LOGIN"วันนี้บ้านยายแช่มไม่มีรสมันฝรั่งแท้ ข้าไปซื้อแล้วไม่มีว่ะ"
เสียงผู้แข่งขันคนหนึ่งตะโกนบอก ทุกคนรู้ดีว่าเจ้าแม่ศรีมหาพร้าวจะโปรดเลย์รสมันฝรั่งแท้เป็นพิเศษ...เพราะจะสั่งทุกครั้ง
"เรอะ! อ้อ งั้นก็เอารสเอ็กซตร้าบาร์บิคิวก็ได้ เจ้าแม่ท่านค่อนข้างยืดหยุ่นไม่เรื่องมาก ถ้าไม่มีก็เอาอะไรก็ได้ที่เป็นเลย์... แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่า เจ้าแม่ท่านไม่โปรดถั่วปากอ้านะโว้ย ห้ามซื้อเด็ดขาด วันก่อนใครซื้อไปถวายวะ... ไม่รู้หรือไงว่าเจ้าแม่ท่านแก่แล้ว ฟันไม่ดี มันแข็ง!"
หัวหน้าแก๊งผู้เป็นสาวกของเจ้าแม่ตะโกนบอก ทุกคนก็พยักหน้าและยกมือไหว้รับทราบอย่างพร้อมเพรียงกัน
"เอ้า ผลการแข่งขันออกแล้วทุกท่าน...ผู้ชนะในรอบที่หนึ่งได้แก่....ไอ้....ไอ้...ไอ้ธง!"
สิ้นเสียงประกาศไอ้ธงก็ร้องเฮไชโยลั่นด้วยความดีใจ คนที่พนันอยู่ข้างล่างก็เฮ คนที่ชนะก็ดีใจกันใหญ่ คนเดาผิดก็เสียตังค์ไปตามระเบียบ ไอ้ธงวิ่งเข้ามาหาพิณตะวันซึ่งกำลังโบกแบงค์พันไปมา
"เอ้า เอารางวัลไปโว้ย...อย่าลืมเครื่องเซ่นล่ะเอ็ง ดูด้วยว่านมหมดอายุหรือยัง เพราะเดี๋ยวเจ้าแม่ท้องเสีย เอ็งจะซวยเอา"
สั่งกำชับเสร็จ จากนั้นก็เฮโลกันเข้าไปด้านในลึกอีกหน่อย ต้นมะพร้าวอีกสิบต้นได้ถูกคัดเลือกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าแข่งขันรอบที่สองก็เข้าประจำที่
"เอ้า เตรียมตัว เราต้องทำเวลา เพราะข้าจะแข่งรอบที่สาม แล้วจะต้องรีบไปทำธุระให้นายหัว เอ้าแทงๆ ดวงดีได้ ดวงร้ายเสีย รอบแรกไอ้ธงชนะ ไอ้แหลมคัดซองแยกเร็ว ที่มีชื่อไอ้ธงเอ็งถือไว้ ที่ไม่ใช่เอ็งรวบเอามาใส่กระเป๋าข้าไว้ก่อน"
หัวหน้าแก๊งจัดแจงอย่างคล่องแคล่ว ต้องรอให้แข่งเสร็จก่อน คนที่ทายถูกในซองถึงจะได้เงินที่พนันไว้
"โอโห...มีคนทายไอ้ธงอยู่ 4 คน ใครทายก็รู้ตัวนะ เดี๋ยวรอรอบสุดท้ายเสร็จเราจะจ่ายเงินให้ท่านอย่างแน่นอน ไม่มีการเบี้ยวเด็ดขาด รับประกันความเสี่ยงโดยไอ้ตะวันตามเคย สมกับที่ท่านไว้วางใจมาเนิ่นนาน"
เสียงใสกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในการทำมาหากินอย่างซื่อสัตย์ของตัวเอง
"ซองขาวๆ รอบสองๆ มามะพี่น้อง เร่เข้ามาๆ ผู้เข้าแข่งขันเตรียมตัวและเตรียมตีนให้พร้อม"
"รอบนี้ คนชนะจะต้องถวายอะไรวะไอ้ตะวัน"
คนหนึ่งตะโกนถามก่อนจะเริ่มรอบที่สอง
"อ้อ เดี๋ยวๆ ขอถามเจ้าแม่สักประเดี๋ยว... โอม...มะอึก มะโอ มะโหไม่ดี โอม...เจ้าแม่ศรีมหาพร้าวเอ๊ย รอบสองนี้โปรดอะไรจ๊ะ..."
เสียงสาวกเจ้าแม่ถามแล้วก็หลับตาเอียงหูฟัง ดูเหมือนผู้คนจะเงียบเสียงกริบมากในรอบนี้ คงจะรอฟังว่าเจ้าแม่จะกระซิบอะไร
"อืม...เจ้าแม่ศรีมหาพร้าวเอ๊ย...รอบสองโปรดอะไรจ๊ะ...ดูเหมือนสัญญาณจะไม่ค่อยดี รอแปร๊บ"
คนสื่อสารเอ่ยบอกทั้งที่ยังหลับตาอยู่ คนเงียบมากจริงๆ สำหรับเวลานี้ คงจะลุ้นมากนั่นเอง
"อ้อ...เจ้าแม่โปรด..."
"เจ้าแม่โปรดอะไรหือ..."
เสียงห้าวที่ดังอยู่ข้างหลัง ลมหายใจร้อนเป่ารดใบหูที่กำลังเอียงรอให้เจ้าแม่ศรีมหาพร้าวกระซิบทำให้พิณตะวันสะดุ้งโหยง รีบลืมตาขึ้นมามองอย่างทันควัน ภาพตรงหน้าที่เห็นเมื่อนาทีก่อนว่าเต็มไปด้วยแนวร่วมวันเสาร์สากลนั้น เวลานั้นว่างเปล่า! ไม่มีหน่วยร่วมเหลือแม้แต่คนเดียว!
พิณตะวันรีบหันขวับไปมอง ร่างสูงใหญ่ของนายหัวยืนเท้าสะเอวมองตาเขม็งอยู่
"อุย!...เอ่อ...นาย...เอ่อ ไหนว่านายไปดูหอยมุกท้ายเกาะไงจ๊ะ..."
เสียงเล็กเอ่ยถามพลางขยับถอยหลัง พร้อมจะใส่เกียร์สุนัขพันทางวิ่งหนีถ้าหากมีโอกาส แต่ดูเหมือนจะมีคนรู้ทันความคิด มือใหญ่จึงเอื้อมมาคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
"ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเล่นการพนัน และห้ามปีนต้นมะพร้าว!"
"ตะวันไม่ได้เล่นพนันและไม่ได้ปีนต้นมะพร้าวสักหน่อย ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง ปีนตรงไหนเล่า!"
มีการเถียงอีก ไอลวิลส่ายหน้า... ถ้าเขาไม่แกล้งหลอกแล้วแอบอ้อมเกาะมาดูเพราะสงสัยก็คงจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเจ้าหล่อน นี่ขนาดจับได้คาหลังคาเขา ยังจะทำเสียงแข็งปฏิเสธอีก!
"ไม่ต้องมาเถียง! ถ้าฉันไม่มา เราก็คงจะปีนรอบที่สามสินะ!"
เพราะเขาทันมาได้ยินตอนแม่คุณประกาศเสียงแจ๋วเข้าพอดี
"โธ่..."
"ไม่ต้องมา โธ่! อย่างนี้จะต้องส่งไปไกลๆ ส่งไปดัดนิสัยที่ฝั่งโน่น อยู่แบบไม่รู้จักโตแบบนี้ ฉันปวดหัว!"
เขาเอ่ยเสียงห้วนและหน้าเครียด พิณตะวันทำหน้ามุ่ย...
"นายจะปวดหัวไปทำไมกัน เรื่องเล็กแค่นี้เอง มันก็แค่เอ็นเทอร์เทนเมนต์เล็กๆ น้อยๆ ของคนบ้านป่า จะไม่ให้เล่นอะไรกันเลย จะให้ทำแต่งานกันงกๆ งั้นเหรอ"
ผิดแล้วยังจะมาเถียงอีก ไอลวิลไม่อยากจะทะเลาะกับยัยตัวดีกลางสวนมะพร้าว เขาดึงแขนเล็กให้เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดซุ่มห่างออกไป
"กลับบ้าน แล้วเราจะต้องคุยกันเสียที... เรื่องเรียน ฉันจะส่งเธอไปเรียนที่แผ่นดินใหญ่!"
เขากล่าวเสร็จก็ขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์สีดำคันเก่าแต่เครื่องยังดีอยู่
"ขึ้นมา"
เสียงห้าวสั่งเรียบแต่ฟังแล้วพิณตะวันรู้ว่าคราวนี้นายหัวเอาจริง!
"ตะวันเอาจักรยานมา" เอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่รถประจำตำแหน่ง พยายามจะชิ่งในนาทีสุดท้าย
"เจ้าโก้...เอาจักรยานไปให้ตะวันด้วย ลงมาได้แล้วเอ็ง!"
นายหัวตะโกนไปบนต้นมะพร้าวต้นหนึ่ง โก้จึงโผล่หน้ามายิ้มแหยให้
พิณตะวันส่งสายตาเข้มไปด่า...ไอ้โก้มันดูต้นทางยังไงของมัน! นายหัวตัวเบ้อเริ่ม ทำไมมันไม่เห็น!
ร่างสูงใหญ่สตาร์ทรถ พิณตะวันก็ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย ซึ่งก็ทำอยู่บ่อยๆ เป็นภาพชินตาของคนแถวนี้ที่เห็นตะวันซ้อนรถนายหัวตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกจนถึงทุกวันนี้
"เฮ้ย...ร้องไห้ทำไมกัน ไม่เอา... ห้ามร้อง ตะวันไม่ใช่คนอ่อนแอและร้องไห้ง่ายสักหน่อย...หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลย"เขาทั้งปลอบและทั้งสั่ง...แต่ร่างบางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด ชายหนุ่มชักเริ่มใจไม่ดี ไม่อยากเห็นน้ำตาของยัยตัวดี เขาล้มตัวลงไปนอน ดึงร่างบางให้นอนซบหน้าอก ลูบแผ่นหลังบางเบาๆ"ไม่เอาน่า...หยุดร้องก่อน...คืนนี้จะเลี้ยงฉลองความสำเร็จของตะวัน แล้วมาร้องไห้แบบนี้ ตาบวม หมดสวยกันพอดี"เขาแกล้งแหย่"ไม่อยากสวย! ฮือๆ "คนไม่อยากสวยส่งเสียงโต้ตอบ กอดเอวเขาไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้จนเสื้อเขาเปียก"เอาล่ะ...หยุดร้องก่อน... นะ""ตะวันมะโห! ฮือๆ และก็น้อยใจด้วย! นายหัวจะใจร้ายกับตะวันไปถึงไหน"เสียงสะอื้นเอ่ยตัดพ้อต่อว่า"มะโห แต่ไม่ร้องได้ไหม ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของตะวัน"เสียงห้าวเอ่ยแล้ว ผลักร่างบางให้นอนหงายไปกับที่นอน จากนั้นก็ค่อยใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พิณตะวันร้องไห้จนพอใจก็หยุด... นอนซุกหน้ากับอกกว้าง รู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่ได้อยู่กับเขาอีกครั้ง..."หายมะโหหรือยังหือ..." เขาแกล้งถาม พลางก้มไปหอมแก้มที่เปียกด้วยน้ำตา พิณตะวันค้อนคว่ำให้เขา"ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ...จะมะโหต่อถ้
****พิณตะวันจัดการเก็บข้าวของที่คอนโด คุยกับวายุแล้วว่าจะย้ายออก ของใช้ส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมาก วายุจึงให้ขนไปไว้ที่บ้านอิสรีพัฒน์ แล้วก็คืนคอนโดไปไอลวิลเดินทางมาถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ในเวลาบ่ายคล้อย ร่างเพรียวระหงนั่งรออยู่แล้วที่สวนหย่อมหลังบ้าน พอเฮลิคอปเตอร์ลงจอด เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นยืนทำหน้าตื่นเต้น เมื่อไอลวิลลงจากเครื่อง ร่างเพรียวก็วิ่งเข้าไปหาทันทีจนเขาแทบจะเปิดอ้อมแขนกางรับไม่ทัน เจ้าตัวโผเข้ากอดอย่างเต็มที่และเต็มแรง โดยไม่กลัวว่าจะพากันล้ม เขาต้องตั้งหลักยืนให้มั่น"เบาๆ หน่อย จะพากันล้มกลิ้งเอา"เสียงห้าวเอ่ย รู้สึกขำที่เวลาผ่านไปสี่ปี คนในอ้อมแขนอายุย่างยี่สิบสองปีแล้ว แต่กับเขาก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง..."ดีใจที่สุด ตะวันรอนายหัวมาสองวันเต็มๆ ตะวันขนของจากคอนโดมาไว้ที่นี่หมดแล้ว ของไม่มีแยะหรอก แค่สองกระเป๋าเอง คุณท่านจัดห้องให้ตะวันห้องหนึ่ง อยู่ติดกะห้องของนายหัวด้วยล่ะ"เสียงแจ๋วเอ่ยรายงานยาวเหยียด...เงยหน้าขึ้นยิ้มกระจ่าง ใบหน้านวลปลั่งมีสีเรื่อด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว ดวงตาคู่กลมโตเปล่งประกายวาวระยับเต็มไปด้วยความสุข"ตะวันช่วยแม่ครัวเตรียมอาหารสำหรับคืนน
เจ้าของวันเกิดกำลังยืนหลับตาอธิษฐานเสียงดัง"ขอให้นายหัวมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง ขอให้นายหัวมีความสุขมากๆ ขอให้พระคุ้มครองให้นายหัวปลอดภัย ขอให้นายหัวจงเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป สาธุ๊..."เสียงแจ๋วเอ่ยขอพร"อ้าว แล้วกัน วันเกิดเรา ก็ขอให้ตัวเองสิ มาขอให้ฉันทำไม"เสียงห้าวเอ่ยทักท้วงอย่างรู้สึกขำเจ้าหล่อน"ก็นั่นแหละเป็นสิ่งที่ตะวันต้องการที่สุดสำหรับวันเกิด ถ้านายหัวมีความสุขและสุขภาพดี ตะวันก็มีความสุขยิ่งกว่าไง"คนอธิษฐานเอ่ยโต้ตอบบอกเหตุผล ไอลวิลจึงพยักหน้ายอมๆ ให้ทำตามอำเภอใจ จากนั้นเจ้าตัวก็เป่าเทียนวันเกิดที่ปักอยู่เพียงเล่มเดียวตรงกลางเค้ก มือบางจัดการตัดเค้กแล้วใส่จานเดียวกับช้อนสองคัน นั่งกินด้วยกันที่โซฟา เปิดทีวีรายการการ์ตูนคลอเป็นแบ็กไปด้วยไอลวิลมองดูคนที่กินเค้กจนพุงกาง แถมเจ้าหล่อนยังคะยั้นคะยอบังคับเขา พอเขาหยุดตักกิน ก็ลงมือป้อนให้ถึงปาก ไอลวิลรู้ทันเจ้าตัวดีที่ทำท่ากินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด"ถ้าอิ่มแล้ว ก็เก็บไว้ในตู้เย็นดีไหม ไม่ต้องฝืนหรอกมั้ง" เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน คนอิ่มทำหน้ายิ้มแหยให้"ก็ตะวันกลัวนายหัวเสียน้ำใจนี่นา"เจ้าตัวพูดเสียงอ่อย เพราะเมื่อครู่ก่อนได้ประกาศปาวๆ ว่าจ
พิณตะวันหันไปมองลริณา"เอาไงดีริณา...จะให้คุณวาไปส่งไหม คุณแม่ของริณาจะว่าหรือเปล่าที่มีหนุ่มไปส่งแบบนี้"พิณตะวันเอ่ยอย่างที่ไม่ได้คิดอะไร แต่ทำให้ลริณาหน้าแดง และวายุก็เลิกคิ้วสูงกับคำพูดของเจ้าหล่อน"เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่รู้จักพี่ตะวันนี่คะ"สาวน้อยเอ่ยตอบน้ำเสียงอ่อน วายุไม่เข้าใจว่าเด็กสองคนนี้มาคบหาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร คนหนึ่งห้าวสุดห้าว กล้าแกร่งก็ปานนั้น อีกคนก็หวานสุดหวานและเรียบร้อยสุดบรรยายแบบนี้"แต่พี่เพิ่งเคยเห็นท่านครั้งเดียวและคุยโทรศัพท์ด้วยหนหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง แต่ก็ลองไปดู ไปเลยๆ คุณวา"คนกลางตัดสินใจทันที คนขับรถก็ทำตามโดยมีคนที่นั่งเบาะหลังเป็นคนบอกทาง วายุเอาที่อยู่ใส่ใน GPS ให้ช่วยบอกทางให้ จากนั้นก็ขับรถไปยังบ้านของลริณาคฤหาสน์หลังใหญ่มีบริเวณกว้างขวาง สมกับเป็นครอบครัวที่ทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จากประตูรั้วต้องขับรถเข้าไปอีกประมาณร้อยเมตรเลยทีเดียว"อยู่กันกี่คนนี่ริณา"พิณตะวันถามสาวน้อย แต่ไม่ได้ทำตาโต เพราะพิณตะวันเห็นบ้านอิสรีพัฒน์จนชินซึ่งก็ใหญ่โตพอกัน แต่ที่สำคัญพิณตะวันไม่ตาโตกับสมบัติของใคร บ้านของพิณตะวันที่เกาะคือสวรรค์ที่สุดแล้วสำหรับพิณ
"หือ..."ทำเอาคนฟังต้องนิ่งชะงักไม่แน่ใจว่าเจ้าหล่อนหมายถึงอะไร"อยากเห็นนาย ... ความจริงตะวันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับวันเกิดหรอกนะ นายหัวไม่ต้องเข้ามาวันเกิดก็ได้ เพราะมันตั้งสิ้นปีโน่นแน่ะ นายหัวยกยอดมาอาทิตย์หน้าก็ได้ ตะวันไม่ถือหรอก ฉลองวันเกิดล่วงหน้าไง"คนอยากเจอเอ่ยโน้มน้าว ไอลวิลยิ้มขำ"ก็ถ้าว่าง จะเข้าไป ช่วงนี้ต้องอยู่เกาะ ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่ตะวันอยู่ มันมีคนแปลกถิ่นและแปลกหน้าเข้ามา พวกต่างชาติ เพื่อนบ้านไทยนี่แหละ แอบเข้ามาป้วนเปี้ยน เราเลยต้องวางเวรยามที่เกาะรังนกทุกเกาะของเรา"เขาเอ่ยเล่าความเป็นไปให้เจ้าของเกาะตัวจริงฟังนิดหนึ่ง"จริงเหรอ...ตะวันอยากกลับไปช่วยนายเร็วๆ มาเรียนทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีประโยชน์เลย ถ้าตะวันอยู่ที่โน่นกับนายคงจะมีประโยชน์กว่านี้"เจ้าตัวดีได้โอกาสก็บ่นใส่ทันที"งานพวกดูแลเกาะ ให้พวกผู้ชายเขาทำ เราเรียนบัญชีก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ช่วยวายุที่สำนักงานใหญ่ นั่นก็เป็นงานสำคัญ""แต่ตะวันอยากช่วยนายมากกว่านะ...อะไรกัน ไหนว่าเรียนจบแล้วจะให้กลับไงเล่า"น้ำเสียงเริ่มขุ่นและงอน"ฉันแค่เกริ่นให้ฟัง จบแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าตะวันอยากจะอยู่ไหนและทำอะไร คิดว่าอยากจ
การเรียนเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อย พิณตะวันเป็นคนที่ถ้าหากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นพยายามและไม่ไขว้เขวกับสิ่งยั่วยุ สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อหลอกให้คนในวัยศึกษาเล่าเรียนเป๋มีมากมายในเมืองกรุง แต่พิณตะวันไม่เคยเป๋เหมือนเด็กในวัยเดียวกันอีกหลายคนผู้ที่ไม่มีจุดยืนและไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนในชีวิตนั้น สามารถตกเป็นเหยื่อของสังคมแห่งวัตถุนิยมได้ง่ายๆ ดังนั้นพิณตะวันจึงรู้สึกขอบคุณบิดามารดาและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้พิณตะวันได้รู้จักโลกที่เป็นธรรมชาติของชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่โลกจอมปลอมของมหานครกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจว่าสวยงาม แต่เบื้องหลังเบื้องลึกนั้นกลับสกปรกโสมมสำหรับพิณตะวันแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบกรุงเทพฯ เป็นผู้หญิง เมืองฟ้าอมรแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่พยายามห่อหุ้มร่างด้วยเสื้อผ้าสวยงามและฉีดพรมน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นอย่างเต็มที่ แต่งหน้าแต่งตัวเริดหรูอลังการ ทำให้คนที่ไม่รู้เบื้องลึกหลงคิดว่าสวยงามและหอมหวนทวนลมเสียเหลือทน แต่ความจริง ถ้าเปลื้องผ้าออกจะรู้ว่าร่างนั้นเหม็นสางสกปรกและหมักหมมด้วยเชื้อโรคแค่ไหน... ดังนั้นคนอย่างพิณตะวันไม่ยอมหลงเ







