เรื่องที่หยวนอันอันมาทวงเงินบ้านซูนั้นตอนนี้ชาวบ้านเริ่มกระจายข่าวกันแล้ว ทำให้คนบ้านซูรีบวิ่งกลับมาบ้านเพื่อมาจัดการเรื่องนี้
ต้วนหยางเฟยเห็นว่าคนบ้านซูกลับมากันหมดทุกคน จึงตามมาด้วยเพราะกลัวภรรยาเกิดอันตราย และกลัวว่าคนบ้านนั้นจะทำร้ายเธอ
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำให้บ้านซูของเราอับอายแบบนี้”
ไป๋เว่ยซือแม่ของซูน่านเผิงรีบพูดอย่างเกรี้ยวกราด ยิ่งเห็นชาวบ้านมามุงดูก็ยิ่งไม่พอใจ หล่อนรู้สึกเสียหน้ามากตอนนี้
“สิทธิ์ของเจ้าหนี้อย่างไรล่ะ ในเมื่อหญิงชราคนนี้ไม่ยอมรับว่ายืมเงินบ้านหยวนไปก็ต้องทำแบบนี้แหละ ถ้าหากพูดตกลงกัน
ดี ๆ เรื่องเสียหน้าแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นหรอกนะ คุณเองก็ไม่ควรจะตำหนิหรือโทษคนอื่น”หญิงสาวกวาดสายตามองคนบ้านซู ในเมื่อไม่คุยกันดี ๆ แถมยังปฏิเสธหน้าด้าน ๆ มันก็ต้องป่าวประกาศแบบนี้แหละ
จะได้หลาบจำและจะได้ไม่โกงใครอีก“แล้วอย่างไร ในเมื่อย่าบอกว่าไม่รู้เรื่องอย่างไรล่ะ ไม่ใช่ว่าสัญญาพวกนั้นบ้านหยวนของเธอทำปลอมขึ้นมา แล้วมาหาเรื่องบ้านฉันเหรอ” ซูน่านเผิงให้ตายก็ไม่ยอมรับในเรื่องนี้ ที่เธอกล้าพูดแบบนี้ออกมาเพราะว่าไม่เคยมีใครเล่าให้ฟังเรื่องยืมเงินบ้านหยวน
และก็ไม่เชื่อว่าบ้านซูจะยืมเงินบ้านหยวน จะให้เธอเชื่อได้อย่างไรในเมื่อบ้านซูไม่ได้ยากจนขนาดนั้น เรื่องที่ย่าไปยืมเงินคนอื่นไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ
หยวนอันอันส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า “สมองยังปกติดีไหมซูน่านเผิง เรื่องนี้ควรล้อเล่นอย่างนั้นเหรอ
เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ในเมื่อเธอไม่เชื่อ เราไปที่สำนักงานตำรวจในเมืองพร้อมกับแล้วยื่นสัญญานี้ให้เขาตรวจสอบ จะได้รู้กันไปเลยว่านี่คือของจริงหรือเพิ่งทำขึ้นมา”มีหรือที่คนอย่างซูน่านเผิงจะไม่กล้า จึงเดินออกมาแล้วพูดว่าจะไป เพราะยังเชื่อว่าความคิดของตัวเอง “เอาสิ เอาเลย ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าหน้าที่เขาจะเข้าข้างใคร ในเมื่อเอกสารนี้ของปลอม!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะน่านเผิง เรื่องนี้ฉันกับย่าของแกจะจัดการเอง แกไม่ต้องยุ่ง”
ไป๋เว่ยซื่อส่งเสียงดุลูกสาว เธอไม่ต้องการให้ซูน่านเผิงที่ไม่รู้เรื่องราวเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะเรื่องที่เธอและแม่สามีไปยืมเงินมาจากบ้านหยวนคือเรื่องจริง
“อะไรกันแม่ ในเมื่อนังอันอันมันมาหาเรื่องเราก่อน แล้วยังปล่อยข่าวสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรา แม่จะให้ฉันอยู่เฉยเหรอ ฉันไม่ยอมหรอกนะ” ต่อให้ถูกแม่ห้ามปราม แต่เธอไม่คิดจะหยุดและไม่คิดเชื่อฟัง ยังดึงดันที่จะเล่นงานหยวนอันอันต่อ
“ฉันห้ามแกก็ต้องฟัง หรือจะให้บ้านเราอับอายไปมากกว่านี้” คนเป็นแม่ไม่ยอมให้ลูกเข้ามาทำให้เสียเรื่อง เธออ่านความคิดของแม่สามีออกว่าคงจะไม่จ่ายเงินคืนบ้านหยวนแน่นอน
“แต่แม่คะ...” แม้จะไม่ยินยอมแต่เมื่อโดนสายตาห้ามปรามของแม่ก็รีบเงียบปากทันที ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“เอาล่ะ ทะเลาะกันเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็บอกมาว่าจะคืนเงินไหม” หยวนอันอันไม่อยากเสวนากับคนพวกนี้นานเท่าไร นั่นเพราะเธอยังมีงานอื่นให้ทำอีก ไม่ใช่มีแค่มาทวงหนี้บ้านซูอย่างเดียว
“ก็ฉันบอกแล้วว่าบ้านซูของเราไม่เคยยืมเงินใคร เธอจะมาทวงถามทำไมนักหนา” คราวนี้เป็นพ่อของซูน่านเผิงพูดขึ้นมาเอง คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงง่าย ๆ เพราะหยวนอันอันมาเพียงลำพัง
“คงจบไม่สวยเสียแล้ว ในเมื่อบ้านซูเลือกที่จะหน้าด้านไม่ยอมคืนเงิน แบบนี้ฉันคงต้องแจ้งเรื่องที่สำนักงานตำรวจอย่างที่พูด ในเมื่อสัญญาเงินกู้อยู่ที่นี่”
หญิงสาวพูดออกมาเสียงเข้ม ครั้งนี้เธอไม่ยอมอ่อนข้อหรือมัวแต่โต้เถียงกับบ้านซูอีก จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้น
พอคนบ้านซูได้ยินอย่างนั้นเริ่มหน้าซีด ไม่คิดว่าหลานสาวบ้านหยวนจะเอาจริงกับเรื่องนี้ ซูเยี่ยนจึงตัดสินใจเดินเข้าหา
หยวนอันอันเพื่อจะชิงเอาสัญาคืนมาโดยไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่กำลังมองแต่ทว่าหญิงสาวเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงแสร้งก้มตัวลงแล้วหยิบเอาไม้ท่อนหนึ่งในมิติออกมา เพราะไม้แถวนี้มันเล็กไป จากนั้นหมุนตัวกลับมาประจันหน้าแล้วฟาดอีกฝ่ายสุดแรง
“โอ๊ย! นี่เธอจะฆ่าฉันเหรอ” ซูเยี่ยนไม่คิดว่าจะโดนแบบนี้ จึงตะโกนสุดเสียงอย่างไม่พอใจผสมกับความเจ็บปวด
“ก่อนจะว่าคนอื่นคิดก่อนสิคะว่าคุณนั่นแหละกำลังจะทำอะไร หน้าด้านเสียจริง นี่คงตั้งใจจะมาชิงเอาสัญญากลับไปใช่ไหมล่ะ ฝันไปเถอะนะ อย่างไรวันนี้หากบ้านซูไม่คืนเงินและอ้างไปเรื่อยว่าไม่ได้ยืม ฉันจะเอาหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความ แล้วจะคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด”
หยวนอันอันโมโหสุดขีด ไม่คิดว่าบ้านซูจะเป็นคนแบบนี้ เรื่องที่เธอกับซูน่านเผิงไม่ถูกกันมันก็เรื่องปกติสำหรับผู้หญิงที่ไม่ถูกชะตากัน
แต่การที่คนใหญ่แล้วกล้าพุ่งเข้ามาเพื่อชิงสัญญาจากมือเธอไปมันไม่สมควรอย่างยิ่ง แบบนี้มันหน้าด้านเกินไปแล้ว
บทส่งท้าย ครอบครับอบอุ่น (จบ)เมื่อได้ยินสิ่งที่หลานสาวบอก หญิงชราก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี แม้จะไม่ได้อยากรบกวนหยวนอันอันหรือตระกูลฟาง แต่ก็ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนกัน“ถ้าอย่างนั้นย่าก็สบายใจ แต่สิ่งพวกนี้ไม่ได้ทำให้หลานอึดอัดใช่ไหม” นางจับมือหลานสาวมากุมไว้แล้วตบเบา ๆ ยังขอบคุณ“ไม่อึดอัดอะไรเลยค่ะ ฉันเองก็อยากจะช่วยเหลือพวกเขาเหมือนกัน ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ความจริงแล้วฉันอยากให้เขาย้ายไปอยู่ในเมืองด้วยซ้ำ แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะทุกคนมีบ้านอยู่ที่นี่”“นั่นสิ ช่วยได้เท่าที่ช่วยก็แล้วกัน”สองย่าหลานสบตาให้กันพร้อมกับยิ้มออกมา ก่อนจะพากันเดินไปที่บ้านต้วนเพื่อดูว่าทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จแล้วหรือยังส่วนต้วนหยางเฟย แม้ว่าทุกคนจะยังไม่ได้ย้ายเข้ามาในเมือง แต่ชายหนุ่มก็ต้องมาทำงานกับพี่ชายของภรรยาแล้ว นับว่าเป็นงานที่หนักหนาพอสมควรเนื่องจากเขาไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับกิจการร้านค้าที่ใหญ่อย่างนี้มาก เคยทำก็แค่ขายของในตลาดมืดและส่งสินค้าให้ลูกค้าประจำบ้านเท่านั้น“เป็นอย่างไรบ้าง พอทำไหวไหม” ฟางอี้โตวเดินเข้ามาแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม ความจริงแล้วสองสามวันที่ผ่านมาน้องเขยคนนี้ก็ทำ
จุบจบของคุณหนูฟาง (ตัวปลอม)สองสามีภรรยาได้แต่กุมมือกันแน่น หยวนอันอันตั้งใจจะพาต้วนหยางเฟยเข้าไปในมิติ แต่ในขณะที่กำลังจะพาเขาไป ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับสวนเข้ามา พร้อมกับมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ“พบกันอีกแล้วนะหยวนอันอัน” ฟางหยูซิวยิ้มอย่างชั่วร้าย รู้สึกพึงพอใจที่แผนการของเธอกำลังจะสำเร็จ“อย่าบอกนะว่านี่คนของคุณหนู” หยวนอันอันแสร้งถามออกมา ทั้งที่มั่นใจแล้วว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พวกนี้เป็นคนของฟางหยูซิว“รู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ” เธอเดินมาดร้ายให้เข้ามาหา แล้วยืนนำหน้าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ โดยมีแม่นมคอยเกาะติดอยู่ด้วย“เราสองคนไม่ได้เป็นศัตรูกัน อีกอย่างก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ทำไมคุณถึงคิดจะเอาชีวิตฉันล่ะ” หยวนอันอันยังคงแกล้งถาม“ใครใช้ให้แกเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ที่หายไปละ ถ้าไม่มีแกสักคนตำแหน่งคุณหนูฟางก็ยังคงเป็นของฉัน และทรัพย์สมบัติที่มี ก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน” ฟางหยูซิวดวงตาวาวโรจน์ เธอไม่พอใจอย่างมากที่ผลออกมาว่าอยู่นั้นเป็นลูกของตระกูลฟาง“แต่คุณอยู่กับตระกูลฟางมาตั้งนานแล้ว นายท่านและนายหญิงฟางก็ดูจะรักคุณมาก ต่อให้ผลตรวจจะเป็นอย่างที่คุณบอก แล้วคุณถามฉันสักคำหรือ
ความจริงปรากฎหยวนอันอันไม่สนใจว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ในเมื่อนายท่านฟางทำในสิ่งที่ขอร้องแล้ว เธอและต้วนหยางเฟยเลยมาหาซื้อตึกโดยใช้เส้นสายของนายท่านฟางที่ช่วยเหลือ จึงทำให้ทั้งสองคนมีร้านค้าแล้วในตอนนี้วันนี้จึงตัดสินใจพาทุกคนออกมาโดยการเช่าเกวียนของหมู่บ้านเพราะย่าหยวนเองก็มาด้วย“ร้านนี้แพงไหมสะใภ้สาม” แม่สามีอย่างเหอซือเฉิงถาม“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะแม่ นี่คือร้านที่ฉันต้องการให้พี่ใหญ่กับพี่รองมาช่วยค้าขาย ส่วนฉันกับพี่หยางเฟยจะเป็นคนไปรับสินค้ามาเอง แล้วอีกอย่างฉันคิดว่าพวกเครื่องสานทุกชนิดจะรับมาจากชาวบ้าน อย่างไรรบกวนพ่อบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านให้หน่อยได้ไหมคะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นรายได้ของชาวบ้านที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากรออาหารจากกองพลน้อย”หยวนอันอันตอบกลับ เธอคิดว่าร้านนี้ไม่ควรจะขายแค่อาหารและวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว เลยตัดสินใจให้พ่อสามีไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน เกี่ยวกับเครื่องสานที่ชาวบ้านมักจะทำกันไว้ใช้เอง ให้เอามาฝากขายที่ร้านของเธอ“ดีเลย เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อจะไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านเอง”ต้วนเริ่นชวนตอบรับอย่างยินดี อย่างน้อยการค้าของลูกชายและลูกสะใภ้ยังช่วยเหลือชาวบ้านได้ นั่นเพราะคนชรา
วางแผนกำจัดให้พ้นทางเมื่อเจ้าหน้าที่พาหญิงสาวทั้งสามคนไปแล้ว หยวนอันอันจึงเริ่มมีสติขึ้นมา เพราะถ้าหากเธอตื่นมาก่อนหน้านี้ ซูน่านเผิงคงไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแน่“อันอันน้องฟื้นแล้ว รู้สึกปวดตรงไหนหรือไม่” ต้วนหยางเฟยรีบถามอย่างร้อนใจ เพราะต้องการให้ดูสมจริงมากที่สุด“นั่นสิหลานย่า ย่ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีหลานอยู่กับย่าอีกแล้ว” หญิงชรารีบถามอย่างร้อนใจเหมือนกันทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ พอเห็นว่าหยวนอันอันมีสติและฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนที่ไม่ค่อยชอบเธอก็ตาม แต่ก็ไม่อยากให้ต้องมาตายเพราะถูกวางยาพิษจากลูกสาวบ้านซู“เกิดอะไรขึ้นคะพี่ เมื่อครู่นี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ฟื้นขึ้นมา” เธอพูดออกมาเสียงเบา แต่ก็ขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับสามีโดยที่คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น “เธออย่ามัวแต่พูดอยู่เลยสะใภ้สาม สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ของเธอก็คือควรกลับเข้าไปพักผ่อน แล้วดูว่าร่างกายมีตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า ฉันจะได้ให้เจ้าสามพาเธอไปรักษาในเมืองอย่างทันท่วงที” เหอซือเฉิงกลัวว่าสะใภ้คนนี้จะเป็นอันตราย เลยอยากให้เขาไปพักผ่อนเสียก่อน แต่พอ นึกได
จุดจบของคนคิดร้ายหางอี๋หรู่ได้ยินสิ่งที่น้องสามีถามก็เกิดความหวาดกลัว นั่นเพราะว่าพอเธอเอาขนมมาจากหลานสาวก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที เลยไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ขนมที่ผสมยาถ่าย หยวนอันอันถึงได้สลบไปแบบนี้“เกิดอะไรขึ้นกับอันอัน ตายแล้ว! ทำไมอันอันเธอถึงได้ไปนอนอย่างนั้นล่ะ” ซือเหนียงได้ยินเสียงโวยวายขณะที่กำลังจัดเรียงฟืนเข้าที่เลยออกมาดู และพอเห็นหยวนอันอันนอนสลบอยู่ เลยตกใจแทบสิ้นสติ ซึ่งขณะนั้นเอง ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างก็หยุดมอง และส่งเสียงพูดคุยซุบซิบกันไม่หยุด“เรื่องนี้คงต้องถามพี่สะใภ้รองครับ เพราะเธอคือคนที่เอาขนมกล่องนี้มาให้อันอันกิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและนี้สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านและซือเหนียงไม่น้อย นั่นก็เพราะว่าไม่เคยมีใครเห็นต้วนหยางเฟยเป็นแบบนี้มาก่อนคราวนี้ทุกคนจึงหันไปทางหางอี๋หรู่กันอย่างพร้อมเพรียง และกดดันเธอเพื่อขอคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ฉันก็แค่เอาขนมมาให้สะใภ้สามกินก็เท่านั้นเอง ทุกคนจะมามองฉันแบบนั้นไม่ได้นะ” เธอตอบกลับอย่างร้อนรน ตอนนี้ในสมองนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยวนอันอันตอนนี้ชาวบ้านไม่มีใค
โดนหลอกใช้จี้เจียซีเดินกลับมาบ้านด้วยใจที่โกรธเคือง แต่เพราะเรื่องนี้ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องมากเลยไม่กล้าที่จะบอกทุกคนในบ้าน แต่กับแม่สามี เรื่องนี้เธอคิดว่าควรจะบอก อย่างไรหากเกิดเรื่องไม่ดีเข้า แม้สามีจะได้จัดการเรื่องนี้อย่างทันท่วงที“อ้าวทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะสะใภ้ใหญ่” เหอซือเฉิงเห็นว่าสะใภ้ใหญ่กลับมาเร็วกว่าปกติก็เกิดความแปลกใจ“พอดีวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอกแม่ เราเข้าบ้านเถอะ เรื่องนี้ไม่ควรให้ใครได้ยิน” เธอรีบบอกพร้อมกับมองซ้ายขวาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้าก่อนจะจูงมือแม่สามีเข้าบ้านแล้วบอกให้ลูกกับหลานนั่งเล่นกันเองไปก่อนพอเข้ามาในบ้านแล้ว จี้เจียซีจึงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดและไม่มีคำไหนตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว“เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันจะดูสิว่าสะใภ้รองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม หากหล่อนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยฉันจะให้หย่ากับเจ้ารองเสีย แล้วส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการเสียเลย” เหอซือเฉิงพูดอย่างเจ็บใจและโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้“ฉันเองก็โกรธไม่ต่างกัน ไม่คิดว่าลูกสาวบ้านซูกับหลานสาวของน้องสะใภ้รองจะมีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์