“เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” หลี่ต้าหลุนส่งเสียงคำรามถามดังขึ้นมาหลี่ชิงหรงสะดุ้ง ผุดลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังกลับไปมองตามเสียง พบว่าพี่ชายใหญ่กับพี่ชายรอง กำลังยืนมองมายังพวกนางอยู่ด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความผิดหวัง ไม่รู้ว่าพวกเขามาถึงกันตั้งแต่ยามใด ครั้นหันกลับไปมองใบหน้างามของน้องสาวต่างมารดา กลับได้พบว่าอีกฝ่ายกำลังแสยะยิ้มมาให้“มะ…มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”หลี่่ชิงหรงรู้สึกว่าตนเองได้ตกลงไปในหลุมพราง ที่ตนเองขุดเอาไว้เสียแล้ว หากพาน้องสาวต่างมารดาผู้นี้ออกไปข้างนอก นางก็ยังจ้างให้พวกนักเลงมาจัดการอีกฝ่ายได้ ทว่านางกลับยอมเชื่ออีกฝ่าย ตามอีกฝ่ายมาเปิดโปงตนเองถึงที่“เข้าใจผิดอันใดกัน เมื่อครู่ข้าได้ยินกับหู ว่าเจ้าตั้งใจผลักเหมียวเอ๋อร์ ให้นางจมน้ำตาย นี่มิใช่การพยายามฆ่าหรอกหรือ”หลี่ต้าหวังกล่าวออกมาน้ำเสียงเยือกเย็น นัยน์ตาคมที่มองไปยังหลี่ชิงหรง เต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไม่คิดเลยว่า ในตระกูลหลี่จะให้กำเนิด บุตรสาวที่มีความคิดชั่วช้าเช่นหลี่ชิงหรง“เหมียวเอ๋อร์…เจ้าบอกพี่ชายใหญ่สิ ว่าพวกเราแค่พูดเล่นกัน”ถึงอย่างไรก็ยอมรับไม่ได้ หากนางยอมรับ พี่
หลังจากเหตุการณ์ที่หลี่ชิงเหมียว ได้เปิดโปงความผิดของพี่สาวต่างมารดา หลี่ชิงหรงก็ถูกผู้เป็นบิดาตัดสินลงโทษด้วยวิธีการของตนเอง แทนการใช้กฎของตระกูล คือการขังนางเอาไว้ในเรือนนอน ห้ามผู้คนภายนอกเข้าไปเยี่ยม จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเขาและนั่นก็เพื่อให้บุตรสาวได้สำนึกตน เขาไม่อยากทำเรื่องราวให้มันใหญ่โต จึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ อีกทั้งหลี่ชิงเหมียวก็ยังมีชีวิตอยู่ และอีกไม่นานหลี่ชิงหรงก็จะออกเรือนแล้ว ฮูหยินรอง ซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ของหลี่ชิงเหมียว ย่อมรู้สึกไม่พอใจ ในคำตัดสินของสามี แต่นางกลับมิอาจท้วงติงเขาได้หลี่ชิงเหมียวเองก็ไม่ได้เรียกร้องอันใด เพราะอย่างน้อย นางก็ทำให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงแล้ว ว่าพี่หญิงรองผู้นี้มีจิตใจอำมหิตเพียงใด ส่วนบิดาจะตัดสินใจเช่นไรนั้น ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว“คุณหนูจะปล่อยให้คุณหนูรอง ถูกทำโทษแค่การกักบริเวณเพียงแค่นั้นเองหรือเจ้าคะ”อี้เหลียนเองก็รู้สึกไม่พอใจ ในการที่ท่านเจ้าตระกูลหลี่ ตัดสินลงโทษคุณหนูรองเพียงแค่การกักบริเวณ เห็นได้ชัดว่า นายท่านเห็นชื่อเสียงของตระกูล สำคัญกว่าชีวิตของคนในตระกูล“ท่านพ่อเป็นบัณฑิต
ทางด้านนายท่านตระกูลจง ได้ยินท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่กล่าวเช่นนี้ เขาก็พอจะรู้ได้ว่า อีกฝ่ายหวงแหนบุตรีนางนี้ มากกว่าบุตรีคนรอง ถึงมิได้ยินดีที่จะให้อีกฝ่ายออกเรือน มาอยู่ตระกูลที่ไม่นับว่ามีอนาคตก้าวหน้าเช่นพวกเขา แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนในตระกูลเขา ไม่มีลูกหลานที่ใช้การได้ดีเลยสักคนหลังจากที่หารือเรื่องการถอนหมั้นเสร็จเรียบร้อย หลี่ต้าถงก็รีบนั่งรถม้ากลับจวนตระกูลหลี่ ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง พลางครุ่นคิดอย่างโกรธเคืองอยู่ภายในใจ ว่าอีกฝ่ายกล้าดีอย่างไร ถึงอยากได้หลี่ชิงเหมียวไปเป็นสะใภ้ เด็กที่ล้ำค่าของตระกูลบัณฑิตหลี่เช่นนี้ เขาย่อมต้องเลือกสรรบุรุษที่ดีให้แก่นาง“ตระกูลจงบังอาจนัก ไม่ได้หรงเอ๋อร์ แต่ก็ยังโลภอยากได้เหมียวเอ๋อร์ เหอะ!! พวกเขาไม่คู่ควร!!” หลี่ต้าถงสบถออกมาด้วยความขุ่นเคือง เฉินจงยิ้มออกมาพลางกล่าวประจบเจ้านาย“จริงขอรับ ข้าเห็นแววตาของนายท่านจงผู้นั้น ยามที่กล่าวถึงคุณหนูสาม ตาเป็นประกายเชียว เขายังคงคิดว่าจะยังมีโอกาสได้เกี่ยวดองกับตระกูลหลี่อยู่อีกหรือไร”ท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่ได้ระบายความคับข้องใจออกมาก็ค่อย
หลี่ชิงเหมียวเองก็ไม่คิดว่าเรื่องราวของหลี่ชิงหรงจะจบลงง่ายดายถึงเพียงนี้ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลี่ชิงหรงถึงได้นึกชิงชังหลี่ชิงเหมียวที่เป็นน้องสาวต่างมารดานัก ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเด็กไม่รู้ความ ไม่แม้แต่จะแย่งความโปรดปรานจากบิดาได้ด้วยซ้ำเรื่องนี้ย่อมต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน แต่ทว่าเบื้องหลังของนางจะเป็นผู้ใดกัน เรื่องนี้นางยังไม่แน่ใจ แต่นางเชื่อว่าอีกไม่นาน ผู้บงการก็จะต้องเผยโฉมหน้าออกมา ยิ่งนางโดดเด่นและเรียกความสนใจจากบิดาได้มากเท่าไหร่ คนผู้นั้นก็ย่อมจะอยู่ไม่เป็นสุข“ข้าให้อภัยนาง ขอให้นางได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี” หลี่ชิงเหมียวกล่าวจากใจ เหลียวซื่อยิ้มจางๆ ออกมาก่อนที่จะกล่าวลา“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยไม่รบกวนคุณหนูสามแล้ว โปรดรักษาตัวด้วย” เหลียวซื่อกล่าวจบก็คำนับลาเด็กสาว แล้วเดินจากไปทันทีหลี่ชิงเหมียวมองตามเรือนร่างอรชร ที่ยังคงความงดงามของเหลียวซื่อ พลางคิดใคร่ครวญในใจ ไม่ว่าสตรีจะงดงามปานใด หากไม่ได้รับความโปรดปรานจากบุรุษแล้ว ก็ต้องอยู่ในจวน จนสุดท้าย ก็ต้องกลายเป็นเพียงแค่บุปผาที่โรยราอยู่ดีมิสู้ออกไปใช้ชีวิตเป็นของตนเองเสีย
ภายในจวนตระกูลหลี่ ยามนี้สงบเงียบราวกับว่า ไม่เคยเกิดเรื่องราวร้ายแรงอันใดขึ้นมา แม้การสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป จะถือเป็นเรื่องเศร้า ทว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเพียงไม่นาน เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็กลับมาเป็นปกติ ทุกคนต่างก็เข้าใจ ไปในทิศทางเดียวกันว่า เพราะหลี่ชิงหรงเกิดจิตวิปลาส จึงได้ตัดสินใจจบชีวิตตนเองทว่าหลี่ชิงเหมียวกลับรู้สึกว่า เรื่องราวมันมิได้เป็นเช่นนั้น นางคงจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพื่อความปลอดภัยของพี่ชายและมารดา เพราะว่านางเหลือเวลาอยู่ในจวนตระกูลหลี่ที่แสนวุ่นวายนี้อีกไม่มากแล้ว และผู้ต้องสงสัยในจวนตระกูลหลี่ ยามนี้ก็เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนถ้าหากฟังจากที่เด็กคนนั้นกล่าว ก่อนนางจะสลายหายไป ว่าขอให้ช่วยปกป้องมารดา กับพี่ชายของนางด้วย นั่นหมายความว่า จ้าวซื่อกับหลี่ต้าหลุน ก็คงไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความเลวร้าย ที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่อย่างแน่นอน“เหมียวเอ๋อร์…วันนี้เจ้าอยากออกไปฟังอุปรากร ที่โรงน้ำชาจวี่ซุนกับพี่รองหรือไม่”เสียงของหลี่ต้าหลุนดังขึ้นจากทางด้านหลัง หลี่ชิงเหมียวที่กำลังยืนครุ่นคิด อยู่ภายในสวนดอกไม้ข้างเรือนนอน ของตน จ
หลังจากที่สองพี่น้อง ลงมาจากรถม้า ก็ได้พากันเดินเข้าไปภายในตลาด หลี่ชิงเหมียวมองไปรอบๆ เห็นพวกคนเร่ร่อน ที่นั่งขอทานอยู่ข้างทาง ก็รู้สึกหดหู่ใจยิ่ง พลันนึกไปถึงสามีในชีวิตก่อน หลังที่นางจากไปแล้ว ดูเหมือนว่า เขาจะแบกรับภาระหน้าที่ รักษาความสงบของบ้านเมือง หนักขึ้นไปทุกวันเช่นนี้แล้ว…เขาจะมีเวลาไปมอบความรัก ความอบอุ่นให้แก่บุตรชายได้อย่างไรกัน ภายในใจของหลี่ชิงเหมียวยามนี้รู้สึกขมปร่ายิ่งนัก นางเกรงว่า…กว่านางจะหาโอกาส แต่งเข้าไปในจวนตระกูลหลัวได้สำเร็จ บุตรชายก็คงจะกลายเป็นเด็ก ที่ขาดความรักความอบอุ่นจากบิดาไปเสียแล้วโรงน้ำชาจวี่ซุน เป็นโรงน้ำชาที่มีคณะอุปรากรเลื่องชื่อ มาทำการแสดงอยู่บ่อยครั้ง หลี่ต้าหลุนพาน้องสาวของตนเข้าไปข้างใน เสี่ยวเอ้อรีบมาต้อนรับ กุลีกุจอเชิญพวกเขาไปนั่งยังโต๊ะ ที่ตำแหน่งหน้าเวที แขกของโรงเตี๊ยมต่างพากันมองมายังทั้งสองคน ด้วยแววตาสนใจใคร่รู้“นั่นมิใช่คุณชายรองสกุลหลี่หรอกรึ” แขกของโรงเตี๊ยม ที่นั่งอยู่ข้างในก่อนแล้ว เอ่ยถามสหายร่วมโต๊ะออกมา“ใช่ๆ …และนั่นก็คงจะเป็นคู่หมายของเขาใช่หรือไม่ เอ๋&helli
หลี่ชิงเหมียวนั่งชมอุปรากร เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของหลัวอี้เฉิน และตัวนางใช้ชีวิตก่อน อยู่กับพี่ชายรองที่โรงน้ำชาจวี่ซุนจนจบการแสดง จากนั้นจึงพากันออกจากโรงน้ำชา แต่ก่อนที่จะพวกนางจะเดินทางกลับจวน หลี่ต้าหลุนเห็นว่ายังมีเวลา ก็เลยพานางไปแวะชมเครื่องประดับที่ร้านอวี้หรูเขาเลือกซื้อกำไลหยกขาวมันแพะ และต่างหูไข่มุกเม็ดเล็กๆ คู่หนึ่งมอบให้แก่นาง โดยบอกว่าเป็นของกำนัล ในวัยปักปิ่นของนางที่จะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลี่ชิงเหมียวจึงรับน้ำใจของพี่ชายรองเอาไว้ด้วยความยินดี หลังจากออกจากร้านอวี้หรู สองพี่น้องก็เดินกลับไปยังรถม้าที่จอดเอาไว้ข้างโรงเตี๊ยมอวี๋ชุนรถม้าจวนตระกูลหลี่ เคลื่อนผ่านออกจากตลาดไป ระหว่างทางได้สวนทางกับกลุ่มบุรุษในชุดมือปราบกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังควบขี่อาชา มุ่งหน้าไปยังเส้นทาง ที่รถม้าตระกูลหลี่จากมาหลี่ชิงเหมียวเปิดม่านมองไปยังกลุ่มคน ครั้นเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ก็ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง นัยน์ตาคมของหัวหน้ามือปราบหนุ่ม สบเข้ากับนัยน์ตากลมของเด็กสาวในรถม้าเข้าพอดี หลัวอี้เฉินกลับรู้สึกคุ้นเคย กับแววตาของเด็กสาวผู้นั้นอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากวันที่หลี่ชิงเหมียว ออกไปชมอุปรากร ที่โรงน้ำชาจวี่ซุนกับหลี่ต้าหลุน พี่ชายรองของนาง และขากลับจวนก็ได้บังเอิญพบกับสามีในชีวิตก่อน นางก็เริ่มได้ยินถึงข่าวคราว ของกลุ่มโจรป่าที่บุกไปปล้นฆ่า พวกชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองซีซวนว่าโจรร้ายเหล่านั้น ได้ถูกพวกมือปราบแห่งสำนักพิทักษ์เมฆา บุกเข้าไปจับกลุ่ม และสังหารผู้ที่ยกอาวุธต่อสู้ จนเหลือพวกโจรที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสิบคน“ใต้เท้าอสุรา หัวหน้ามือปราบหนุ่มผู้นั้น จัดการพวกโจรได้โหดเหี้ยม สมคำร่ำลือจริงๆ” บ่าวแรงงานที่กำลังขุดดินอยู่ภายในสวนบุปผาเอ่ยกับบ่าวแรงงานอีกคน“นั่นน่ะสิ…แต่พวกโจรเหล่านั้น ก็ช่างสมควรตายจริงๆ อาจหาญบุกหมู่บ้าน ฆ่าคนราวกับเป็นผักปลา แล้วเป็นอย่างไร ได้ลิ้มรสเองเสียบ้าง ข้าล่ะนับถือใต้เท้าอสุราผู้นั้นจากใจจริง ต้องจัดการให้เด็ดขาดเช่นนี้ พวกมันจะได้ไม่กล้ากลับมาเหิมเกริมอีก” บ่าวอีกคนแสดงความเห็นออกมาอย่างออกรสออกชาติ น้ำเสียงและแววตาบ่งบอกถึงความสาแก่ใจหลี่ชิงเหมียวเดินหลบเลี่ยงออกไปจากบริเวณนั้น มุมปากงามยกขึ้นเพียงเล็กน้อย นางรู้อยู่แล้ว ว่าเขาผู้นั้
“นางไม่มีวันยึดอำนาจไปจากฮูหยินใหญ่ได้หรอกเจ้าค่ะ ถึงแม้ว่านางจะเป็นฮูหยินที่นายท่านได้รับพระราชทานสมรสมา แต่ถึงอย่างไรฮูหยินใหญ่ ก็ยังเป็นภรรยาผูกเงื่อนผมกับนายท่านอยู่ดี นายท่านจะต้องไม่ทำสิ่งใดข้ามหน้าข้ามตานายหญิงอย่างแน่นอน” โจวมาม่ากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจถึงอย่างไรนายท่านก็เคยเป็นถึงบัณฑิตทั่นฮวา เคยทำงานรับใช้ราชสำนัก ก่อนที่จะลาออกมาเปิดสำนักศึกษาที่เมืองถง นายท่านย่อมรักในหน้าตา และชื่อเสียงของตน ต้องไม่ทำเรื่องอันใดให้ภรรยาเอก ต้องคับข้องหมองใจอย่างแน่นอน“ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” เหนียนซื่อเอ่ยออกมาอย่างทอดถอนใจใช่ว่านางจะไม่รู้จักสามี หลี่ต้าถงเป็นบุรุษผู้หนึ่งที่รักในหน้าตา และชื่อเสียงของตน ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นบัณฑิตทั่นฮวา ที่ได้รับตำแหน่งเป็นถึงท่านราชครูของเหล่าองค์ชาย ถ้าหากว่าเขาไม่เบื่อหน่าย กับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง มีหรือที่เขาจะลาออก และพานางย้ายออกจากเมืองหลวง มาพำนักอยู่ที่เมืองถงแห่งนี้สาเหตุที่นางเกลียดชังฮูหยินรอง ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายแสนดีจนเกินไป แสนดีจนนางมองว่า อีกฝ่ายนั้นเสแสร้งแกล้งทำ นางไม่เชื่อว่
และหลังจากวันที่หลี่ชิงเหมียว ได้รับสาวรับใช้จากฮูหยินใหญ่มาสองคน นางก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตนใดออกมา ให้สาวรับใช้ทั้งสองจับผิดได้เลย ในสายตาของพวกนาง หลี่ชิงเหมียวก็เป็นเพียงคุณหนูในห้องหอผู้หนึ่ง ที่มีความอยากรู้อยากเห็น อยากเล่นสนุกไปตามวัยก็เท่านั้นหลี่ชิงเหมียวรู้ดี ว่าสาวรับใช้ทั้งสอง เป็นคนที่ฮูหยินใหญ่ส่งมาจับตาดูนาง แต่มีหรือที่นางจะปล่อยให้สาวรับใช้ทั้งสอง ได้เห็นนางในด้านที่นางไม่อยากให้ผู้อื่นได้เห็น ในเมื่อพวกนางอยากรู้ ว่านางเป็นคนเช่นไร นางก็ทำแค่เพียงแสดงออกมาให้พวกนางวางใจณ เรือนต้าชางเจ้าของเรือนร่างอวบอิ่มกำลังนั่งเย็บปักอยู่บนตั่งตัวยาว นัยน์ตาเรียวดุจหงส์ยกขึ้น ยามที่ได้ยินสาวรับใช้รายงานเรื่องราวที่ตนให้ไปสืบความมา“นอกจากมีเรียนกับบรรดาท่านอาจารย์ที่นายท่านเชิญมาแล้ว ยามว่างๆ หากไม่นั่งอ่านตำรา ก็กิน ไม่กินก็นอน ไม่นอนก็เดินเล่นอยู่ในสวนบุปผาเจ้าค่ะ” อี้หงรายงานออกมา นางคือหนึ่งในสาวรับใช้ที่ฮูหยินใหญ่ ส่งตัวไปคอยจับตาดูเรือนเล็กหลังจวน“ทั้งๆ ที่นางสามารถเรียกร้องนายท่าน ให้ย้ายนางมาอยู่เรือนที่ใหญ่โตกว้างขวางกว่าได้ น
หลังจากวันที่หลี่ชิงเหมียว ออกไปชมอุปรากร ที่โรงน้ำชาจวี่ซุนกับหลี่ต้าหลุน พี่ชายรองของนาง และขากลับจวนก็ได้บังเอิญพบกับสามีในชีวิตก่อน นางก็เริ่มได้ยินถึงข่าวคราว ของกลุ่มโจรป่าที่บุกไปปล้นฆ่า พวกชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองซีซวนว่าโจรร้ายเหล่านั้น ได้ถูกพวกมือปราบแห่งสำนักพิทักษ์เมฆา บุกเข้าไปจับกลุ่ม และสังหารผู้ที่ยกอาวุธต่อสู้ จนเหลือพวกโจรที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสิบคน“ใต้เท้าอสุรา หัวหน้ามือปราบหนุ่มผู้นั้น จัดการพวกโจรได้โหดเหี้ยม สมคำร่ำลือจริงๆ” บ่าวแรงงานที่กำลังขุดดินอยู่ภายในสวนบุปผาเอ่ยกับบ่าวแรงงานอีกคน“นั่นน่ะสิ…แต่พวกโจรเหล่านั้น ก็ช่างสมควรตายจริงๆ อาจหาญบุกหมู่บ้าน ฆ่าคนราวกับเป็นผักปลา แล้วเป็นอย่างไร ได้ลิ้มรสเองเสียบ้าง ข้าล่ะนับถือใต้เท้าอสุราผู้นั้นจากใจจริง ต้องจัดการให้เด็ดขาดเช่นนี้ พวกมันจะได้ไม่กล้ากลับมาเหิมเกริมอีก” บ่าวอีกคนแสดงความเห็นออกมาอย่างออกรสออกชาติ น้ำเสียงและแววตาบ่งบอกถึงความสาแก่ใจหลี่ชิงเหมียวเดินหลบเลี่ยงออกไปจากบริเวณนั้น มุมปากงามยกขึ้นเพียงเล็กน้อย นางรู้อยู่แล้ว ว่าเขาผู้นั้
หลี่ชิงเหมียวนั่งชมอุปรากร เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของหลัวอี้เฉิน และตัวนางใช้ชีวิตก่อน อยู่กับพี่ชายรองที่โรงน้ำชาจวี่ซุนจนจบการแสดง จากนั้นจึงพากันออกจากโรงน้ำชา แต่ก่อนที่จะพวกนางจะเดินทางกลับจวน หลี่ต้าหลุนเห็นว่ายังมีเวลา ก็เลยพานางไปแวะชมเครื่องประดับที่ร้านอวี้หรูเขาเลือกซื้อกำไลหยกขาวมันแพะ และต่างหูไข่มุกเม็ดเล็กๆ คู่หนึ่งมอบให้แก่นาง โดยบอกว่าเป็นของกำนัล ในวัยปักปิ่นของนางที่จะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลี่ชิงเหมียวจึงรับน้ำใจของพี่ชายรองเอาไว้ด้วยความยินดี หลังจากออกจากร้านอวี้หรู สองพี่น้องก็เดินกลับไปยังรถม้าที่จอดเอาไว้ข้างโรงเตี๊ยมอวี๋ชุนรถม้าจวนตระกูลหลี่ เคลื่อนผ่านออกจากตลาดไป ระหว่างทางได้สวนทางกับกลุ่มบุรุษในชุดมือปราบกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังควบขี่อาชา มุ่งหน้าไปยังเส้นทาง ที่รถม้าตระกูลหลี่จากมาหลี่ชิงเหมียวเปิดม่านมองไปยังกลุ่มคน ครั้นเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ก็ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง นัยน์ตาคมของหัวหน้ามือปราบหนุ่ม สบเข้ากับนัยน์ตากลมของเด็กสาวในรถม้าเข้าพอดี หลัวอี้เฉินกลับรู้สึกคุ้นเคย กับแววตาของเด็กสาวผู้นั้นอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่สองพี่น้อง ลงมาจากรถม้า ก็ได้พากันเดินเข้าไปภายในตลาด หลี่ชิงเหมียวมองไปรอบๆ เห็นพวกคนเร่ร่อน ที่นั่งขอทานอยู่ข้างทาง ก็รู้สึกหดหู่ใจยิ่ง พลันนึกไปถึงสามีในชีวิตก่อน หลังที่นางจากไปแล้ว ดูเหมือนว่า เขาจะแบกรับภาระหน้าที่ รักษาความสงบของบ้านเมือง หนักขึ้นไปทุกวันเช่นนี้แล้ว…เขาจะมีเวลาไปมอบความรัก ความอบอุ่นให้แก่บุตรชายได้อย่างไรกัน ภายในใจของหลี่ชิงเหมียวยามนี้รู้สึกขมปร่ายิ่งนัก นางเกรงว่า…กว่านางจะหาโอกาส แต่งเข้าไปในจวนตระกูลหลัวได้สำเร็จ บุตรชายก็คงจะกลายเป็นเด็ก ที่ขาดความรักความอบอุ่นจากบิดาไปเสียแล้วโรงน้ำชาจวี่ซุน เป็นโรงน้ำชาที่มีคณะอุปรากรเลื่องชื่อ มาทำการแสดงอยู่บ่อยครั้ง หลี่ต้าหลุนพาน้องสาวของตนเข้าไปข้างใน เสี่ยวเอ้อรีบมาต้อนรับ กุลีกุจอเชิญพวกเขาไปนั่งยังโต๊ะ ที่ตำแหน่งหน้าเวที แขกของโรงเตี๊ยมต่างพากันมองมายังทั้งสองคน ด้วยแววตาสนใจใคร่รู้“นั่นมิใช่คุณชายรองสกุลหลี่หรอกรึ” แขกของโรงเตี๊ยม ที่นั่งอยู่ข้างในก่อนแล้ว เอ่ยถามสหายร่วมโต๊ะออกมา“ใช่ๆ …และนั่นก็คงจะเป็นคู่หมายของเขาใช่หรือไม่ เอ๋&helli
ภายในจวนตระกูลหลี่ ยามนี้สงบเงียบราวกับว่า ไม่เคยเกิดเรื่องราวร้ายแรงอันใดขึ้นมา แม้การสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป จะถือเป็นเรื่องเศร้า ทว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเพียงไม่นาน เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็กลับมาเป็นปกติ ทุกคนต่างก็เข้าใจ ไปในทิศทางเดียวกันว่า เพราะหลี่ชิงหรงเกิดจิตวิปลาส จึงได้ตัดสินใจจบชีวิตตนเองทว่าหลี่ชิงเหมียวกลับรู้สึกว่า เรื่องราวมันมิได้เป็นเช่นนั้น นางคงจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพื่อความปลอดภัยของพี่ชายและมารดา เพราะว่านางเหลือเวลาอยู่ในจวนตระกูลหลี่ที่แสนวุ่นวายนี้อีกไม่มากแล้ว และผู้ต้องสงสัยในจวนตระกูลหลี่ ยามนี้ก็เหลือเพียงแค่ไม่กี่คนถ้าหากฟังจากที่เด็กคนนั้นกล่าว ก่อนนางจะสลายหายไป ว่าขอให้ช่วยปกป้องมารดา กับพี่ชายของนางด้วย นั่นหมายความว่า จ้าวซื่อกับหลี่ต้าหลุน ก็คงไม่ใช่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความเลวร้าย ที่เกิดขึ้นในตระกูลหลี่อย่างแน่นอน“เหมียวเอ๋อร์…วันนี้เจ้าอยากออกไปฟังอุปรากร ที่โรงน้ำชาจวี่ซุนกับพี่รองหรือไม่”เสียงของหลี่ต้าหลุนดังขึ้นจากทางด้านหลัง หลี่ชิงเหมียวที่กำลังยืนครุ่นคิด อยู่ภายในสวนดอกไม้ข้างเรือนนอน ของตน จ
หลี่ชิงเหมียวเองก็ไม่คิดว่าเรื่องราวของหลี่ชิงหรงจะจบลงง่ายดายถึงเพียงนี้ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลี่ชิงหรงถึงได้นึกชิงชังหลี่ชิงเหมียวที่เป็นน้องสาวต่างมารดานัก ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเด็กไม่รู้ความ ไม่แม้แต่จะแย่งความโปรดปรานจากบิดาได้ด้วยซ้ำเรื่องนี้ย่อมต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน แต่ทว่าเบื้องหลังของนางจะเป็นผู้ใดกัน เรื่องนี้นางยังไม่แน่ใจ แต่นางเชื่อว่าอีกไม่นาน ผู้บงการก็จะต้องเผยโฉมหน้าออกมา ยิ่งนางโดดเด่นและเรียกความสนใจจากบิดาได้มากเท่าไหร่ คนผู้นั้นก็ย่อมจะอยู่ไม่เป็นสุข“ข้าให้อภัยนาง ขอให้นางได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี” หลี่ชิงเหมียวกล่าวจากใจ เหลียวซื่อยิ้มจางๆ ออกมาก่อนที่จะกล่าวลา“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยไม่รบกวนคุณหนูสามแล้ว โปรดรักษาตัวด้วย” เหลียวซื่อกล่าวจบก็คำนับลาเด็กสาว แล้วเดินจากไปทันทีหลี่ชิงเหมียวมองตามเรือนร่างอรชร ที่ยังคงความงดงามของเหลียวซื่อ พลางคิดใคร่ครวญในใจ ไม่ว่าสตรีจะงดงามปานใด หากไม่ได้รับความโปรดปรานจากบุรุษแล้ว ก็ต้องอยู่ในจวน จนสุดท้าย ก็ต้องกลายเป็นเพียงแค่บุปผาที่โรยราอยู่ดีมิสู้ออกไปใช้ชีวิตเป็นของตนเองเสีย
ทางด้านนายท่านตระกูลจง ได้ยินท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่กล่าวเช่นนี้ เขาก็พอจะรู้ได้ว่า อีกฝ่ายหวงแหนบุตรีนางนี้ มากกว่าบุตรีคนรอง ถึงมิได้ยินดีที่จะให้อีกฝ่ายออกเรือน มาอยู่ตระกูลที่ไม่นับว่ามีอนาคตก้าวหน้าเช่นพวกเขา แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนในตระกูลเขา ไม่มีลูกหลานที่ใช้การได้ดีเลยสักคนหลังจากที่หารือเรื่องการถอนหมั้นเสร็จเรียบร้อย หลี่ต้าถงก็รีบนั่งรถม้ากลับจวนตระกูลหลี่ ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง พลางครุ่นคิดอย่างโกรธเคืองอยู่ภายในใจ ว่าอีกฝ่ายกล้าดีอย่างไร ถึงอยากได้หลี่ชิงเหมียวไปเป็นสะใภ้ เด็กที่ล้ำค่าของตระกูลบัณฑิตหลี่เช่นนี้ เขาย่อมต้องเลือกสรรบุรุษที่ดีให้แก่นาง“ตระกูลจงบังอาจนัก ไม่ได้หรงเอ๋อร์ แต่ก็ยังโลภอยากได้เหมียวเอ๋อร์ เหอะ!! พวกเขาไม่คู่ควร!!” หลี่ต้าถงสบถออกมาด้วยความขุ่นเคือง เฉินจงยิ้มออกมาพลางกล่าวประจบเจ้านาย“จริงขอรับ ข้าเห็นแววตาของนายท่านจงผู้นั้น ยามที่กล่าวถึงคุณหนูสาม ตาเป็นประกายเชียว เขายังคงคิดว่าจะยังมีโอกาสได้เกี่ยวดองกับตระกูลหลี่อยู่อีกหรือไร”ท่านเจ้าสำนักศึกษาตระกูลหลี่ได้ระบายความคับข้องใจออกมาก็ค่อย
หลังจากเหตุการณ์ที่หลี่ชิงเหมียว ได้เปิดโปงความผิดของพี่สาวต่างมารดา หลี่ชิงหรงก็ถูกผู้เป็นบิดาตัดสินลงโทษด้วยวิธีการของตนเอง แทนการใช้กฎของตระกูล คือการขังนางเอาไว้ในเรือนนอน ห้ามผู้คนภายนอกเข้าไปเยี่ยม จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเขาและนั่นก็เพื่อให้บุตรสาวได้สำนึกตน เขาไม่อยากทำเรื่องราวให้มันใหญ่โต จึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ อีกทั้งหลี่ชิงเหมียวก็ยังมีชีวิตอยู่ และอีกไม่นานหลี่ชิงหรงก็จะออกเรือนแล้ว ฮูหยินรอง ซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ของหลี่ชิงเหมียว ย่อมรู้สึกไม่พอใจ ในคำตัดสินของสามี แต่นางกลับมิอาจท้วงติงเขาได้หลี่ชิงเหมียวเองก็ไม่ได้เรียกร้องอันใด เพราะอย่างน้อย นางก็ทำให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงแล้ว ว่าพี่หญิงรองผู้นี้มีจิตใจอำมหิตเพียงใด ส่วนบิดาจะตัดสินใจเช่นไรนั้น ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว“คุณหนูจะปล่อยให้คุณหนูรอง ถูกทำโทษแค่การกักบริเวณเพียงแค่นั้นเองหรือเจ้าคะ”อี้เหลียนเองก็รู้สึกไม่พอใจ ในการที่ท่านเจ้าตระกูลหลี่ ตัดสินลงโทษคุณหนูรองเพียงแค่การกักบริเวณ เห็นได้ชัดว่า นายท่านเห็นชื่อเสียงของตระกูล สำคัญกว่าชีวิตของคนในตระกูล“ท่านพ่อเป็นบัณฑิต