หลิวเสี่ยวถิงได้แต่ภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยได้รับชัยชนะกลับมา ตอนนี้ตัวนางเองจะมัวแต่นั่งเศร้าไม่ได้ คนเจ็บด้านนอกอีกหลายร้อยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ หลังจากตั้งสติได้ร่างบางได้รีบเปลี่ยนจากกระโจมใหญ่ เป็นกระโจมแม่ทัพทันที เพื่อจัดเตรียมยาที่จำเป็นต้องใช้ให้พร้อม“พวกท่านอย่าให้ใครเข้ามาในกระโจมก่อนได้รับอนุญาตนะเจ้าคะ”“รับทราบขอรับ” ผู้คุ้มกันทั้งห้าเมื่อได้รับคำสั่ง ต่างก็แยกย้ายกันออกไปยืนเฝ้ากระโจม เพื่อมิให้ใครเข้ามาวุ่นวายเมื่อไม่มีคนนอกให้ต้องระแวดระวัง หลิวเสี่ยวถิงได้นำยาออกมาจากของวิเศษ มีทั้งยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้อักเสบ ยาห้ามเลือด พร้อมด้วยอุปกรณ์ทำแผล โดยเลือกเป็นชุดกล่องพยาบาล แทนที่จะนำของทุกอย่างออกมากองรวมกัน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน หลังจากได้สิ่งของที่จำเป็นครบแล้ว จึงได้เรียกให้คนมาช่วยขนออกไปที่พักคนเจ็บอย่างเร่งด่วน“ฮูหยินจะได้ผลจริงหรือขอรับ ข้าเป็นหมอในกองทัพมานับสิบปี ยังไม่เคยเห็นยาเช่นนี้มาก่อน” ยาเม็ดเล็กเท่านี้จะแก้ปวดและลดการอักเสบของแผลได้อย่างไร ยาต้มและสมุนไพรสำหรับพอกแผลสิถึงจะหายเร็ว ถึงจะไม่ค่อยเชื่อ กระนั้นก็ไม่กล้าพูดให้ได้ยิน คำสั่งท่านอ๋องถือเป็นเ
“ฮูหยินท่านมาได้อย่างไรขอรับ” นายกองหน่วยเสบียงที่คุ้นเคยกันอยู่บ้าง เมื่อเห็นอีกฝ่ายจึงตรงเข้ามาถามทันที“ข้าเป็นห่วงท่านแม่ทัพ มีข่าวอะไรบ้างหรือไม่เจ้าคะท่านนายกอง”“ตอนนี้ท่านแม่ทัพตรึงกำลังอยู่ด่านหน้า เห็นว่าฝั่งแคว้นฉู่เสียกำลังพลไปไม่น้อยเลยขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังจะออกไปช่วยอีกแรง” นั่นเป็นเพราะทัพเหนือมีอาวุธที่ดี ทำให้สามารถต้านและโต้กลับได้ทันที จึงสามารถยื้อกันมาได้ถึงห้าวัน กระนั้นกำลังพลที่ต่างกันมากก็ไม่อาจวางใจได้“ท่านช่วยพาข้าไปหาท่านอ๋องได้หรือไม่เจ้าคะ”“ได้สิขอรับ ได้ยินว่าท่านอ๋องอยากพบท่านกำลังให้คนไปเชิญมาที่นี่อยู่พอดี ดีที่ฮูหยินเดินทางมาถึงก่อน เชิญตามข้ามาขอรับ” นางกองเสบียงเดินนำทางพาไปกระโจมใหญ่ทันที“เรียนท่านอ๋องฮูหยินมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ให้เข้ามาได้”เมื่อเสียงตอบรับจากชินอ๋องอนุญาตให้เข้าพบได้ ทหารเฝ้ายามจึงได้เปิดทางให้เสี่ยวถิงได้เข้าไปด้านใน“คารวะท่านอ๋องเพคะ” หญิงสาวย่อกายลงทำความเคารพผู้สูงศักดิ์ ได้แต่นึกสงสัยเหตุใดถึงได้อยากพบตน หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านพี่“มิใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก แม่ทัพไท่ไม่ได้เป็นอะไร” สีหน้าที่นางแสดงออกนั้นไม่ต้อง
สิ่งที่ไท่ฟงคาดเดาไว้ไม่ผิดไปจากที่คิด หลังจากสายของแคว้นฉู่ถูกจับแขวนคอประจานนอกกำแพงเมือง แคว้นศัตรูก็เริ่มเคลื่อนทัพเรือนแสนเพื่อยึดครองเมืองต้าเจี้ยนทันที หวังใช้โอกาสในตอนอีกฝ่ายกำลังอ่อนแอ ประสบปัญหาทั้งด้านกำลังพลและเสบียงอาหาร ง่ายต่อการเข้ายึดครองอำเภอต้าเจี้ยนอยู่ใกล้ชายแดนมากที่สุด บัดนี้แทบไม่มีผู้คนเดินขวักไขว่จับจ่ายใช้สอยเช่นเดิม คนไหนพอมีญาติต่างอำเภอก็ได้ขนย้ายกันไปขอพักอาศัยชั่วคราว แต่บางครัวเรือนที่รักบ้านเกิดยิ่งชีพก็ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม แม้ทางการประกาศให้อพยพไปอยู่ที่พักชั่วคราวที่จัดไว้ให้ก็ตาม พวกเขาก็ยังยืนยันไม่ยอมย้ายไปไหนเช่นเดิมขณะเดียวกันเพื่อความปลอดภัยของพ่อบ้านกวงและอาชวนสาวใช้ เสี่ยวถิงจึงให้ทั้งสองมาพักอาศัยกับตนก่อน เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจึงค่อยกลับจวนแม่ทัพตามเดิม ด้วยจวนแม่ทัพอยู่ใกล้ประตูเมืองมากที่สุด เกรงว่าเมื่อถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน ทหารฉู่สามารถทะลวงเข้ามาได้ หากจะหนีก็ไม่ทันการเสียงตีกลองศึกดังขึ้นทุกวันนับตั้งแต่มีการเปิดศึก พานทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน ปิดบ้านอยู่แต่ในเรือนไม่กล้าออกไปที่ใด ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถรู้ได้เลยถึงความเป็นไปในสน
ค่ายทหารแดนเหนือ“คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถอะแม่ทัพไท่” ชินอ๋องผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงฝั่งตรงข้าม ในกระโจมนี่มีเพียงเขาและแม่ทัพแดนเหนือแค่สองคน เพราะเขาต้องการพูดคุยเป็นการส่วนตัว มากกว่าจะเรียกรวมพลให้วุ่นวาย“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” กายหนานั่งลงประจำที่ ก่อนจะยื่นสมุดบันทึกที่เขาและคนสนิท เค้นเอาความลับจากไส้ศึกมาได้“มิน่าเล่าพวกมันถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวของเราเป็นอย่างดี” เป็นเพราะแอบแฝงตัวในกองปราบนี่เอง ถึงได้สามารถทำอะไรได้สะดวก และเข้าเขตพื้นที่หวงห้ามโดยที่ไม่มีใครสงสัย“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ทั้งเรื่องเสบียงถูกดักปล้นเผาทำลายทิ้ง สะพานถูกตัดขาด รวมไปถึงรู้จำนวนกำลังพลที่เรามีเป็นอย่างดี คาดว่าแคว้นฉู่จะต้องยกทัพมาตีเราในเร็ววันแน่พ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องใหญ่เกินกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก ตอนนี้แม้แต่ทัพใหญ่ก็ยังตรึงกำลังไว้ลำบาก ตอนนี้แม้แต่อาหารก็เหลือน้อยเต็มที ทั้งอาวุธที่มีก็ชำรุดไปมาก หากจะขอความช่วยเหลือจากทัพอื่นก็ต้องรอเวลา” ชินอ๋องถึงกับคิดหนัก กำลังพลแทบจะเทียบกันไม่ได้“กระหม่อมมีสิ่งที่อยากให้ท่านอ๋องดูพ่ะย่ะค่ะ” กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะผายมืออ
หลังจากจับกุมทหารสอดแนมที่แทรกซึมเข้ามาปะปนกับพลเมืองได้ ผ่านไปไม่กี่วันก็ถึงวันตัดสินโทษ เมื่อรถม้าแล่นอย่างช้า ๆ นำตัวนักโทษมุ่งสู่ลานตัดสิน ชาวบ้านต่างก็ลุกฮือขึ้นมาขว้างปาข้าวของใส่ไม่ยั้ง อีกทั้งยังรู้สึกผิดหวังในตัวหยู่เยียนไม่น้อย นางเป็นคนของแคว้นฉินแท้ ๆ แต่กลับคิดคดทรยศแผ่นดินเกิด‘ประหาร ๆ’ชาวเมืองที่แห่กันเข้ามาดูการตัดสิน ต่างโห่ร้องให้ประหารนักโทษ ความโกรธแค้นของพวกเขาที่ถูกแคว้นศัตรูข่มเหงรังแกมานาน สูญเสียทั้งญาติพี่น้องและบุคคลที่รัก ถูกระบายด้วยคำด่าทอและการขว้างปาก้อนหิน หรือของที่อยู่ใกล้มือใส่กรงนักโทษตลอดทางหนึ่งสตรี สิบบุรุษ ถูกคุมตัวให้นั่งคุกเข่ากลางลานตัดสิน ตรงหน้าพวกเขาคือชินอ๋องผู้สูงศักดิ์เป็นผู้ตัดสินโทษในครั้งนี้ด้วยตนเอง และอีกหนึ่งภารกิจเพื่อช่วยเหลือทัพเหนือที่มีกำลังพลน้อยที่สุดอีกแรงเสี่ยวถิงนั่งรอการตัดสินเช่นเดียวกับทุกคน เมื่อเห็นสภาพของหยู่เยียนก็พานทำให้รู้สึกเวทนา บัดนี้ไม่หลงเหลือความงดงามดั่งที่เจ้าตัวเคยภาคภูมิใจ ใบหน้ามอมแมมผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหาความงามมิได้ ความต้องการเอาชนะริษยาคิดพยาบาทมาดร้ายผู้อื่น ทำให้คนคนหนึ่งทำอะไรโดยไม่ยั้งคิ
ซูเหนียงพาทุกคนออกมายังลานฝึก นับจากลานฝึกห่างออกไปสี่หลี่เป็นเขตพื้นที่ของตระกูลซูทั้งหมด จึงปลอดคนและสิ่งมีชีวิต พื้นที่ด้านหลังนี้สามารถทดลองระเบิดได้สบาย“ผู้ใดจะเป็นคนทดลองเจ้าคะ”“พี่เอง” ไท่ฟงก้าวเท้าออกมาด้านหน้า อาสาเป็นผู้ทดลองยิงเป็นคนแรก“สิ่งนี้เรียกธนูรีเคิร์ฟหรือเรียกอีกชื่อธนูปีกโค้งเจ้าค่ะ คุณสมบัติหลักคือช่วยให้การยิงได้แม่นยำมากขึ้น มีความคงทน แรงในการปล่อยลูกแต่ละครั้งแรงและเร็วกว่าธนูปกติเจ้าค่ะ” เสี่ยวถิงอธิบายถึงคุณสมบัติของธนูที่นางเลือก พร้อมกับส่งมันให้สามีและสอนวิธีใช้งานให้กับเขา“อืม ดียิ่ง ไม่หนัก สายน้าวก็ดึงได้ง่ายไม่ต้องออกแรงมาก” ไท่ฟงเมื่อรับมาเจ้าตัวได้ลองดึงน้าวสายทดสอบความทนและความแข็งแรงทันที หลังจากจับ ๆ ดึง ๆ อยู่หลายครั้ง ก็พบว่าการออกแรงน้อยกว่าธนูปกติ และมีน้ำหนักเบากว่ามาก แม้จะดูไม่คงทนทว่าเมื่อลงออกแรงดึงคันธนูกลับโค้งอ่อนตามแรงได้อย่างไม่มีที่ติ“ลูกธนูที่ติดระเบิดไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวส่งลูกธนูที่มีระเบิดติดไว้ตรงปลายให้สามี พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม “ท่านพี่ตรงนี้คือที่สำหรับกำหนดเป้าหมายของวิถีลูกธนูเจ้าค่ะ”“นายกองเหวินจุดไฟ”