“ลุง ตามภูพิงค์มาทำไมอีกเนี่ย!” ภูพิงค์ทำหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นใครบางคนยืนรออยู่หน้าบ้านหลังจากที่คุยกับคนในบ้านเสร็จ
“บอกว่าเรียก อา ไม่งั้นก็พี่” ร่างสูงเดินตรงเข้าไปหาคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง
“เรียกพี่บ้าอะไรลุงอายุน้อยกว่าพ่อนิดเดียวเอง” เด็กสาวทำจมูกย่นใส่
“พาร์ทมีธุระก็ไปเถอะ เดี๋ยวอาพาตัวแสบกลับเอง”
“ครับ” พาร์ทได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
“ขึ้นรถ หรือจะให้อุ้ม”
“ไม่ต้องหนูเดินเองได้ หมอโรคจิต!” ภูพิงค์เอียงตัวหนี เดินหน้างอไปขึ้นรถกับคุณอาหนุ่มที่ได้แต่มองตามแล้วยิ้ม ยิ่งเห็นหลานตัวน้อยทำหน้างอเขาก็ยิ่งหลงเธอขึ้นทุกวัน
“ทำไมต้องนึกถึงเด็กบ้านั่นด้วย” แต่พอเห็นสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย มันพลันให้นึกถึงคนตัวเล็กในชุดนักเรียนเดินกลับบ้านไปก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที
“…….” พาร์ทถอนหายใจอย่างหนักอก ทำไมต้องมาเจอแต่เรื่องวุ่น ๆ ทั้ง ๆ ที่หนีมาพักใจแต่ตั้งแต่เจอกับธีรดา กลับยิ่งทำให้เขาเหนื่อยและวุ่นวายเป็นเท่าตัว
แต่ถึงจะคิดแบบนั้นรถกลับวิ่งไปอีกฝั่ง ซึ่งไม่ใช่ทางกลับคอนโดแต่กลับวิ่งไปทางห้องเช่าของเด็กสาว
ซ่า ซ่า
ฝนยังคงกระหน่ำตกไม่ขาดสาย คนตัวเล็กที่ยังคงนั่งกอดเข่าเอามือปิดหูเมื่อสายฟ้าฟาดลงมา
เปรี้ยง!!
“ฮื่อ แม่ แม่จ๋าเธียรกลัว” ธีรดาร้องไห้แข่งกับสายฝน ไม่ยอมลุกไปไหน ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว บวกกับกลัวเสียงฟ้าที่ฟาดลงมาเป็นระลอก ทำให้เธอกลัวจนขาดสติ
ปรี๊ด ปรี๊ดดดดด
แสงไฟส่องใส่คนตัวเล็กที่ยังคงเอาแต่ร้องไห้ ก่อนรถหรูจะจอดพร้อมร่างสูงในชุดสูทจะก้าวลงจากรถในมือถือร่มคันใหญ่
“เธียร!!” เสียงเข้มตะโกนเรียกชื่อเด็กสาวแข่งกับฝน เขาที่ขับรถคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตานั่งเปียกฝนอยู่ข้างฟุตพาท
“แม่จ๋าหนูกลัว”
เปรี้ยง!!
เมื่อได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดร่างเล็กก็ยิ่งสั่นสะท้านร้องไห้หนักกว่าเดิม
“เธียร หยุดร้องขึ้นรถ” พาร์ท พยายามใจเย็นเมื่อเห็นเด็กสาวตื่นกลัว มือหนาค่อย ๆ เอื้อมจับแขนเรียวให้ลุกขึ้น
“อึก” เธียรเอาแต่ร้องไห้เนื้อตัวเปียกปอน สะอื้นไห้มองหน้าคนตัวโตตรงหน้า ผู้ชายที่เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกเจอ
“ขึ้นรถมาทำอะไรอยู่ตรงนี้!” ถึงจะหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะไม่ชอบเสียงร้องไห้ แต่เห็นเธอร้องไห้แบบนี้เขาก็ไม่ได้เป็นคนใจยักษ์ถึงขนาดจะดุด่าเธอได้ลง
“อึก” เธียรยังคงเอาแต่ร้องไห้สะอื้นตัวสั่น แต่ก็ยอมเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย
บนรถ
“อึก” ชายหนุ่มถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นรูปร่างอรชรที่เสื้อนักเรียนมันเปียกฝน ทำให้เห็นทรวดทรงที่อยู่ใต้ร่มผ้า ชุดชั้นในสีดำที่เธอใส่อย่างชัดเจน
“ฮึก ฮื่อ” ส่วนเธียรยังคงเอาแต่ร้องไห้ตัวสั่น เธอเหมือนคนไม่ได้สติตกใจกลัวอะไรบางอย่าง เพราะเอาแต่นึกถึงวันที่พ่อแม่จากไป
“หยุดร้องแล้วคาดเข็มขัดเดี๋ยวไปส่ง” พาร์ทพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จะให้ปลอบก็ปลอบไม่เป็นเพราะนอกจากน้องสาวก็ไม่เคยพูดปลอบใคร เลยเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาเมื่อคนตัวเล็กตรงหน้าเอาแต่ร้องไห้
พรึบ!!
“บอกให้หยุดร้องรำคาญ” เขาพูดเอ็ดพร้อมกับถอดเสื้อคลุมร่างเล็กที่สั่นสะท้าน ยืดตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่ร้องไห้
ตึก!!
แต่สายรัดมันกลับติดดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก ทำให้เขาต้องปลดล็อกฝั่งของตัวเองพร้อมยืดตัวเอื้อมมือไปดึงอีกฝั่ง
“อึก” แต่ต้องชะงักเมื่อปลายจมูกโด่ง ดันไปสัมผัสเข้ากับแก้มนุ่ม ๆ ที่เปียกปอนไปด้วยน้ำตา
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเธอหยุดร้องไห้อย่างอัตโนมัติ สองสายตาจดจ้องมองกัน จ้องลึกเข้าไปข้างในที่มันมีแต่ความว่างเปล่า
“อุ๊บ” ดวงตากลมโตคู่นั้นเบิกกว้างเป็นเท่าตัว เมื่อกลีบปากอุ่นแตะลงที่ริมฝีปากบางที่เย็นเฉียบ สั่นระริกด้วยความหนาวจากสายฝนที่โปรยปราย
“พะ...พี่” เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้สองมือดันแผงอกแกร่ง เมื่อคนตัวโตบดจูบขยี้ริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วง เขาดูดเม้มริมฝีปากบนสลับล่างจะว่าอ่อนโยนมันก็ไม่ใช่แต่จะว่ารุนแรงมันก็ไม่เชิงเพราะนี่คือจูบแรกของทั้งเขาและเธอ
เสียงฝนโปรยปรายตกกระทบต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก คนตัวโตยังคงจูบดูดเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่ได้สติ
ต่างจากคนตัวเล็กที่ได้สติกลับคืนมาและพยายามผลักตัวอีกฝ่ายออก แต่ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งบดจูบแรงกว่าเดิม
“ฮื่อ” เธียรได้แต่ร้องท้วงในลำคอ เมื่อฝ่ามือหนาเอื้อมมาจับ
บีบล็อกท้ายทอยเธอไว้แน่น สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนที่เข้ามาสำรวจภายในโพรงปากเล็ก ควานหาความหวานอย่างเผลอตัว“ฮื่อ”
ตุบ ตุบ
กำปั้นน้อย ๆ เริ่มทำงานทุบแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาดูดดึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย
“ฟองเบียร์ พะ...พี่ ระ” ก่อนทุกอย่างจะหยุดเมื่อพาร์ทได้สติ เพราะนึกว่าตัวเองกำลังทำกับคนที่ตัวเองรัก
“……” เธียรได้แต่มองหน้าคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว เพราะเมื่อกี้เขาเกือบจะล่วงเกินเธอไปแล้ว
“…..” ส่วนพาร์ทเองก็ได้แต่เงียบไม่รู้ว่าทำไมถึงขาดสติได้ขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“อึก ฮึก” เธียรยังสะอื้นไห้เบา ๆ ตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“หยุดร้องเธอรู้มั้ยมันน่ารำคาญ” ชายหนุ่มพูดเสียงดุก่อนจะขับไปส่งคนตัวเล็กที่สะอื้น อึก อึก เป็นระลอก
“….” เมื่อเห็นเขาดุคนตัวเล็กก็ได้แต่นั่งตัวสั่น ทั้งหนาวทั้งกลัว มือบางยกขึ้นมาปิดปากไม่ให้มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไป
“…...ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก หยุดร้องขอโทษที่…” พาร์ทพ่นหายใจแรงอย่างหงุดหงิด เขาเอ่ยขอโทษที่ทำอะไรขาดสติสายตาคู่ดุดันมองไปยังริมฝีปากที่ยังคงสั่นระริก ก่อนจะรีบขับรถออกไปเพราะคนตัวเล็กข้าง ๆ อาการไม่ค่อยจะสู้ดี
ห้องเช่า
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาสั่งเสียงแข็ง
“…..” เด็กสาวได้แต่พยักหน้าหงึก ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินขึ้นห้อง
“ทำไมฉันต้อง เฮ้อ” พาร์ทบ่นพึมพำมองคนตัวเล็กที่เดินตัวสั่นขึ้นห้อง แล้วมันต้องหงุดหงิด มันหงุดหงิดทุกอย่างที่เป็นเธอ
2 เดือนผ่านไป
“ยิ้มอะไรของเธออยู่ได้ น่ารำคาญ” เสียงดุ ดุแบบนี้มีอยู่คนเดียว
“หนูแค่ยิ้ม ยิ้มไม่ได้เหรอ?”
“ก็พี่หล่อ หนูชอบพี่เลยอยากมอง มองแค่นี้ก็ต้องดุ”
เธียรตอบกวน ๆ เพราะวันนี้ครูให้มาช่วยงานเลยได้มีโอกาสเจอชายในฝัน แต่แค่แอบมองแล้วยิ้มให้ก็ต้องมาดุ เห็นว่าหล่อหรอกถึงมอง แต่เด็กสาวก็ได้แต่บ่นในใจ
ที่จริงเธอก็มีโอกาสได้ใกล้เขาบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เป็นต้องเจอ แต่ไม่รู้ว่าควรดีใจที่ได้เจอคนที่ตัวเองแอบรักอยู่บ่อย ๆ หรือจะร้องไห้เพราะเจอเขาเมื่อไหร่ ต้องเกิดเรื่องเป็นอันทำงานไม่ได้เงินทุกที
เฮ้อ ธีรดาถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องเงินนี่ก็อีกไม่กี่เดือนจะถึงวันเกิดแล้วจะเรียนจบแต่ยังไม่มีเงินไว้ไปสมัครเรียนเลย
“จะว่าไปเธอก็บ้า นะเธียร เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเศร้า” ปากเล็กบ่นงึมงำเดินกลับไปทำงานที่ครูสั่ง ถ้าครูกลับมาไม่เสร็จมีหวังไม่ได้เงินแน่
“พี่พาร์ทคะ” คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาคนหน้าดุที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เพราะมันเป็นงานที่ต้องเก็บเป็นความลับเลยจำเป็นต้องมาทำในห้องทำงานเขา
“……” เขาไม่ตอบแค่ปรายตามองเด็กสาวตรงหน้าที่ทำตาเล็กตาน้อยมองเขาอย่างมีหวัง
“บริษัทฉันไม่มีนโยบายรับเด็กเข้าทำงาน” เขาพูดอย่างกับรู้ว่าเธอจะถามอะไร จบกันความหวังที่จะขอทำงานเพื่อหาเงินเรียน
“แต่หนูทำได้ทุกอย่างนะ แม่บ้านล้างห้องน้ำ ปัดกวาดเช็ดถูหนูทำได้หมด” เธียรทำหน้าอ้อนวอน มันก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่รับเพราะที่อื่นเขาก็ไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 20 เข้าทำงานกันทั้งนั้น
“ไปทำงานของเธอให้เสร็จ!” สายตาขรึมเอ่ยเสียงห้วนแข็ง เพ่งตามองคนตรงหน้าที่มีท่าทีงอแง ทำหน้าบูดบึ้ง
“ชิ ก็ได้” เธียรเดินคอตกกลับไปนั่งทำงาน เขาได้แต่มองคนตัวเล็กแล้วต้องส่ายหัว เธอจะรู้ไหมว่าเขาต้องปวดหัวกับเธอมากแต่ไหน แค่เรื่องงานเรื่องที่บ้านก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาปวดหัวเพราะเธออีก
“พี่พาร์ท” คนตัวเล็กในชุดเอี๊ยมตัวโปรดถือกระดาษที่วาดรูปไปหาคนหน้าขรึม ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขนาดเขาเพิ่งจะดุเธอไปกลับยังมีหน้ายิ้มให้เขาอีก
“เสร็จแล้ว หนูขอไปกินข้าวนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอไม่รอให้เขาตอบวางกระดาษและรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที
“ยัย!! แล้วที่ฉันสั่งมาใครจะกิน” พาร์ทถึงกับต้องขบกรามแน่นมองตามคนตัวเล็กที่วิ่งออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ก็เห็นตั้งใจทำงานเลยอุตส่าห์สั่งของกินมาให้จะบอกก็ไม่ทัน
“เฮ้อ แล้วทำไมฉันต้องไปสนใจเธอด้วยเด็กบ้า” แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่ในหัวกลับนึกถึงแต่เรื่องวันนั้นที่ตัวเองจูบเด็กสาวในรถ แต่คนที่โดนจูบกลับเฉย ๆ เหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โธ่! เว้ย”
“พี่พาร์ท” ตอนนี้เราสองคนอยู่หน้างาน และมือเท้ามันก็เย็นเฉียบรู้สึกประหม่าจนก้าวขาไม่ออก“กลัวอะไรฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน” เขาหอมที่หัวหนัก ๆ หนึ่งทีแล้วเดินโอบเอว พาฉันเดินเข้าไปในงาน และพอเราสองคนเดินเข้าไปทุกสายตาก็มองมาที่ฉันเป็นตาเดียว“ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวปกติ” พี่พาร์ทพูดปลอบและพาฉันเดินตรงเข้าไปหากลุ่มนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง“สวัสดีครับ” พี่พาร์ททักทายพวกเขาอย่างนอบน้อม แต่ว่าทำไมทักทายภาษาไทยล่ะ“เอาคุณปรมินทร์ นึกว่าจะไม่มางานนี้ซะแล้ว” เขาพูดและยิ้มอย่างเป็นกันเองกับพี่พาร์ทและมองมาที่ฉัน“ธีรดา ภรรยาผมครับ” ก่อนพี่พาร์ทจะแนะนำให้ฉันที่ได้แต่ยืนอึ้งให้ทุกคนรู้จัก ที่อึ้งคือแล้วที่เขาให้เรียนหัดพูดภาษาจีนเพื่ออะไร เท่าที่มองดูในงานมีแต่คนไทยและเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกัน“ภรรยา!!” ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกัน“สวัสดีค่ะ” สองมือยกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ต้องแอบจิกตากัดคนข้าง ๆ“พี่แกล้งหนูอีกแล้วนะ” ฉันพูดกระซิบกระซาบบิดเอวหนาแรง ๆ อย่างหมั่นไส้“......” พี่พาร์ทไม่พูดอะไรแค่ปรายตามอง และหันไปพูดคุยเรื่องธุรกิจแต่มือเขามันอยู่นิ่งเสียที่ไหน ลูบไล้แผ่นหลังสัมผัสมันชว
และแล้ววันที่ฉันกลัวก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่จะต้องออกงานคู่กับพี่พาร์ทเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ออกงานสังคมแบบนี้ เฮ้อ.....“เธอต้องทำได้สิธีรดา” ร่างเล็กในชุดคลุม จ้องหน้าตัวเองในกระจก พูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำส่วนพี่พาร์ทไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก แค่โทรมาบอกให้แต่งตัวรอแล้วจะมารับ ดีนะที่แม่กับพี่ฟองเบียร์อยู่เลยปลีกตัวออกจากตัวเล็กได้ เหมือนน้องจะรู้ว่าคืนนี้ต้องกลับดึกงอแงไม่ยอมห่างอกทั้งวัน แต่พอพี่พอร์ช มาอุ้มไปเล่นไปกับคุณอาเฉย ลูกสาวใครนะ เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้...“ว่าแต่จะทำไงล่ะเนี่ย” แต่งหน้าก็พอไหวแต่ทำผมจะทำทรงไหนดีถึงจะเข้ากับชุดที่พี่ญี่ปุ่นเตรียมไว้ให้ มันเป็นชุดราตรียาวสีดำดูเรียบ ๆ แต่แอบเซ็กซี่นิด ๆ หวังว่าใส่แล้วพี่พาร์ทคงจะไม่ฆ่าฉันทิ้งนะก๊อก ก๊อก ก๊อก“ใครคะ” ฉันที่กำลังแต่งหน้าเดินไปเปิดประตู“พี่พาร์ท” พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าที่มาพร้อมกล่องสีแดงขนาดใหญ่ในมือสองกล่อง“........” พี่พาร์ทเงียบไม่พูดอะไรเดินเอากล่องไปวางไว้บนเตียง แล้วเดินออกไปนอกห้องท่ามกลางความงุนงงของฉันที่ได้แต่มองตามแล้วเกาหัว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” และก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเมื่อพี่พาร์ทมีท่าทีแปลก ๆ เขาดูเงียบและกังวลมาก“พี่ไม่สบายหรือเปล่า” มือเล็กเอื้อมขึ้นไปแตะหน้าผากคนตัวโต“......” พี่พาร์ทเงียบ เอาแต่จ้องหน้ามอง เหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด“ดึกแล้วหนูว่าเรากลับกันมั้ย” ตัวเล็กหาว ไปหลายรอบแล้ว ตาหวานเยิ้มแล้วตอนนี้“คือ...ฉัน”“คือ...คืออะไรพี่ก็พูดมาสิคะ” ฉันพูดยิ้ม ๆ เดินเข้าไปกอดเขา“พี่จะขอหนูแต่งงานเหรอ? เมื่อวานที่ชายหาดพี่กำลังจะขอหนูแต่งงานแต่โดนขัดก่อนใช่มั้ย”“.......” เขาเงียบ แสดงว่าฉันพูดถูก“ทำไมคะ เขินเหรอ แค่ขอแต่งงานเอง”“เธอนี่ไม่มีความโรแมนติกเลยนะธีรดา” พี่พาร์ททำเสียงดุ“เอ้า อะไร มาดุหนูทำไมคะ ก็ตัวเองจะพูดก็ไม่พูด แค่ขอแต่งงานเองมันพูดยากตรงไหน ถ้าพี่เขินเดี๋ยวหนูขอพี่เองก็ได้ แต่สินสอด?” ฉันทำหน้าครุ่นคิดมองหน้าพี่พาร์ทแล้วยิ้มกริ่ม“เอาตัวหนูเป็นสินสอดแทนได้มั้ย” พร้อมทำท่าทางเหนียมอายเมื่อเขาเอาแต่มองหน้าพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น“ตะ....”“ชู่ว...เบา ๆ ค่ะตัวเล็กกำลังจะหลับ” ฉันพูดเสียงเบาเอามือลูบหลังตัวเล็กที่ค่อย ๆ โน้มหน้าซบลงที่ไหล่พ่อ ดวงตากลมโตคู่เล็กปรือตามองหน้
“ทำอะไรทำไมไม่ไปอาบน้ำแต่งตัว”“จะไปไหนได้พี่ก็ดูสิ”พรึบ!!ฉันเปิดผ้าห่มให้พี่พาร์ทที่เพิ่งเดินเข้ามาดูลูกสาวตัวน้อยสุดที่รักของเขา นอนอยู่บนตัวแม่ปากก็ดูดนม อีกมือก็จับเต้า สองขาเต้นขย่ม เฮ้อ...เด็กหญิงพลอยชมพูจอมแสบ“ไม่ต้องมายิ้มเลย แม่เจ็บนะ” ตัวเล็กผละริมฝีปากจากเต้าส่งยิ้มหวานให้พ่อและแม่แล้วอ้าปากงับดูดนมต่อ แล้วคุณเธอก็เล่นอยู่แบบนั้นนานเป็นชั่วโมง กว่าจะยอมลงจากตัวแม่ เฮ้อ...ถึงจะเหนื่อยจะเจ็บบ้างแต่มันก็คือความสุข อีกหน่อยน้องโตเขาก็จะค่อย ๆ ห่างจากเราไปเรื่อย ๆ เลยอยากอยู่ใกล้ชิด มอบความรักให้ลูกเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้“ตัวเล็กมาหาป๊า ให้แม่ไปแต่งตัว” พี่พาร์ทรับตัวเล็กที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จที่ยิ้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ได้แกล้งแม่“ไปอาบน้ำฉันพาลูกไปเดินเล่นรอ” มือหนาลูบมาที่หัวพร้อมดึงร่างเล็กเข้าไปกอด“เจ้าค่ะ หนูจะรีบอาบน้ำแต่งตัว ทุกคนจะได้ไม่ต้องรอนาน” สองแขนกอดเอวหนาไว้แน่น ก่อนจะหอมแก้มพ่อลูกคนละหนึ่งฟอดใหญ่แล้ววิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำฉันใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเท่าไร แต่ต้องมาหนักใจจะใส่ชุดไหนดี?“เสร็จแล้วค่ะ” ฉันรีบวิ่งออกจากห้องไปหาพี่พาร์ทและคนอื่น ๆ ที่รอ
“เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันก็ไม่น่าถามพี่พาร์ทเลย หน้าบึ้งแบบนี้จะมีอะไรนอกจากงอนลูก ตอนนี้ตัวเล็กไม่สนใจป๊าเลย เล่นสนุกอยู่กับเหล่าอา ๆ ที่ดูจะหลงหลานสาวตัวน้อย โดยเฉพาะขุนศึกที่น้องพลอยติดมากกว่าคนอื่น ห่างกันเป็นไม่ได้ร้องตามตลอด“........” พี่พาร์ทไม่พูดอะไร กลับหันมามองค้อน เสียอย่างนั้น“เกี่ยวอะไรกับหนู หนูจะไปรู้ได้ไงว่าน้อง ๆ พี่จะตามมา” น่าขำจริง ๆ เวลาที่พี่พาร์ทงอน งอแงกว่าน้องพลอยอีก“ถือว่าได้พักผ่อนค่ะ มีคนช่วยดูลูกก็ดีแล้ว หนูดีใจนะ ที่ทุกคนรักและเอ็นดูน้องพลอย พี่รู้มั้ยตอนที่น้องเกิดวันแรก พยาบาลที่ทำคลอดอุ้มน้องไม่ยอมวางเลย”“พี่รู้มั้ยว่าหนูรู้สึกดีมากแค่ไหนที่ทุกคนไม่รังเกียจน้อง” ความรู้สึกวันนั้นที่คลอดตัวเล็กมันยังจำไม่เคยลืม มันเป็นความเจ็บปวดที่สวยงาม มันเป็นความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม“รักตั้งแต่แรกเจอ รักทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้เจอหน้า ครั้งแรกที่ได้อุ้มลูกมือหนูสั่น จนพี่ณัฐต้องช่วยอุ้ม” ฉันพูดไปยิ้มไปพร้อมน้ำตาเม็ดใสที่มันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว“หนูเข้าใจว่าพี่หวงลูก แต่นั่นมันน้องพี่นะคะ คุณป๊าขี้หวงไม่งอแงสิ เห็นมั้ยตัวเล็กสนุกใหญ่เลย” ฉันรีบเปลี่ยนเ
“พี่พาร์ท! ตื่นได้แล้วสายแล้วนะ”“ตื่น!! หิวข้าว!!”“......” เงียบไร้ซึ่งคำตอบจากคนตัวโตที่นอนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันกับตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเป็นชั่วโมงแล้วแต่พี่พาร์ท กลับไม่ยอมตื่น“พี่พาร์ทหนูหิว...ตื่นมาทำอาหารให้กินก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”“......” เขายังคงเงียบและค่อย ๆ ลืมตา มองหน้าฉันกับลูก สมน้ำหน้าเมื่อคืนแกล้งฉันดีนัก พอตอนเช้ามาตัวเองตื่นสายเอง“ไปเลยค่ะ หนูหิวแล้ว กินข้าวเสร็จพาไปเดินเล่นด้วย หนูอยากพาน้องไปเดินริมชายหาดฝั่งโน้น” ฉันพูดและยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยังทำหน้างัวเงีย“ฉันเป็นผัวเธอนะเธียร ไม่ใช่คนรับใช้ที่จะต้องมาคอยทำอาหารให้เธอกิน” บ่นเป็นตาแก่ไปได้“ก็เป็นผัวนั่นแหละหนูถึงใช้ อยากกินฝีมือพี่ พี่ทำอร่อย นะคะ ไปทำให้หน่อยหิว” ฉันยิ้มตาหยีให้พี่เขาที่เอาแต่ส่ายหัว ก่อนร่างหนาจะค่อย ๆ ลุกออกจากเตียง“รอป๊าก่อนนะครับ ป๊าไปทำอาหารให้แม่หนูก่อนแล้วเราไปเดินเล่นกัน” เขาพูดยิ้มกับลูกอย่างอารมณ์ดี ตัวเล็กก็อ้อนเอาใจยิ้มหวานให้พ่อ“ส่วนเธอใช้งานฉันหนักไปแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ”ฟอด“แหวะ...เหม็นไม่ต้องมาหอมหนูเลยไปทำอาหารก่อนหิวจนจะกินพี่ เข้าไปได้ทั้งตัวอยู่แล้ว” ทำเป็นมาหอม ก่อนหน้