เย่ปิงปิงที่ได้รับอิสระรีบกอบโกยลมหายใจเข้าไปเต็มปอด นางมองเขาตาเขียวขุ่นด้วยความโกรธเคือง
“ออกไป!”
“ได้...อึก”
เขากำลังจะลุกจากไปเพราะมั่นใจว่าคนที่ไล่ล่าเขามันคงไปไกลแล้ว แต่เขาได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดมากจึงได้ล้มฟุบลงมาทับร่างของเย่ปิงปิง
“นี่เจ้า ออกไปเลยนะ”
เย่ปิงปิงดันใบหน้าของเขาให้ออกจากลำคอขาวผ่องของนาง แต่ไร้การตอบรับกลับมา เมื่อนางมองให้ดีจึงเห็นว่าเขาสลบไปแล้ว
“โอ๊ย นี่เจ้าจะทรมานข้าไปถึงไหนกันเนี่ย”
เย่ปิงปิงผลักร่างของเขาให้นอนกลิ้งไปด้านข้าง นางลุกขึ้นนั่งแล้วพิจารณาบุรุษที่บุกรุกเข้ามาในห้องนอนของนาง ใบหน้าคมคายที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าคลุมหน้าสีดำ ทำให้เย่ปิงปิงตกใจเสียยิ่งกว่าที่เขาขโมยจูบแรกของนางไปเสียอีก
“ชินอ๋องกงซ่างเหว่ย!! เหตุใดถึงเป็นท่าน?”
เย่ปิงปิงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนที่นางจะนึกถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน ครานั้นจำได้ว่าเคยมีข่าวลือว่าชินอ๋องลอบเข้าไปยังจวนขุนนาง แล้วถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หลังจากนั้นข่าวลือก็จางหายไป
เมื่อข่าวลือซาลง ชินอ๋องก็มาปรากฏกายอีกครั้งในวันที่กองทัพเคลื่อนขบวนกลับมาจากการทำศึกกับแคว้นข้างเคียง ในวันนั้นมีท่านพ่อกับท่านพี่ของนางอยู่ในขบวนด้วย นางยังจำได้ดีว่ากองทัพของชินอ๋องยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใด
เย่ปิงปิงรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก นางจะปล่อยให้ชินอ๋องมาตายที่ห้องของนางก็ไม่ได้ แต่จะเรียกให้คนมาช่วยก็ไม่ได้อีก หากมีข่าวลือว่านางลักลอบพบกับชินอ๋อง คงได้มีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีกเป็นแน่
หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบผ้าคลุมมาคลุมร่างกายของตนเอง แล้วเดินไปเรียกซีซีที่อยู่ห้องด้านข้างของบ่าวรับใช้คนสนิท
“ซีซี ซีซี”
“เจ้าคะคุณหนู” ซีซีงัวเงียปรือตาขึ้นมามองด้วยความง่วงงุน
“ข้าเผลอทำมีดบาดมือตัวเองน่ะ เจ้าช่วยไปเอาน้ำอุ่นกับอุปกรณ์ทำแผลมาให้ข้าได้หรือไม่”
ซีซีพลันตื่นเต็มตาด้วยความตกใจ
“ไหนเจ้าคะ ให้บ่าวไปตามท่านหมอมาดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ ๆ แผลไม่ได้ลึกมาก เดี๋ยวข้าจะทำแผลเอง เจ้าช่วยไปเงียบ ๆ หน่อยนะ”
“เจ้าค่ะ”
เย่ปิงปิงรอไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียกหน้าห้องของซีซี นางลุกเดินไปเปิดประตูแล้วนำกล่องทำแผลเข้ามา โดยไม่ได้ให้ซีซีเข้ามาด้วย
“เจ้ากลับไปนอนเถอะ หากมีอะไรข้าจะไปเรียกเจ้าเอง”
“จะดีหรือเจ้าคะ ให้บ่าวทำแผลให้คุณหนูดีหรือไม่เจ้าคะ”
ซีซียังคงลังเล นางเป็นห่วงเย่ปิงปิงมาก
“ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ข้าไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ซีซีคารวะเย่ปิงปิง แล้วเดินกลับไปยังห้องพักของตน
หญิงสาวเดินกลับมาที่ห้อง เย่ปิงปิงยืนมองชินอ๋องด้วยความหงุดหงิดและรำคาญใจ เขาช่างเป็นบุรุษที่ทำให้นางปวดหัวเสียจริง
เย่ปิงปิงตรวจสอบบาดแผลของเขา พบว่าเขาถูกดาบแทงที่ท้องน้อย เลือดออกเยอะมากจนน่าหวาดหวั่น นางถอดเสื้อของเขาออก แล้วเอาสุราที่เก็บไว้ในห้องมาเทฆ่าเชื้อให้กับเขา
“อึก!!”
กงซ่างเหว่ยสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บแสบที่บาดแผล สติของเขาจึงพลันกลับคืนมา กงซ่างเหว่ยปรือตาขึ้นมามองเห็นว่าเป็นนางที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำแผลให้เขาอยู่นั่นเอง
“บาดแผลลึกมากเลยนะเนี่ย คงทำได้แค่ห้ามเลือดก่อนเท่านั้น”
หญิงสาวพึมพำออกมาเสียงเบา แล้วจึงหยิบยาห้ามเลือดในขวดหยกมาโรยที่บาดแผลของเขา เวลาผ่านไปยังไม่ทันน้ำชาในถ้วยคลายร้อน เลือดสีแดงสดพลันหยุดไหล นางหันไปหยิบขวดยาที่ช่วยสมานบาดแผลมาโรยที่บาดแผลของเขาอีกครั้ง
ดวงตากลมโตพลันเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาคมกริบของกงซ่างเหว่ย
“ฟื้นแล้วหรือเพคะชินอ๋อง”
“เจ้ารู้จักข้าหรือ”
กงซ่างเหว่ยมั่นใจว่าเขาไม่เคยพบหน้านางมาก่อน เหตุใดนางถึงรู้ตัวตนของเขากันเล่า
“หม่อมฉันเป็นถึงบุตรสาวของท่านพ่อผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นลั่วหยาง จะไม่รู้จักใบหน้าของเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์เลยหรือเพคะ”
“อ้อ ขอบใจเจ้ามากคุณหนูเย่”
“จะเป็นการดีกว่านี้ถ้าพระองค์ไปให้ท่านหมอเป็นผู้รักษานะเพคะ”
“เข้าใจแล้ว”
“พระองค์ลุกขึ้นนั่งไหวไหมเพคะ หม่อมฉันจะพันแผลไว้ให้ก่อนเพคะ”
กงซ่างเหว่ยมองหน้าเย่ปิงปิงนิ่ง ก่อนจะพยายามขยับกายลุกขึ้นนั่ง
เย่ปิงปิงหยิบผ้าพันแผลออกมา แล้วพันรอบท้องแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชินอ๋องด้วยความประหม่าเล็กน้อย ตั้งแต่ชาติก่อนและชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นบุรุษเปลื้องผ้า และใกล้ชิดเขาถึงเพียงนี้ เพราะต้องจับปลายผ้าให้พันรอบท้องของเขา นางจึงต้องแนบชิดกับเขาไปด้วย ลมหายใจอุ่นร้อนของบุรุษเพศรินรดถูกใบหน้าของนางโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เอ่อ...เสร็จแล้วเพคะ”
กงซ่างเหว่ยลอบยิ้มขำ คราแรกนางยังทำท่าทางไม่หวั่นเกรงเขาเลย แต่มาตอนนี้กลับเขินอายเขาเสียอย่างนั้น
“ขอบคุณเจ้ามาก ข้ารบกวนเจ้ามามากพอแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน และขอโทษที่ล่วงเกินเจ้าไปด้วยเล่า”
เย่ปิงปิงมึนงงกับคำว่าขอโทษจากเชื้อพระวงศ์ ก่อนที่นางจะคิดได้ว่าเขาหมายถึงที่จูบนางไปนั่นเอง หญิงสาวรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นขึ้นมาที่ใบหน้าของนาง แก้มขาวเนียนพลันร้อนผ่าว
“เอ่อ...เพคะ”
กงซ่างเหว่ยลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตน เย่ปิงปิงจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าเขาสูงมากกว่านางถึงหนึ่งช่วงศีรษะเลย แต่ก่อนที่เขาจะจากไป นางกลับร้องเรียกเขาเสียก่อน
“คราหน้าหม่อมฉันขอค่ารักษาพระองค์ในวันนี้ด้วยนะเพคะ ค่ายาของหม่อมฉันแพงมากเพคะ”
พรืด!
กงซ่างเหว่ยเผลอหลุดขำกับคำพูดของนาง
“ย่อมได้ ข้าจะมอบทองให้เจ้าหนึ่งหีบ”
“ขอบพระทัยเพคะ”
กงซ่างเหว่ยหมุนกายจากไปในทันที โดยเขาได้ใช้วิชาตัวเบาเหาะทะยานออกไปทางหน้าต่างห้องของเย่ปิงปิง
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั