LOGINบทที่ 7.2 คุณแม่การละคร
“พะ...พี่คิมกำลังจะมาค่ะ”
หลังวางสาย หญิงสาวก็หันมาบอกคุณนายจิตตาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้ากังวล คนแกล้งป่วยถึงกับยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“ดีมาก หนูนิชาแสดงได้เยี่ยมมากจ้ะ ตาคิมจะต้องรีบมาแน่ ๆ”
“ทำแบบนี้จะดีหรือคะคุณป้า ถ้าพี่คิมรู้ความจริงเข้าจะทำอย่างไร”
ณัฐนิชารู้สึกไม่ดีที่กลายเป็นตัวช่วยในแผนการของคุณนายจิตตา เธอกลัวจะถูกคิมหันต์พาลโกรธไปด้วยหากได้รู้ว่าตนเองช่วยแม่ของเขาในครั้งนี้
“ไม่หรอกจ้ะ ป้าจะแสดงให้เนียนที่สุด รับรองว่าตาคิมดูไม่ออกแน่”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ หนูว่าคุณป้าลองคุยกับพี่คิมแบบจริงจังและตรงไปตรงมาดูดีไหมคะ”
คนฟังส่ายหน้า เธอเลี้ยงลูกชายคนนี้มาเองกับมือย่อมรู้นิสัยดีกว่าใครอยู่แล้ว การเปิดอกคุยกับผู้ชายหัวดื้ออย่างคิมหันต์ไม่ใช่สันติหรือทางออก
“หนูนิชาเชื่อป้า วิธีนี้เท่านั้นที่จะได้ผล”
“แล้วผู้หญิงที่คุณป้าคิดเอาไว้...คือใครเหรอคะ”
เธอถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น แอบเศร้าไม่น้อยที่อีกไม่ช้าดวงดาวที่เธอได้แต่แอบมองมาตลอดกำลังจะมีเจ้าของตัวจริงเป็นของตนเอง
“เดี๋ยวหนูก็รู้จ้ะ รับรองว่าเซอร์ไพรส์แน่ ๆ”
แอ๊ด...
“คุณแม่!”
คนที่ทั้งสองเฝ้ารอมาถึงเร็วกว่าที่คิด ชายหนุ่มเปิดประตูพรวดเข้ามาด้วยเป็นห่วงมารดา คุณนายจิตตารีบล้มตัวลงนอนทำเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง
“คิมหันต์ มาแล้วเหรอลูก”
“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณแม่ป่วยเป็นอะไร”
เขารีบเข้ามาประคองมารดาให้ลุกขึ้นนั่ง พอสังเกตดูดี ๆ ก็พบว่าผู้เป็นแม่ผอมลงไปเยอะพอสมควร ตั้งแต่กลับมาเขาแทบไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอเท่าไหร่ จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าอีกฝ่ายแก่กว่าที่เขาเห็นครั้งล่าสุดไปมากแค่ไหน
“คือว่าคุณป้า...”
“หมอบอกว่าแม่เป็นมะเร็งและจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
คุณนายจิตตาเป็นคนตอบเองเพราะรู้ว่าณัฐนิชาคงจะพูดตะกุกตะกักจนถูกจับได้ คนตัวเล็กมองด้วยความตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าผู้เป็นป้าจะใช้วิธีนี้
เรื่องการเจ็บป่วยมันหลอกกันได้ที่ไหน… แล้วนี่มะเร็งเลยนะ!
“มะ...มะเร็งเหรอครับ”
“ก่อนตายแม่อยากจะเห็นแกเป็นฝั่งเป็นฝา เลิกใช้ชีวิตเสเพลแบบนี้เสียที ทุกวันแม่กังวลเรื่องของแกจนนอนไม่หลับ ร่างกายมันเลยทรุด”
มารดาเริ่มตัดพ้อและทำทีเป็นโบ้ยความผิดของอาการป่วยไปที่ลูกชาย คิมหันต์หน้าเสีย เขารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุสร้างความเครียดให้แม่จนอาการป่วยรุนแรงขึ้น
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ สมัยนี้หมอเก่งจะตาย เดี๋ยวผมจะไปคุยกับหมอเอง ผมจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาคุณแม่ให้ได้ ผมจะไม่ยอมให้คุณแม่ตาย...”
“คิมหันต์ แม่ขออะไรหน่อยได้ไหมลูก ถ้าลูกไม่อยากเห็นแม่ต้องอายุสั้นเร็วนัก แค่กๆ”
คุณนายจิตตาเริ่มแผนการทันที จับมือลูกชายเอาไว้แล้วแกล้งไอเหมือนกำลังทรมาน ชายหนุ่มหันไปรินน้ำใส่แก้วให้มารดาดื่ม
“ดื่มน้ำก่อนครับคุณแม่”
“รับปากสิ รับปากว่าคิมจะทำตามคำขอของแม่ แค่กๆ โอย...ทรมานจังเลย หรือว่าพ่อของลูกกำลังจะมารับแม่กันนะ”
มารดาเล่นใหญ่ด้วยการล้มตัวลงนอนแล้วแกว่งมือไปมาเหมือนคนกำลังจะขาดใจตาย ณัฐนิชามองการแสดงนั้นด้วยความกังวลว่าชายหนุ่มอาจจะจับได้
“โอเคครับ ๆ ผมรับปาก คุณแม่อยากให้ผมทำอะไรเพื่อความสบายใจของคุณแม่ บอกมาได้เลยครับ ผมจะทำ”
“จริง ๆ นะ ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำนะคิม”
เขาพยักหน้ายืนยัน คนฟังอยากยิ้มใจจะขาดแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะยังต้องแกล้งป่วยอยู่
“แม่...แม่อยากให้ลูกแต่งงาน”
“แต่งงาน?!”
คิมหันต์ทวนคำ มารดาเองก็เห็นอยู่ว่ารอบกายเขามีผู้หญิงตั้งมากมาย นั่นเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเขายังไม่ต้องการหยุดอยู่ที่ใคร แล้วทำไมผู้เป็นแม่ถึง...
“ลูกรับปากแล้วนะ ลูกต้องทำตามที่พูด”
“แต่ว่าคุณแม่ครับ ผมยังไม่มีคนที่อยากจะแต่งงานด้วยเลย อีกอย่างการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่มากนะครับ พูดปุ๊บทำปั๊บไม่ได้หรอก”
เขาพยายามอธิบาย ณัฐนิชาที่ยืนเป็นตัวประกอบมานานก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเขา เธอเองก็ยังไม่อยากให้คิมหันต์แต่งงานเหมือนกัน
“แต่แม่มีแล้ว แม่มีว่าที่ลูกสะใภ้ที่ต้องการอยู่ในใจแล้ว”
“ใครครับ”
คิมหันต์รีบถาม หมดยุคคลุมถุงชนไปนานแล้ว แต่เพราะมารดากำลังป่วยหนักทำเอาชายหนุ่มคิดไม่ตกว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี
“หนูนิชาไง”
“ครับ?!”
“แม่ต้องการให้คิมแต่งงานกับหนูนิชา”
คุณนายจิตตามองเลยมาทางหญิงสาวที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลังคิมหันต์ตลอดเวลา ชายหนุ่มหันกลับมามองหล่อนด้วยสายตาไม่พอใจทันที
“เอ่อ..”
อาจจะดูเหมือนแม่บังคับนะคะ แต่แม่มีเหตุผลของแม่ค่ะ และคติที่ว่า อาบน้ำร้อนมาก่อนใช้ได้กับเรื่องนี้ค่ะ
บทที่ 17 ข้อแลกเปลี่ยนเหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาอ่อนแรงจนไม่สามารถตื่นเช้าได้อย่างปกติ ณัฐนิชาลืมตาขึ้นมาในตอนสายของอีกวัน แสงจากพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่หล่อนมองหาคือคิมหันต์ ทว่ากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของอีกฝ่าย มีแค่เธอที่นอนหลับคนเดียวบนเตียงนี้หลงนึกว่าจะได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขาเสียอีก...คนตัวเล็กลุกจากที่นอนเพื่อกลับห้องของตนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับคิมหันต์คงเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของอีกฝ่ายบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เท่านั้น ความเศร้าเสียใจกับเรื่องของมารดาทำให้ชายหนุ่มขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะหากเป็นตัวเขาในแบบปกติ หล่อนเชื่อว่าเขาคงรังเกียจที่จะสัมผัสตัวของเธอณัฐนิชายืนมองเงาะสะท้อนของเธอในกระจก ยังคงหลงเหลือร่องรอยที่คิมหันต์ทิ้งเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตรงไหน หล่อนล้วนจำทุกสัมผัสได้ดี มันถูกตอกลงในหัวใจและความรู้สึกจนยากจะลืมสำหรับเขาอาจเป็นความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวด้วยความเมา ทว่าสำหรับหญิงสาวแล้ว...มันคือการเต็มใจให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
บทที่ 16 ปลอบ NCคิมหันต์ผละอ้อมกอดของคนตัวเล็กออก อาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือความอ่อนแอในหัวใจ ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าคือที่พึ่งสุดท้ายในตอนนี้ ดวงตาคมที่มักมองหล่อนอย่างดุดันเสมออ่อนลงกว่าเดิมเยอะ คนถูกมองใจเต้นระส่ำแม้จะรู้ว่าเวลานี้ไม่ควร ทว่าท่าทีที่แปลกไปของเขากลับสร้างความหวามหวั่นในใจไม่น้อย“พี่คิม...ทะ...ทำไมจ้องหนูแบบนั้นล่ะคะ”“เธอ...โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”ถามเสียงเบา เอาแต่จ้องหญิงสาวไม่ละสายตาไปไหน เขาเอาแต่คิดถึงภาพของณัฐนิชาในชุดแต่งงาน ถึงจะพยายามปฏิเสธมาตลอดแต่ดูเหมือนตอนนี้คงได้เวลาต้องยอมรับความจริงเสียทีว่าหล่อนเติบโตมากพอแล้ว...หมับ...“พี่คะ...อื้อ...”มือแกร่งประคองใบหน้าเล็กเข้ามาจูบ คนถูกจู่โจมหลับตาปี๋แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามใจ ปากหยักค่อย ๆ แทะโลมทีละนิด ลิ้นชื้นชอนไชเปิดโพรงปากนุ่ม ไม่อาจห้ามความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาในตอนนี้ได้เลย เขารู้แต่เพียงว่าต้องการจะสัมผัสจนอดใจไม่ไหว“อื้อ…”
บทที่ 15 อ้อมกอดร่างของคุณนายจิตตาถูกนำใส่โลงสวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้มาวางไว้ที่สวนของบ้าน เพื่อให้ญาติพี่น้องและผู้คนที่ตั้งใจมาร่วมงานได้จุดธูปเคารพศพ ณัฐนิชาและคิมหันต์อยู่ในชุดสีดำคอยยืนไหว้แขกที่มา ใบหน้าหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเศร้าโดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังมีน้ำตาไหลนองหน้าตลอดเวลาร่มโพธิ์ร่มไทรของเธอจากไปแล้ว...ตอนรู้ข่าวจากทางโรงพยาบาลก็เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกไป ไม่นานมานี้หล่อนยังยิ้มแย้มหัวเราะกับคุณนายจิตตาอยู่เลย ยังได้กินของอร่อยด้วยกัน ไปข้างนอกด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน ได้ทำหลาย ๆ อย่างด้วยกันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว การสูญเสียครั้งนี้หนักหนาพอๆ กับครั้งที่ณัฐนิชาสูญเสียมารดาไป“เสียใจด้วยนะคิมหันต์”ญาติพี่น้องพากันมองเขาด้วยสายตาเวทนา นอกจากจะเสียพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ก็ต้องมาเสียแม่ต่อทั้งที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น ชายหนุ่มไม่พูดคุยกับใครอีกเลยตั้งแต่มารดาจากไปเมื่อวานซืนเขายังปากดีต่อล้อต่อเ
บทที่ 14 แม่รักคิมนะลูก“หนูขอตัวก่อนนะคะ”เมื่อมาถึงบ้าน หญิงสาวก็แยกตัวกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนทันที คิมหันต์เองก็เช่นกัน เขากลับขึ้นไปบนห้องของตนเอง ถอดสูทตัวนอกออกแล้วนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในหัวคิดถึงคำพูดของณัฐนิชาตอนอยู่บนรถ‘คนเราแค่เป็นหวัดยังรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายตัวเลยไม่ใช่หรือคะ นับประสาอะไรกับโรคมะเร็ง...’เป็นคำตอบที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนแต่กลับทำให้เขาเข้าใจได้ว่าที่ผ่านมามารดาต้องเจ็บปวดแค่ไหน ภาพตอนเด็ก ๆ เวลาชายหนุ่มไม่สบาย เป็นไข้ที่ถึงแม้จะเพียงน้อยนิด แต่ผู้เป็นแม่ก็คอยดูแลเช็ดตัวเป็นอย่างดีไม่เคยห่าง ทุกครั้งที่ลูกชายไม่สบาย คุณนายจิตตาจะแทบไม่ได้นอนนอกจากต้องคอยวัดไข้ป้อนยาแล้ว ยังต้องเช็ดตัวตลอดเพื่อให้ไข้ลด มันคือสิ่งที่มารดาของเขาทำเป็นประจำตั้งแต่คิมหันต์ยังเด็ก ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ชายหนุ่มควรได้ดูแลเวลาแม่ป่วยไข้บ้างกลับไม่ได้ทำสิ่งนั้น ความคิดที่ว่าท่านคือบ้าน คือคนที่หันมาเมื่อไหร่ก็เจอเป็นความคิดที่ผิดแบบสุด ๆคิมห
บทที่ 13 แม่ของผมณัฐนิชาคอยดูแลปรนนิบัติคุณนายจิตตาเป็นอย่างดีหลังมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา คนป่วยปลอดภัยแล้วจึงถูกย้ายมาห้องพักพิเศษ ก่อนหน้านี้ทนายไตรรัตน์โทรมาบอกหล่อนว่าคิมหันต์กำลังนั่งเครื่องบินกลับมาตามไฟลท์ที่เขาจองให้ อีกสักพักก็คงจะถึงโรงพยาบาลแล้ว หญิงสาวยังอยู่ในชุดแต่งงานอยู่เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องผมเผ้าไม่ต้องพูดถึง...เละเทะเหมือนคนไม่ได้แตะหวีมาสามชาติ“คุณแม่อยากดื่มอะไรหน่อยไหมคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ”เจ้าของใบหน้าซีดไร้เลือดฝาดตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าเพราะยังเจ็บปวดใจกับเรื่องของคิมหันต์ไม่หาย วิกผมที่ใส่มาตลอดถูกนำออกไปแล้ว ตอนนี้บนศีรษะของคุณนายจิตตาจึงไม่มีผมอยู่เลยสักเส้น“พี่คิมกำลังจะกลับมาหาคุณแม่ ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากและรอพี่คิมมาหานะคะ”“แม่ต้องขอบคุณหนูนิชามาก ๆ เลยน
บทที่ 12 ดื้อดึง“แม่ขอโทษหนูนะลูก ที่ทำให้หนูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แม่สัญญา แม่จะทำให้พี่เขากลับมาแต่งงานกับหนูให้ได้”คุณนายจิตตาได้แต่มองดูณัฐนิชาด้วยความสงสาร คิดไม่ถึงเลยว่าคิมหันต์จะกล้าถึงขนาดเทงานแต่ง“อย่าเลยค่ะคุณแม่ หนูไม่อยากให้พี่คิมเกลียดหนูไปมากกว่านี้แล้ว”“เกลียดอะไรกัน แม่เป็นแม่ของตาคิม ไม่ว่าอย่างไรตาคิมก็จะต้องตกหลุมรักหนูอย่างแน่นอน เชื่อแม่สิ”คนฟังได้แต่ทำหน้าเศร้า ทั้งลังเลและไม่คาดหวังด้วย ผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์อย่างหล่อนไม่มีวันมัดใจผู้ชายไม้เลื้อยอย่างเขาได้อยู่แล้ว“คุณนายครับ ผมตรวจสอบดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ตอนนี้คุณคิมหันต์ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย”“อะไรนะ!”คุณนายจิตตาลมแทบจับ ก่อนนี้คิดว่าอย่างมากคงหนีไปนอนกกผู้หญิงอยู่ไหนสักแห่งในประเทศ ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นหนีออกนอกประเทศอย่างนี้ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นลูกของเธอ วางแผนการไว้รอบคอบเพราะรู้ดีว่าถ้าหนีไปไม่ไกลพอคงถูกลากตัวกลับได้ง่าย ๆ“ต่อสายหาคิมหันต์เดี๋ยวนี้ บอกไปเลยว่า







