เข้าสู่ระบบช่วงพักกลางวันเกสรและลูกเดินขึ้นมาบนเถียงนาที่เป็นเหมือนบ้านของเขากับลูก ส่วนเขากำลังเอาควายผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่เพื่อให้มันพักในร่มช่วงกำลังแดดร้อนจัด
เกสรมองไปรอบเถียงนาที่มีทั้งยุ้งข้าวขนาดไม่ใหญ่มากแต่ดูมั่นคง ด้านล่างทำเป็นเล้าไก่ มีคอกควายอยู่ถัดกันไป และพืชผักสวนครัว รวมถึงป่าสับปะรดที่ค่อนข้างรก ในนั้นมีต้นฝรั่งอยู่สามต้นและต้นมะม่วงหิมพานต์ต้นใหญ่อีกสองต้น ในป่านั้นเต็มไปด้วยต้นสาบเสือและต้นกระถินขึ้นเต็มไปหมด เขาคงเข้าไปตัดไม่ได้จึงปล่อยไว้อย่างนั้น แต่แปลงผักที่เขาเคยปลูกตอนที่เธอเคยอยู่ด้วยนั้นว่างเปล่า เขาคงตักน้ำรดผักไม่ไหวจึงไม่ได้ปลูก ที่ตรงนั้นเขามักปลูกผักขายแล้วเอาเงินไปซื้อข้าวเวลาที่ปีไหนได้ผลผลิตน้อย
เธอก้าวขาขึ้นบันได้ลิงไปเพียงสามขั้นแล้วมองดูบนเถียงนาที่มีอยู่สี่ห้อง มุมหนึ่งคงใช้เป็นห้องนอนเพราะเธอเห็นมีมุ้งม้วนเก็บไว้มุมเสา แต่ที่นอนที่มีเพียงเสื่อกกกับหมอนที่ยัดด้วยนุ่นยังไม่ได้เก็บ อีกมุมหนึ่งใช้เก็บเสื้อผ้า วางกระเป๋าย่ามไว้แล้วเธอก็ถอยหลังลงมาเพราะตอนนี้ตัวเธอเปียกจึงไม่เดินขึ้นไป
ใต้ถุนที่สูงท่วมหัวปล่อยโล่ง มีเพียงด้านข้างที่มุงหลังคายื่นออกมา ด้านล่างเป็นแคร่เอาไว้สำหรับทำอาหาร และเอาไว้นั่งรับประทานอาหารตอนเช้าและตอนกลางวัน
เกสรให้ลูกเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วนำไปตากแดด แต่ตัวเองยังใส่ชุดเดิมแล้วเดินมาที่ครัว
“เมื่อเช้าพ่อทำอะไรให้กินคะ”
“ปิ้งปลาครับ แต่ปลาที่พ่อตากแห้งไว้หมดแล้วครับ สองสามวันมานี้พ่อบอกว่าปวดขามาก ก็เลยไม่ได้ไปหาปลา” ดินอธิบายให้แม่ฟัง
เกสรแอบแปลกใจว่าเขาจะหาปลาอย่างไรในเมื่อทางลงไปหาปลาที่ลำน้ำปาวมันค่อนข้างลาดชันขนาดนั้น และอีกหน่อยน้ำก็คงท่วมขึ้นมาสูงและไหลเข้ามาที่นาของเขา แต่ปีนี้เขาไม่ได้หว่านข้าวไว้ ถึงน้ำท่วมก็คงไม่เป็นไร ที่นาเขามีเกือบยี่สิบไร่ แต่ส่วนที่น้ำท่วมถึงก็เกือบสิบไร่แล้ว ที่เหลืออีกสิบไร่เป็นนาดอน มีบางส่วนเธอเห็นเขาปลูกมันแกว ฟักทอง และแตงไทยไว้แล้ว เหลือพื้นที่ทำนาอีก ดูคร่าว ๆ ไม่น่าจะถึงหกไร่ เพราะถึงพื้นที่ดอนจะเหลืออีกเป็นสิบไร่ แต่ก็เต็มไปด้วยต้นไม้พวกยางนา ต้นแดง และต้นพลวงเต็มไปหมด คงปลูกเต็มพื้นที่ไม่ได้ และพวกที่ปลูกไว้ก็ไม่รู้จะให้ผลผลิตมากแค่ไหน
ตอนนี้เธอคิดว่าก็คงไม่มีอะไรทำนอกจากไข่ สายตามองเห็นต้นมะละกอที่มีลูกดกเต็มต้นอยู่สามต้น และเห็นแปลงผักชีลาวไม่ใหญ่นักอยู่ข้างกัน
“ใครตักน้ำรดผักชีลาวให้พ่อ”
“ผมเองครับ แต่ช่วงนี้ฝนตกบ่อยผมจึงไม่ค่อยได้รดครับ” ถึงรดก็ตักน้ำในนารดได้ ดินจึงไม่ลำบากมากนัก แต่ถ้าถึงหน้าแล้งก็คงต้องลงไปตักน้ำในลำน้ำปาวมารด เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างดินคงน่าเป็นห่วง
เกสรเก็บผักชีลาวมาล้างแล้วเตรียมก่อไฟ ถึงงานอย่างอื่นที่ใช้แรงเธอจะไม่ถนัด แต่ฝีมือการทำอาหารของเธอก็ถือว่าอยู่ในขั้นดีเยี่ยม
เธอก่อไฟโดยใช้ขี้ไต้เป็นตัวช่วยจึงทำให้ไฟติดเร็วขึ้น จากนั้นก็หยิบไข่ไก่ที่มีอยู่ประมาณสิบฟองออกมาห้าฟองจากนั้นหั่นหยาบผักชีลาวใส่ถ้วยไว้
อุปกรณ์ห้องครัวของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวดูไม่ค่อยสะอาดสะอ้านนัก เครื่องปรุงก็มีเพียง เกลือ ปลาร้า และน้ำปลาที่อยู่ในไหเล็ก และน้ำตาลก้อนที่ทำจากอ้อย
เกสรจะทำคั่วไข่ใส่ผักชีลาว กับส้มตำปลาร้า
ตอนฝานเปลือกมะละกอมือที่พองและแตกทั้งแสบทั้งเจ็บเพราะโดนยางมะละกอ แต่เธอก็ต้องอดทน เพราะแค่นี้คงไม่เจ็บเท่าเขา
เธอตำมะละกอแยกให้เด็กอีกหนึ่งจานเพราะเดือนกับดินยังกินเผ็ดไม่ได้
“เดือน กับข้าวเสร็จแล้วเรียกพ่อมากินข้าวหน่อยลูก” ถ้าเธอเรียกเขาคงไม่มาแน่
“ค่ะ” หล่อนหันไปมองหาพ่อ เขากำลังล้างตัวอยู่ในนาซึ่งไม่ไกลจากเถียงนานัก “พ่อ กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ”
เขาไม่ตอบแต่คลานมาตามพื้นทั้งที่ตัวเปียกอย่างนั้น ที่ลงไปล้างตัวเมื่อสักครู่ก็คงเสียเปล่า เกสรลุกเดินไปหยิบถังที่ทำจากไม้ไผ่ยาด้วยน้ำยาง และขันหนึ่งใบเดินไปตักน้ำจากนามาให้เขาล้างตัวอีกครั้ง
เขาทำเพียงแค่ล้างมือเท่านั้น ส่วนเสื้อผ้าที่ครูดมากับพื้นหญ้าเขาปล่อยให้มันเลอะอยู่อย่างนั้น เธอมองเห็นว่ากางเกงของเขาขาดตรงหน้าแข้งและหัวเข่า
ดำกับเกสรนั่งสลับกันกับลูกทั้งสอง ทั้งคู่จึงได้นั่นตรงข้ามกัน สี่คนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเงียบ ๆ ดำไม่พูดอะไรสักคำไม่แม้แต่จะมองหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม มีเพียงลูกทั้งสองที่คุยกับแม่เสียงเจื้อยแจ้วและเหมือนเขาสองคนจะมีความสุขมากที่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ในใจของเกสรรู้สึกวูบโหวงเมื่อเห็นการกระทำของเขา แล้วเธอจะทำสำเร็จไหม ไหนยายคนนั้นบอกเธอว่าเขาเรียกร้องหาเธอไง แต่ทำไมพอเธอกลับมาแล้วเขาถึงได้เฉยชาแบบนี้
เดือนต่อมาเล่ก็เริ่มปลูกเรือนให้ลูกชายคนโต เพราะว่างจากไร่นาทั้งหมดแล้ว เกสรทำอาหารเพื่อจะห่อให้สามีเข้าไปทำบ้านใหม่ในหมู่บ้าน ตอนเย็นค่อยกลับมานอนนา วันนี้เกสรต้องรับหน้าที่เลี้ยงควายคนเดียวเพราะลูกทั้งสองต้องไปโรงเรียนด้วย“แม่ทำอะไรกินเหรอคะ”“แกงปลาช่อนใส่ผักติ้วจ้ะ” เมื่อวานดำไปทอดแหได้ปลามามาก ตัวที่ยังไม่ตายเธอก็ขังไว้ทำกินหลายวัน ต้นผักติ้วข้างเถียงนาก็กำลังผลิยอดและออกดอกเต็มต้น ทั้งต้มซุบทั้งแกงใส่ปลาก็ยังไม่หมด เพราะช่วงนี้ผักติ้วมีมาก ไม่ต้องซื้อหากันเหมือนในยุคปัจจุบันที่เธอจากมา“น่ากินจังเลยค่ะ ปลาช่อนตัวใหญ่มาก หนูขอกินแก้มมันนะคะแม่” เด็กสาวบอกแม่ แก้มปลาเป็นส่วนที่เดือนชอบกินมากที่สุด“จ้ะ ไปล้างมือรอเลย แม่ทำเสร็จแล้ว”“ค่ะ” เดือนรับคำอย่างกระตือรือร้น แล้วรีบเดินเร็วไปล้างมือตามคำแม่บอก ดินผูกควายช่วยพ่อเสร็จก็เดินกลับมาล้างมือเช่นกันกินข้าวเสร็จสามพ่อลูกก็เตรียมตัวเดินทาง ลูกทั้งสองไม่ได้ห่อข้าว เพราะต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านปู่กับย่า เพราะแม่เตรียมให้พ่อเรียบร้อยแล้วก่อนไปดำเดินเข้ามาจูบหน้าผากเมียด้วยความรัก “อย่าโหมงานมากนัก” ตอนนี้เธอทอเสื่อขายด้วย เขากลัวว่
เช้าวันต่อมาทุกคนนั่งรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านพักของปรีดา“พี่ดำมาที่นี่ได้ยังไงคะ”“นั่งรถไฟมา ได้ตั๋วยืนด้วย ยืนหลับมาทั้งคืน” เข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรกก็แสนทรหดแล้ว“ทำไมไม่รออยู่ที่บ้านคะ” “ก็พี่เป็นห่วงเอ็ง ทำไมไม่บอกพี่ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง ปล่อยให้พี่เข้าใจผิดอยู่ได้” น้ำเสียงงอแงเชิงตำหนิอยู่ในที“ทีแรกฉันก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นหรอกค่ะ แต่เขาไม่อยากจบเอง ฉันก็ต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง” ไม่ใช่ว่าเธอไม่ผิดเลยที่หนีมาอยู่กับเขา แต่เขาบิดเบือนการตายของเธอและยังไม่อยากจบง่าย ๆ เธอก็ต้องตามเขามาเพื่อสืบหาความจริง“คนมันร้อนตัวมันจะอยู่เฉยได้ยังไงล่ะเกสร” กุหลาบออกความเห็น“ใช่ มันคงกลัวว่าเกสรจะตามมาฆ่ามันคืนน่ะสิ” ปรีดาเสริมขึ้นอีก “แต่ฉันก็ผิดด้วยแหละค่ะ ที่หนีมากับเขาตั้งแต่แรก เรื่องมันถึงได้เป็นอย่างนี้” ไม่คิดเลยว่าเธอคนเดิมในอดีตจะเห็นผิดเป็นชอบได้ขนาดนี้ “ต่อไปนี้เกสรคงไม่ทำให้เพื่อนพี่อกหักอีกแล้วใช่ไหม” ปรีดาเลิกคิ้วถาม เกสรหันไปมองหน้าสามีแล้วยิ้มหวานให้เขา “ไม่ค่ะ ฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นอีกอย่างแน่นอน” กุหลาบแอบอมย
เกสรเปิดประตูออกมาถึงกับผวา เธอจำกลอยใจแทบไม่ได้ ใบหน้าบวมเป่งและเขียวช้ำจนตาแทบปิด“เกสรช่วยฉันด้วย” กลอยใจพูดด้วยท่าทางลำบาก“ใครทำอะไรเธอ” เกสรเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“พี่ชาย เขาบอกว่าจะเลิกกับฉันเพราะจะเอาเธอมาอยู่ด้วย ถ้าฉันไม่เลิกกับเขาเขาจะฆ่าฉัน เมื่อคืนเขาตบตีฉันแทบตาย ฮือ ๆ” กลอยใจบีบน้ำตาเหมือนสั่งมันได้ไอ้ชาติชั่ว! เกสรสบถในใจ เขาตบตีกลอยใจเหมือนกับที่ตบตีเธอ“แล้วฉันจะช่วยเธอได้ยังไง” เกสรยังไม่วางใจนัก แต่ก็รู้สึกสงสารกลอยใจ กลอยใจอาจจะเป็นเหมือนเธอตอนนั้นก็ได้ ที่สมชายขอเลิกแล้วเธอไม่ยอมและยังยื้อที่จะแย่งเขากลับมา สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นศพ ถ้าครั้งนี้กลอยใจไม่ยอมก็อาจจะมีชะตากรรมเหมือนกับเธอ“เธอช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่มีเงินสักบาท ฉันหนีเขามา และฉันก็กลัวว่าเขาจะตามฉันมาด้วย ถ้าเขารู้ว่าฉันมาหาเธอที่นี่เขาต้องฆ่าฉันแน่”“ได้ เธอจะให้ฉันไปส่งที่ไหน”กลอยใจบอกสถานที่ที่จะให้เกสรไปส่งสุดท้ายความมีน้ำใจก็มากกว่าความกลัว เกสรบอกกลอยใจออกไป “ไปรอฉันข้างนอกนะ ฉันขอเปลี่ยนชุดแป๊บเดียว” แต่เธอจะไม่ประมาทเด็ดขาด“ได้จ้ะ”เกสรเขียนสถานที่ลงในกระดาษแล้วเดินออกทางหลังห
กลอยใจกลับมาที่บ้านพักตำรวจ เมื่อเห็นสมชายนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาเธอก็ทำหน้าประหลาดใจ “ทำไมกลับมาเร็วจังเลยคะ” สมชายไม่ตอบแต่เลือกที่จะพูดอีกอย่างที่สำคัญมากกว่า “เธอรู้ไหมว่าเกสรมันยังไม่ตาย” “ฮะ! พี่พูดบ้าอะไร ก็หมอยืนยันว่ามันตายแล้ว ใคร ๆ ก็เห็น” กลอยใจโวยวายเสียงดังรู้สึกใจหายวาบเมื่อได้ยินประโยคนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อกันเล่น สมชายหันไปมองกลอยใจตาเขียว “เบา ๆ อยากให้คนอื่นมาได้ยินหรือไง ก็ฉันเป็นคนพามันมาที่นี่เอง มันยังไม่ตาย และเราต้องรีบทำให้มันตายเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเรานี่แหละจะตายก่อนมัน” สมชายพูดอย่างหัวเสีย นั่งคิดนอนคิดจนปวดหัวว่าจะกำจัดมันอย่างไรดี ไม่รู้ว่าวิธีที่เขาทำไปวันนี้จะได้ผลหรือไม่ กลอยใจอึ้งไปพักใหญ่ เป็นไปได้อย่างไรวันนั้นเธอเป็นคนเตรียมยาพิษใส่น้ำดื่มเองกับมือ “แต่ไม่เป็นไร ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่เกินเย็นนี้ฉันก็จะได้ฟังข่าวดีจากไอ้ปรีดา ฮ่า ๆ ๆ” เขาหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ แค่เกสรยอมกลับมากับเขาคราวนี้ก็ถือว่าเขามีชัยแล้ว “แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน” “
“ให้เกสรไปเถอะ แฟนฉันจะได้มีเพื่อน” ปรีดาพูดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ กุหลาบชำเลืองมองปรีดาเมื่อได้ยินคำว่าแฟนจากปากเขา เขายิ้มจาง ๆ และยักคิ้วให้เธอหนึ่งที “เออ ๆ อย่างนั้นก็ได้” สมชายมีสีหน้าเซ็งนิด ๆ เช่นนั้นแล้วงานของเขาก็ยากขึ้นไปอีก แต่ก็ดีเหมือนกันถ้ากลอยใจกลับมาเขาจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ ทั้งสามแอบส่งยิ้มให้กัน เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน “อย่างนั้นรอฉันแป๊บนึง ฉันขึ้นไปเอายาดมแก้เวียนหัวมาให้เกสรก่อน” “ได้” สมชายเดินลับสายตาไปแล้วกุหลาบเดินเข้ามาจับมือเพื่อนแล้วบีบเบา ๆ “ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร” “ขอบใจมากนะที่เธอกับพี่ปรีดามาทันเวลาพอดี” “แท็กซี่เหยียบคันเร่งจนหัวเหอฉันฟูไปหมด” กุหลาบพูดติดตลก เพราะแท็กซี่วิ่งเปิดกระจกข้างมา เพิ่งรู้ว่าเมืองหลวงมันเจริญเช่นนี้ ถึงบางพื้นที่จะมีทุ่งนาคล้ายกับบ้านนอกก็ตาม กุหลาบก็เผลอมองจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง “ฮ่า ๆ ฟูจริง” เกสรหัวเราะชอบใจ กุหลาบได้แต่มองค้อนเพื่อน ปรีดายืนขำน้อย ๆ ถึงแม้กุหลาบจะหัวฟู หน้าไม่ได้ล้าง ฟันไม่ได้แปรง แต่เธอก
สมชายขับรถมาจอดที่ห้องพักตำรวจ เขาเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้เวลาเก้าโมงตรง เกสรค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ตอนนี้เธอรู้สึกเวียนหัวจนแทบอยากจะอาเจียน ทั้งที่เธอกินยาแก้เมารถไปแล้วแต่สมชายก็ขับรถน่าเวียนหัวเหลือเกิน เหมือนเขาจงใจให้เธอมีอาการเป็นแบบนี้ เกสรมองบ้านพักตำรวจที่เป็นบ้านไม้ทั้งหลังตรงหน้าด้วยความลังเล เธอคิดถูกแล้วใช่ไหมที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นคงกลับบ้านในช่วงวันหยุดสินะ เขาถึงพาเธอมาที่นี่ได้ อย่างไรเธอจะต้องมีชีวิตกลับไปหาลูกและสามีของเธอให้ได้ สมชายเปิดประตูให้เกสรเดินลงจากรถ เธอเซเล็กน้อย สมชายจึงเข้าไปประคอง “เมารถเหรอ” สมชายถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ และมันก็เป็นไปตามสิ่งที่เขาอยากให้เป็น “ค่ะ” เกสรแกะมือเขาออกอย่างรวดเร็วและเบี่ยงกายหนีห่าง แม้แต่ปลายขนเธอก็ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ ในอดีตเกสรอาจจะหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายคนนี้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เกสรคนเดิมอีกต่อไปแล้ว สมชายถึงกับเลิกคิ้ว ทำไมเกสรต้องทำตัวเหมือนรังเกียจเขาด้วย ปกติจะทำตัวออเซาะฉอเลาะกับเขาเสมอ “กินอะไรร้อน ๆ ก่อนไหมค่อยขึ้นไปนอนพัก พี่ไม่







