุคของนาง รสชาติที่ได้ก็คือปกติของอาหารนั้น ๆ ไม่ได้วิเศษจนต้องร้องว้าว....
ยังไม่ทันที่หลินหลินจะคิดในใจจบ ก็อยากจะเปลี่ยนคำพูดใหม่ทันที....
เบื้องหน้านางตอนนี้คือชายทั้ง 3 คนที่กินอาหารอย่างมีความสุข เอ่อล้นออกมาจากดวงตา มีเพียงหานเซียวที่แววตาเขาดูเศร้าใจเล็กน้อยเท่านั้น..
หากให้นางคาดเดา เขาน่าจะรู้สึกผิดต่อคนที่บ้านกระมัง ที่ตนเองมานั่งกินอาหารดี ๆ แบบนี้ เพราะในยุคนี้เนื้อค่อนข้างมีราคาแพง หากครอบครัวคนธรรมดาคงจะทานเนื้ออาทิตย์ละครั้ง และหากคนที่ยากจนเรื่องกินเนื้อคงเป็นไปได้ยากเลย เพราะราคาเนื้อหมูที่นี่อยู่ที่จินละ 25 อีแปะ ถือว่าแพงมากๆ
เรื่องหานเซียวนี้นางไม่ได้คิดจะช่วยโดยการสั่งอาหารที่นี่ให้ครอบครัวของพวกเขา เพราะนางคิดว่า เงินที่นางจ่าย ค่าจ้างนั้นมากพอแล้ว บางครั้งการให้ที่มากเกินไปก็เป็นโทษมากกว่าดี
หลินหลินชิมอาหารเสร็จก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางวาดมือ 1 ที ก็ปรากฏเป็ดย่าง 1 จานขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร
"พวกท่านลองชิมเป็ดย่างจานนี้ให้ข้าทีเจ้าคะ ว่าจานไหนอร่อยกว่ากัน"
ทั้ง 3 ตักเป็ดไปคนละ 1 ชิ้น เป็นจานนี้จะมีเนื้อที่ฉ่ำกว่ามาก และบนเนื้อเป็ดมีน้ำสีน้ำตาลราดเอาไว้ ทั้ง 3 กัดคำแรกถึงกับตาโต
"อร่อยมากขอรับ"
สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง
"เนื้อเป็ดนุ่มแน่นมากขอรับคุณหนู"
ลิ้นพวกเขาแทบจะละลายไปพร้อมกับเนื้อเป็ด ความหอมของเครื่องเทศที่ตีขึ้นจมูก พอเคี้ยวเนื้อเป็ดลงไปจะมีความฉ่ำของเนื้อเป็ดไหลออกมาและมีรสชาติของน้ำสีน้ำตาลที่พวกเขาไม่สามารถบรรยายมันออกมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว.... ท่าทางของพวกเขาทำให้หลินหลินยิ้มกว้าง หัวเราะออกมา เพียงแค่นี้หลินหลินก็มั่นใจแล้วว่า คนในยุคนี้ต้องชอบอาหารจากในระบบของนาง
"ร้านเครื่องประดับอีก 2 ร้านอยู่ห่างจากที่นี่มากไหมเจ้าคะ"
"ไม่มากขอรับ.. ร้านเครื่องประดับอีก 2 ร้านอยู่เลยไปอีกซอย ห่างจากที่นี่ไม่ไกลขอรับ"
หานเซียวรีบกลืนอาหารและตอบหลินหลินทันที
"ถ้าอย่างนั้นพวกท่านทานกันไปก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ"
หลินหลินหยิบเหรียญทองออกมา 1 เหรียญ นางวางไว้บนโต๊ะ ทั้ง 3 คนเหม่อมองเหรียญทองอยู่นาน
"เผื่อไว้เจ้าค่ะ หากทางเหลามาเก็บค่าอาหาร พวกท่านก็จ่ายไปได้เลยเจ้าค่ะ"
หลินหลินนางแค่เผื่อเรื่องนี้เอาไว้ เพราะหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทางร้านมาขอเก็บเงินก่อน หรือมีเหตุที่ทำให้ต้องจ่ายเงิน คนของนางจะได้มีจ่าย
หลินหลินตั้งใจว่าจะรีบไปเหมาเครื่องประดับทั้ง 2 ร้านค้า และจะไปจัดเตรียมข้าวสารอาหารแห้ง นางจะไปบริจาคให้คนเร่ร่อนที่นางเห็นเมื่อเช้า การทำทานครั้งแรกของนางในร่างนี้และโลกนี้ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาหลินหลินจึงออกมาจัดการก่อน เพราะหากนางยังนั่งอยู่ตรงนั้น ดูท่าบุรุษทั้ง 3 คงกินอีกนาน ก็สำรวมกันขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆๆ
หลินหลินมีประสบการณ์จากร้านแรกแล้ว ดังนั้นร้านที่ 2 และร้านที่ 3 จึงใช้เวลาเจรจาไม่นาน ทุกร้านต้อนรับนางอย่างดี พร้อมมอบหยกของร้านมาอีกร้านละ 1 อัน ทางร้านบอกว่าเป็นหยกที่บ่งบอกถึงสถานะผู้ซื้อ น่าจะคล้ายบัตร VIP ของยุคนาง นางเห็นร้านขายจานชามร้านเล็กตั้งแผงก็นึกถึงร้านที่นางตั้งใจจะไปเหมาอีก 2 ร้านขึ้นมา แต่นางเปลี่ยนใจแล้ว ขอเหมาคนที่นั่งขายตามรายทางแทนดีกว่า
หลินหลินซื้อนั่นซื้อนี่เยอะมาก จนมาถึงร้านสุดท้ายที่อยู่ห่างไกลผู้คนหรือร้านอื่น ๆ มาก ๆ หลินหลินมองดู เป็นท่านปู่ที่ชรามากแล้วนั่งขายหนังสือเก่า ๆ ใต้ต้นไม้ นางจึงเดินเข้าไปถาม
"ท่านปู่ ขายอะไรเจ้าคะ"