Masukค่ำคืนหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน
“ฮื้อ…คนเลว”
เสียงประณามหอบๆ ทำให้ฝ่ามือที่คลึงปทุมถันนุ่มหยุ่นภายใต้เสื้อตัวโคร่งเปลี่ยนมาเคล้นหนักๆ ขณะจงใจลดปากร้อนร้ายลงมากระซิบด้วยถ้อยคำหยาบโลน
“ปากเก่งแบบนี้ ก็ช่วย ‘อึ๊บ’ ให้มันเก่งๆ ด้วยนะ…พิกกี้”
พิกกี้?
ลูกหมูงั้นเหรอ?
“ฉะ…ฉันไม่ได้ชื่อพิกกี้”
เสียงสั่นระริกปฏิเสธท่ามกลางความมืดมิด ไฟในรีสอร์ตที่เธอมาร่วมงานวันเกิดของเพื่อนร่วมคณะดันมาดับตอนเธอกลับเข้าห้องมาด้วยอาการแปลกๆ หลังจากถูกคะยั้นคะยอให้กินเหล้าไปเกือบสองแก้ว
“ก็อยากเรียกมีไรมะ แม่ลูกหมูน้อย”
น้ำเสียงยียวนทว่าพร่ากระเส่าทำให้ร่างอวบอิ่มทั้งหวาดผวา และร้อนฉ่าได้อย่างน่าประหลาด ดูท่าเธอคงโดนเพื่อนร่วมคณะวางยาปลุกเซ็กส์เข้าแล้ว ไม่งั้นคงไม่ซาบซ่านในทุกคราที่คนโอหังเหนือร่างสัมผัสเช่นนี้
ไม่ได้การแล้ว!
เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนจะเสียความสาวที่อุตส่าห์เก็บไว้มาตั้งหลายปีให้แก่คนแปลกหน้า
“ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันยังเด็กอยู่ ยังเรียนหนังสือไม่จบ คุณคงไม่อยากถูกแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกใช่ไหม” นักศึกษาแพทย์สาววิงวอนเสียงสั่นๆ ก่อนจะเอ่ยทำนองข่มขู่ในตอนท้าย
“งั้นก็ช่วยบอกตำรวจด้วยนะจ๊ะ ว่าถูกกระทำชำเราท่าไหนบ้าง” หลังจากหัวเราะกลั้วลำคอหนา เขาก็สวนกลับด้วยน้ำเสียงรื่นเริง เพราะคิดว่า ‘เด็ก’ ที่เพื่อนส่งมาให้ช่างมีจริตมารยาดีแท้
“ไม่! คุณต้องปล่อยฉันไป”
“จุ๊ๆๆ มาห้ามตอนนี้ไม่สายไปหน่อยเหรออีหนู”
“ฉันไม่รู้จักคุณ ส่วนคุณเองก็ไม่รู้จักฉัน ฉะนั้นเราไม่ควรทำเรื่องแบบนี้” เสียงกระท่อนกระแท่นประท้วง ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อวาจาหยาบโลนสวนกลับทันควัน
“ไม่รู้จักก็ ‘เอา’ กันได้”
“คนบ้า! คุณจะมาฉวยโอกาสข่มเหงฉันแบบนี้ไม่ได้…ฉันไม่ยอม” น้ำคำต่อต้านฟังดูแผ่วปลาย เมื่อถูกจอมกักขฬะก้มลงไซ้ซอกคอหอมกรุ่น แล้วดูดหนักๆ จนเจ็บจี๊ดปนเสียววาบ
“เดี๋ยวจะทำให้ยอมเอง”
“คนเลว! ฉันบอกให้หยุดไง”
เธอเค้นเสียงบริภาษพลางดิ้นรนขัดขืน และทุบตีอกแกร่งพัลวัน จนอีกฝ่ายต้องรวบข้อมือกลมกลึงทั้งสองข้างไปตรึงไว้เหนือศีรษะอย่างตัดรำคาญ แต่กระนั้นแม่คุณยังคิดจะประทุษร้ายด้วยการผงกหัวขึ้นหวังโขกเข้ากับหน้าผากกว้าง ดีหน่อยที่เขาไหวตัวทัน จึงลงโทษด้วยการกระแทกปากหยักลงดูดปากอิ่มหนักๆ จนเธอหายใจหายคอแทบไม่ทัน ครั้นปากเจ่อเป็นอิสระเสียงติดจะหอบก็เปลี่ยนมาวิงวอน
“ปะ..ปล่อย ฉันไปเถอะ”
เจ้าของร่างทะมึนในความมืดที่นั่งคร่อมเธออยู่ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอเป็นคนเดินเข้าห้องมาเสนอ แล้วจะมากลับลำทีหลัง ไม่ขี้ขลาดไปหน่อยหรือไง”
“ฉันเข้าห้องผิด แถมยังควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะโดนวางยา…อ๊า…”
ท้ายประโยคปากอิ่มหลุดเสียงครางน่าละอายออกมา ในวินาทีที่ริมฝีปากร้อนชื้นงาบงับติ่งหูน้อย แล้วขบเม้มยั่วเย้าเบาๆ แต่ทำเอาคนไม่ประสาขนลุกเกรียวอย่างไร้การควบคุม
“โดนวางยาหรือไม่…ไม่รู้ แต่ในเมื่อเธอกล้าเดินเข้าห้องมายั่วฉัน ก็อย่าหวังว่าจะออกไปได้ง่ายๆ”
เจ้าของเสียงห้าวเจือแหบว่าพลางกระชากเสื้อเธอออก ปาทิ้งอย่างไม่อินังขังขอบ แล้วฉกปากใส่ยอดอกสีระเรื่ออย่างหยาบคาย เล่นเอาร่างอวบสะดุ้งเฮือก
“อ๊ะ! อ๊า!”
เสียงครางผาดแผ่วเจือสะท้านหลุดจากปากอ่อนนุ่ม แต่มือทั้งสองข้างกลับพยายามผลักไสร่างใหญ่ที่ทาบทับให้ถอยห่าง ตอนนี้อารมณ์ความต้องการเพราะฤทธิ์ยาและความผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันให้วุ่น
“เก็บเสียงไว้ครางตอนเราถึงไคล์แม็กซ์เถอะพิกกี้”
“ฉันไม่…”
“ไม่อะไร ถึงได้ฉ่ำเยิ้มชวนกระชากขึ้นสวรรค์แบบนี้”
ขณะเปล่งเสียงแหบพร่าอยู่ริมใบหูแดงก่ำด้วยแรงฤทธิ์พิศวาส นิ้วซุกซนก็รุกรานกลางกายสาวอย่างย่ามใจ ยังผลให้ร่างอวบอิ่มของผู้ถูกกระทำสะท้านด้วยความซ่านสยิว
“ยะ…อย่า…ได้โปรด”
เสียงกระท่อนกระแท่นปนกระเส่าวิงวอน ทว่ากายสาวกลับว้าวุ่นระคนร้อนรุ่มจนเผลอยกสะโพกมนร่อนตามปลายนิ้วร้ายกาจ เรียกเสียงหัวเราะกลั้วลำคอหนา
“อ้อนเก่งแบบนี้ จะโปรดจนลุกจากเตียงไม่ไหวเลยแม่ตัวดี”
ว่าแล้วกายใหญ่ล่ำก็ขยับเข้าหา แล้วเติมเต็มความวาบหวามอย่างมิอาจรั้งรอต่อไปได้แม้แต่เสี้ยววินาที เรียกเสียงกรีดร้องลั่นระงมจากคนใต้ร่างจนเขาแทบหูดับ
“กรี๊ด!!!”
เวร! สาวเวอร์จิ้น!
ชายหนุ่มรู้ในวินาทีนั้นว่าเพิ่งได้ทะลวงผ่านเยื่อบางๆ แต่ช่างแม่ง! มันสายเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับแล้ว ตอนนี้เขากระสันร่างนุ่มนิ่มจนปากคอสั่น และเขามันก็พวกบ้าเซ็กส์ ติดเซ็กส์เหมือนติดสัด
“ไอ้บ้า! ออกไปนะ ฮึก…บอกให้ออกไปไง…”
เสียงสะท้านปนสะอื้นเอ่ยขับไล่ ขณะยกมือสั่นเทาขึ้นผลักอกคนที่ชะโงกง้ำอยู่เหนือร่าง แต่เพียงแค่เธอขยับกายของทั้งคู่ก็แนบชิดสนิทเนื้อกันมากยิ่งขึ้น เรียกเสียงคำรามให้หลุดจากลำคอแกร่ง
“ออกไปเถอะ ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
“ชู่ว์…ไม่มีใครตายเพราะเซ็กส์หรอกพิกกี้ ผ่อนคลายสิเบบี๋ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
คนไม่เคยปลอบใครว่าพลางบดขยี้บี้คลึงยอดอกชูชันอย่างกระตุ้นเร้าให้หลงเพริดลืมความเจ็บปวด ทำเอาสาวน้อยเม้มปากสั่นระริก ด้วยกลัวจะหลุดเสียงครางน่าละอายออกมา ฤทธิ์ของยาทำให้เธอร้อนรุ่ม กระสับกระส่าย ไม่เป็นตัวของตัวเอง และอยากจะละทิ้งความดีงาม แล้วทำตามสัญชาตญาณดิบที่ถูกปลุกขึ้นมา ทว่าสติอันน้อยนิดก็ยังฉุดรั้งให้เธอปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการเค้นเสียงขับไล่อีกครา
“ฉันบอกให้ถอยออกไป! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
“เล่นตัวมันก็เร้าใจหรอกนะทูนหัว แต่ถ้ามากเกินไป ผมจะทนเป็นสุภาพบุรุษไม่ไหวเอาสิจ๊ะ กลัวข่มขืนคุณน่ะ”
คนโอหังว่าพลางทำหน้าเหยเก สูดปากครางกระหึ่ม เมื่อกายสาวรัดรึงจนแทบไม่อยากประวิงเวลาให้เธอได้ปรับตัวรับความอลังการที่แช่นิ่งอยู่ในความอ่อนนุ่มทว่าร้อนผ่าว
ตรงไหนที่เรียกว่าสุภาพบุรุษ?
คนบ้า! เขากำลังข่มขืนเธออยู่ชัดๆ
ให้ตาย! เขาโทรหายัยเด็กดื้อเงียบนั่นตั้งเกือบห้าสิบสาย คนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์สบถในใจด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน และเพราะมัวแต่สนใจเครื่องมือสื่อสารที่ว่า เขาจึงไม่รับรู้ถึงการมาของลูกน้องคนสนิท “ผมไม่เคยเห็นนายหมกมุ่นกับเรื่องของผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน”น้ำคำเหมือนชวนคุยแต่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างมากล้น ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาต่อสายโทรศัพท์ชะงัก เงยขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์พลันเฉยชาในบัดดล “ฉันให้แกมารายงานเรื่องที่ให้ไปสืบ ไม่ใช่ให้มาตั้งคำถาม” เสียงห้วนจัดรวนกลับ “คนนี้จริงจังใช่ไหมครับ”ร่างสง่าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมืนขึ้นกอดอกถ่วงเวลาด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย เล่นกับความรู้สึกคนรอท่าคำตอบ แล้วถึงขยับปากเอ่ยออกมา “นั่นเมียกูไหม”“ก็ไหนว่าไม่เต็มใจจดทะเบียนสมรสไงครับ”ไอ้ลูกน้องเวร! มันยังไม่เลิกเซ้าซี้อีก“มึงจะมาอยากรู้อะไรนักหนาวะ”“งั้นนายก็ตอบมาสิครับ ผมจะได้ไม่ถามให้รำคาญอีก”หึ! ได้คืบจะเอาศอก “ถ้ามึงไม่พูดเรื่องที่กูให้ไปจัดการ ก็ไสหัวไปไกลๆ ตีน”มหรรณพเอ่ยอย่างเฉียบขาด เขาไม่คิดจะอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ลูกน้องฟังอยู่แล
“เอ่อ…พี่แพรกับคุณหวงไม่ได้รักกันหรอกเหรอคะ”หลังจากอึ้งไปอึดใจปิยฉัตรก็เอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับการละลาบละล้วง อีกอย่างก็กลัวจะไปกระทบจิตใจอีกฝ่ายเข้า “ถ้าจะรัก ก็คงมีแค่พี่ที่แอบรักสามีตัวเองข้างเดียวมาตั้งแต่เล็กจนโต รักทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ รักจนยอมสละไตข้างหนึ่งให้เขาในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุปางตาย”“การสละไตข้างหนึ่งที่ทำให้หมอคนที่เพิ่งไปกับคุณหวงเป็นข่าว และถูกยกย่องว่าเป็นนางฟ้าชุดกาวน์ใช่ไหมคะ”ปิยฉัตรละล่ำละลักอย่างตกใจ เริ่มเดาได้ว่าสาวสวยที่เพิ่งจากไปคือคนที่มาชุบมือเปิบเอาความดีความชอบที่ปานระพีสมควรจะได้รับไปอย่างหน้าตาเฉย “ฮื่อ…”“แล้วทำไมพี่แพรไม่บอกความจริงกับคุณหวงไปตรงๆ ล่ะคะ” ปิยฉัตรเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแทน รู้สึกสงสารคนที่ทำตัวปิดทองหลังพระเช่นปานระพีจับจิต “มันไม่มีประโยชน์หรอก เขาไม่ได้รักพี่ และเราสองคนก็กำลังจะหย่ากัน”ปานระพีส่ายหน้า แล้วยิ้มเศร้า จากนั้นก็ปรับทุกข์กับอีกฝ่ายอีกนิดหน่อย ส่วนปิยฉัตรก็เล่าถึงสาเหตุที่เธอต้องมาขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ตบท้ายด้วยการขอร้องให้ปานระพีช่วยบอกเธอ หากว่าเห็นอะไรไม่
บ่ายวันนั้น หลังจากตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลรักษ์เสร็จ ปานระพีก็ถูกมหรรณพลากติดมือไปขึ้นรถ ครั้นจะหาทางหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะพ่อคุณดันมานั่งเฝ้าหน้าห้องตรวจก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง ด้วยกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าดีเดือดตามที่ได้ข่มขู่ไว้ เธอจึงไม่กล้าโวยวายและขัดขืน แต่น่าแปลก!มหรรณพดูมึนตึง เย็นชา และหมางเมินจนน่าใจหาย มันเกิดอะไรขึ้น? ถ้าว่าเขาทำตามแผนที่คุณย่าโทรมาเล่าให้ฟังในตอนเที่ยง มันจะเวอร์ไปหน่อยไหม ในเมื่อคณิสราไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเสียหน่อย แล้วเขาจะเล่นละครไปเพื่ออะไร เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะโกรธเธอเรื่องหย่าที่ฝากคนเป็นย่าไปบอก โกรธแล้วยังไง?ต่อให้ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เธอก็จะหย่าอยู่ดี ตอนแรกนั้นปานระพีงงหนักมาก ที่อยู่ๆ มหรรณพก็พามาที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง กระทั่งได้พบและทำความรู้จักอย่างเป็นทางการกับจอมพล อาศิระ เจ้าพ่อมาเฟียแดนใต้ และแพทย์หญิงปิยฉัตร สิทธิประเสริฐ ซึ่งสาวห้าวที่ว่ามาสมทบทีหลัง จริงๆ ปานระพีพอจะรู้จักสองคนอยู่ก่อนแล้ว เธอได้มีโอกาสรู้จักจอมพลผ่านทางนลินนิภา ส่วนปิยฉัตรนั้นก็เป็นรุ่นน้องสมัยเรียน ทำงานที่โรงพยาบาลรักษ์เหมือนกัน แถมยังเคยอยู่ในเหตุการณ์
“มันหนาว ขอกอดหน่อย”ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ วงแขนแกร่งกระชับเอวคอดมากยิ่งขึ้น แล้วเอ่ยเหมือนชวนคุย “เมื่อกี้เกือบไม่เสร็จแน่ะ ต้องหลับตานึกถึงหน้าแดงๆ ของแพรตอนผมขึ้นขี่แบบเมื่อคืนแทบแย่”อึ๋ยยย ดูพูดเข้า! คนอะไรไร้ยางอายสิ้นดี! “ทุเรศ! น่าเกลียดที่สุด!”“น่าเกลียดตรงไหน ‘ช่วยตัวเอง’ เป็นเรื่องธรรมดาจะตาย โลกสวยด้วยมือเราน่ะเคยได้ยินไหม”ทนความไร้ยางอายของอีกฝ่ายไม่ไหว ปานระพีก็หลับตาลงเป็นเชิงยุติบทสนทนา ซึ่งเขาก็กอดกระชับเอวคอดมากยิ่งขึ้น แล้วพึมพำนัดหมาย ว่าจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งในวันพรุ่งนี้ ตบท้ายด้วยการจุมพิตหน้าผากมนอย่างแผ่วพลิ้ว ทำเอาคนแสร้งหลับตัวเกร็ง ใช้เวลาทำใจให้สงบอยู่นานกว่าจะหลับลง รุ่งเช้าลูกน้องของมหรรณพก็มาเคาะประตูห้อง เอาเสื้อผ้ามาให้เจ้านาย อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เจ้าของร่างทรงพลังก็เดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าขนหนูของเธอที่พอไปพันอยู่ตรงเอวสอบกลับดูสั้นจู๋ไปถนัดตา ส่วนมือก็ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมด้วยท่าทีสบายๆ ยืนอวดหุ่นทรมานใจอย่างหน้าตาเฉย “งายยยย…ชอบที่เห็นไหมพิกกี้” น้ำคำสัพยอกทำให้คนที่เอาแต่นอนจ้องเขาได้สติ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะอุบอิบออกมา “บ้
“เด็กดี”คนได้ดั่งใจเอ่ยชมอย่างยิ้มๆ ขณะเอื้อมมือมาโยกหัวน้อยเบาๆ คนตัวเล็กเงยหน้าถลึงตาใส่ ปัดมือใหญ่ออกจากหัวตัวเอง แต่กลับต้องหลุดสะดุ้ง เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนฝ่ามือกระด้างลงมาไล้ที่ลำคอระหง “ผู้ใหญ่ให้ของต้องทำยังไงครับ” คำว่า ‘ครับ’ ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พูดกัน แต่พอเป็นเขาพูดเธอกลับใจสั่นซะงั้น “ไม่ได้อยากได้สักหน่อย” คนหน้าตูมย่นจมูก หลุดอุทานหน้าตื่น เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็รั้งลำคอระหงเข้าหา ในจังหวะที่เขายื่นหน้าข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้ แล้วทำให้เธอตัวแข็งทื่อ แทบหยุดหายใจ ด้วยการประกบปากหยักเข้ากับปากอิ่ม ปานระพีอึกอักประท้วง แต่แทนที่จะหลุดพ้นกลับโดนล้วงชิมความหวานล้ำจนหนำใจ“คราวหน้าคราวหลังถ้าผมให้อะไร ต้องขอบคุณแบบเมื่อกี้นะลูกหมูน้อย” หลังจากถอนปากห่างอย่างอ้อยอิ่ง จอมเจ้าเล่ห์ก็เอ่ยบอกอย่างครึ้มอกครึ้มใจ พลางหลิ่วตาให้ จากนั้นคนโดนปล้นจูบจนปากเจ่อก็จัดการกับของกินตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จา ไม่ยอมสบตากับคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้าม ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนจนมหรรณพนึกอยากจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป “ขอชิมหน่อยสิ”เขาว่าพลางจ้องจานสลัดของเธอนิ่งๆ “คุณไม่ชอบกินผักไม่ใช่เหรอคะ”“รู้ได้ไง”
ไม่อยากจะเชื่อว่าเสาร์อาทิตย์นี้มหรรณพจะขลุกอยู่กับเธอตลอด ไล่ยังไงก็ไม่ไป แถมยังทำตัวน่าหมั่นไส้ เธอเดินไปไหนก็เดินตาม ถึงแม้จะอยู่ในห้องแคบๆ ที่แค่ปรายตามองก็รู้แล้ว ว่าเธอกำลังทำอะไร อยู่ตรงไหน แต่เขาก็ยังตามมาอยู่ใกล้ๆ นับวันยิ่งทำตัวประหลาดชวนให้ลากไปเช็กประสาทเข้าไปทุกที เมื่อเลี่ยงไม่ได้ หนีหน้าเขาก็ไม่ได้ เพราะนอกจากเธอจะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ เมื่อคืนยังถูกเขาสูบพลังจนแทบกระดิกนิ้วไม่ไหว ฉะนั้นที่ทำได้ก็คือหมกตัวอยู่แต่ในห้อง นอนกลางวันให้ร่างพังๆ ได้ชาร์ตพลังงาน และพยายามไม่สนใจแขกไม่ได้รับเชิญ ที่ชอบทำตัวมีปัญหาเรียกร้องความสนใจอยู่บ่อยครั้ง พอตกเย็นเธอก็ทำอาหารง่ายๆ โดยไม่ลืมเผื่อเขาด้วย ไม่ใช่ว่าเต็มใจแต่โดนคนบ้าอำนาจบังคับ “ทำอะไรกินหืม…”เสียงห้าวเจือแหบของคนที่ยืนซ้อนหลังกระซิบงึมงำชิดซีกแก้มนวลปลั่ง ก่อนจะขโมยจูบเร็วๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ครั้นคนหน้าร้อนจี๋จะเอนตัวหนีเขาก็รวบเอวคอดเอาไว้ แล้วแถมจุ๊บให้อีกหลายหน “ว่างายยยย…ลูกหมูน้อย ถามทำไมไม่ตอบ” เธอเกลียดเสียงยานคางกวนประสาทนั่นชะมัด“ทำข้าวผัดแหนมคะ เอ่อ…คุณไปรอที่โต๊ะกินข้าวดีกว่านะคะ ทำแบบนี้ฉันไม่







