Masuk“ไม่นะเพคะ ท่านอ๋องได้โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันผิดไปแล้ว” เสียงกรีดร้องของสตรีค่อย ๆ ห่างออกไปพร้อมกับอีกฝ่ายที่หายลับไปจากสายตา
นัยน์ตาคมดุแฝงความเย็นชาที่จ้องมองขันทีอาวุโสที่เคยอยู่ข้างกายมารดา ทำให้ผู้ถูกจ้องมองรู้สึกหวาดหวั่น
“ซุนกงกง จงกลับไปหาเจ้านายที่แท้จริงของเจ้าเสีย”
“ท่านอ๋อง นู๋ไฉ่มีท่านอ๋องเป็นเจ้านายเพียงหนึ่งเดียว หาได้คิดเป็นอื่นไม่”
“เปิ่นหวางเห็นแก่ที่เจ้าเคยรับใช้พระมารดาจึงไม่เอาเรื่องที่ผ่านมา รีบไปเสียก่อนที่เปิ่นหวางจะค้นพบเรื่องที่เจ้าทำลับหลังเปิ่นหวางเจอไปมากกว่านี้”
“ท่านอ๋อง! พระองค์ทรงเข้าใจผิดแล้ว นู๋ไฉ่ภักดีกับท่านอ๋องแต่เพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”
“ม่อฉางพาซุนกงกงออกไปจากตำหนักข้าเสีย”
“พ่ะย่ะค่ะ” ลูกน้องคนสนิทรีบทำตามรับสั่งในทันที เสียงขอความเมตตาจากขันทีอาวุโสค่อย ๆ ห่างออกไปก่อนจะเงียบหายไปในที่สุด
ซึ่งการขับไล่ขันทีคนสนิทออกจากตำหนักในครั้งนี้ทำให้บรรดาคนที่ถูกส่งเข้ามาเป็นหนอนต่างพากันเก็บหัวเก็บหางแสร้งตายคล้ายกลัวถูกจับได้ ภายหลังชินอ๋องจึงให้คนแสร้งปล่อยข่าวว่าที่ซุนกงกงถูกไล่ออกไปเป็นเพราะรับสาวงามเข้ามาพำนักในตำหนักอ๋องโดยพลการเพื่อไม่ให้เหล่าศัตรูได้ไหวตัวทัน เพราะวาจาของขันทีเฒ่าเพียงคนเดียวจะสู้ข่าวลือที่กระจายอยู่ภายในตำหนักได้อย่างไร
“ม่อฉิน ทางตระกูลหลี่เป็นเช่นไรบ้าง”
“ยามนี้ท่านเจ้ากรมโยธาหายดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้กำลังเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมขุนนางคนอื่น”
“เย่หรง...คุณหนูหลี่เล่า นางเป็นเช่นไรบ้าง”
“ในช่วงหลายวันมานี้คุณหนูหลี่คอยดูแลบิดาที่ถูกวางยาพิษจึงเหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ” ก่อนหน้านี้เป็นเพราะต้องการสืบหาตัวคนวางยาพิษเจ้ากรมโยธาหลี่ เขาจึงสั่งให้คนเฝ้าจับตามองเอาไว้
“เรื่องคนวางยาพิษเจ้ากรมโยธาหลี่ไม่ต้องสืบหาแล้ว เจ้ารีบส่งคนไปแจ้งฮ่องเต้ หากเป็นเรื่องของเจ้ากรมโยธาหลี่จื่อห่าว อย่าเพิ่งตอบรับหรืออนุญาตให้แบ่งรับแบ่งสู้เอาไว้ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ” ม่อฉินรับคำก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่ง
“ดูเหมือนจะไม่ได้มีเพียงข้าสินะ ที่ได้รับโอกาสแก้ไข” หม่าเซี่ยอวี้กล่าว นัยน์ตาคมดุแฝงความเย็นชาเมื่อครู่หม่นแสงลงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นล้ำลึกยากจะหยั่งถึง
เรื่องราวที่คุณหนูใหญ่หานบุตรสาวคนงามของรองเจ้ากรมโยธาหานผู้สิ้นชีพถูกคนของตำหนักอ๋องพาตัวมาโยนทิ้งไว้หน้าประตูจวนตระกูลหานถูกเล่าลือไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
“ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก” เดิมทีเขาต้องยอมรับสาวงามเขาตำหนักคล้ายไม่อาจหลีกเลี่ยงมิใช่หรือ นางจำได้ดีถึงแววตาเรียบเฉยที่เคยจ้องมองนาง
“ได้ยินว่าซุนกงกงก็ถูกหามออกมาโยนทิ้งที่หน้าประตูตำหนักด้วยนะเจ้าคะ ไม่รู้ไปทำเรื่องผิดอันใด หรือจะเป็นเพราะรับเงินและเอ่ยวาจาสนับสนุนคุณหนูใหญ่หานมากเกินไป” ว่านเถาแสดงความคิด
“อาจจะเป็นเช่นนั้น” บุรุษที่หยิ่งยโสในตนเองเช่นหม่าเซี่ยอวี้ไม่เคยยอมให้ใครตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ แทนเขา ดังนั้นที่โกรธมากถึงขั้นไล่ขันทีอาวุโสที่เคยอยู่ข้างกายพระมารดาออกจากตำหนักเช่นนี้คงเพราะเรื่องของหานโมลี่เป็นแน่
ยามนั้นทั้งสองคล้ายจะเกื้อกูลกันอย่างลับ ๆ อยู่เสมอ คิดแล้วก็นึกโกรธเคืองตนเองยิ่งนักที่ซื่อตรงจนหลงไว้ใจสตรีอ่อนหวานแต่จิตใจชั่วช้าอยู่ได้ตั้งนาน
‘คุณหนูเจ้าคะ นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ’ สาวใช้ส่งเสียงรายงานที่ด้านนอกประตู
“ขอบคุณ ข้ารู้แล้ว” นางตอบรับก่อนจะรีบลุกขึ้นจากตั่ง ส่วนสาวใช้คนสนิทก็รีบมาช่วยจัดอาภรณ์ให้เรียบร้อย
ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจหลี่เย่หรงก็เดินมาถึงเรือนของบิดามารดา
“ท่านพ่อ ข้าเองเจ้าค่ะ”
‘เจ้าไปรอพ่อกับแม่ที่ห้องตำราเถิด พ่อขอผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน’ เสียงที่ดังออกมาจากในห้องทำให้มุมปากของนางยกยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าค่ะ” คุณหนูหลี่ตอบรับก่อนจะเดินจากมา
เชื่อนางเถิดว่าบุรุษที่รักและเทิดทูนฮูหยินเช่นพ่อ หาไม่ได้อีกแล้วในแคว้นนี้ แม้จะมีบุตรสาวจนเติบใหญ่แต่ทั้งสองก็ยังคงรักใคร่มั่นคง
หลี่เย่หลงนั่งกินขนมจิบชารอบิดาและมารดาในห้องตำราซึ่งเป็นห้องทำงานของบิดาอยู่ราวหนึ่งเค่อ เจ้ากรมโยธาก็ประคองฮูหยินที่มีใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อยมาพบบุตรสาว
“รอนานหรือไม่”
“ท่านพ่อได้ความว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ” นางรีบเอ่ยถามไม่คิดรอ
“ฮูหยินเจ้าคงคอแห้ง จิบชาสักเล็กน้อยเถิด” หลี่จื่อห่าวยังไม่ยอมตอบคำถามของบุตรสาว เพราะต้องดูแลฮูหยินของตนก่อน
‘พวกท่านรักกันปานจะกลืนเช่นนี้ เกรงใจสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นข้าบ้างได้หรือไม่’ ท่านแม่ก็เหลือเกิน ยามอยู่กับสามีช่างดูคล้ายสตรีแรกแย้มอ่อนโยนอ่อนหวาน แต่พออยู่กับบุตรสาวช่างคล้ายปีศาจแมงมุม
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)