공유

ตอนที่ 4 ความแตกต่าง

last update 최신 업데이트: 2025-04-15 16:49:51

ในตอนเย็น จางซีเหอกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ ทันรับประทานมื้อเย็นร่วมกับมารดาของตน

“กลับดึกทำงานล่วงเวลาแทบทุกวัน วันนี้กลับเร็วได้เสียทีนะ วันนี้แม่ทำบะหมี่เอาไว้ ไม่ได้ทำมาหลายเดือนแล้วไม่รู้จะยังรสชาติดีอยู่ไหม” ลู่จินหรงกล่าวด้วยความยินดี เมื่อเย็นนี้มีลูกชายมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย

จางซีเหอยิ้มรับ ก่อนหน้านี้มารดาเป็นลูกมือคุณนายเยี่ยในการขายบะหมี่ที่แผงลอยข้างถนน ได้สูตรทำบะหมี่มาก็อยากจะเปิดร้านขายเองเพราะกู่เหมยมีปัญหาด้านสุขภาพจึงหยุดขายไปก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่อยากให้มารดาทำงานหนักจึงขอร้องเอาไว้

“เงินที่ผมให้แม่ใช้เดือนละสี่สิบหยวน พอหรือไม่” เขาถามเมื่อเห็นว่ามารดายังใส่เสื้อผ้าเก่าอยู่ ไม่ยอมซื้อใหม่เสียที

“เงินเดือนลูกก็เจ็ดสิบหยวน ให้แม่ใช้ตั้งสี่สิบหยวน ใครจะไปใช้หมด”

“โธ่ แม่ครับ บริษัทที่ผมทำงานอยู่เป็นบริษัทต่างชาติที่มีเงินทุนหนาแน่น เงินเดือนผมก็เยอะกว่าทำที่อื่น สวัสดิการอาหารกลางวัน สวัสดิการน้ำมันรถในการเดินทาง สามสิบหยวนผมแทบไม่ได้ซื้ออะไรเลย” เขาบอกให้มารดาวางใจ

“แม่ก็ใช้ไม่ถึงเดือนละยี่สิบหยวนด้วยซ้ำ แต่ก่อนช่วยคุณนายเยี่ย แม่ใช้แค่เดือนละสิบหยวนเอง ไหนลูกจะทำงานพิเศษส่งมาเดือนละสิบหยวนอีก ตอนนี้เงินเก็บเราซื้อรถใหม่ให้ลูกได้หนึ่งคันเลยนะ” ลู่จินหรงกล่าวแล้วยิ้มกว้าง ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ตอนนี้ชีวิตของทั้งคู่อยู่ในฐานะปานกลางและสุขสบายดี เพราะลูกชายเธอเป็นคนขยัน ขนาดเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังทำงานพิเศษส่งเงินมาให้เธอใช้อย่างไม่ขัดสน

บะหมี่ถูกวางตรงหน้า กลิ่นหอมของมันทำให้จางซีเหอน้ำลายสอ คิดถึงตอนที่ถูกจางเสิ่นผู้เป็นอาแท้ๆ ขับไล่ออกจากบ้านสกุลจาง ฉ้อโกงมรดกทรัพย์สินไป เหลือแค่บ้านหลังนี้ที่เป็นสินเดิมของมารดา

เขากับแม่เหลือเงินติดตัวเพียงแค่ค่ารถเดินทางจากเขตผู่ซีในเซี่ยงไฮ้ที่เจริญรุ่งเรือง ย้ายมายังเขตผู่ตงที่ยังไม่มีความเจริญเท่าปัจจุบัน ตอนนั้นบะหมี่ถ้วยหนึ่งก็ยังซื้อกินไม่ได้

ตอนนั้นมีคำกล่าวว่า “ขอพื้นที่หนึ่งเตียงในเขตผู่ซี ยังดีกว่ามีบ้านหนึ่งหลังในเขตผู่ตง” แต่ตอนนี้ผู่ตงเจริญรุ่งเรืองแล้ว กำลังได้รับการพัฒนาเมือง และเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนจนรุ่งเรืองภายในเวลาไม่กี่ปี

“คิดอะไรอยู่อาเหอ”

“คิดถึงตอนที่เราไม่มีเงินซื้อแม้กระทั่งบะหมี่กิน ตอนนั้นแม่ลำบากมาก ผมไม่มีวันลืมในสิ่งที่พวกนั้นทำกับเรา” เขาพูดด้วยความโกรธแค้น ภายใต้แว่นตานั้นซ่อนแววตาที่ดุดันเอาไว้

“เรื่องมันผ่านมาแล้ว ตอนนี้ชีวิตเราก็ดีขึ้นแล้ว ลูกอย่าคิดให้เปลืองแรงเลย และอย่าลืมบุญคุณของบ้านสกุลเยี่ย ถ้าไม่มีบ้านนั้นคอยช่วยเหลือเราก็คงไม่มีวันนี้” ลู่จินหรงบอกแก่บุตรชาย

“ผมต้องตอบแทนแน่ครับ”

“เยี่ยฟางก็เป็นคนดี ลูกดูไม่ออกหรือว่าเธอคิดอย่างไรกับลูก แม่รู้นะแกล้งตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แบบนั้น ลูกชายแม่ไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไร”

“ไม่รู้สิครับ ผมตอบแทนบุญคุณอย่างอื่นได้ แต่กับเยี่ยฟางผมไม่ได้รู้สึกอย่างอื่นเลย นอกจากเห็นว่าเธอเป็นน้องสาว”

ลู่จินหรงถอนหายใจ เธอเองก็ไม่อยากบังคับจิตใจใคร ได้เพียงหวังว่าสักวันลูกชายจะใจอ่อนให้แก่เด็กสาว เพราะเยี่ยฟางนั้นรักจางซีเหอปักใจเหลือเกิน

************************

โดยปกติแล้วอี้เฟิงจะทำงานในเวลาที่พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานไปแล้ว และในวันเสาร์กับวันอาทิตย์ที่บริษัทหยุด เขาจะเข้ามาทำงานเต็มวันกับพนักงานบางคนที่นัดหมายเอาไว้

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมไม่ค่อยมีใครได้เจอกับเขา แต่เจอหรือไม่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอีกครึ่งของตนเองเอาไว้ตลอด

“เยี่ยฟาง วันนี้ทำงานล่วงเวลาอีกแล้วเหรอ” เพื่อนร่วมงานของเธอทักขึ้น

“จะอยู่ต่ออีกสักพักน่ะ” เธอตอบแล้วโบกมือให้เพื่อนร่วมงาน

สามวันมานี้เสียงซุบซิบนินทานั้นเบาลงไปมากแล้ว เพราะมีเรื่องอื่นเข้ามาทำให้เรื่องที่เธอทำขายหน้าค่อยๆ ถูกกลบไป แต่เธอก็ยังไม่สบายใจและอยากคุยกับอี้เฟิงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

หญิงสาวทำงานไปดูนาฬิกาไป เหมือนว่าอี้เฟิงจะหลบหน้าเธอหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายไม่เข้าบริษัทในตอนเย็นมาสามวันแล้ว

“แต่บ้านเขาอยู่ชั้นบน เขาต้องกลับมาสิ” เธอบอกตัวเองอย่างมีความหวัง มองนาฬิกาที่บอกเวลาว่ารถโดยสารประจำทางเที่ยวสุดท้ายใกล้จะหมด จึงยอมถอดใจแล้วเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน

เมื่อเดินออกไปถึงหน้าบริษัท รถสีดำสุดหรูก็แล่นมาจอด พร้อมกับรถอีกคันที่มีบอดีการ์ดขับตามมา

ชายร่างกำยำสองคนเดินลงมาจากรถ แล้วไปเปิดประตูรถให้อี้เฟิงลงมา

เยี่ยฟางขาสั่น ลังเลว่าเธอควรเข้าไปคุยกับเขาตอนนี้ดีหรือไม่ แต่สีหน้าเคร่งเครียดนั้นทำให้เธอไม่กล้า ทั้งๆ ที่รอพบเขามาถึงสามวัน แต่พอเจอเขาแล้ว เอาเข้าจริงเธอก็ไม่กล้าเสียอย่างนั้น

อี้เฟิงเดินอกผายไหล่ผึ่งอย่างสง่างาม ปรายตามองพนักงานฝึกหัดสาวเล็กน้อย แล้วเดินต่อไปโดยไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ด่าตัวเองว่าเอาความกล้าไปทิ้งไว้ไหน ในเมื่อเขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ทำไมไม่เข้าไปพูดคุยให้รู้เรื่อง

‘ถ้าเราไปทวงเรื่องจูบแรก มันจะฟังดูไร้สาระแล้วถูกจับโยนออกมาแน่’

‘แต่นั่นจูบแรกของฉันนะ แล้วยังเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอีก หรือว่าเราจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป ใช่แล้ว ใช่แล้ว ทำเป็นไม่รู้ ไม่ต้องรื้อฟื้นมัน’

ความคิดในหัวของเธอตีกันไปมา จนสรุปได้ว่าเธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป และลืมมันเสีย เพราะถึงอย่างไรจูบนั้นก็เกิดตอนที่เธอขาดสติ ไม่ต้องนับเป็นจูบแรกก็ได้

ในขณะเดียวกัน อี้เฟิงนั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของตน ฟังที่ปรึกษาพูดถึงสถานการณ์ที่เขาไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เตรียมรับมือเอาไว้ก่อน

“เรื่องที่คุณและพนักงานของหลี่โถวในคืนงานเลี้ยง มีนักข่าวถ่ายภาพเอาไว้ได้ ผมให้คนซื้อภาพและฟิล์มม้วนนั้นทั้งหมดมาแล้ว แต่คนที่เห็นก็มีไม่น้อยและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของคุณ”

“แล้วผมต้องทำยังไง”

“ประธานอี้ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เพราะตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าเธอเป็นภรรยาลับๆ ของคุณ คุณจะถูกมองว่าซ่อนภรรยาเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นก็ถูกเพ่งเล็งจากศัตรูของคุณด้วย การแต่งงานนี้ก็สามารถช่วยเธอเอาไว้เช่นกัน” ที่ปรึกษาคนสนิทบอกถึงเหตุผลที่เขาต้องแต่งงานกับเยี่ยฟาง

“แล้วถ้าไม่แต่งล่ะ”

“ภาพลักษณ์ที่ถูกมองไม่ดี อาจทำให้เราเสียความน่าเชื่อถือ แต่ไม่นานผู้คนก็จะลืม อย่างน้อยก็สามถึงสี่เดือน ผลกระทบในช่วงนี้อาจทำให้ผลกำไรเราลดลงไป แต่ก็ไม่มีผลมากนัก ส่วนพนักงานคนนั้นหากถูกปองร้ายก็ถือเสียว่าเธอโชคร้ายเอง”

อี้เฟิงไม่คิดเลยว่าเรื่องจะบานปลายมาจนถึงขั้นนี้ หากเขาไม่แต่งงานก็คงมีแต่ปัญหาตามมาสินะ

“ตามนั้น ผมจะแต่งงานกับเธอ” เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่จะเป็นผลประโยชน์ต่อเขา และปกป้องผู้หญิงที่ขโมยจูบแรกของตนไป

************************

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หว่ออ้ายหนี่ พี่ชายที่รัก   ตอนที่ 34 ตอนจบ

    หนึ่งปีต่อมามูลนิธิอี้เฟิงถูกเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยใช้ที่ดินของสกุลจางที่อี้เฟิงได้คืนมาในการสร้างเป็นศูนย์ช่วยเหลือเด็กกำพร้าและผู้ยากไร้ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ตอนนี้อี้เฟิงเป็นผู้ทรงอำนาจในวงการค้าขายวัตถุโบราณและเป็นนักธุรกิจที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถบางคนรู้ตัวตนของเขาเพราะอี้เฟิงไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป แต่หลายคนก็ไม่รู้พื้นเพของนักธุรกิจคนนี้ รู้แค่เพียงว่าอี้เฟิงถอดหน้ากากออกแล้ว และไม่ได้อัปลักษณ์อย่างที่เขาเล่าลือกัน เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีและมีความสามารถที่อยากปิดบังตัวตนเท่านั้นเยี่ยฟางตอนนี้ใช้ความสามารถเข้ามาทำงานในแผนกประมูลงานได้สมดั่งความตั้งใจ เธอได้รับความไว้ใจให้เป็นคนวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และศึกษาพฤติกรรมและความชอบของคนที่มีความเป็นไปได้ที่อยากได้วัตถุโบราณชิ้นสำคัญนอกจากนี้ยังได้เรียนรู้จากอาจารย์เฉิน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณ เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาและวิธีการตรวจสอบของแท้ด้วยวิธีดั้งเดิม ซึ่งเป็นคนที่สอนอี้เฟิงจนมายืนในจุดนี้“อาฟาง กลับบ้านเถอะ” อี้เฟิงลงมาเรียกภรรยาด้วยตัวเอง หากเป็นวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ พวกเขาจะกลับไปนอนที่บ้

  • หว่ออ้ายหนี่ พี่ชายที่รัก   ตอนที่ 33 งานมงคล (18+)

    พิธีแต่งงานของทั้งคู่ ถูกจัดขึ้นโดยประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังคงความเป็นอนุรักษนิยมอยู่ตามที่เยี่ยชงต้องการสินสอดถูกนำไปให้ที่บ้านเจ้าสาว เจ้าบ่าวในนามของอี้เฟิงที่เปิดใบหน้าของเขาให้คนอื่นรับรู้ตัวตน และไม่ได้ปิดบังตัวตนจริงอย่างที่เคยตั้งใจไว้ตู้เย็น หม้อหุงข้าว และชุดเครื่องนอน สามสิ่งนี้บ้านเจ้าสาวซื้อใหม่เป็นของขวัญวันแต่งงาน เพื่อเตรียมเอาไว้ให้ขนย้ายไปที่เรือนหอ ตามธรรมเนียมการแต่งงานที่เจ้าสาวต้องย้ายไปอยู่บ้านฝ่ายชาย สื่อถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทั้งคู่ทุกคนมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยความชื่นชม ทั้งคู่อยู่ในชุดแต่งงานแบบดั้งเดิม สีแดงมงคล และประดับด้วยเครื่องประดับที่มีมูลค่าอย่างสมเกียรติอี้เฟิงในชุดเจ้าบ่าวที่โดดเด่น นำขบวนรถมารับเจ้าสาวและพ่อตาแม่ยายที่บ้าน เพื่อไปจัดพิธีแต่งงานที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง พร้อมกับรถบรรทุกคันเล็กที่จะขนของขวัญแต่งงานไปยังเรือนหอชั่วคราว นั่นคือห้องพักที่บริษัทหลี่โถว“จริงๆ พ่อจะเตรียมไว้แปดอย่าง แต่มันมากเกิน ฉันเลยให้เตรียมพอเป็นพิธีเท่านั้น” เธอกระซิบบอกเจ้าบ่าวของตน“เสียใจไหมที่แต่งงานกับผม แทนที่จะเป็นจางซีเหอ” เขาถ

  • หว่ออ้ายหนี่ พี่ชายที่รัก   ตอนที่ 32 ความจริง

    เจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในบริษัทด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏภายใต้หน้ากากของเขา ข้างกายคือเยี่ยฟางที่เดินควงแขนเข้ามาอย่างเปิดเผย และเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสสามเดือนแล้วที่หมั้นหมายกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนในบริษัทหลี่โถวก็เห็นภาพหวานนี้จนชินตาอี้เฟิงที่เข้ามาทำงานเต็มเวลา ล้มเลิกระบบทำงานตอนเย็นและวันหยุด ก็ทำให้หลายฝ่ายทำงานสะดวกขึ้น“วันนี้คุณยิ้มกว้างกว่าทุกวันเลยนะคะ”“วันนี้ครบสองเดือนที่โฉนดครบกำหนดน่ะ ตอนนี้ผมได้ที่ดินตรงนั้นคืนมาแล้ว” เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน โดยที่คู่หมั้นสาวนั่งเก้าอี้ฝั่งที่อยู่ตรงข้ามโดยมีโต๊ะกั้นระหว่างทั้งคู่“แล้วคุณจะเปิดเผยตัวตนกับทุกคนตอนไหนคะ ในเมื่อทุกอย่างก็จบลงแล้ว คุณก็ประสบความสำเร็จ และได้ทุกอย่างกลับคืนมาแล้ว” หญิงสาวถามด้วยความใคร่รู้“พรุ่งนี้” เขายิ้มด้วยความสะใจเมื่อวานนี้ผลการตรวจสอบเอกสารเท็จทำให้หลายบริษัทถูกสั่งปรับค่าภาษีย้อนหลังจำนวนหลักแสนไปจนถึงหลักล้าน บางบริษัทถึงกับต้องปิดตัวลงเพราะข่าวฉาวทำให้ไม่มีคนเชื่อถือ แม้ปิงชางจะรอดมาได้ก็เจ็บหนักเอาการ“ให้ฉันไปด้วยไหมคะ” เยี่ยฟางถามด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย

  • หว่ออ้ายหนี่ พี่ชายที่รัก   ตอนที่ 31 ถูกตรวจสอบ

    ที่บริษัทตรวจสอบบัญชีที่จางซีเหอทำงาน เขาได้ทำการตรวจสอบและให้เตียวหม่ารับรองบัญชีให้กับบริษัทปิงชางไปตั้งแต่เดือนที่แล้วตอนนี้เขาได้ส่งคืนเอกสารรับรองไปยังบริษัทปิงชาง เพื่อให้ทางนั้นยื่นเข้าสู่สำนักงานตรวจสอบภาษีของรัฐบาลต่อไปตามขั้นตอนจางซีเหอได้ทำเอกสารตรวจสอบบัญชี และยื่นให้เตียวหม่ารับรองให้อีกสองบริษัทให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยว่าทิ้งงานกลางคันและตัดสินใจยื่นใบลาออกจากบริษัทนี้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนการแล้ว “นี่นายจะลาออกจริงๆ เหรอ ทำงานเสร็จตั้งสามงานแล้วนี่ ไม่รอเงินโบนัสก่อนเหรอ” เตียวหม่าถามด้วยความห่วงใย แต่ในใจนั้นคิดว่าโชคลาภได้ลอยมาถึงตนแล้วนอกจากจะได้งานและได้หน้าแล้ว ยังได้รับเงินในสิ่งที่ตนไม่ได้เป็นคนลงมือ ใครจะโชคดีไปกว่าเขาไม่มีอีกแล้ว“ครับ ผมจะต้องย้ายไปทำงานที่บริษัทใกล้บ้านเพราะต้องดูแลแม่ที่แก่ชรา ท่านไม่เหลือใครเลยนอกจากผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสร้งเสียดาย เตียวหม่าได้แต่ตบไหล่ให้กำลังใจเขา“นายยังหนุ่มยังแน่น ไปทำงานที่ไหนก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ขอให้โชคดีก็แล้วกัน” เขาไม่ได้รั้งพนักงานที่เก่งและรอบคอบคนนี้เอาไว้ แต่กลับพูดให้กำล

  • หว่ออ้ายหนี่ พี่ชายที่รัก   ตอนที่ 30 ลงโทษ

    สัญญาซื้อขายหยกจักรพรรดิถูกลงนามทั้งสองฝ่าย เหลือเพียงให้จางเสิ่นนำโฉนดมาวางในวันจันทร์ก็เป็นอันเสร็จสิ้นจางเฟยหรงเดินควงแขนอี้เฟิงออกมาจากห้องเซ็นสัญญา เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของพนักงานสาวในชุดกี่เพ้าสีแดงที่กำลังจ้องมองมาที่ตน จึงชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจจนอี้เฟิงสังเกตเห็น“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณหนูจาง” อี้เฟิงรีบถามอย่างเอาใจ“พนักงานของคุณจ้องมองฉันอยู่ ไม่สุภาพเอาเสียเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง และเอาแต่ใจเขาหันไปมองตามสายตาของหญิงสาว พบว่าเป็นเยี่ยฟางที่กำลังจ้องมองมา“คุณมานี่” เขาเรียกให้เธอเดินเข้ามาหาเยี่ยฟางมองแขนที่เธอวางคล้องแขนของอี้เฟิงแล้วก็รู้สึกไม่พอใจลึกๆ เรียวขางามก้าวเดินเข้าไปพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อย เพื่อให้ความเคารพจางเสิ่นแหละจางเฟยหรงตามมารยาทของผู้ที่ต้องต้อนรับแขก“เธอคือเยี่ยฟาง เป็นคู่หมั้นของผม” อี้เฟิงแนะนำด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความรู้สึกในตอนนั้นเยี่ยฟางรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย แม้รู้ว่าเป็นการเล่นละครของเขา แต่มันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ‘คอยดูเถอะอี้เฟิง จบงานนี้เมื่อไหร่ฉันจะหยิกคุณให้หลังเขียวเลยเชียว’ หญิงสาวคิดในใจ“นี่คือประธานจางและคุณหนู

  • หว่ออ้ายหนี่ พี่ชายที่รัก   ตอนที่ 29 งานประมูล

    งานประมูลของบริษัทหลี่โถวได้ถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นตามที่ได้วางแผนเอาไว้วัตถุโบราณถูกนำออกมาประมูลขายทีละชิ้น เริ่มจากชิ้นที่ราคาถูกที่สุดไล่ไปจนถึงชิ้นสุดท้ายที่เป็นดาวเด่นของงาน นั่นก็คือคทามังกรซึ่งมีราคาประมูลขั้นต่ำที่ตั้งเอาไว้ที่สองล้านหยวนเป็นราคาที่สูงพอสมควรแต่กลับเป็นที่ต้องการของระดับมหาเศรษฐีนักธุรกิจ เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งนำโชคที่จะทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ถึงเวลานำออกมาประมูลจางเสิ่นและลูกสาววัยยี่สิบสามปีของตน จางเฟยหรง ทั้งคู่มาร่วมงานนี้เพราะได้รับการ์ดเชิญจากบริษัทหลี่โถว และจางเฟยหรงก็อยากเข้าสังคมที่มีแต่เศรษฐีจึงรบเร้าบิดาให้พามาอี้เฟิงต้อนรับสองพ่อลูกด้วยตนเอง พาเดินชมวัตถุโบราณที่เป็นรูปถ่ายติดเอาไว้แทนของจริงที่รอการประมูลอยู่แววตาของเขามองจางเฟยหรงอย่างชื่นชม พร้อมทั้งชวนพูดคุยจนหญิงสาวนั้นรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีใจให้แก่ตนแขกที่มาร่วมงานเป็นระดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยทั้งนั้น แต่เขากลับเลือกที่จะมาต้อนรับแต่เธอกับบิดาเป็นการส่วนตัวหากจะบอกว่าคิดเข้าข้างตัวเองก็คงไม่ใช่“ประธานอี้ คุณฟู่อยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” เล

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status