เช้าวันถัดมา
หลินซิ่วหรงยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษสกุลหลินตั้งแต่เมื่อพลบค่ำวันก่อนจนกระทั่งสายวันถัดมา ภายในเรือนเต็มไปด้วยเหล่าสาวใช้ในจวนที่พลัดเปลี่ยนมาเฝ้าคุณหนูใหญ่ด้วยเห็นใจและสงสารเต็มอก ทั้งที่นายท่านก็รู้ว่าในยามนี้นั้นคุณหนูกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ แม้ว่าจะไม่เอ่ยปากสั่งให้ดื่มยาขับเลือดทว่าการที่เอาแต่ยืนเช่นนี้ย่อมไม่ต่างกัน อย่างไรก็ไม่มีทางใดดีต่อคุณหนูใหญ่ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าความผิดของคุณหนูใหญ่จะเป็นเรื่องใหญ่โตมากก็จริงแต่ทว่าที่ผ่านมาคุณหนูย่อมไม่เคยทำผิดมาก่อน ไม่ว่านายท่านและฮูหยินอบรมสั่งสอนสิ่งใดย่อมเชื่อฟัง พวกนางล้วนไม่เคยได้ยินคุณหนูเถียงกลับแม้แต่สักครึ่งคำด้วยซ้ำ ไฉนจะนำมาหักล้างความผิดในครั้งนี้ไม่ได้กัน อีกทั้งไม่ว่าจะฮูหยินหรือคุณหนูเล็กล้วนมาคุกเข้าอ้อนวอนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี มิหนำซ้ำยังถูกนายท่านข่มขู่ว่าจะลงโทษคนทั้งคู่ไปด้วยอีก พวกนางเป็นสาวใช้พอเห็นเหตุการณ์นี้ ย่อมรู้สึกสะเทือนใจอยู่มากทว่ากลับไม่สามารถเอ่ยปากพูดอันใดได้ นัยน์ตาเมล็ดซิ่วจับจ้องมองแผ่นป้ายวิญญาณตรงหน้าทว่าหาได้รู้สึกผิด เสียใจหรือน้อยใจบิดาแต่อย่างใด นางกำลังพยายามนึกถึงเหตุการณ์และเรื่องราวที่กำลังจะเกิดภายหลังจากนี้ต่างหาก ยามนั้นพอบิดารู้แล้วว่านางตั้งครรภ์ก็รีบจัดเแจงเร่งรัดทุกอย่างให้กระชันชิดเข้ามาเร็วขึ้น ด้วยความเกรงว่าท้องของนางยิ่งนับวันก็ยิ่งมีแต่จะขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ย่อมไม่เป็นผลดี กล่าวว่า หากจะกลบฝังดินแล้วก็ต้องทำให้แนบเนียนและมิดชิด “คุณหนูนั่งพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ บ่าวเห็นนายท่านออกจากจวนไปตั้งแต่เช้าตรู่ ยามนี้ก็สายมากแล้ว เกรงว่าคงกลับจวนก็ช่วงพลบค่ำพอดี” อิงหลันเดินเข้าไปพูดกับคุณหนูใหญ่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเจือด้วยความเห็นใจไว้เต็มส่วน นางเห็นแล้วปวดใจไม่น้อย ความผิดของคุณหนูใหญ่ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวสกุลธรรมดาก็ย่อมไม่มีพ่อแม่ที่ไหนรับได้ ทว่าอย่างไรเรื่องก็เรื่องเถิดไปแล้ว ตามความคิดของนางนั้นสมควรพูดคุยกันแก้ปัญหาไม่ดีกว่าหรือ ทว่านายท่านกลับไม่ถามไถ่เหตุผลแม้แต่สักครึ่งคำ พอเจอหน้าก็เอาแต่สาดถ้อยคำด่า ถากถางและเหน็บแนมไม่หยุด มิหนำซ้ำ พอถูกเค้นความถามว่าบุรุษเลวทรามผู้ใดที่กล้าข่มเหงน้ำใจคุณหนูเช่นนี้ คุณหนูก็เอาแต่ปิดปากเงียบไม่ยอมหลุดพูดออกมาแม้แต่สักครึ่งคำก็ยิ่งเพิ่มโทสะในในของนายท่านให้ลุกโชนจนสั่งลงโทษอย่างใจดำเช่นนี้ ตามคิดของนางแล้ว หากนางได้หวนกลับคืนมีชีวิตอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำทั้งหมด เช่นนั้น…ซ่งเจิ้นอี้เล่า!? แน่นอนว่าเขายังมีชีวิตอยู่ไม่ตายแต่จะจำนางได้หรือไม่? หลินซิ่วหรงหลุดจากภวังค์ความคิดก่อนจะหันขวับไปมองสาวใช้ข้างกายทันที หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าว่าท่านพ่อออกจากจวนไปแล้วอย่างงั้นหรือ” “เจ้าค่ะ” อิงหลันพยักหน้าหงึกๆ “อืม” น้ำเสียงหวานขานรับ นางหาได้รู้สึกทรมานหรือปวดขาแต่อย่างไร ยามกลางคืนที่เหล่าสาวใช้ต่างเผลอหลับ นางเองก็หาได้ซื่อตรงปานนั้น อย่างไรก็สมควรรักษาลูกน้อยในครรภ์เอาไว้ นางแอบงีบและได้นั่งพักไปอยู่หลายชั่วยาม จนกระทั่งก่อนจะเช้าจึงสะดุ้งตื่นกลับไปยืนที่เดิม หลินซิ่วหรงหันหลังหมุนตัวไปจากป้ายบรรพชลก่อนจะเอ่ยถามอิงหลันอีกครั้ง “ท่านแม่และน้องเล็กเป็นอย่างไรบ้าง” ในชาติก่อนคนทั้งคู่ถึงขั้นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนไปคุกเข่าอยู่หน้าเรือนของท่านพ่อทั้งคำทั้งคืนมิต่างจากนางเช่นกัน เพื่อร้องขอให้ยกโทษให้นาง จนกระทั่งบิดายอมใจอ่อนเพราะเห็นแก่ท่านแม่ที่อายุมากแล้ว พอได้ยินถ้อยคำนั้น อิงหลันพลางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สู่ดีฉายออกมาอย่างชัดเจน “ฮูหยินและคุณหนูเล็กยังคงคุกเข่าอยู่ที่หน้าเรือนของนายท่านตั้งแต่เมื่อคืนเจ้าค่ะ จนปานนี้แล้วแม้จะลับสายตาของนายท่านก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ยอมลุกหนีเสียทีเจ้าค่ะ” อิงหลันพูด หลินซิ่วหรงได้ยินแล้วกลับยิ่งรู้สึกวางใจ เหตุการณ์ตอนนี้ยังเหมือนเดิม ดังนั้นแล้ว ท่านแม่และหลินซิ่วอันมีหรือจะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความสัตย์แม้ว่าจะไร้เงาของบิดา เช่นนั้น หากนางแก้ไข้เรื่องบางอย่าง เหตุการณ์นับจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปด้วยหรือไม่!? ยังไม่ทันสิ้นความคืดๆ จู่ๆ เสียงฝีเท้าหนักแน่นเต็มไปด้วยความเร่งรีบก็ดังอยู่หน้าเรือน อิงหลันเบิกตากว้างโพลงด้วยความตกใจ นางหันขวับไปมองสตรีข้างกายก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความประหม่าและหวาดหวั่น “คุณหนูรีบกลับไปยืนที่เดิมเถอะเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่านายท่านคงจะส่งคนมาจับตาสอดส่องดูตอนที่ไม่อยู่แน่” ไม่แน่ว่า หากพวกคนเหล่านั้นเห็นคุณหนูไม่ได้ยืนสำนักผิดอยู่ต่อหน้าป้ายบรรพชลสกุลหลินก็คงไม่พ้นถูกนำไปรายการต่อนายท่านและกล่าวหาว่า คุณหนูของนางแข็งข้อเห็นคำสั่งบิดาเป็นเพียงแค่ลมปากแน่! ใบหน้าของหลินซิ่วหรงปรากฏรอยยิ้มจางๆ หลุดหัวเราะในลำคอออกมาแผ่วเบา “พี่หญิง!/หรงเออร์!” หลินซิ่วอันประคองมารดากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในเรือนด้วยความเร่งรีบและร้อนร้น น้ำเสียงของคนทั้งคู่เอ่ยเรียกหลินซิ่วหรงดังขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นห่วง เหล่าสาวใช้ในเรือนและอิงหลันเมื่อมองเห็นคนมาใหม่ทั้งคู่แล้วต่างก็พลางกันถอนหายใจโล่งอกออกมาทั้งสิ้น หลินซิ่วหรงเห็นมารดาและน้องแล้วก็พลางเดินเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่เช่นนี้ ใบหน้าคนงามยังคงปรากฏรอยยิ้มจางๆ น้ำเสียงหวานเจือด้วยความรู้สึกผิด “ลำบากท่านแม่และน้องหญิงแล้ว” หลินฮูหยินเดินเข้าไปโผล่กอดบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะผละออก ไล่สายตามองอย่างสั่นระริกสำรวจตั้งแต่บนลงล่างอย่างระเอียดครั้งแล้งครั้งเล่าทุกระเบียบนิ้จนกระทั่งหน้าท้องแผ่นราบใต้อาภรณ์สีหวาน นางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยื่นมือออก ไปกอบกุมบุตรสาวไว้แน่น “เป็นอะไรหรือไม่หลินซิ่วหรง ให้สาวใช้ตามหมอมาตรวจดูอาการหน่อยหรือไม่ อย่างไรก็ปลอดภัยเอาไว้ก่อน บิดาขอเจ้าก็ช่างใจจืดใจดำกล้าสั่งลงโทษได้อย่างไรกัน” หลินซิ่วอันได้ยินแล้วพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับมารดา นางยื่นมือไปคว้ามืออีกข้างของพี่สาวมากอบกุมเอาไว้ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกนธเคืองไม่ค่อยพอใจนัก “ท่านพ่อทำเกินไปๆ ไฉนไม่เห็นแก่หลานในท้องเลยสักนิด” นางหลุบตาต่ำมองหน้าท้องแบนเรียบก่อนจะถอนหายใจ ความรู้สึกอุ่นซ่านย่อมแผ่ไปทั่วอกของหลิรซ่งหรง นัยน์ตาเมล็ดซิ่งวูบไหวก่อนจะรู้สึกค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้นมาไม่ทันตั้งตัว นางมองมารดาและน้องสาวตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา “ท่านพ่อหาได้ทำอันใดผิดหรือทำเกินไปเจ้าค่ะ ทว่าเป็นลูกต่างหากที่ทำเรื่องใหญ่โตจนทำให้รูสึกอับอายขายหน้า” “เหอะ! หน้าของบิดาเจ้าจะสำคัญมากกว่าหลานในท้องได้อย่างไรกัน” หลินฮูหยินได้ยินแค่นเสียเหน็ยแนมด่าทอดสามีออกมาทันที แม้ว่าบุตรสาวจะทำผิดพลาดเรื่องใหญ่โตทว่ามีผู้ใดบ้างที่ไม่เคยผิดพลาด! หลินซิ่วหรงได้ยินมารดาด่าทอบิดาแล้วก็พลางหลุดหัวเราะออกมาเจือความขบขัน “ท่านเป็นถึงขุนนางใหญ่ รู้จักขุนนางทั่วทั้งวังหลวง หากข่าวลือที่ว่าบุตรสาวตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่แต่งงออกเรือน มิหนำซ้ำกำลังจะได้กลายเป็นพระชายาขององค์ชายต่างแคว้นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อีก ไม่ว่าจะยกเหตุผลมาเป็นร้อยมาอ้างก็ไม่อาจล้างความผิดหรือทำให้รู้สึกขายหน้าได้น้อยลงเจ้าค่ะ” “หรงเออร์…” หลินฮูหยินได้ยินบุตรสาวกล่าวออกมาด้วยเหตุผลเช่นนี้ ภายในใจของนางก็ยิ่งหนักอึ้งอดโทษตนเองไม่ได้จริงๆ ว่านางนั้นช่างเป็นมารดาที่แย่นั้นไม่อาจปกป้องบุตรสาวได้ “ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าหาได้โกรธเคืองท่านพ่อและต้องไม่เป็นอะไรแน่” หลินซิ่วหรงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลินซิ่วอันจ้องมองพี่สาวอยู่ครู่หนึ่ง นางเม้มริมฝีปากแน่น คล้ายจะมีเรื่องอันใดจะเอ่ยกล่าวออกมาทว่ากลับอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดสักทีจนหลินซิ่วหรงสังเกตเห็น นางละสายตาจากมารดาก่อนจะปรายไปมองหลินซิ่วอัน “มีเรื่องอันใดก็พูดออกมาเถอะ อย่าได้เอาแต่อ้ำอึ้งเช่นนี้” หลินซิ่วอันถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ราวกับว่ามีก้อนหินนับพันชั่งกอดทับอกเอาไว้ นางเหลือบสายตามองมารดาก่อนจะหันไปมองพี่สาวตรงหน้าอีกครั้ง “บิดาของเด็กในท้อง…ของพี่หญิงคือผู้ใดกันหรือเจ้าค่ะ” ทันใดนั้น เพียงชั่วอึดใจหนึ่ง บรรยากาศภายในห้องพลันเงียบสงัดลงจนได้ยินกระทั่งเสียงของสายลมและเสียงลมหายใจที่ครุกขุ่นอยู่ภายในเรือน หลินฮูหยินยืนเงียบ นางเองก็สงสัยไม่ย่อยทว่าหสได้ถามออกไปเพราะเกรงว่าจะทำให้จิตใจของบุตรสาวบอลช้ำไปมากกว่านี้ ทว่าหลินซิ่วอันถามออกไปแล้ว อย่างไรก็จะได้คล้ายความสงสัยในใจของนางเสียที หากนางจำไม่ผิดแล้วนั้น หลินซิ่วหรงหาได้มีสหายมากมายจนนับไม่ถ้วนทว่ามีเพียงแค่คุณหนูสกุลจ้าวเท่านั้น มิหนำซ้ำ…แล้วด้วยนิสัยของคนทั้คู่กลับชมชอบดื่มน้ำชาเงียบๆ พูดคุยหาได้ชอบนัดแนะกันออกที่ไปโรงเตี๊ยม วันๆ นางก็เห็นแต่บุตรสาวอยู่แต่จวนหาได้ออกนอกลู่นอกทางไปที่ใด เช่นนั้น เรื่องนี้ผิดพบาดได้อย่างไรกัน!? หลินซิ่วหรงย่อมรับรู้ได้ถึงสายตาของทุกคนที่เพ่งมองมาด้วยความอยากรู้ปนกดดัน ไม่ว่าจะท่านแม่ทน้องสาวหรือแม้แต่สาวใช้ในห้องก็ไม่แพ้กัน นางปล่อยมือจากคนทั้งคู่ก่อนจะยกขึ้นมาลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบา น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งห้องราวกับตะโกนลั่นก็ไม่ปาน “รองแม่ทัพซ่ง…ซ่งเจิ้นอี้เจ้าค่ะ” อย่างไรปกปิดไปก็มีแต่จะทำให้แย่ ไม่แน่ว่านางก็อาจจะไม่รอดพ้นชะตาเดิม ตายไปพร้อมลูกในครรภ์อีกครั้ง มิสู้เปิดเผยออกไปดีกว่าเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตั้งครรภ์ ภายหลังจากนั้นนายท่านหลินมีคำสั่งว่าห้ามผู้ใดพูดถึงและห้ามแพร่งพรายเรื่องเป็นอันขาด หรือหากวันใดวันหนึ่งเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงถูกนำมานินทาขึ้นมาย่อมมีต้นเหตุมาจากคนในจวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดล้วนลงโทษไม่ยกเว้น!หลินซิ่วหรงหวนกลับมาได้เพียงแค่สองวันเท่านั้นเช้าวันถัดมาพอนางลืมตาตื่นขึ้น ก็หาได้มีอาการอ่อนเพลียหรือรู้สึกอยากอาเจียนออกมาแต่อย่างไร ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่นางพะอืดพะอมเหม็ทุกสิ่งอย่างจนหน้ามืดเป็นลมล้มไปคือแผนการของลูกในท้องก็ไม่ปานเกรงว่าเด็กผู้นี้คงดื้อรั้นและแสบไม่น้อยถึงได้กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนั้นจนถูกจับได้วันนี้หลินซิ่วหรงกินอาหารได้มากกว่าเมื่อวาน ไม่ว่าจะตักสิ่งใดเข้าปากล้วนเอร็ดอร่อยหาได้รู้สึกเหม็นหืดแต่อย่างใด นางกินไม่หยุดจนรู้สึกว่าถูกสายตาของหลินซิ่วอัน มารดาและบิดามองด้วยความแปลกใจนัยน์ตาเมล็ดซิ่งช้อนขึ้นมองคนทั้งสามสลับกันไปมาก่อนจะกล่าวออกมาน้ำเสียงแห้งๆ “วันนี้พ่อครัวทำอร่อยนักเจ้าค่ะ”หลินซิ่วหรงกลบเกลื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝีมือของพ่อครัวที่ทำอาหารอร่อยหรือเป็นเพราะว่ายามนี้นางกำลังตักครรภ์กันแน่ถึงได้กินอะไรก็
ชาติก่อนหลินซิ่วหรงปกปิดความลับนี้เอาไว้อย่างไรก็ไม่มีทางคายออกมาหรือหลุดพูดเป็นอันขาด จนกระทั่งในตอนนั้น หากซ่งเจิ้นอี้ไม่ได้พ้นปกป้องนางจนลมหายใจสุดท้าย เกรงว่าความลับนี้ เขาก็คงไม่มีวันล่วงรู้ตลอดไปพอสิ้นคำนั้น ภายในเรือนเงียบสงัดยิ่งกว่าเดิม บรรยากาศเริ่มอึมครึ้มคล้ายกับมีกลุ่มม่านเมฆลอยฝนเหนือหัวอยู่ภายในเรือน ไม่ว่าผู้ใดได้ยินแล้วต่างก็ขมวดคิ้วมุ่นคล้ายไม่เชื่อทั้งสิ้นหลินฮูหยินยืนนิ่งอยู่นาน ใบหน้าเริ่มซีดเซียวลงเรื่อยๆ และลมหายใจเริ่มกระชันถี่ขึ้นจนบุตรสาวทั้งสองสังเกตเห็นจึงเริ่มเข้าไปประคองประกบสองข้างเอาไว้“ท่านแม่!” น้ำเสียงของหลินซิ่วอันร้องออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าที่เจื่อนลงไปแล้วยิ่งเจื่อนลงไปอีก“ท่านแม่นั่งพักก่อนเถอะเข้าค่ะ” หลินซิ่วหรงพูดพาค่อยๆ ประคองมารดาไปนั่งอยู่มุมหนึ่งภายในห้องบรรพชล นางเหลือบสายตาไปมองอิงหลันก่อนจะออกคำสั่ง “หาน้ำชาสักจอกมาให้ท่านแม่ดื่มผ่อนคลายเสียหน่อยและไปตามท่านหมอมาเสีย”“เจ้าค่ะ!” อิงหลันตอบเหล่าสาวใช้พอได้ยินเช่นนั้นแล้ว พลางเร่งรีบเบ่งหน้าที่กันอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครเกี่ยงกันไปมาหลินฮูหยินกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้อง…แม่หาได้
เช้าวันถัดมาหลินซิ่วหรงยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษสกุลหลินตั้งแต่เมื่อพลบค่ำวันก่อนจนกระทั่งสายวันถัดมาภายในเรือนเต็มไปด้วยเหล่าสาวใช้ในจวนที่พลัดเปลี่ยนมาเฝ้าคุณหนูใหญ่ด้วยเห็นใจและสงสารเต็มอก ทั้งที่นายท่านก็รู้ว่าในยามนี้นั้นคุณหนูกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ แม้ว่าจะไม่เอ่ยปากสั่งให้ดื่มยาขับเลือดทว่าการที่เอาแต่ยืนเช่นนี้ย่อมไม่ต่างกันอย่างไรก็ไม่มีทางใดดีต่อคุณหนูใหญ่ทั้งสิ้นถึงแม้ว่าความผิดของคุณหนูใหญ่จะเป็นเรื่องใหญ่โตมากก็จริงแต่ทว่าที่ผ่านมาคุณหนูย่อมไม่เคยทำผิดมาก่อน ไม่ว่านายท่านและฮูหยินอบรมสั่งสอนสิ่งใดย่อมเชื่อฟัง พวกนางล้วนไม่เคยได้ยินคุณหนูเถียงกลับแม้แต่สักครึ่งคำด้วยซ้ำไฉนจะนำมาหักล้างความผิดในครั้งนี้ไม่ได้กัน อีกทั้งไม่ว่าจะฮูหยินหรือคุณหนูเล็กล้วนมาคุกเข้าอ้อนวอนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี มิหนำซ้ำยังถูกนายท่านข่มขู่ว่าจะลงโทษคนทั้งคู่ไปด้วยอีกพวกนางเป็นสาวใช้พอเห็นเหตุการณ์นี้ ย่อมรู้สึกสะเทือนใจอยู่มากทว่ากลับไม่สามารถเอ่ยปากพูดอันใดได้นัยน์ตาเมล็ดซิ่วจับจ้องมองแผ่นป้ายวิญญาณตรงหน้าทว่าหาได้รู้สึกผิด เสียใจหรือน้อยใจบิดาแต่อย่างใด นางกำลังพยายามนึกถึ
ดูแล้วนี่คงไม่ใช่เพียงฝันร้ายตื่นหนึ่งแต่เป็นเขาได้ย้อนกลับมากลับมาจริงๆภาพใบหน้าของนางที่สะอื้อร้อนไห้ออกมาปานใจจะขาดซ้ำยังบอกเรื่องสำคัญให้เขารู้ก่อนที่จะตายไปยังคงดังสะท้อนอยู่ในหู ในตอนนั้น แม้ตายไปแล้วเขาก็ไม่นึกเสียดาย ทั้งได้ปกป้องนางและลูกในท้องให้ปลอดภัยได้ก็รับว่าพอแล้วไม่ใช่ว่าเขาที่ตายไปแล้วสมควรจะลงปรโลกเพื่อไปดื่มน้ำแกงลืมเลือนของยายเมิ่งมิใช่หรอกหรือ แต่เหตุใดถึงได้มานั่งหายใจอยู่ที่ได้ ทว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเขาไม่รู้จริงๆไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาจะปกป้องนางเอาไว้ได้จริงๆ หรือไม่?ซ่งเจิ้งอี้เงยหน้าละจากจอกน้ำชาตรงหน้าเพ่งมองกู้เหยียนสหายวัยเยาว์ที่โตมาด้วยกัน ดวงตาคมกริบฉายแววจริงจัง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแน่วแน่ “คุณหนูใหญ่สกุลหลินจะขึ้นเกี้ยวแต่งออกไปเมื่อใดกัน”หากเป็นเช่นนั้นแล้ว หากเขาได้ย้อนกลับมาจริงๆ เกรงว่ายามนี้คงยังไม่สายเกินไปที่จะรั้งนางและปกป้องลูกในท้องเข้าไว้ได้หวนคืนกลับมาครานี้เขาจะไม่ยอมเสียสิ่งใดไปทั้งสิ้น!หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อยก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่เจือด้วยความหนักใหญ่เขาเป็นสหายของบุรุษตรงหน้ามาตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งต
หลินซิ่วหรงสะดุ้งขึ้นจากฝันนางหอบหายใจถี่จนหน้าอกกะนเพื่อมสั่นไหว ดวงตาคู่งามเพ่งมองเพดานขาวโพลนตรงหน้าด้วยสายตาที่พร่ามัว หัวคิ้วเรียวค่อยๆ ขมวดมุ่นเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งท่ามกลางบรรยากาศที่ครุกขุ่นภายในห้องเหตุใดที่ไม่ได้ใช่ไม่ใช่กลางป่าหกร้างแตากลับเป็น…เป็นเรือนของนางแทน?หลินซิ่วหรงและมองสายตาขวาเห็นเหล่าสาวใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งยืนและนั่งยืนอยู่เต็มเรือนต่างก็มองนางกลับด้วยสีหน้างุนงงไมาแพ่กันไม่ใช่ว่านางตายไปแล้งหรอกหรือ!?ความรู้สึกเจ็บจากลมดาบที่ลำคอก็จะแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง นางยังคงจำได้ไม่ลืม…มือขาวเรียวพลางยกขึ้นรีบกอบกุมลำลอทันที นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกวาดมองเหล่าสาวใช้ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่คสผู้หนึ่ง น้ำเสียงหวานแหบแห้งเอ่ยถาม “ข้า…ยังไม่หรอกหรือ”หลินซิ่วหรงมั่นใจว่า เหตุกานณ์ในตอนนั้นไม่ใช่เพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น…ราวกับว่ามันเกิดขึ้นจริงๆดังนั้น…นางได้หวนกลับมางั้นหรือ!?เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้มีอยู่จริงๆ หรือ!?ทันใดนั้น ความสงสัยและคำถามมากมายแล่นขึ้นกลางอก เช่นนั้นแล้ว วันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่แล้ว นางได้กลับมาตอนไหนกัน ระหว่างก่อนเกิดเรื่องวุ่นว