Masuk‘พวกท่านรักกันปานจะกลืนเช่นนี้ เกรงใจสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นข้าบ้างได้หรือไม่’ ท่านแม่ก็เหลือเกิน ยามอยู่กับสามีช่างดูคล้ายสตรีแรกแย้มอ่อนโยนอ่อนหวาน แต่พออยู่กับบุตรสาวช่างคล้ายปีศาจแมงมุม
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่”
“ท่านพ่อรีบเล่ามาเถิดเจ้าค่ะ แล้วข้าจะรีบออกไปให้พวกท่านได้ออดอ้อนกันต่อ” ตบแต่งกันมาก็นาน ยังคงรักใคร่กันไม่เสื่อมคลายจริง ๆ
“หลังจากที่คุกเข่าขอพระราชทานอภัยและทูลไปว่าขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางเพื่อเป็นการลงโทษตน ฮ่องเต้ก็นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตรัสว่าด้วยความดีความชอบที่มีไม่น้อยของพ่อ พระองค์สามารถมองข้ามเรื่องนี้ได้และพ่อก็หาได้หลีกหนีการเดินทางแต่เป็นเพราะถูกวางยาพิษ ดังนั้นจึงขอไตร่ตรองดูก่อน หากพบคนที่เหมาะสมกว่าพ่อ พระองค์จึงจะมีพระบรมรา-ชานุญาตให้พ่อลาออก”
“แล้วท่านพ่อได้กล่าวอ้างถึงร่างกายที่ไม่ใคร่ดีหรือไม่”
“พ่อยังไม่ทันกล่าว ฮ่องเต้ก็ตัดบทบอกว่า พระองค์เข้าใจว่าหลังจากโดนสาวใช้ในจวนวางยาพิษ ร่างกายของพ่อคงยังไม่ใคร่แข็งแรงจึงอยากลาออกจากการเป็นขุนนางเพื่อรักษาตัว ดังนั้นจึงทรงมีพระบรมราชานุญาตให้พ่อหยุดงานเป็นเวลาหนึ่งเดือนโดยงานของกรมโยธาทั้งหมดชินอ๋องจะรับผิดชอบแทนเป็นการชั่วคราว”
“ฮ่องเต้ตรัสเช่นนี้ มิใช่เป็นการปฏิเสธไม่ให้ท่านลาออกหรือเจ้าคะ” หลี่ฮูหยินที่นิ่งไปนานกล่าว
‘หรือเป็นเพราะที่ผ่านมานอกจากท่านพ่อเป็นขุนนางตงฉินแล้ว ท่านพ่อยังรับใช้ฮ่องเต้อย่างจงรักภักดีไม่ได้ถูกชักจูงเข้าฝ่ายไทเฮา’ แม้ยามนี้จะยังถูกมองข้ามแต่ทว่าก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าวันใดภัยจะมาถึงตัว
“เย่หรง เจ้าว่าพ่อควรจะทำอย่างไรต่อไป”
“หากไม่สามารถลาออกได้ ก็มีแต่ต้องขอย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกจับตามองแล้วเจ้าค่ะ อาจจะต้องยอมลดตำแหน่งบ้าง...”
“เรื่องลดตำแหน่งพ่อไม่คิดถือสา ขอเพียงทำให้พวกเจ้าไม่ถูกดึงเข้าสู่วังวนการแย่งชิงอำนาจพ่อก็พอใจแล้ว”
“เรื่องการแย่งชิงอำนาจ ข้าว่าวันหนึ่งอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น ดังนั้นตำแหน่งที่ท่านพ่อย้ายไปนอกจากจะเป็นตำแหน่งที่ต่ำกว่าแล้ว ยังต้องเป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถมอบประโยชน์ให้กับผู้ใดได้”
“กรมพิธีการ?”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ รองเจ้ากรมพิธีการงานน่าจะไม่มีปัญหาใด”
“ได้! ในเมื่อฮ่องเต้ไม่มีพระบรมราชานุญาตให้พ่อลาออก พ่อจะได้เอ่ยปากขอย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกมองข้าม” เรื่องตำแหน่งและอำนาจเขาหาได้ยึดติด ครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าเช่นนี้ต่างหากคือความสุขที่แท้จริง
‘ข้าจะไม่ยอมแพ้ต่อชะตา ข้าจะช่วยเปลี่ยนชะตาของท่านพ่อและท่านแม่ให้จงได้’ แม้จะกล่าวว่าเรื่องราวมันยังคงดำเนินไปตามเดิม แต่เหตุใดหานโมลี่ถึงไม่ถูกรับตัวเข้าตำหนักอ๋อง ซุนกงกงยังถูกไล่ออกจากตำหนักอีก
ต่อจากนี้นางคงต้องคิดไตร่ตรองทุกอย่างให้รอบคอบเสียแล้วเพราะหลังจากที่ท่านพ่อไม่ได้รับลูกธนูแทนท่านอ๋อง ทุกอย่างก็คล้ายจะแตกต่างอยู่บ้าง
แต่สิ่งที่นางไม่ได้คาดคิดก็คือชินอ๋องห่วงใยบิดาของนางมากเสียจนรีบมาเยี่ยมเยียนที่จวนหลังจากที่เขาฟื้นคืนได้เพียงสามวัน
“ขออภัยที่เปิ่นหวางมาโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่ท่านอ๋องห่วงใยส่งคนมาถามไถ่กระหม่อมก็ซาบซึ้งยิ่งนัก” เจ้ากรมโยธากล่าว
“วันนี้ที่ตำหนักทำขนมไว้มาก เปิ่นหวางจึงนำติดมือมาด้วย หวังว่าท่านคงไม่รังเกียจที่จะรับไว้”
“ขอบพระทัยเพคะ ขนมหน้าตาน่ากินไม่น้อยเพคะ” หลี่ฮูหยินเอ่ยชมตามมารยาท
“เปิ่นหวางมาเยือนจวนท่านก็หลายครั้ง เหตุใดถึงไม่เคยพบหน้าคุณหนูหลี่ นางไม่อยู่หรือ” กล่าวจบเขาก็ยกชาขึ้นจิบคล้ายไม่ได้ใส่ใจหรือคาดหวังกับคำตอบมากนัก
“ขอพระราชทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ ที่ผ่านมากระหม่อมและฮูหยินตามใจนางมากเกินไป เย่หรงนางจึงชอบออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกไม่อยู่ติดจวนพ่ะย่ะค่ะ” หลี่จื่อห่าวรีบคุกเข่าบนพื้นตามด้วยหลี่ฮูหยิน
“เปิ่นหวางมิได้กล่าวโทษท่าน เพียงถามไถ่ตามประสาคนคุ้นเคย” ชินอ๋องกล่าวพลางเข้าไปช่วยประคองเจ้ากรมโยธาให้ลุกขึ้น
“ขะ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” ยามนี้นายท่านเจ้าของจวนเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นกับความเมตตาเกินจำเป็นของบุรุษสูงศักดิ์ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีสิ่งใดแอบแฝงอยู่หรือไม่
“ขอบพระทัยเพคะ” หลี่ฮูหยินตอบรับก่อนจะถูกผู้เป็นสามีช่วยประคองอีกทอดหนึ่ง
“พวกท่านอย่าได้กังวลใจในการมาเยือนของเปิ่นหวางเลย เปิ่นหวางมาเยี่ยมท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงเกรงใจท่านอ๋อง” เจ้ากรมโยธารีบกล่าวพลางลอบตระหนกในใจที่ผู้สูงศักดิ์คาดเดาความคิดของตนถูก
“อย่าได้เกรงใจไปเลย มีเรื่องใดที่เปิ่นหวางช่วยเหลือท่านได้ เปิ่นหวางก็ยินดีจะช่วย”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องที่ท่านจะลาออกจากการเป็นขุนนาง เปิ่นหวางทราบเรื่องแล้ว ไม่ขอปิดบังนอกจากวันนี้ตั้งใจจะมาเยี่ยมเยียนท่านแล้ว เปิ่นหวางยังตั้งใจมาถามไถ่ว่าท่านเจ้ากรมโยธาได้รับเรื่องลำบากใจอันใดหรือไม่ หากไม่รังเกียจให้เปิ่นหวางช่วยเหลือท่านได้หรือไม่”
“ใครก็ได้ พาคุณหนูจินเข้าจวน” สิ้นเสียงของชินอ๋องเป็นพ่อบ้านที่อยู่บริเวณนั้นรีบสั่งสาวใช้สองคนเข้าไปประคองคุณหนูของจวนที่ยืนเซไปมาอยู่หน้าประตูจวน “ปล่อยข้านะ พวกเจ้ามาจับข้าด้วยเหตุใด” จินจือเหมยที่เมามายหนักโวยวาย “ม่อฉิน จัดการ” สิ้นเสียงกล่าวเจ้าของนามปรากฏตัวก่อนจะเอามือสับบริเวณคอของอีกฝ่ายแล้วกลับไปเร้นกายต่อ “เอ่อ...ขอบพระทัยชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเฉิงกล่าวก่อนจะรีบส่งสายตาให้สาวใช้รีบหิ้วปีกคุณหนูจินเข้าจวนอย่างเร่งด่วน “พี่หญิงจือเหมย ท่านเป็นอันใดหรือไม่” หลี่เย่หรงที่คล้ายจะเข้าสู่ห้วงฝันไปชั่วครู่ตกใจตื่นหลังจากได้ยินเสียงโวยวายของลูกพี่ลูกน้องจึงรีบเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างรถม้าเพื่อดู&nb
อ่า...เขายังจำได้ติดตาถึงสายตาเกรี้ยวกราดของผู้สูงศักดิ์ที่เห็นน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เมามาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้เล่าให้กับจินจือเหมยฟัง สหาย เจ้ากำลังหาเรื่องใส่ตัวแล้ว ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเจ้าของเขาหวงแหนมาก “นานหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน วันนี้ไม่เมาไม่เลิก” เสียงที่ดังอยู่ในห้องทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปหยุดสตรีทั้งสองที่กำลังร่ำสุรากันอยู่ “อย่าเพิ่ง! เอ่อ จือเหมย ข้าว่าเจ้าควรพาเย่หรงกลับจวนได้แล้ว” จะเรียกพระชายาก็คงไม่เหมาะ หากใครทราบเข้าว่าสตรีที่กำลังนั่งเมามายที่นี่เป็นใคร มิแคล้วจะเสื่อมเสียชื่อเสียง “จะกลับได้อย่างไร สุราหรือก็เพิ่งสั่งมา” “แต่เจ้ามิควรพาน้องสาวมาดื่มสุ
“นอนเถิด พี่จะกล่อมเจ้านอน” เขาเอ่ยเสียงเบาพลางเอามือตบที่หลังนางอย่างแผ่วเบา “นี่ท่านเมาจริงหรือเจ้าคะ ช่างเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก” “วันนี้พี่มีความสุขยิ่งนัก” “ข้าก็มีความสุขเช่นกันเจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะซุกใบหน้าในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี เมื่อภายในห้องมืดลง เหล่าลูกน้องที่เฝ้าคุ้มครองอยู่ด้านนอกก็สับเปลี่ยนกันไปพักผ่อน พลางคิดไปว่าในสายตาพวกเขานี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นผู้เป็นนายเมามายมากเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่แปลกที่จะเมามายในเมื่อสุราที่นายท่านจินสั่งมามากเกือบห้าสิบไห หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ช่างเป็นตระกูลคหบดีที่ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถังเสียจริง แค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบ
ทำให้วันต่อมากว่าทั้งสองจะพากันไปเยือนจวนตระกูลจิน ก็กลางยามเว่ย (13.00-14.59) แล้ว “ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ วันนี้ข้ามิได้มาเยือนตระกูลจินในฐานะชินอ๋อง เป็นเพียงหลานเขยที่มาเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยาย และครอบครัวท่านลุงของพระชายา” ชินอ๋องบอกกล่าวอย่างเป็นกันเอง ญาติของภรรยาก็เปรียบเสมือนญาติของตน เขาจึงไม่คิดถือสา “เช่นนั้นกระหม่อมในฐานะท่านตาของเย่หรง ขอดื่มชาขอบคุณที่ท่านอ๋องทรงให้เกียรติพวกเรา” จินเป่ากล่าวก่อนจะยกจอกชาขึ้นจิบ “เย่หรง เลือกคู่ครองได้ดี” ท่านลุงจินเต๋อกล่าวพลางยกจอกชาดื่มคารวะผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตาท่านยายของเจ้านานแล้ว อย่างไรเย็นนี้อยู่รับสำรับที่จว
เผลอเพียงชั่วพริบตาซื่อจื่อน้อยก็อายุหนึ่งหนาวครึ่งแล้ว เด็กชายที่เพิ่งเดินได้คล่อง เอาแต่ร้องไห้ยามบิดาโอบกอดมารดาก่อนจะวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางคล้ายหวงแหนมารดา ทำให้ชินอ๋องรู้สึกหมั่นไส้บุตรชายของตนยิ่งนัก เมื่อได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ให้เดินทางไปซีเหลียงเพื่อเยี่ยมเยียนค่ายทหารของแม่ทัพประจิมคนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งได้ปีกว่าแล้ว ชินอ๋องจึงไม่ลังเลที่จะฝากบุตรชายเอาไว้กับท่านพ่อตาแม่ยาย “ท่านพี่ เราพาลูกไปด้วยไม่ได้หรือเจ้าคะ” หลี่เย่หรงส่งสายตาอ้อนวอนผู้เป็นสามี หลังจากกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว คู่สามีภรรยาที่เคยผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจึงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างเรียบง่าย ยศถาบรรดาศักดิ์เอาไว้ให้คนนอกเรียกขาน “ซืออี้ยังเล็กนัก อาจจะไม่สบายตัวยามเดินทาง ฝากท่านพ่อท่านแม
ตั้งแต่พระชายาหลี่ตั้งครรภ์ บรรดาลูกน้องคนสนิทและเหล่าทหารที่ใกล้ชิดต่างพากันปวดหัวกับท่าทีเอาใจใส่เกินจำเป็นของผู้เป็นนาย งานทั้งหมดที่ชินอ๋องเคยทำถูกมอบหมายให้กุนซือเฉิน ผู้เป็นสหายทำแทนทั้งหมด หากไม่มีเรื่องใดสำคัญชินอ๋องจะไม่พบใครทั้งนั้น “ท่านกุนซือโปรดจงทำใจ” ม่อฉินกล่าวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอีกคน ทิ้งให้ผู้มาเยือนเดินกลับออกจากตำหนักเองเช่นทุกครั้ง “แล้วนั่นเจ้าจะรีบไปที่ใด” “ข้าจะรีบไปรับบทลงโทษที่ปล่อยให้ท่านมารบกวนท่านอ๋องขอรับ” เสียงที่ดังห่างออกไปทำให้เฉินห่าวหมิงถอนหายใจ ยามรบว่าชินอ๋องเก่งกาจและเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดว่ายามรักก็ทุ่มเทสุดตัว นี่แห







