Masukสาวใช้หยิบหมอนหนุนหลังให้หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง ชิงหว่านซึบซับการถูกเอาใจใส่พลางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา
ก่อนเป็นคณิกาอันดับหนึ่งของเมืองหลวงที่ผู้คนรู้จักในนามไป๋ลู่ ชื่อเดิมของนางคือชิงหว่าน เจ้าของร่างนี้ก็ชื่อเดียวกัน นางพบชิ่งหว่านที่แดนปรโลก หลังจากดวงวิญญาณของนางหลุดออกจากร่างของคณิกาไป๋ลู่ไปแล้ว หลุดพ้นจากความทรมานเพียงพริบตาก็มาสู่แดนปรโลก ดอกปี่อั้นสีแดงเลือดแบ่งบานต้อนรับวิญญาณทั้งหลาย นางเพียงถอนหายใจเบาๆ สำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองทำไว้ เพียงเพื่อช่วยให้บุรุษผู้หนึ่งสมปรารถนา นางจึงยอมทำทุกสิ่งแม้ต้องใช้ร่างกายก็ตาม แม้นางคือหญิงคณิกาแต่หัวใจเพรียกหารักแท้ แต่สุดท้ายเขากลับส่งนางไปบำเรอกามขุนนางโฉดทรมานนางจนสิ้นใจ ซ้ำยังเอาศพไปทิ้งในป่าราวกับเป็นสัตว์ชั้นต่ำตัวหนึ่ง
นางทำผิดต่อผู้คนมากมาย แม้กระทั่งบุรุษที่ชื่อซ่งอวี้หาน แต่เขากลับเป็นคนที่ยอมสละเสื้อคลุมกันฝนคลุมร่างให้นาง ในชีวิตนางได้พบคนที่ดีก็เมื่อลมหายใจสุดท้ายมาเยือน
เพียงพริบตานางมาสู่แดนปรโลก ระหว่างที่จะไปนสะพานไน่เหอ ว่ากันว่าใต้สะพานจะเป็นแม่น้ำสีเลือดที่เต็มไปด้วยสัตว์พิษร้ายมากมาย คนชั่วอย่างนางคงถูกโยนลงแม่น้ำอย่างแน่นอน ทว่านางกลับพบร่างเล็กๆ นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ริมทางเดิน ไม่รู้เหตุใดนางจึงเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้างๆ
“เด็กดีอย่าร้องไห้ไปเลย”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้น ดวงตางดงามเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“พี่สาว...ข้ากลัว”
“ข้าก็กลัว เจ้าไปพร้อมข้าดีหรือไม่”
เด็กสาวชะเง้อมองไปยังสะพานไน่เหอแล้วก็ขดตัวแน่นขึ้น
“ข้าต้องถูกจับโยนลงแม่น้ำเลือดอย่างแน่นอน”
“เจ้าอายุน้อยเพียงนี้ ทำผิดเรื่องใดกัน”
“ข้า...ข้าฆ่าตัวตาย” เด็กสาวร้องไห้อีกครั้ง “ข้าถูกคนชั่วจับตัวไป พวกมันกักขังข้าไว้ถึงเจ็ดวัน ข้าหลบหนีออกมาพร้อมกับสตรีผู้อื่นจนกลับมาถึงบ้านได้ แต่...แต่พอคู่หมั้นรู้ข่าว เขาก็ยกเลิกการหมั้นหมาย ผู้คนที่รู้เรื่องต่างนินทาว่าร้าย ข้าอับอายเหลือเกินที่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องเสียใจ ข้าจึง...กระโดดสระน้ำฆ่าตัวตาย”
“เด็กดี เจ้าไม่ได้ทำผิด เจ้าแค่คิดสั้นเท่านั้น” นางโอบไหล่เด็กหญิงอย่างปลอบโยน
“แต่คนฆ่าตัวตายเป็นบาปหนัก ข้ากลัว” นางพยายามกลั้นสะอื้น “ความจริงตอนนั้นข้ารู้สึกตัวแล้ว พยายามจะขึ้นจากน้ำ แต่ไม่สำเร็จ ข้าหมดแรงไปเสียก่อน...จึงได้ตายสมใจจริงๆ”
“วิญญาณเจ้าเพิ่งออกจากร่าง....เจ้าลองกลับไปดูร่างของตนดีหรือไม่ ข้าจำได้ว่ามีคนพูดว่า วิญญาณจะวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์เจ็ดวัน นี่อาจยังไม่สาย เจ้าลองกลับไปดูดีหรือไม่”
“ข้า...ข้ากลัว...” เด็กหญิงยกมือขึ้นปาดน้ำตา “คนพวกนั้น...พูดว่าข้าไม่บริสุทธิ์...ข้าจะใช้ชีวิตได้อย่างไร...”
โทษนางไม่ได้ อายุน้อยเพียงนี้คงไม่เคยเจอเรื่องเลวร้ายย่อมต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา ผิดกับนางที่กร้านโลกอยู่ในหอคณิกาตั้งแต่สิบขวบ จนอายุยี่สิบสี่ ผู้อื่นออกจากหอนางโลมไปแล้วแต่นางยังคงอยู่เพียงเพราะ...ทำเพื่อเอาใจชายผู้หนึ่ง นางใช้ฐานะหญิงคณิกาของนางเพื่อให้นางสืบข่าวต่างๆ และคอยช่วยเหลือเขา จนถึงบัดนนี้คนผู้นั้นได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว
“แล้ว...พี่สาวไม่กลับไปหรือ?”
“ร่างกายข้านั้น...ไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว” ร่างนางยับเยินถึงเพียงนั้นและยังถูกฝังไปแล้ว เกรงว่าไม่มีแรงแม้จะขุดตนเองออกมาจากหลุมด้วยซ้ำไป “ข้าแค่รู้สึกติดค้างคนผู้หนึ่ง ข้าทำร้ายเขาแต่เขายังเมตตาข้า หากเป็นไปได้...ข้าอยากตอบแทนบุญคุณเขาสักครั้ง”
เด็กหญิงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถาม “พี่สาวว่าข้าจะไม่ถูกจับโยนลงแม่น้ำเลือดใช่หรือไม่”
“แน่นอน...คนเราล้วนมีช่วงเวลาที่คิดสั้น เจ้าสำนึกได้แต่กลับตัวไม่ทัน...จึงเป็นเช่นนี้”
“ข้าไม่กล้ากลับไป...พี่สาว...ท่านลองกลับไปดีหรือไม่ บางที...ท่านอาจใช้ร่างของข้าได้”
“จะได้อย่างไรกัน”
“ข้าไม่อาจสู้หน้าผู้คนได้อีก หากพี่สาวใช้ร่างข้าได้จริง...ข้าขอเพียงเรื่องเดียว ดูแลท่านพ่อท่านแม่แทนข้าด้วย ข้ามีพี่ชายสามคนพวกเขาเอ็นดูข้ามาก....ข้าเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาคงผิดหวังในตัวข้า”
“เด็กน้อย เจ้าคิดดูให้ดี...ชีวิตเจ้ายังเยาว์วัย เจ้ายังมีโอกาสแก้ไข”
“พี่สาว...ข้าไม่เข้มแข็ง ข้าทนเสียงดูถูกเหล่านั้นไม่ได้ ข้ารู้ว่าท่านพ่อต้องจ่ายเงินปิดปากให้เรื่องเงียบ แต่ยิ่งทำผู้คนก็ยิ่งพูดถึงเรื่องของข้า บัดนี้ข้าไม่เหลือชื่อเสียงที่ดีอีกแล้ว แต่งงานก็ไม่ได้ ไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไร”
“พวกเจ้า! มาทางนี้!”
ผู้คุมวิญญาณตะโกนเรียก ทั้งสองลุกขึ้นยืน เด็กหญิงลังเลเล็กน้อยแล้วผลักพี่สาวไปทางหนึ่ง
“ข้าชื่อชิงหว่าน พี่สาว อย่าลืมสัญญานะ!”
“อืม ข้าก็ชื่อชิงหว่าน หากข้าใช้ร่างของเจ้าได้ ข้าสัญญาจะดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดี”
เด็กสาวยิ้มทั้งน้ำตาแล้วหมุนตัวเดินตรงไปทางผู้คุมวิญญาณ ชิงหว่านไม่รู้ว่าต้องไปที่ใด นางเพียงหันหลังแล้ววิ่งด้วยเท้าเปล่า วิ่งจนสุดแรง กระทั่งได้สติอีกครั้งก็คืออยู่ในน้ำและมีชายที่เรียกตนเองว่าพี่ใหญ่มาช่วยไว้
ชิงหว่านคงข้ามสะพานไน่เหอไปแล้ว ส่วนนางอยู่ในร่างของเจียงชิงหว่าน สกุลเจียงเป็นตระกูลพ่อค้าแม้ไม่ได้ร่ำรวยอันดับหนึ่งแต่ก็มีหน้าตาไม่น้อย ใช้ชีวิตสมถะจึงไม่ค่อยเข้าสังคมมากนัก นั้นเป็นเรื่องที่นางรู้เพราะนางสืบข่าวทุกตระกูลในเมืองหลวง
นางฟื้นมาในร่างนี้ได้สามวันแล้ว ทว่าร่างกายนี้อ่อนแอนักจึงยังอ่อนแรงอยู่ บิดาของนางคือเจียงเซิ่งหยางและภรรยาซูเหมย มีบุตรทั้งหมดสี่คน เจียงเจิ้งเหวิน พี่ใหญ่ บุตรชายคนโตสืบทอดกิจการของตระกูล,เจียงเจิ้งฮ่าว หรือพี่รอง เชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์ เจียงเจิ้งหย่วน หรือพี่สามผู้ที่ชื่นชอบศิลปะทุกแขนง และบุตรสาวคนเล็กเจียงชิงหว่านที่ไม่มีอะไรโดดเด่นนัก นางอยู่ท่ามกลางความรักและเอาใจใส่จากคนในครอบครัวจนติดนิสัยเอาแต่ใจไปนิด เรื่องมากไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้
มีพี่ชายเป็นหมอ อาการของเด็กสาวดีวันดีคืน ผ่านมาเจ็ดวันร่างกายก็ฟื้นตัวเต็มที่ เจียงชิงหว่านที่ใช้ชีวิตแค่ในห้องนอนรู้สึกเบื่อหน่ายประดาแล้ว เมื่อพี่รองมอบถ้วยยาชุดสุดท้ายให้ นางก็ดีใจแทบหลั่งน้ำตา เจียงเจิ้งฮ่าวยิ้มเอ็นดูยื่นมือไปลูบผมน้องสาวเบาๆ “อย่างไรก็อย่าออกไปถูกแดดถูกลมมากนัก” “ใครว่าล่ะ ควรถูกแดดถูกลมบ้างต่างหาก” ชิงหว่านยื่นปากใส่ “อยู่แต่ในห้อง ข้าจะกลายเป็นผักเหี่ยวๆอยู่แล้ว” “พูดจาไม่น่าฟังเลย” เขาส่ายหน้าแต่มุมปากมีรอยยิ้ม “เจ้าแข็งแรงดีก็ไปกินข้าวกับท่านพ่อท่านแม่บ้าง” ชิงหว่านเลิกคิ้วประหลาดใจ ตั้งแต่ฟื้นมาในร่างนี้นางยังไม่ได้ก้าวเท้าออกไปจากห้องนี้เลย แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็มาเยี่ยมทุกวัน “ที่ผ่านมาข้าไม่ได้กินข้าวกับท่านพ่อท่านแม่หรือเจ้าคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วประหลาดใจ แต่หลายวันมานี้เห็นได้ชัดว่ามีบางเรื่องราวที่นางสับสนหรือจำไม่ได้ จากที่เคยอ่านบันทึกตำราแพทย์มาเป็นไปได้ว่าเกิดจากการจมน้ำหรือเพราะพบเรื่องสะเทือนใจมากเกินรับได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยอมรับที่นางถามแปลกๆ เช่นนี้ได
“ทำการค้า? เจ้าสนใจจริงๆรึ” พี่ใหญ่ทำตาโต แค่สอนน้องสาวดีดลูกคิดนางยังไม่เอา ท่านพ่อท่านแม่ส่งไปเรียนสำนักศึกษาหญิง นางก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย สุดท้ายต้องเชิญอาจารย์มาสอนที่บ้าน ยังดีที่เจ้าสามรักการเรียนเลยช่วยสอนน้องเล็กอ่านออกเขียนได้ ไม่เช่นนั้นแม้แต่ชื่อตนเองยังเขียนไม่ได้ ทำอย่างไรได้เล่า คนในบ้านมีใครทนเห็นน้ำตาของชิงหว่านได้ที่ไหน บิดารักใคร่มารดาเพียงหนึ่งเดียว ไม่รับหญิงอื่นมาเป็นทั้งภรรยารองหรืออนุ ท่านพ่อท่านแม่อยากได้บุตรสาวสักคน แต่หลังจากเขาเกิดก็คลอดลูกชายมาสองคน หลังจากนั้นก็แท้งบุตรไปหนึ่งครั้ง ไม่คิดว่าจะมีบุตรได้อีก กระทั่งมารดาตั้งครรภ์อีกครั้งก็คลอดบุตรสาวสมใจ พวกเขาเป็นพี่ชายเอ็นดูรักใคร่น้องเล็กสุดหัวใจ เห็นตั้งแต่นางอยู่ในครรภ์มารดาจนกระทั่งนางเกิดและเติบโต นางเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามทำให้พวกเขาไม่มีใครทนเห็นนางต้องเสียใจหรือทุกข์ใจได้เลยสักครั้ง ซึ่งนั้นทำให้นางติดนิสัยเอาแต่ใจไปสักเล็กน้อย “จริงสิ” หญิงสาวพยักหน้ายืนยันแล้วทำปากยื่นใส่ “พี่ใหญ่ไม่เชื่อข้าหรือ?” “เชื่อๆ พี่ย่อมเชื่อเจ้าอยู่แล้ว” พี่รองกับพี่สามลอบสบตากั
“คุณหนู คุณชายรองมาเยี่ยมเจ้าค่ะ” “รีบเชิญ” ชายหนุ่มอายุประมาณสิบแปดปี เขาสวมชุดสีเขียวใบไผ่ดูเรียบง่ายและสงบนิ่ง เขาก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มทำให้ใบหน้ายิ่งอ่อนโยนลง เขานั่งที่เก้าอี้กลมข้างเตียงนอนของน้องสาว แล้วยกมือขึ้นอังหน้าผากของนาง ทั้งสี่หน้าและแววตาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ชาติก่อนนางไม่เคยมีครอบครัว เอ่อ จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก ครอบครัวของนางคือหญิงคณิกาที่หอระบำจันทร์ ซึ่งเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ภายนอกเหมือนรักใคร่กันอย่างพี่สาวน้องสาว ภายในแก่งแย่งกันขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง นางอายุมากที่สุดแต่ยังครองตำแหน่งได้นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว ทั้งเสน่ห์เล่ห์มารยาทล้วนต้องฝึกฝนเรียนรู้ ควบคู่กับศิลปะทุกแขนง เพลงพิณ วาดภาพ เดินหมากล้อม ชงชารวมทั้งเตรียมกำยาน คำว่าเชี่ยวชาญนั้นไม่เกินเลยสักนิด “ดีจริง ไข้ลดแล้ว” เจียงเจิ้งฮ่าวค่อยโล่งใจขึ้น “ข้าก็บอกพี่รองแล้ว ว่าข้าดีขึ้นแล้วจริงๆ” นางยิ้มน้อยๆ ชีวิตในชาติก่อนก่อกรรมไว้มากไม่คิดว่าจะมีคุณงามความดีหลงเหลือได้มาอยู่ในครอบครัวที่ดีพร้อมเช่นนี้ได้ สงสารก็แต่แม่นา
สาวใช้หยิบหมอนหนุนหลังให้หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง ชิงหว่านซึบซับการถูกเอาใจใส่พลางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ก่อนเป็นคณิกาอันดับหนึ่งของเมืองหลวงที่ผู้คนรู้จักในนามไป๋ลู่ ชื่อเดิมของนางคือชิงหว่าน เจ้าของร่างนี้ก็ชื่อเดียวกัน นางพบชิ่งหว่านที่แดนปรโลก หลังจากดวงวิญญาณของนางหลุดออกจากร่างของคณิกาไป๋ลู่ไปแล้ว หลุดพ้นจากความทรมานเพียงพริบตาก็มาสู่แดนปรโลก ดอกปี่อั้นสีแดงเลือดแบ่งบานต้อนรับวิญญาณทั้งหลาย นางเพียงถอนหายใจเบาๆ สำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองทำไว้ เพียงเพื่อช่วยให้บุรุษผู้หนึ่งสมปรารถนา นางจึงยอมทำทุกสิ่งแม้ต้องใช้ร่างกายก็ตาม แม้นางคือหญิงคณิกาแต่หัวใจเพรียกหารักแท้ แต่สุดท้ายเขากลับส่งนางไปบำเรอกามขุนนางโฉดทรมานนางจนสิ้นใจ ซ้ำยังเอาศพไปทิ้งในป่าราวกับเป็นสัตว์ชั้นต่ำตัวหนึ่ง นางทำผิดต่อผู้คนมากมาย แม้กระทั่งบุรุษที่ชื่อซ่งอวี้หาน แต่เขากลับเป็นคนที่ยอมสละเสื้อคลุมกันฝนคลุมร่างให้นาง ในชีวิตนางได้พบคนที่ดีก็เมื่อลมหายใจสุดท้ายมาเยือน เพียงพริบตานางมาสู่แดนปรโลก ระหว่างที่จะไปนสะพานไน่เหอ ว่ากันว่าใต้สะพานจะเป็นแม่น้ำสีเลือดที่เต็มไปด้ว
แนะนำตัวละครชิงหว่าน : คณิกาไป๋ลู่ มีชื่อเดิมว่าชิงหว่าน เป็นหญิงนางโลมที่หอระบำจันทร์ อายุ24ปี เมื่อตายด้วยน้ำมือ วิญญาณมาอยู่ในร่างของ ‘เจียงชิงหว่าน’ บุตรสาวตระกูลพ่อค้าอายุเพียง15ปีซ่งอวี้หาน : ผู้บัญชาการซ่ง ผู้บัญชาการสำนักประจิม สำนักประจิม เป็นหน่วยที่ตั้งขึ้นเพิ่มเติมเพื่อคอยตรวจสอบและสอดส่ององครักษ์เสื้อแพรและสำนักบูรพาอีกทอดหนึ่ง มีอำนาจในการสังหารผู้ที่เป็นภัยได้ทันที อายุ24ปีเฟิงเยี่ยนหลง : รัชทายาท ผู้ต้องการนั่งบัลลังก์มังกรโดยสนใจวิธีการแม้แลกมาด้วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ เจียงเจิ้งเหวิน,เจียงเจิ้งฮ่าว และ เจียงเจิ้งหย่วน : พี่ชายของเจียงชิงหว่านรักน้องสาวยิ่งชีวิตบทนำ พายุฝนโหมกระหน่ำชะล้างคราบเลือดไหลนองบนพื้นและช่วยทำให้ร่างของหญิงงาม เสื้อผ้าถูกฉีกขาดเปิดเผยผิวกายที่บัดนี้เต็มไปด้วยบาดแผล รอยฟอกช้ำ ที่ข้อมือและข้อเท้ายังมีเชือกมัดไว้ ดวงตาไร้แววคู่นั้นยังเบิกโพลงเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานเจ็บปวดและเคียดแค้น จุดจบของคณิกาอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ช่างอนาถยิ่งนัก แสงแปลบปลาบทำให้ราตรีมืดมิดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น บุรุษผู้หนึ่งอยู่บนหลังอา







