Share

๑๐ ยัดเยียดให้ยอมรับ

last update Last Updated: 2025-11-19 22:30:49

ถ้อยคำที่ออกจากปากของจู้ซูเหม่ยเมื่อวันก่อนกลายเป็นข่าวลือใหญ่โตขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน

ยามนี้ไม่ว่าไป๋เจียวเหม่ยจะเดินผ่านไปทางใดย่อมถูกนำไปพูดนินทากล่าวว่าร้าย มิหนำซ้ำยังถูกคนพวกนั้นมองด้วยสายตา ดูแคลนแน่นอนว่าไป๋เจียวเหม่ยย่อมรู้สึกไม่พอใจและโกรธเคืองที่ถูกนำไปนินทา

แม้ว่านางจะเสียหายและอีกฝ่ายดันเป็นมู่เซี่ยหยาง ภายในใจลึกๆ แล้วไป๋เจียวเหม่ยย่อมเกิดความคาดหวังบางอย่างขึ้นมา

นางไม่ต้องลงแรงก็ได้เขามาครอบครองแล้ว

นางเป็นสตรีมิหนำซ้ำยังอยู่ในที่ลับตากับมู่เซี่ยหยางเพียงสองคนในห้องเท่านั้น หากว่ากันตามตรงแล้วไป๋เจียวเหม่ยย่อมเป็นฝ่ายเสียหาย พอเรื่องนี้ไปถึงหูของผู้คนในจวนสกุลไป๋เข้า ไม่ว่าจะนายท่านไป๋และไป๋ฮูหยินย่อมรู้สึกไม่ยุติธรรมเสมือนว่าถูกอีกฝ่ายหยามเกียรติจึงเร่งรีบบุกมาที่จวนสกุลไป๋วันนี้

“ท่านพ่อใจเย็นๆ นะเจ้าคะ” ไป๋เจียวเหม่ยกล่าวออกมาแผ่วเบา นางพลางเหลือบสายตามองมู่เซี่ยหยางที่นั่งตรงข้าม

หึ! เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว…ดูเถิดว่าบุรุษผู้นี้จะทำอย่างไรกัน

นายท่านไป๋ปรายสายตามองบุตรสาวก่อนจะส่งเสียงฮึดฮัดออกมาไม่พอใจ มิหนำซ้ำยิ่งเขามองเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยเรียบแข็งทื่อราวกับก้อนน้ำแ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๙ สามีภรรยา

    มู่เซี่ยหยางปรายสายตามองจู้ซูเหยียนนิ่งๆ ไม่พูดอันใดออกมาราวหนึ่งก้านธูป ฝ่ามือหนาพลางยกขึ้นลูบไล้เรือนผมนางด้วยความอ่อนโยน “ยังไม่ตื่นอีกหรือ”จู้ซูเหยียนส่ายหน้าก่อนจะซุกไซร้เข้าไปในอ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ“ไม่” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมางัวเงียเขาแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ มุมปากหนาโค้งยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพูดออกมา “หากเป็นเช่นนี้เกรงว่ากิจการของสกุลมู่คงขาดทุนเสียแล้ว”เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้ขี้เซ้าเพียงนี้ ทั้งที่นอนหลับไปหลายชั่ว“สกุลมู่มีเพียงท่านทำงานอยู่ผู้เดียวหรือไร” นางพึมพำพูดเสียงอู้อี้อย่างเกียจคร้านไม่คิดจะลืมตาตื่นจากที่นอนพอจัดการสะสางเรื่องทุกอย่างแล้วสิ้นนั้นคล้ายกับว่าความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่เสมือนถูกก้อนหินทับเอาไว้ถูกยกออกเสียที ยามนี้นางไม่มีเรื่องอันใดให้ต้องระแวงและกังวลใจอีกแล้วจากนี้นางขอใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างเกียจคร้านไม่ต้องมีเรื่องอันใดให้ต้องคิดหนักใจหน่อยเถอะนิ้วมือเรียวยาวพลันยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มนวลของนางแผ่วเบาราวกับกำลังหยอกล้อ สายตาของมู่เซี่ยหยางที่มองนางล้วนเต็มไปด้วยความเอ็นดูไม่น้อยเหตุใดถึงคล้ายลูกแมวน้อยขี้เซ้านัก“อื้ออ…” จู้ซูเหยียนครางอ

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๘ สะสางเรื่องที่ยังค้างคา

    เมื่อมู่เซี่ยหยางเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา จู้ซูเหยียนพลันชะงักไปเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาโดยไม่อาจหลบเลี่ยง สีหน้าของนางฉายแววครุ่นคิดอย่างชัดเจน ราวกับกำลังชั่งใจว่าควรเชื่อคำพูดของบุรุษตรงหน้าหรือไม่“…”มู่เซี่ยหยางเพียงจ้องมองนางนิ่งๆ ไม่บุ่มบ่ามหรือทำอันใดให้นางต้องรู้สึกไม่ดีสายตาคมกริบจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งาม เห็นได้ชัดว่ายามนี่นางกำลังสับสนและลังเลไม่น้อย เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ดึกเพียงนี้แล้วดับตะเกียงนอนเถอะ”จู้ซูเหยียนขยับริมฝีปากพูด “มู่เซี่ยหยาง…” นางถอนพลางหายใจเฮือกใหญ่ออกมา“หื้ม?”“ท่านและไป๋เจียวเหม่ยนั้น…” นางเงียบไปครู่หนึ่ง ชั่งใจว่าควรจะเอ่ยถามออกมาหรือไม่ มือทั้งสองข้างกำแน่นก่อนจะรู้สึกว่ามีฝ่ามือหนาของเขามากอบกุมเอาไว้มู่เซี่ยหยางระบายยิ้มจางๆ เขาเข้าใจได้ว่านางกำลังจะพูดสิ่งใดออกมา “คุณหนูไป๋และข้าได้มีความสัมพันธ์อันใดกันทั้งสิ้น” หากไม่ใช่เพราะคุณหนูผู้นั้นเป็นสหายกับจู้ซูเหยียนมานาน เขาเองก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยวมีเรื่องสตรีให้นางต้องรู้สึกลำบากใจเห็นได้ชัดว่าสายตาของจู้ซูเหยียนฉายแววความลังเลอย่างไรในอดีตคนทั้งคู่ก็เคยมีความสัม

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๗ เส้นด้ายแดงยังคงอยู่

    หานเฟิ่งยกน้ำชาขึ้นมาจิบพลางเหลือบสายตามองบุรุษตรงหน้าก่อนจะวางจอกน้ำชาลงพลางถอนหายใจออกมาแทน ท่าทางกลัดกลุ้มใจเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดมองเห็นแล้วก็คงคิดว่าคนผู้นี้ทะเลาะกับภรรยามาเป็นแน่“เปลี่ยนจากโรงเตี๊ยมเป็นหอคณิกาดีหรือไม่” หานเฟิ่งเลิกคิ้วเอ่ยถาม ดูแล้วบรรยากาศเช่นนี้คงไม่เหมาะที่จะดื่มชานัก มิสู้เปลี่ยนเป็นสุราแรงคงจะดีไม่น้อย“ก่อนหน้านี้ข้าทำอันใดให้นางไม่พอใจกัน” จู่ๆ มู่เซี่ยหยางที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่จึงพูดขึ้น ใบหน้าของเขาขมวดคิ้วท่าทางครุ่นคิดหนักเหตุใดนางถึงไม่เชื่อใจเขา…เช่นนี้แล้วเขาควรทำอย่างไรดีมู่เซี่ยหยางอดย้อนคิดกลับไปไม่ได้ว่าแท้จริงแล้ว มีสิ่งใดที่เขาทำลงไปโดยไม่รู้ตัวไม่นึกถึงความรู้สึกของนางหรือไม่แน่นอนว่าย่อมมี! ทว่าเหตุการณ์เหล่านั้นล้วนเกิดก่อนที่เขาจะร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับนางทั้งสิ้น“…”“ต้องทำอย่างไรนางถึงจะคุยกับข้า”น้ำเสียงทุ้มของมู่เซี่ยหยางที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับกำลังพึมพำพูดอยู่ในความคิดของตัวเอง ถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมาเมื่อวานนี้ยังคงดังก้องวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาซ้ำๆ“พูดกับข้าหรือ…?” หานเฟิ่งเลิกคิ้วถามกลับ“ตรงนี้ยังมีผู้ใดอีกนอกจากเจ้า” ม

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๖ เขาทำเพื่อนาง

    ความรู้สึกของผู้อื่นหรือจะสำคัญเท่าภรรยา…หากนางทำผิดเขาก็จะหลับตาข้างหนึ่งเสแสร้งตาบอดมองไม่เห็นคิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องมู่เซี่ยหยางยังคงยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม ในขณะที่จู้ซูเหยียรเดินไปล้มตัวนอนบนเตียงคลุมผ้าห่มปกปิดทั่วทั้งร่างทันทีเขามองเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาก่อนจะโบกมือไล่สาวใช้ในเรือนให้ออกไปก่อนจะปิดประตูลงทันที ยามนี้จึงเหลือเพียงแค่เขาและนางเท่านั้น…มู่เซี่ยหยางเดินไปนั่งอยู่ข้างเตียง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามออก มาอย่างอ่อนโยน “เป็นอันใดไปหรือ” “อย่ามายุ่งกับข้า!”“จู้ซูเหยียน…” เขากดเสียงทุ้มต่ำก่อนจะยื่นมือไปเลิกผ้าห่มออกแต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายชักดึงกลับทันที มู่เซี่ยหยางไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ สตรีผู้นี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้จู้ซูเหยียนพูดเสียงอู้อี้ “ออกไปให้พ้น!”“เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่มิใช่หรือ” มู่เซี่ยหยางถามอย่างใจเย็น สายตามคมกริบมองก้อนผ้าห่มตรงหน้านิ่งๆจู้ซูเหยียนไม่มีทางยอมโผล่หน้าออกไปคุยกับบุรุษผู้นี้แน่ เดิมทีนั้นไม่ว่านางจะผิดถูกหรือไม่ มู่เซี่ยหยางไม่เคยถามไถ่เหตุผลว่าเพราะเหตุใดและทำไม เขาเอาแต่ด่าทอนางด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทั้ง

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๕ ความจริงกระจ่างแจ้ง

    พอเห็นท่าทางของสตรีตรงหน้าผู้นี้โมโหเดือดดาลมิต่างจากน้ำต้มในกา ไป๋เจียวเหม่ยพลางยกมือปิดปากหัวเราะเยาะ สายตาปรายมองสตรีตรงหน้าอย่างดูแคลน นึกไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้จะนำมาข่มขู่จู้ซูเหยียนได้“แท้จริงแล้วเจ้าต้องการอันใดกันแน่ไป๋เจียวเหม่ย”จู้ซูเหยียนขมวดคิ้วมุ่นปรายสายตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ…แท้จริงแล้วไป๋เจียวเหม่ยต้องการอันใดจากนางกันแน่หรือเพียงเพราะต้องการยั่วยวนโทสะเท่านั้นไป๋เจียวเหม่ยยังหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี นางพลางโบกมือส่ายหน้าไปมาท่าทางเหนื่อยหน่าย“ข้าเพียงนำข่าวลือในวังหลวงมาแจ้งให้เจ้าทราบเท่านั้น”จู้ซูเหยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยความรำคาญ ข่าวลือจากวังหลวงหรือข่าวลือจากลมปากของสตรีผู้นี้กันแน่ มีหรือนางจะเชื่อ… “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบที่โง่งมจนเชื่อคำพูดของเจ้าเช่นนั้นหรือไป๋เจียวเหม่ย”ไป๋เจียวเหม่ยเลิกคิ้วถาม “เคยเชื่อมิใช่หรือ”คราวก่อนนั้นหากนางบอกว่าไปซ้าย...จู้ซูเหยียนก็เชื่อฟังเดินไปทางซ้ายโดยไร้ข้องกังหาและหากนางบอกว่าไปขวาแล้วจะดี มีหรือว่าสตรีโง่เขลาผู้นี้จะไม่หลงเชื่อ“ไป๋เจียวเหม่ย!” จู้ซูเหยียนกัดฟันกรอด ถลึงตามองด้วยความโกรธ ไม่ว่าจะเ

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๔ ไม่มีทางเชื่อใจ

    “เหอะ!”จู้ซูเหยียนแค่นเสียงออกมาอย่างเย้ยหยัน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งปรายมองมู่เซี่ยหยางด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจครั้งหนึ่งนางหลงรักมู่เซี่ยหยางและเคยเชื่อเขาจนกลายเป็นสตรีที่โง่งมที่สุดในใต้หล้า...เรื่องเช่นนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นรอบที่สองนางเอ่ยขึ้น “เชิญท่านตายลงโลงไปผู้เดียวเถิด”จู้ซูเหยียนแสดงออกมาชัดเจนว่าไม่อยากข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้อีกแล้วแม้จะต้องตายลงโลงก็ไม่ขอฝังกลบดินร่วมกัน“…”“หลีกไปได้แล้ว” นางเอ่ยขึ้นทว่ามู่เซี่ยหยางกับยังคงยืนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน จู้ซูเหยียนจึงเบนเบี่ยงตัวหลบเดินไปอีกทางแทนแต่ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นของเขา “เจ้าเริ่มเป็นอื่นตั้งแต่เมื่อใดกันจู้ซูเหยียน” มู่เซี่ยหยาง กล่าวออกมาเสียงเรียบจู้ซูเหยียนหัวเราะเบาๆ อย่างเย้ยหยันก่อนจะปรายมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ท่านต่างหากมู่เซี่ยหยางที่เริ่มมีใจเป็นอื่น..”ณ จวนสกุลมู่“ท่านไม่เคยรักข้าเลย!”“…”“ไม่เคยรักเลยหรือมู่เซี่ยหยาง!” น้ำเสียงหวานตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณ แฝงความโกรธเคืองและความน้อยใจเอาไว้นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสั่นระริกเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส จู้ซูเหยียนมองมู่เซี่ยหยางในอาภรณ์มงค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status