แชร์

ตอนที่ 4 นางไม่ยินยอม

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-21 07:48:31

จ้าวฟางฉีกลับออกจากจวนตระกูลจ้าวมา ด้วยท่าทางตื่นเต้น เขากำลังกลับไปรับจ้าวฟางเซียนที่ร้านจ้าวเจา ยามนี้นางคงจะตรวจสอบบัญชีของที่ร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาอยากจะเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะออกจากเรือนมาให้น้องสาวได้ฟัง ที่มีคนกล่าวว่า เกลียดสิ่งใดมักจะได้สิ่งนั้นคงจะเป็นเรื่องจริง เพราะยามนี้พี่หญิงใหญ่ของพวกเขา กำลังเผชิญกับด่านเคราะห์กรรมที่ว่านั้นเสียแล้ว

“พี่ชายรอง… ท่านเพิ่งกลับจวนไปได้แค่หนึ่งชั่วยาม เหตุใดถึงรีบกลับมานักเล่าเจ้าคะ” จ้าวฟางเซียนแสดงท่าทีประหลาดใจยามที่เห็นพี่ชายของตนกลับเข้ามาในร้าน

“ก็ที่เรือนฟางเฟยของพวกเราน่ะสิ ยามนี้แทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้วฮ่าๆๆๆ” จ้าวฟางฉีบอกน้องสาวพลางหัวเราะออกมา ยามที่นึกถึงใบหน้าของพี่หญิงใหญ่

จ้าวฟางเซียนรู้ดีว่าที่จวนเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้น ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่จ้าวฟางหรู พี่หญิงใหญ่ของนางปฏิเสธการแต่งงานกับตระกูลเซี่ยเป็นแน่ นางแสร้งถามพี่ชายออกมาราวกับว่า ตนยังไม่รับรู้ถึงเรื่องราว

“ไฟไหม้เรือนของพวกเราจริงหรือเจ้าคะ”

“ฮ่าๆๆ น้องหญิงรอง ถ้าหากไฟไหมเรือนจริง เจ้าคิดว่าพี่ยังจะมีอารมณ์มานั่งหัวเราะอยู่ต่อหน้าเจ้าได้อีกหรือ" จ้าวฟางฉียกมือขึ้นมาวางลงบนศีรษะของน้องสาว ก่อนที่เขาจะโยกไปมาอย่างเอ็นดู แล้วจึงกล่าวออกมา

“พี่หญิงใหญ่ของพวกเราต่างหาก ร้องไห้ฟูมฟายจนเรือนฟางเฟยแทบจะลุกเป็นไฟ”

“เพราะเหตุใดพี่หญิงใหญ่ถึงต้องร้องไห้ฟูมฟายกันเล่าเจ้าคะ ก่อนจะกลับจวนนางยังแวะมาหาข้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เลย”

“ก็เพราะจดหมายที่พี่นำไปมอบให้ท่านปู่น่ะสิ”

“แล้วเกี่ยวอันใดกับจดหมายด้วยล่ะเจ้าคะ” จ้าวฟางเซียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ถามพี่ชายรองออกมา

“เป็นจดหมายทวงสัญญาจากท่านผู้เฒ่าตระกูลเซี่ย เขาบอกว่าอยากจะให้หลานชายของเขากับหลานสาวของท่านปู่ได้หมั้นหมายกัน”

เป็นไปตามที่จ้าวฟางเซียนได้ประสบพบเจอในชีวิตก่อน พี่หญิงใหญ่ของนางก็อาละวาดจนเรือนแทบแตกเช่นนี้ ร้องไห้จนนัยน์ตาแดงก่ำ เปลือกตาบวมจนออกจากจวนไม่ได้อีกหลายวัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ท่านพ่อท่านแม่ของนาง ก็หาได้เปลี่ยนใจ ที่จะให้พี่หญิงใหญ่หมั้นหมายกับคุณชายใหญ่สกุลเซี่ยไม่

“ยามนี้เขาเป็นรองแม่ทัพอยู่ทิศใต้ กับท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยใช่หรือไม่” คำถามที่จ้าวฟางเซียนเอ่ยถามพี่ชายออกมา ทำให้จ้าวฟางฉีนึกประหลาดใจ จึงถามนางกลับด้วยความสงสัย

“เจ้ารู้ได้เช่นไร ว่าคุณชายใหญ่สกุลเซี่ยยามนี้ทำหน้าที่เป็นรองแม่ทัพอยู่กับท่านพ่อของเขา”

“ขะ…ข้าเคยได้ยินมาน่ะเจ้าค่ะ ท่านพี่ก็รู้ว่าที่ร้านเรา มักจะมีพวกพ่อค้าจากต่างเมือง แวะเวียนมาซื้อขายกับร้านของเรามากมาย” จ้าวฟางเซียนแก้ตัว จะให้นางบอกพี่ชายได้เช่นไร ว่านางรู้เพราะนางเคยใช้ชีวิตมาหนหนึ่งแล้ว จ้าวฟางฉีพยักหน้าขึ้นลง

“แล้วนี่ยังไม่เสร็จอีกรึ พี่อยากรู้ว่าพี่หญิงใหญ่จะตัดสินใจเช่นไร”

จะตัดสินใจเช่นไรเล่า ก็รีบมองหาชายหนุ่มที่ถูกใจ แล้วแต่งออกไปก่อนที่จะหมั้นหมายกับตระกูลเซี่ยน่ะสิ จ้าวฟางเซียนได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าบอกสิ่งที่นางรู้ให้พี่ชายได้ฟัง

“อีกสองเล่มก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะ หากพี่รองรู้สึกเบื่อ…ก็ออกไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะเจ้าคะ อีกครึ่งชั่วยามค่อยกลับมาอีกครา” จ้าวฟางเซียนบอกพี่ชายที่เริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“อืม…ถ้าเช่นนั้นพี่ขอตัวไปหาสหายที่หัวมุมตลาดก่อน แล้วอีกครึ่งชั่วยามค่อยกลับมารับเจ้าก็แล้วกัน”

จ้าวฟางเซียนพยักหน้า คุณชายรองจึงเดินออกจากร้านจ้าวจางไป ใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่สง่างาม ของคุณชายรองสกุลจ้าวเรียกสายตาของสตรีทั้งหลายให้มองมายังเขาได้อยู่ไม่น้อย แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่คิดชายตามองสตรีใดเลย

จ้าวฟางเซียนรู้ดี ว่าคู่ครองของพี่ชายรอง นั้นเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม และมีชาติกำเนิดที่เพียบพร้อมเพียงใด แม้อุปสรรคระหว่างทางจะมีบ้าง แต่ทว่าทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข ต่างจากชีวิตคู่ของนางในชีวิตก่อน ที่มีบทสรุปอันแสนเศร้า นางเลิกสนใจพี่ชายแล้วกลับไปสนใจสมุดบัญชีตรงหน้าของตนต่อ

หลังจากครบกำหนดครึ่งชั่วยามแล้ว จ้าวฟางฉีจึงกลับมาหาผู้เป็นน้องสาว ซึ่งจ้าวฟางเซียนก็ได้เตรียมตัวเพื่อรอกลับจวนพร้อมกับพี่ชายอยู่ก่อนแล้ว สองพี่น้องเดินไปขึ้นรถม้าของจวนตระกูลจ้าว ที่จอดหลบมุมอยู่ข้างโรงเตี๊ยมอวี๋จ้ง ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มแล้ว ผู้คนที่เดินทางมาซื้อของที่ตลาด หรือแม้แต่พ่อค้าแม่ค้า ต่างก็พากันแยกย้ายกลับเรือนของตน

บรรยากาศตั้งแต่หน้าประตูจวนตระกูลจ้าว ยามนี้ดูเงียบเชียบจนผิดปกติ สองพี่น้องเดินกลับเข้าไปภายในเรือนฟางเฟยด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง จ้าวฟางเซียนนั้นกำลังรู้สึกตื่นเต้นยินดี เพราะถึงอย่างไรแล้ว พี่สาวของนางก็ไม่มีวันที่จะยินยอมออกเรือนไปกับเซี่ยเฟยหลงเป็นแน่ เพราะหลังจากวันนี้ไปไม่ถึงสามเดือน พี่สาวของนางก็จะชิงออกเรือนไปกับบัณฑิตทั่นฮวาผู้นั้น

ในขณะที่จ้าวฟางเซียนกำลังรู้สึกตื่นเต้นยินดีอยู่ภายในใจ จ้าวฟางฉีกลับคิดต่าง เขารู้สึกขำขันในโชคชะตาของพี่สาว ที่ปากบอกว่าถึงอย่างไรก็จะไม่มีวันแต่ง กับบุรุษที่อยู่ในตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊เด็ดขาด ยิ่งตระกูลแม่ทัพนางยิ่งอยากหนีให้ไกล ผู้ใดจะคิดว่าท้ายที่สุดแล้ว นางก็หนีชะตาที่ต้องออกเรือนไปกับตระกูลแม่ทัพไม่พ้น

“ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านเลิกบีบบังคับฝืนใจลูกเถิดเจ้าค่ะ หากให้ลูกออกเรือนไปกับตระกูลแม่ทัพ ลูกขอยอมตายยามนี้เลยเสียยังดีกว่า” จ้าวฟางหรูตัดสินใจกล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว

จ้าวหวังเหล่ยนัยน์ตาฉายแววแห่งความเกรี้ยวโกรธ เขาปาถ้วยชาในมือทิ้งไปอีกหน นับตั้งแต่พูดคุยกับบุตรสาวมา นี่ก็นับว่าเป็นถ้วยชาใบที่สามแล้ว หวงฟางหรงรีบห้ามปรามสามีให้ใจเย็น ก่อนที่นางจะหันไปบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แม่รู้…แต่นี่เป็นเรื่องของบุญคุณในอดีต หากไม่มีท่านผู้เฒ่าสกุลเซี่ย ท่านปู่ของเจ้าก็คงจะไม่มีชีวิตรอด จนได้มีท่านพ่อของเจ้า แล้วเรื่องที่ท่านผู้เฒ่าสกุลเซี่ยร้องขอมา พวกเราที่เป็นหนี้ชีวิตของสกุลเซี่ยอยู่ จะกล้าปฏิเสธพวกเขาได้อย่างไร” จ้าวฟางเซียนและจ้าวฟางฉีก้าวเข้ามาภายในเรือน ก็ได้ยินประโยคที่มารดาเพิ่งบอกพี่หญิงใหญ่เข้าพอดี

จ้าวฟางหรูมองมารดาผ่านม่านน้ำตา ประโยคที่มารดากล่าวออกมานั้น ทำให้จ้าวฟางหรูไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป นางสะอื้นไห้ออกมาอย่างไม่ยินยอม เพราะว่าเกิดมาเป็นบุตรีคนโต จึงทำให้นางต้องแบกรับภาระหน้าที่ในเรื่องนี้เช่นนั้นหรือ ผิดที่นางไม่ยอมแต่งออกเรือนไปตั้งแต่แรก และปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานถึงเพียงนี้ จนเปิดโอกาสให้ตระกูลเซี่ยทวงถามสัญญาเสียได้ เรื่องนี้เป็นนางที่ผิดเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 37 - 1 สุขสันต์นิรันดร (จบ)

    หลังจากพูดคุยกันอยู่นานเกือบสองเค่อ เสียงของทารกน้อยที่นอนอยู่ห้องข้างๆ ก็ดังขึ้นมา จ้าวฟางเซียนรีบบอกกล่าวมารดา แล้วรีบเดินออกไปหาบุตรชาย หลังฟื้นมาจากฝันร่้ายในวันนั้น จ้าวฟางเซียนก็รู้สึกเสียใจเป็นอันมาก ที่สองวันแรก นางไม่อาจให้นมบุตรชายเองได้ ดีที่แม่สามีมองการณ์ไกล เตรียมแม่นมเอาไว้ให้ เผื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและสองวันแรกที่นางคลอดลู่หมิงออกมา ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ หลังจากที่นางตื่นขึ้นมา ก็พยายามดูแลร่างกายตนเอง และกินอาหารบำรุงน้ำนม ไม่ถึงเจ็ดวัน นางก็ขออนุญาตแม่สามี ให้นางป้อนนมลูกด้วยตัวเอง จางซื่อก็ไม่ได้ห้ามปรามอันใด เพราะน้ำนมจากมารดาย่อมดีกว่านมจากผู้อื่นอยู่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมา จ้าวฟางเซียนก็ให้นมเซี่ยลู่หมิงเองเรื่อยมา ทว่ามีแม่นมฉินอยู่คอยช่วยดูแลบุตรชาย ในเวลาที่นางไม่ต้องให้นมหวงซื่อเดินตามบุตรสาวเข้ามาในห้องของหลานชาย นางมองไปยังบุตรสาว ที่ออกเรือนมาได้ไม่ถึงสามปี ทว่ายามนี้ได้มาเห็น ว่านางนั้นมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขเพียงใด ก็พลอยให้รู้สึกโล่งใจ จากที่เคยคิดเป็นกังวล ว่านางจะได้พบเจอกับความยากลำบาก ในการใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลขุนนางใหญ่ ก็ทำให้นางวางใจล

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 37 สุขสันต์นิรันดร์

    วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากฤดูที่หนาวเย็นยะเยือก แปรเปลี่ยนมาเป็นฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลลี่ชุนก็ได้เวียนมาถึงอีกหน อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ สรรพสิ่งเริ่มงอกงาม หลายครอบครัวที่ทำการเกษตร เริ่มต้นการเพาะปลูก สรรพสัตว์เริ่มออกจากการจำศีล เพื่อออกหากิน เหล่านายพรานกลับมาทำอาชีพของตนบ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น ชาวเมืองยิ้มแย้มแจ่มใส เด็กน้อยที่กำลังวิ่งเล่น ส่งเสียงหัวเราะออกมา จนทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ได้ยิน ต่างก็พากันยิ้มได้ จวนตระกูลเซี่ยยามนี้ ก็ไม่ต่างไปจากสถานที่อื่น หรือจวนอื่นนัก ทว่าวันนี้ที่จวนสกุลเซี่ย ได้จัดงานครบเดือนให้แก่คุณชายน้อย ที่มีอายุครบหนึ่งเดือนพอดี บรรยากาศภายในจวน จึงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นมีความสุขตระกูลจ้าวถือโอกาสที่เหลนน้อยอายุครบเดือน พากันเดินทางมาจากเมืองหนานจาง เพื่อมาเยี่ยมเยือนจ้าวฟางเซียน และบุตรชายของนางที่จวนสกุลเซี่ย เมืองหนานจง จ้าวฟางเซียนมองไปยังผู้คนจากตระกูลเดิมของตน ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ นางไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า ชีวิตของนางจะมีโอกาส ได้มาเห็นภาพแห่งความสุขเช่นในวันนี้ท่านปู่ท่านย่าที่อายุมากแล้ว ก็ยังอุตส่าเดินทางมาถึงที่นี่ เพื่อมาอวยพรให้เ

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 36 - 1 เป็นเพียงแค่ความฝัน

    “หลงเอ๋อร์…จ้าวซื่อกับเจ้า ได้ตั้งชื่อเตรียมเอาไว้ให้เขาแล้วใช่หรือไม่”จางซื่อถามบุตรชายออกมาขณะที่ส่งทารกในห่อผ้าไปให้เขา เซี่ยเฟยหลงหัดอุ้มเด็กกับภรรยามาบ้างแล้ว แม้จะมีท่าทีเงอะงะงุ่มง่าม ทว่ากลับดูไม่ขัดตาเท่าใดนัก เซี่ยเฟยหลงก้มมองดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของบุตรชาย ก่อนที่จะเอ่ยนามของเขาออกมา“เซี่ย…ลี่หมิง”เพราะเขาคือแสงสว่างอันงดงาม ส่องลงมายังบนโลกมนุษย์ให้ความอบอุ่นแก่ผู้คน จ้าวฟางเซียนเป็นผู้ที่ตั้งชื่อบุตรชาย ส่วนตัวเขาเป็นผู้ที่ตั้งชื่อบุตรสาวเอาไว้ ทว่ากลับไม่ได้ใช้ ช่างเป็นวาสนาของเจ้าตัวน้อยเสียจริง ที่ได้ชื่อที่มารดาเป็นผู้ที่ตั้งให้“นามไพเราะ ความหมายดี…หมิงเอ๋อร์หลานย่า” จางซื่อยื่นมือไปรับหลานชายกลับมา เซี่ยเฟยหลงไม่ดื้อดึง ส่งทารกในห่อผ้ากลับคืนให้แก่มารดาทันที“จ้าวซื่อเป็นคนตั้งชื่อให้เขาใช่หรือไม่” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยเอ่ยถามหลานชายออกมา ก่อนที่จะกวักมือเรียกลูกสะใภ้ให้พาเหลนตัวน้อยมาให้เขาได้เชยชมบ้าง“ขอรับท่านปู่…นางตั้งชื่อบุตรชาย ส่วนข้าตั้งชื่อบ

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 36 เป็นเพียงแค่ความฝัน

    หลังจากที่ตรวจพบว่า จ้าวฟางเซียนตั้งครรภ์ จางซื่อก็ได้ส่งแม่นมฉิน ให้มาทำหน้าที่คอยดูแลฮูหยินน้อยอย่างใกล้ชิด แม้เซี่ยเฟยหลงจะรับปากกับมารดาว่า เขาจะไม่ล่วงเกินภรรยา ขอเพียงแค่ให้เขาได้นอนกอดนางก็พอคราแรกจางซื่อก็ไม่ยินยอม ทว่าจ้าวฟางเซียนกลับช่วยพูดให้แม่สามีเข้าใจ จางซื่อจึงยอมอ่อนข้อให้แก่บุตรชาย ทว่ากลับให้แม่นมฉิน มานอนเฝ้าอยู่ที่หน้าฉากกั้นแทน เช่นนั้นแล้วหากเซี่ยเฟยหลงมีความคิดเหลวไหล ย่อมถูกแม่นมฉินจับได้“โหวเหย…ท่านต้องเห็นใจบ่าวด้วยสิเจ้าคะ บ่าวก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้ แต่ในเมื่อนายหญิงท่านสั่งมา บ่าวจะกล้าขัดได้อย่างไรกัน”เซี่ยเฟยหลงจ้องหน้าแม่นมตาเขม็ง แม่นมฉินฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่จะสั่งให้คนนำตั่งตัวยาวมาวางไว้ ด้านหน้าฉากกั้น จ้าวฟางเซียนนึกขัน ให้กับใบหน้าของสามีที่กำลังบูดบึ้ง พลางมองไปยังแม่นมฉินด้วยแววตาอบอุ่นแม่นมฉินแคล้วคลาดจากความตายในความทรงจำของนาง หรืออาจจะเป็นเพราะนางมีครรภ์ ถึงได้ทำให้เหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนไป นางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เพราะถ้าหากเหตุการณ์ดำเนินไปตามที่นางเคยพบเจอแม่นมฉินจะต้องจากไปตั้งแต่ต้น

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 35 - 1 มีแต่เรื่องน่ายินดี

    แสงทิวากำลังจะลาลับ พร้อมกับท้องฟ้าสีน้ำหมึกกำลังเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ สองอาชาสองชายหนุ่ม ยังคงเร่งรีบฝ่าความมืดกลับเมืองหนานจงด้วยความคะนึงหา เซี่ยเฟยหลงไม่แม้แต่คิดที่จะหยุดพัก ในเมื่อเจ้านายไม่ยินยอมที่จะพัก ทั้งคนทั้งม้าจึงได้พากันอดทนจนถึงประตูเมืองหนานจงในเวลาดึกดื่นหากเป็นชาวบ้านธรรมดา มีหรือจะสามารถผ่านทหารเวรยาม ที่ทำหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่หน้าประตูเมืองเข้าไปได้ง่ายๆ ทว่าเซี่ยเฟยหลงคือผู้ใด ทหารเหล่านี้ย่อมรู้ดี ครั้นได้เห็นว่าท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยกลับมา ต่างก็พากันกล่าวต้อนรับการกลับมา ของผู้เป็นผู้บังคับบัญชาท่านแม่ทัพหนุ่มยามนี้ปลดชุดเกราะที่น่าเกรงขามออก เหลือเพียงอาภรณ์เยี่ยงคุณชายทั่วไปสวมใส่เท่านั้น เขาไม่พูดจากับทหารเหล่านี้ให้มากความ รีบกลับเข้าเมืองอย่างเร็วรี่ มุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพของตน“พวกเจ้าอย่าคิดรั้งท่านแม่ทัพไว้นาน เขาเร่งรีบกลับมาย่อมคิดถึงภรรยา” นายทหารที่เป็นหัวหน้ากล่าวกับลูกน้องที่กำลังมองตามท่านแม่ทัพผู้องอาจ ควบอาชาหายไปในความมืดมิดครั้นมาถึงหน้าประตูจวน เซี่ยเฟยหลงสั่งห้ามมิให้ผู้ใด ไปรายงานให้คนด้านในทราบ เพราะเข

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 35 มีแต่เรื่องน่ายินดี

    ณ ตำหนักไท่เหอ ราชสำนัก แคว้นจิ้นองค์รัชทายาทวัยสามสิบต้นๆ กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทน เพราะกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ยังคงนอนป่วยรักษาตัวอยู่ ทำให้หน้าที่ดูแลบ้านเมือง ตกอยู่ในมือของเขาชั่วคราว อย่างชอบธรรม สีหน้าของเขายามนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก เป็นเพราะความต้องการของเขา ถูกเหล่าขุนนางเก่าแก่เหล่านี้ พากันกล่าวคัดค้านเขาย่อมรู้ดีว่ายามนี้ บ้านเมืองยังขาดความมั่นคง ยิ่งกับตัวเขาหากไม่สร้างผลงาน ไหนเลยจะขึ้นมานั่งบัลลังก์มังกรนี้อย่างภาคภูมิ เขาจึงอยากใช้การยึดเมืองหนานตงของแคว้นเจิ้ง มาเป็นผลงานเพื่อขึ้นครองราชย์ของตน ถึงอย่างไรบิดา ผู้เป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว“จะทำเช่นนั้นมิได้พ่ะย่ะค่ะ ผู้สำเร็จราชการน่าจะรู้ดี ว่ายามนี้สถานการณ์ภายในของแคว้นจิ้นเรา ยังไม่เหมาะแก่การทำศึก อีกทั้งพวกเราเพิ่งจะสูญเสียแม่ทัพใหญ่อย่างท่านอู่ผา และกำลังทหารจำนวนหลายพันคนไป บ้านเมืองเรายังคงบอบช้ำอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงโปรดคิดทบทวน และพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีด้วยเถิด”“ขอพระองค์ทรงโปรดคิดทบทวน และพิจารณาเรื่องนี้ใ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status