Home / รักโบราณ / หวนคืนดวงใจ / ๕ สายตาที่ไม่เหมือนเดิม

Share

๕ สายตาที่ไม่เหมือนเดิม

last update Last Updated: 2025-10-09 05:22:17

เรื่องที่คุณหนูใหญ่ตั้งครรภ์ ภายหลังจากนั้นนายท่านหลินมีคำสั่งว่าห้ามผู้ใดพูดถึงและห้ามแพร่งพรายเรื่องเป็นอันขาด หรือหากวันใดวันหนึ่งเรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงถูกนำมานินทาขึ้นมาย่อมมีต้นเหตุมาจากคนในจวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดล้วนลงโทษไม่ยกเว้น!

หลินซิ่วหรงหวนกลับมาได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น

เช้าวันถัดมาพอนางลืมตาตื่นขึ้น ก็หาได้มีอาการอ่อนเพลียหรือรู้สึกอยากอาเจียนออกมาแต่อย่างไร ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่นางพะอืดพะอมเหม็ทุกสิ่งอย่างจนหน้ามืดเป็นลมล้มไปคือแผนการของลูกในท้องก็ไม่ปาน

เกรงว่าเด็กผู้นี้คงดื้อรั้นและแสบไม่น้อยถึงได้กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนั้นจนถูกจับได้

วันนี้หลินซิ่วหรงกินอาหารได้มากกว่าเมื่อวาน ไม่ว่าจะตักสิ่งใดเข้าปากล้วนเอร็ดอร่อยหาได้รู้สึกเหม็นหืดแต่อย่างใด นางกินไม่หยุดจนรู้สึกว่าถูกสายตาของหลินซิ่วอัน มารดาและบิดามองด้วยความแปลกใจ

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งช้อนขึ้นมองคนทั้งสามสลับกันไปมาก่อนจะกล่าวออกมาน้ำเสียงแห้งๆ “วันนี้พ่อครัวทำอร่อยนักเจ้าค่ะ”

หลินซิ่วหรงกลบเกลื่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฝีมือของพ่อครัวที่ทำอาหารอร่อยหรือเป็นเพราะว่ายามนี้นางกำลังตักครรภ์กันแน่ถึงได้กินอะไรก็อร่อยไม่หมดเสียทุกอย่าง!

หลินซิ่วอันมองพี่สาวด้วยความประหลาด ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มจางๆ เจื่อนๆ

เดิมทีแล้วอีกฝ่ายกินข้าวแทบจะนับเม็ดได้ ทว่าเพียงแค่ชั่วข้ามคืนผ่านพ้นไปเกิดอันใดขึ้นอย่างงั้นรึ ถึงได้กินเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ราวกับว่าไปอดยากมาจากที่ใด ข้าวที่หลินซิ่วหรงกินนั้น…นางแบ่งกินได้ถึงสามมื้อเลยด้วยซ้ำ!

ทั้งที่พี่หญิงก็ตัวเล็กถึงเพียงนั้นแต่กลับกินไม่หยุดแม้กระทั่งพักหายใจหายใจ ไม่รูสึกเหนื่อยหรืออย่างไรกัน!?

หรืออาจเป็นเพราะกำลังท้องอยู่กระมัง

“หากอร่อยพี่หญิงก็กินเยอะๆ เถอะเจ้าค่ะ อย่างไรก็เผื่อลูกในท้องด้วย” หลินซิ่วอันกล่าว มองเห็นอีกฝ่ายกินแล้วก็พลันรู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที

หลินฮูหยินเห็นหลินซิ่วหรงกินได้มากเพียงนี้โดยไม่มีอาการอันใด นางก็พลางหลุดหัวเราะออกมาทันที อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ตั้งครรภ์หลินซิ่วอัน…นางเองก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีอาการแพ้แต่อย่างใด วันๆ เอาแต่กินไม่หยุด พอหนังท้องตึงหลังตาก็หย่อน เป็นอย่างนั้นอยู่หลายเดือนจนใกล้จะคลอด

นางปรายสายตาไปมองสามีก่อนจะพูด

“พอเห็นหลินซิ่วหรงในยามนี้ อดนึกไม่ได้ตอนที่ข้ากำลังอุ้มท้องหลินซิ่วอันใช่หรือไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่”

นายท่านหลินได้ยินน้ำเสรยงภรรยาแล้วจึงละสายตาจากบุตรสาวตรงหน้า เขาขานตอบสั้นๆ หวนๆ “อืม”

หลินซิ่วหรงได้ยินบทสนทนาของบิดาและมารดาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามแทรกขึ้นมา

“เช่นนั้น ครรภ์นี้จะเป็นเด็กหญิงอย่างงั้นหรือเจ้าค่ะ”

ในชาติก่อน นางได้เป็นมารดาอุ้มท้องอยู่เพียงแค่สามเดือนกว่าๆ เท่านั้น ยังไม่ทันได้เห็นหน้า ยังไม่ทันได้ตั้งขื่อและยังไม่ได้สัมผัสเลี้ยงดูให้ดีแต่กลับเกิดเรื่องเสียก่อน

หลินซิ่วหรงรู้สึกว่าความรู้สึกในตอนนี้และชาติก่อนนั้นแตก ต่างกันเหลือเกิน

ตอนนี้นางรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจริงๆ ที่ได้หวนกลับมาเป็นมารดาของเด็กผู้นี้อีกครั้ง ซ้ำยังอดใจรอแทบไม่ไหวที่จะได้พบหน้าเด็กทารกที่มีใบหน้าคล้ายคลึงนางกับบุรุษผู้นั้น ขณะที่ชาติก่อนนางเอาแต่หวาดกลัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้ใด ซ้ำยังปกปิดครรภ์ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างอับอายทั้งที่เป็นลูกของตัวเอง

พอนึกถึงเรื่องนี้แล้ว นางคาดเดาสีหน้าของเขาไม่ออกจริงๆ ว่าดีใจหรือไม่ หากรู้ว่านางกับเขากำลังมีลูกด้วยกัน

ในยามนั้น ทั้งที่เขาเจ็บเจียนจะตายอยู่แล้วแต่กลับเอาแต่ตะโกนบอกให้นางหนีไปอย่างได้หันหลังกลับมา

ทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบสงัดลงทันที ไม่มีแม้กระทั่งเสียงตะเกียบเคาะกับชามข้าว เสียงเคี้ยวอาหารหรือเสียงลมหายใจก็ไม่ได้ยิน

นายท่านหลินแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “เวลากินก็สมควรกินอย่างสงบเสงี่ยมอย่าได้พูดจาให้มากความไร้มารยาท หากอยากจะพูดนักก็ลุกออกไปคุยที่อื่น” พอสินคำนั้น เขาก็พลางคีบเนื้อชิ้นโตไปวางในถ้อยข้าวของหลินซิ่วหรงขัดกับคำพูดเมื่อครู่ไม่น้อย

ทั้งหลินซิ่วหรง หลินซิ่วอันและหลินฮูหยินต่างมองตากันก่อนจะพากันหลุดหัวเราะออกมาอย่างขบขัน เห็นได้ชัดว่าสายตาของบิดาหรือนายท่านหลิรอ่อนลงจากเมื่อวานอยู่มากแม้ว่ายังจะแข็งกร้าวอยู่มากแต่นับว่าเป็นสัญญาณดี!

แม้ว่ายามนี้ชายแดนที่ซ่งเจิ้นอี้เฝ้าอยู่จะสงบลงไปแล้ว และหากไม่มีเรื่องสำคัญอันใดเขาก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อที่นี่นานนักอยากจะรีบกลับค่ายทหารไปเสียมากกว่า

ซ่งเจิ้นอี้นั่งอ่านหนักสือจิบน้ำชาอยู่ในศาลาริมสะบัว สาย ตาคมกริบหาได้เพ่งมองอ่านหนังสือตรงหน้าแต่กลับทอดมองไปยังดอกบัวที่เบ่งบานเหนือผิวน้ำอย่างเหม่อลอย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้กลับเมืองเพราะจะได้พบหน้านาง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลินซิ่วหรงหาใช่คนที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไป

เขาหวนคืนกลับมาเพราะปกป้องนางใจนตาย แล้วนางเล่า เขาไม่รู้อันใดสักนิด แม้ว่ายามนี้จะมีความทรงจำในชาติก่อนทั้งหมด หากเขาโผล่หน้าไปให้เห็นนางคงจะไม่รู้สึกรังเกียจจนต้องล้างจวนยกใหญ่หรอกหรือ!?

ทว่าหากนับช่วงเวลาคำนวนดูแล้ว คงเป็นยามนี้กระมังที่นางกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่

เขาจะปล่อยนางไปเป็นภรรยาผู้อื่นทปล่อยให้ลูกเรียกขานบุรุษอื่นว่าพ่อได้จริงๆ หรือ ยิ่งคิดแล้วซ่งเจิ้นอี้ยิ่งปวดหัวตุบๆ ราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้

ครั้งนี้เขากลับมามีราชโองการเร่งด่วน เมื่อเสร็จสิ้นดีแล้วจึงเหลืออีกเพียงแค่สองวันที่เขาจะต้องกลับชายแดน ทว่ายามนี้กับคิดไม่ออกว่าควรจะจัดการสะสางเรื่องนี้อย่างไรดี

ซ่งเจิ้นอี้เอาแตานั่งเหม่อลอยจนไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าหรือรู้สึกถึงผู้คนที่เดินเข้ามา จนกระทั่งจึงได้ยินน้ำเสียงของแม่บ้านเอ่ยขึ้นอยู่พลันเรียกสติกลับคืนให้หลุดจากภวังค์

“คุณชายเจ้าคะ คุณหนูจากสกุลหลินต้องการพบเจ้าค่ะ”

พอสิ้นคำของแม่บ้าน หลินซิ่วหรงจึงเดินเบี่ยงออกมาจากด้านหลังทันที ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มกว้าง นัยน์ตาเมล็ดซิ่งประสานเข้ากับดวงตากริบพอดี “เกรงว่าข้าคงไม่ได้มารบกวนเวลาส่วนตัวของรองแม่ทัพซ่งกระมังเจ้าคะ” หลินซิ่วหรงพูดก่อนจะหันไปพยักหน้าขอบคุณแม่บ้านที่เดินนำมาส่งถึงข้างใน

“หลิน…ซิ่วหรง” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยออกมาติดขัด ฟังไม่ค่อยได้ใจความนัก ซ่งเจิ้นอี้หรี่สายตาลงคล้ายกลับไม่เชื่อว่านางจะปรากฏอนู่ตรงหน้าทั้งที่คะนึงหาอยู่เมื่อครู่ เขาพลางลุกขึ้นพรวดก่อนจะเดินลงจากศาลาปรี่เข้าไปหาด้วยความร้อนรนทันที

เหตุใดนางเห็นท่าทางจองเขาแล้วถึงได้รู้แปลกๆ นัก

หลินซิ่วหรงเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะยอบกายลงเล็ก น้อยตามมารยาท “ไม่ได้เจอกัน…เสียนานเลยนะเจ้าค่ะ เกรงว่าคงเกือบครึ่งปีแล้วกระมัง นับตั้งแต่วันนั้น”

วันที่นางขับไล่เขาออกไปให้พ้นจวน กล่าววาจาเฉียดเฉียนว่าไม่อยากลดลงตัวลงไปข้องเกี่ยวให้มัวหมอง

หลินซิ่วอันเพิ่งเคยมาเหยียบจวนสกุลซ่งครั้งแรกและนางก็เพิ่งเคยเห็นรองแม่ทัพซ่งผู้นี้ครั้งแรกเช่นกัน นางก้าวเข้ามาขวางทางบังหน้าพี่สาวเอาไว้ ก่อนจะยอบกายลงตามมารยาท น้ำเสียงหวานกล่าว “รองแม่ทัพซ่งไม่คิดจะเชิญเข้าและพี่สาวเข้าไปดื่มน้ำชาสักจอกเลยหรือเจ้าคะ”

ตอนที่นางได้ยินพี่สาวกล่าวว่าจะไปจวนสกุลซ่งหลังจากที่บิดาออกจาจวนเข้าวังหลวงไปแล้ว หลินซิ่วอันเป็นห่วงวางใจไม่ได้ นางห้ามไม่ได้จึงตามติดมาแทน

อย่างไรสองคนก็ย่อมดีกว่าหนึ่ง

สายตาคมกริบของซ่งเจิ้นอี้ยังจ้องมองหลินซิ่วหรงไม่ละลด เขาไม่ได้ตาฝาดไปเองใช่หรือไม่

เหตุใดนางถึงยืนอยู่ที่นี่ เหยียบเข้ามาในจวนสกุลซ่งทั้งที่กล่าวว่ารังเกียจไม่อยากจะข้องเกี่ยวอีก

“อืม นับตั้งแต่ครานั้นก็ไม่ได้เจอกันนาน และนึกว่าจะไม่ได้เจออีกแล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบประโยคก่อนหน้านี้ สายตาชมกริบพลางไล่มองอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะหยุดอยู่หน้าท้องแบนเรียบใต้อารภรณ์สีหวาน

“ลูก…ของข้า ยังอยู่ใช่หรือไม่”

พอได้ยินประโยคนี้ หลินซิ่วอันขมวดคิ้วมุ่นพลางหันขวับไปมองพี่สาวด้วยความแปลกใจทันที ก่อนจะหันกลับมามองบุรุษหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

“หมายความว่าอย่างไรกัน เรื่องนี่ท่านรู้ได้อย่างไร”

หลินซิ่วหรงเบี่ยงตัวหลบออกมาจากด้านหลังหลิวซิ่วอัน นางยังคงมองซ่งเจิ้นอี้ไม่วางตา หัวใจหัวน้อยค่อยๆ เต้นกระหน่ำขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและไร้สาเหตุ น้ำเสียงหวานเอ่ย “เขาปลอดภัย เพราะได้ท่านปกป้องไว้”

ไม่รู้ว่าเรื่องที่นางเขาจะเข้าใจหรือไม่

ทว่าคำพูด ท่าทางและสายตาที่ทอดมองนางนั้นดูแปลกจนนางอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าแท้จริงแล้ว ซ่งเจิ้งอี้ก็ได้หวนคืนกลับมาเช่นกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หวนคืนดวงใจ   ๓๐ ชั่วชีวิตนี้ไม่แยกจาก

    หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างสงบ ซ่งเจิ้งอี้ก็จัดการยกแม่สื่อมาทาบทามขอนางอีกครั้งตามธรรมเนียม แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยถูกนายท่านหลินขับไล่ออกจากจวนไปแล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่เข็ดซ้ำยามนี้ นางก็ตั้งครรภ์อยู่ แม้ท้องจะขยายใหญ่ขึ้นจนทำให้การเคลื่อนไหวไม่คล่องนักและก็หาได้อยากเร่งรัดการแต่งงานนัก หากจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปก่อนแล้วค่อยจัดพิธีให้สมเกียรติภายหลังจากที่นางคลอดก็ยังทันทว่าซ่งเจิ้งอี้กลับกล่าวอย่างหนักแน่นว่า เพียงเท่านี้ก็ทำให้สกุลหลินและนางเสียเกียรติไปไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้สมควรต้องทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ทั้งสามหนังสือและหกพิธีการต้องครบถ้วน จะได้ไม่มีผู้ใดครหาหรือสบประมาทได้!และเขายังประกาศเจตนาอย่างชัดเจนว่า ต้องการเป็นสามีของนางโดยแท้ และยังต้องการอยากป่าวประกาศให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงรู้ว่า คุณหนูใหญ่สกุลหลินได้ออกเรือนแล้ว มีวานแต่งที่ยิ่งใหญ่เอิกเกริกสมเกียรติ ทั้งขบวนสินเดิมหรือสินสอดของเจ้าสาวนั้นยาวเหยียดเรียงยาวหลายหีบจนนั้นไม่ถ้วนมิหนำซ้ำแล้ว ต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดไม่แพ้สตรีใด!แม้ว่าจะขัดใจนายท่านหลินไปบ้าง แต่หลินฮูหยินกลับออกหน้าตัดสินทุกอย่างโดยไม่รอความเห็นจาก

  • หวนคืนดวงใจ   ๒๙ กลับมาเคียงข้าง

    หลายวันผ่านไปหลินซิ่วหรงไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะคลี่คลายและสงบลงได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ นางไม่ต้องกลายเป็นสตรีบรรณาการขึ้นเกี้ยวไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และไม่ถูกบิดาบังคับให้ฝืนใจแต่งกับบุรุษใดอีกภายหลังเหตุการณ์วันนั้น ซ่งเจิ้งอี้กล่าวว่าสถานการณ์ในวังหลวงยังไม่สงบนัก แม้องค์ชายอวิ๋นจะปฏิเสธการแต่งงานกับนางไปแล้ว แต่ใช่ว่าฝั่งแคว้นอวิ๋นจะยอมรับโดยง่าย ซ้ำเกรงว่าฮ่องเต้จากแคว้นอวิ๋นก็คงไม่พอใจหากรู้เรื่องนี้ไปถึงหู เพื่อแก้ไขปัญหาในตอนนี้และที่จะตามมาในภายหลัง ซ่งเจิ้งอี้จึงตัดสินใจควบม้าออกเดินทางพร้อมพี่ชายไปยังแคว้นอวิ๋นด้วยตัวเองทว่าก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว ก่อนจะออกเดินทางนั้น เขาบอกว่าจะกลับมาวันนี้แต่ยามนี้ไร้วี่แววตลอดทั้งเช้า หลินซิ่วหรงเอาแต่เฝ้ารออย่างกระวนกระวาย พอยามบ่ายก็ส่งคนไปที่สกุลซ่งแต่กลับได้รับคำตอบเพียงว่า พวกเขายังไม่กลับมา นางได้แต่นั่งเหม่ออยู่กลางลานจวน สายตาจับจ้องไปยังบานประตูราวกับหวังจะเห็นเงาร่างที่รอคอย ภายในใจพลางเต็มไปด้วยความกังวลที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเรื่อยนางภาวนาให้เขากลับมาปลอดภัย แต่ลึกๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่าการกระทำครั้งนี้ราวกับเป็นการฉีกหน้าแคว้นอวิ๋น

  • หวนคืนดวงใจ   ๒๘ ไม่พรากจากกันอีกแล้ว

    ความเงียบแผ่ครอบคลุมท้องทั่วพระโรง หลังจากอวิ๋นเซียวปรากฏตัว ดวงตาคมกริบกวาดไปยังคณะทูตจากแคว้นอวิ๋นราวกับสังเกตทุกความเคลื่อนไหว เสียงลมหายใจของขันทีชราและขุนนางรอบพลันหนักขึ้นราวมีก้อนหินทับอกซ่งเจิ้งอี้ปรายมองคนแคว้นอวิ๋นผู้นั้น เขาแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะกล่าว “สกุลซ่งของข้าตั้งแต่บิดา พี่ชายและข้าต่างยืนหยัดปกป้องแคว้นเว่ยมาตลอด หากยังคิดบีบบังคับอย่างไร้เหตุผล สกุลซ่งก็ไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้าไม่ว่าจะผู้ใดก็ตาม!”สายตาคมกริบแข็งกร้าวฉายความแน่วแน่และจริงจังอย่างชัดเจน ครั้งนี้เขาไม่มีทางยอมจากหลินซิ่วหรงอีกแล้ว…แม้แต่ความตายก็มีอาจพรากเขาจากนางไปได้กู้เหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยในใจ…คนสกุลซ่งนี่ ช่างขัดแย้งกันเองยามสงบ แต่พอศึกจริงกลับช่วยกันรบจนไม่มีใครเทียบได้เลยฮ่องเต้หนุ่มบนบัลลังก์นั่งนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยราวไร้อารมณ์ มาครู่ใหญ่ก่อนที่จู่ๆ จะแค่นหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวเสียงกึกก้องสะท้อนทั่วท้องพระโรงอย่างเย็นชา ปรายตามองคนสกุลซ่งทั้งคู่“สกุลซ่งหรอกหรือ…ที่เป็นผู้ทำให้คุณหนูหลินตั้งครรภ์?”พอสิ้นคำ ทุกสายตาพุ่งไปยังซ่งเจิ้งห่าวแ

  • หวนคืนดวงใจ   ๒๗ ท้าทาย

    ซ่งเจิ้งอี้ไม่คาดคิดเลยว่าพี่ชายจะทำเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ทั้งยังปิดบังไม่บอกเขาแม้แต่สักคำเดียว ภายหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ทั้งเขาและซ่งเจิ้งห่าวพร้อมกู้เหยียนจึงรีบขึ้นรถม้าเข้าวังหลวงทันทียามนี้ ภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของเหล่าขุนนางสูงต่ำทั้งหลานที่ถูกเรียกตัวเข้ามาอย่างกะทันหัน ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดราชการ ดังกึกก้องไปทั่วผสมปนเปไปกับสีหน้าถมึงทึงและท่าทางหงุดหงิดที่อาจปกปิดได้มิด หลายคนพึมพำบ่นเสียงดังราวกับจะประกาศให้ผู้คนทั้งวังได้ยินหัวข้อที่ไม่พ้นถูกพูดถึงหนีไม่พ้นเรื่อง คุณหนูใหญ่สกุลหลินเกี่ยวกับข่าวลือที่แผ่สะพัดดังกระหึ่มในยามนี้และองค์ชายอวิ๋นเซียวจากแคว้นอวิ๋นที่เดินทางมาถึงแคว้นเว่ยโดยไม่ได้บอกกล่าวหรือแจ้งล่วงหน้า มิหนำซ้ำยังมีคณะทูตจากแคว้นอวิ๋นที่เดินตามมาเร่งรัดให้มีพิธีงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์โดยเร็ววันกู้เหยียนเดินนำหน้าเข้าท้องพระโรง เขาสูดลมหายใจพลางกวาดสายตามองรอบๆ เหล่าขุนนางต่างมารวมตัวกันแทบครบถ้วน ก่อนที่จะไปสะดุดตาเข้ากับคนผู้หนึ่งแทน อดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงฮึดฮัดประชดประชันเบาๆ“ดูหน้าพ่อตาเจ้าเสีย ซ่งเจิ้งอี้…ราวกับถู

  • หวนคืนดวงใจ   ๒๖ เดิมพันชีวิต

    แผนการลอบสังหารครานั้น ซ่งเจิ้งอี้ยังคงข้องใจอยู่ไม่น้อย ว่าเหตุใดเวลาถึงได้ประจวบเหมาะราวกับมีผู้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีขบวนแต่งงานจากแคว้นเว่ยเดินทางไปยังแคว้นอวิ๋น แต่เมื่อชะตาชีวิตในชาตินี้หาได้เป็นเช่นชาติที่แล้ว เขาจึงเลือกจะไม่เก็บมาคิดให้เปลืองสมองนักพักหลังมานี้ แม้ว่าซ่งเจิ้งอี้สามารถเข้าออกจวนสกุลหลินได้ตามใจ แต่ในเมื่อยังมิได้ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกับนาง…เขาย่อมไม่หยามเกียรติให้ผู้คนจับจ้องสนใจนางไปมากกว่านี้ ดังนั้นแล้ว เขาจึงมักแวะไปที่จวนสกุลหลินเพียงสองเวลาเท่านั้นยามเช้าตรู่ตั้งแต่ที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เพื่อร่วมทานอาหารเช้า และยามพลบค่ำเมื่อผู้คนแยกย้ายเข้าจวนจนหมดแล้วซ่งเจิ้งอี้รับปากว่าหากจัดการสะสางเรื่องราวระหว่างแคว้นได้สิ้น เขาจะให้แม่สื่อไปสู่ขอหลินซิ่วหรงตามธรรมเนียม จัดพิธีมงคลอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อให้นางยืนอยู่เคียงข้างเขาอย่างไม่น้อยหน้าและไม่มีผู้ใดกล้ากล่าววาจาดูหมิ่นได้อีกทว่าเช้าวันนี้ ทันทีที่เขาผลักประตูจวนออกมา ยังไม่ทันได้ยกเท้าก็เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดรออยู่หน้าจวน“เหอะ! ครานี้ข้าจะพลาดไม่ได้เจอรองแม่ทัพซ่งเสียแล้ว”น้ำเสียงทุ้มของกู้เ

  • หวนคืนดวงใจ   ๒๕ ความบังเอิญหรือจงใจ

    ณ จวนสกุลจ้าววันนี้มารดาของนางเอ่ยว่าจะไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนสกุลใดสกุลหนึ่ง แม้ว่านางจะได้ยินถ้อยคำทุกประโยคอย่างละเอียดแต่กลับหาได้สนใจนัก เพราะยังครุ่นคิดหาวิธีเอ่ยปฏิเสธอย่างแยบยล เพื่อให้ได้พักผ่อนอยู่ที่จวนอย่างสงบตามต้องการ และก็น่าแปลกนัก นางไม่ต้องอ้างเหตุผลหรือชักแม่น้ำมาหว่านล้อม มารดาก็หาได้รบเร้าอันใดทั้งสิ้น กล่าวเพียงว่า…หากจะอุดอู้อยู่จวนก็ตามใจเถอะจ้าวเหม่ยได้ยินแล้วดีใจอยู่ ไม่ต้องเปลืองน้ำลายพูดมากภายหลังจากที่นางส่งมารดาขึ้นรถม้าออกไปจากจวนแล้ว ก็กลับเรือนแล้วกระโดดลงบนเตียง พร้อมทั้งยังหลับตาลงอย่างผ่อนคลายพลางคิดว่าน่าจะได้พักผ่อนเสียทีแต่ยังไม่ทันชั่วอึดใจ กลับมีสาวใช้วิ่งแจ้นหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อม กล่าวว่ามีคุณชายผู้หนึ่งมาถึงจวน และเอ่ยว่าต้องการจะพบหน้านางให้ได้ หากไม่พบก็ไม่ยอมจากไปจ้าวเหม่ยฮวาได้ยินดังนั้นถึงกับดีดตัวขึ้นบนเตียง กรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเต็มไปด้วยความโกรธ หงุดหงิดและรำคาญใจพร้อมกันไฉนเลยพอพ้นสายตาของมารดา นางจะได้พักผ่อนบ้างแต่กลับต้องพบเจอเรื่องนี้!อดคิดไม่ได้ว่านี่คงเป็นแผนการของมารดาวางไว้ แม้ว่าจะนางหงุดหงิดและอารมณ์เสียมาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status