LOGINฟางเฟยยกน้ำชาขึ้นดื่ม ตามคุณปู่เกาซูว่าน
“ถ้าหนูปลอดภัยดี จะเป็นคนบันทึกหลักฐานเองค่ะ”
“ฉันรู้แค่ว่า บรรพบุรุษเคยทำพิธีขอทางรอดต่อสวรรค์ แต่ข้อแลกเปลี่ยนที่สวรรค์ต้องการคืออะไร เรื่องนี้ไม่รู้ หนูบอกว่าพ่อแม่เสียตั้งแต่ปีที่แล้วงั้นเหรอ แล้วแบบนี้ในครอบครัว…”
“หนูมีพี่ชายอีกคนค่ะ แต่เขามีหน้าที่ดูแลกิจการต่อจากพ่อแม่ ส่วนหนูไม่ขอเกี่ยวข้องดีกว่า เลยเลือกมาเรียนต่อที่นี่ แล้วก็ทำงานไปด้วย ไม่อยากกลับไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่นั่นอีก”
“แล้วทุกวันนี้อยู่อย่างไง”
“หนูเช่าห้องพักอยู่ค่ะ สะดวกสบายดี”
“ไม่ได้ ๆ เธอรู้ไหมว่า คุณหนูผู้มีหน้าที่ถือคันฉ่องมีความสำคัญมากขนาดไหน ฉันมีบ้านว่างอยู่ เธอควรย้ายมาอยู่ที่นั่น ไม่ควรอยู่อาคารแบบนั้นร่วมกับคนอื่น ลองคิดเล่น ๆ ว่าเกิดวันดีคืนดี อยู่ ๆ ฟ้าผ่าลงมาแบบครั้งอดีต ตัวเธอคงไม่เป็นไร แต่คนที่อันตรายคงเป็นชาวบ้านที่อยู่ในอาคารนั้น ไม่ได้ ๆ เธอต้องย้ายออกมา”
ปู่เกาซูว่านมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างมาก แล้วเรียกพ่อบ้านเข้ามาพบ สั่งให้เอาคนในบ้านพากันไปเก็บกวาดบ้านหลังนั้น และอีกวันให้คนไปช่วยหญิงสาวย้ายของออก ไปอยู่บ้านของคุณปู่เกาซูว่านแทน พร้อมคนงานดูแลรับใช้อีก 2 คน
ดีที่ข้าวของมีไม่มาก ขนย้ายเลยไม่ยุ่งยาก บ้านหลังใหม่ที่คุณปู่จัดให้ คือบ้านหลังเล็กที่อยู่อีกด้านของศาลเจ้า มีชายหนุ่มรูปร่างท่าทางดี คอยควบคุมคนงานให้จัดข้าวของในบ้านใหม่ของเธอ
“สวัสดีผมชื่อ เกาจางจิ้ง น่าจะอายุมากกว่าน้อง เกาฟางเฟย”
“สวัสดีค่ะ คุณเป็นหลานชายคุณปู่เหรอคะ”
“ใช่แล้ว คุณปู่สั่งให้พี่มาคอยดูแลความเรียบร้อย และก็นี่”
ชายหนุ่มหน้าตาอ่อนโยนใจดี ผายมือไปที่คนงานชายหญิง 2 คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
“นี่ ตงเจ๋อ และ ซิน 2 คนนี้จะคอยดูแลน้องฟางเฟย มีอะไรต้องการเพิ่มเติมบอกเขาทั้งสองได้”
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่ต้องก็ได้ ปกติฉันก็ใช้ชีวิตคนเดียวอยู่แบบง่าย ๆ”
“ไม่ได้นี่เป็นคำสั่งคุณปู่ และพี่ก็เห็นด้วย แล้วต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกก็ให้ตงเจ๋อขับรถไปให้ อย่านั่งรถโดยสารไปไหนมาไหนเองแบบที่เคยทำอีก และต่อไปนี้อาทิตย์ละ 2 วันตอนเย็น ไปเจอพี่ที่ลานยุทธ คุณปู่ให้พี่สอนวิชาการต่อสู้ให้ เป็นคนตระกูลเกาต้องมีวิชาติดตัว”
“ต้องเรียนด้วยเหรอ ฉันถนัดแต่ร่ายรำ ไม่ถนัดใช้อาวุธค่ะ เรื่องแบบนี้พี่ชายฉันน่าจะเหมาะกว่า”
“ถ้าหมอนั่นอยู่ที่นี่ ก็ต้องเรียนทุกคน ดูเหมือนสายตระกูลฝั่งน้องฟางเฟยจะอ่อนด้อยเรื่องพวกนี้นะ”
“ใช่ค่ะ เราไม่ได้เรื่องรู้เรื่องแบบนี้เลย เรามุ่งแต่ทำมาหากิน อาจเพราะบรรพบุรุษที่ย้ายไปอยู่ไทย ต้องการก่อร่างสร้างตัว สร้างฐานะสร้างจุดยืนให้ลูกหลาน เลยไม่ได้ใฝ่ใจกับเรื่องนี้”
“ก็มีส่วน แผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินตัวเอง การสร้างจุดยืนที่มั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่ควรลืมหน้าที่ของตระกูล ดีที่น้องฟางเฟยมาอยู่ที่นี่ ต่อไปนี้พี่จะเป็นคนดูแลเธอเอง เธอต้องเป็นนายหญิงคนที่ 10 ที่สมบูรณ์ที่สุด”
หญิงสาวมองหน้าตาที่จริงจังของว่าที่พี่ชายคนใหม่ ช่างแตกต่างจากพี่ชายเธอที่เมืองไทยลิบลับ รายนั้นใจดีและเอาใจเธอทุกอย่าง แต่รายนี้ดูเหมือนจะใจดีแต่ก็มีความเข้มงวดซ่อนอยู่"
“ฉันไม่เคยรู้ ว่าการเป็นบุตรสาวคนแรกของรุ่น และมีหน้าที่ถือคันฉ่องทองแดง จะพ่วงมาด้วยภาระอย่างอื่นที่ไม่รู้อีก”
“ไม่เป็นไร ค่อย ๆ เรียนรู้ไป พี่ตอนรับหน้าที่ดูแลศาลเจ้าก็ไม่รู้อะไรมาก แต่ก็ดีที่โตมากับมันเลยไม่ยากที่จะเรียนรู้ มีอะไรอยากรู้ถามพี่หรือคุณปู่ได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่เรื่องเรียนยุทธคงต้องดูเวลาอีกที เพราะปกติฉันมีซ้อมรำ มีเรียนและตอนนี้ก็มีถ่ายภาพยนตร์ด้วย ช่วงนี้อาจหนักสักหน่อย”
“น่าสนใจ ถ้าพี่ว่างขอไปดูเธอซ้อม หรือถ่ายหนังด้วยก็แล้วกัน”
รถม้ามาหยุดลงหน้าโรงปั้นหลวง ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาด้านใน ซื่อเว่ยต้าตี้เปิดประตูมิติทะลุตัดกำลัง กับการที่จะต้องวิ่งตามรถม้ามาโผล่ตรงหน้าโจวซานป๋อได้อย่างทันเวลา เทพเจ้าโจวซานป๋อในห้วงเวลาครั้งเป็นเพียงมนุษย์ ชายหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ เกล้าผมปักปิ่นเงินมีดอกไม้เล็ก ๆ ประดับมวยผมดูแปลกตาจากบุรุษทั่วไปพึงกระทำ ใบหน้างดงามคิ้วคมเข้มจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป แต่งกายด้วยผ้าฝ้ายเนื้อหยาบแต่ตัดเย็บประณีตปักลายพิถีพิถัน ดูไปแล้วทุกคนที่เมืองนี้จะประหยัดมัธยัสถ์ คงด้วยเพราะภาวะสงครามทำให้ทุกคนต้องประหยัดอดออม“ท่านพี่ฉือ เรื่องที่ข้าฝากท่านไปจัดการให้เป็นเช่นไรบ้าง” โจวซานป๋อกล่าวทักชายผู้มีรูปร่างใหญ่โต ยังหนุ่มแน่นแต่กลับไว้หนวดเครา จนดูน่าเกรงขาม ที่มายืนรอเขาหน้าทางเข้าโรงปั้นหลวง“จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ ของที่คุณชายต้องการตอนนี้อยู่ข้างในแล้ว ข้าน้อยให้คนนำเข้ามาจากภูเขาทางเหนือ รักษาความชื้นอย่างดีมาตลอดเส้นทาง แม้แรมเดือนแต่เนื้อดินยังคงสภาพเหมือนขุดใหม่ ข้าน้อยไปคุ้มกันของมาด้วยตนเอง ทำตามขั้นตอนที่คุณชายสั่งไว้ทุกประการ ไม่มีผิดพลาดเลยขอรับ”“แค่ดินเหนียวต่ำต้อย ถึงขนาดต้องใช้นักดาบยอดฝีมือ
“พูดเป็นเล่น ซาลาเปาข้าแพงนะแม่นาง เจ้ามีเงินซื้อหรือไม่" เถ้าแก่มองดูหญิงสาวจากหัวรดเท้า "อืมแต่ดูจากการแต่งกาย ท่านก็คงมีจริง ๆ”ซื่อเว่ยต้าตี้โยนเงินก้อนใหญ่ให้เขา “เท่านี้พอหรือไม่ ไม่ต้องทอน เหลือเท่าไหร่เอาซาลาเปาออกมาให้ครบจำนวนที่ข้าจ่ายให้”เถ้าแก่ร้านซาลาเปารีบเก็บก้อนเงินด้วยท่าทางละโมบ พร้อมกับหันหลังไปสั่งเด็กในร้านให้เอาของออกมาเพิ่ม“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าจะแจกซาลาเปาแก่ชาวบ้านท่านช่วยข้าหน่อย”“เถ้าแก่ ซาลาเปาเหล่านี้ ข้าและภรรยาขอทำทานแก่ชาวบ้าน ท่านช่วยรบกวนเป็นธุระได้หรือไม่”“ได้ ๆ นายท่าน” เถ้าแก่ร้านหันไปสั่งเด็กในร้าน เด็กหนุ่มพยักหน้าหยิบถาดในร้านพร้อมไม้ฟืน ออกมาหน้าร้าน เขาเคาะถาดเหล็กเสียงดังพร้อมตะโกนบอกถึงวัตถุประสงค์ ไม่ทันขาดคำ ผู้คนต่างออกมารุมรับของแจก จากเถ้าแก่และเด็กในร้านด้วยความดีใจ เกาฟางเฟยพอเห็นยายแก่ขายผักมายืนรอรับซาลาเปา หญิงสาวหยิบซาลาเปา 2 ลูกยื่นให้นาง “ท่านยายท่านมีหลานเล็ก เอาไปสองลูกนะ เขาจะได้กินด้วย”“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ นายหญิงช่างจิตใจงดงามนัก ขอบคุณมาก”ฟางเฟยมองดูยายแก่ขายผักรีบวิ่งกลับไป นางเอาซาลาเปาอีกลูกเก็บใส่ตะกร้า อีกลูกแบ่ง
เกาฟางเฟยเดินเข้าไปยืนด้านหน้าทางขึ้นตำหนักหลัก มีเทพรับใช้ของตำหนักซื่อเว่ยออกมาต้อนรับ “นี่ท่านให้คนของตัวเองมาประจำที่นี่เหรอ”“ใช่ แต่ส่งมาไม่มากไม่อยากให้ใครรู้”“ที่นี่สวยงาม สะอาดสะอ้านปานนี้ ทั้งที่เจ้าตำหนักร่างดับสูญไปนานแล้ว เทพเซียนขี่เมฆผ่านไปมา คงดูออกหรอกว่าเทพรับใช้ของตำหนักใดกัน มาดูแลที่นี่จนงดงามได้ขนาดนี้”ซื่อเว่ยต้าตี้ได้แต่แอบยิ้ม กับคำเหย้าแหย่ของหญิงสาว ฟางเฟยเดินสำรวจข้าวของเครื่องใช้ แม้แต่ชุดและเครื่องประดับ ทุกสิ่งยังคงสภาพสมบูรณ์สวยงามเหมือนใหม่“ท่านอาจารย์ศิษย์ทำความเคารพขอรับ” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง “ตงฉาง ทำไมเป็นท่าน” ฟางเฟยเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นเทพเจ้าหนุ่มน้อยมาปรากฏตัวตรงหน้า“มิแปลกเลยท่านฟางเฟย ข้านอกจากดูแลงานในแดนดาราห้วงเวหา ก็มีที่นี่ที่ต้องดูแลด้วยเช่นกัน”ฟางเฟยกะพริบตาถี่ นึกย้อนความจำ ใช่ตั้งแต่มาที่นี่ทุกครั้งที่จะไปไหน เทพเจ้าดวงดาวมักจะเลี่ยงออกไปสั่งงานเทพตงฉางก่อนเสมอ เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง “อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเช่นนี้นี่เอง” หญิงสาวหันไปยิ้มให้ซื่อเว่ยต้าตี้ ผู้ชายคนนี้ช่างละเอียดอ่อนเหลือเกิน ใส่ใจทุกอย่างได้ขนาดนี้ ม
ฟางเฟยมองดวงตางดงามที่ส่งประกายดั่งดวงดาว “มู่หลินหนิงอันมิได้ไร้หัวใจ นางมีความรู้สึกชอบ รู้สึกโกรธและน้อยใจ และนางรักท่านซื่อเว่ยต้าตี้” ฟางเฟยโผเข้ากอดซื่อเว่ยต้าตี้ “ทำไมต้องทำขนาดนี้”“เพราะเจ้า มู่หลิน ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อเจ้าข้ารู้ว่าถ้าแดนปัญจธาตุกลับคืนมาไม่ได้ เจ้าจะไม่กลับมา มีทางนี้เท่านั้นที่ข้าจะช่วยเจ้าได้ ช่วยสามโลกคืนความสมดุล ข้าตั้งใจบอกเรื่องทั้งหมดนี้ เมื่อเราช่วยกันตามเทพเจ้าทั้งห้าคืนกลับมาได้ครบ แต่ดูเหมือนความทรงจำของเทพผู้พิทักษ์คงสร้างความระแวงให้เจ้าสินะ”“ใช่ พี่จางจิ้งเตือนข้าเรื่องท่าน ผสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้ข้าต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมด ทำไมไท่จื่อไฉ่เหลียงหวงต้องการฆ่าข้าและท่าน ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับแดนปัญจธาตุอย่างไร”“ไฉ่เหลียงหวงต้องการกำจัดข้าเรื่องนี้ไม่แปลก แต่กับเจ้าเรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำพิรุธน่าสงสัย ว่าแต่…เกาจางจิ้งให้เจ้าระวังข้า ข้ามีอันใดให้น่าระวังกัน”“ตอนท่านปะทะกับไท่จื่อ ทำไมท่านไม่สู้กับเขาให้เต็มรูปแบบ”“เต็มรูปแบบ” ซื่อเว่ยต้าตี้เอียงหน้ามองหญิงสาว คำพูดของนางฟังดูแปลก แต่เขาพอจะเข้าใจได้ จนหัวเราะออกมา “ถ้าศัตรูร
“ใช่ แล้วเป็นเช่นไรต่อ”“เราหาข้อสรุปไม่ได้ จนเผ่ามารและเผ่าปีศาจเริ่มก่อสงครามต่อกัน ทั้งที่สองดินแดนก็เข้ากันดีมาตลอด เผ่าเทพได้ส่งเทพสงครามไปดูแลดินแดนปัญจธาตุ ทำให้มู่หลินไม่พอใจด้วยคิดว่าเผ่าเทพฉวยโอกาส ส่งกองกำลังเข้าครอบครอง นางเลยส่งจางเหว่ยเสินจวินเทพผู้พิทักษ์ ไปขับไล่กองกำลังของเทพสงครามออกไป จนกลายเป็นสงครามระหว่างแดนสวรรค์และปัญจธาตุ”“จางเหว่ยเสินจวิน คือใคร ทำไมเขาทำหน้าที่เดียวกับพี่จางจิ้ง เดี๋ยวนะ ท่าน…อย่าบอกนะว่า จางเหว่ยเสินจวินกับพี่จางจิ้งคือคนเดียวกัน”ซื่อเว่ยต้าตี้พยักหน้าให้หญิงสาว ฟางเฟยกลืนน้ำลายลงคอ มองใบหน้างดงามของซื่อเว่ยต้าตี้ เรื่องราวเหล่านี้คือความบังเอิญหรือเพราะโชคชะตาเล่นตลก “แล้วเป็นเช่นไรต่อ ตอนนี้มู่หลินกับท่านละเป็นอย่างไร”“ข้าได้แต่เพียงแอบเฝ้ามองและชื่นชอบนาง ส่วนนางจะรู้หรือไม่ข้าไม่รู้ อันที่จริงข้าไม่ต้องการแสดงตัวมากกว่า ข้าไม่ต้องการทำให้นางมีปัญหาเพิ่มกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง”ฟางเฟยมองใบหน้าของเทพเจ้าหนุ่มที่มีแววตาเศร้าหมองลง หญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือของเขา “หากมู่หลินหนิงอันไม่ไร้หัวใจ ข้าเชื่อว่านางจะมีใจต่อท่าน แล้วอย่างไงต่อ”
“ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้ฟางเฟย” ซื่อเว่ยต้าตี้ตั้งข้อสงสัยขึ้นหญิงสาวหันมามองหน้าเทพเจ้าดวงดาว มองลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นี้ “ข้าไม่รู้ทำไมเกามู่หลินถึงตัดสินใจทิ้งหน้าที่ลงไปจุติยังแดนมนุษย์ที่ห่างไกลแดนสวรรค์ แดนปัญจธาตุในเวลานั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้น เหตุการณ์วันนี้ ดูเหมือนไท่จื่อไฉ่เหลียงหวง ตั้งใจทำร้ายข้ากับท่าน มีประโยชน์อะไรหากข้ากับท่านตายจากแดนสวรรค์ กับตัวท่านเขาอาจไม่ชอบหมางใจกันมาแต่วัยเยาว์แต่กับข้า เหตุผลใดกันถึงต้องทำร้ายข้าด้วย”“ไม่ซับซ้อนเลยท่านฟางเฟย" เฟิ่งหวางแทรกขึ้น “ท่านคือดวงใจของเทพเจ้าซื่อเว่ยต้าตี้ คือผู้ถือคันฉ่องแห่งปัญจธาตุ คือประมุขแดนปัญจธาตุที่ควบคุมพลังงานแห่งธาตุทั้งห้า เขาไม่ต้องการดินแดนนี้สิแปลก”“อะไรกัน เป็นถึงรัชทายาทสวรรค์บัลลังก์สวรรค์อยู่ตรงหน้า เหตุใดยังต้องการแค่ดินแดนเล็ก ๆ ในเศษเสี้ยวจักรวาลอีก”ซื่อเว่ยต้าตี้ลูบปอยผมของตนเองสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง “ดินแดนเศษเสี้ยวจักรวาล ที่มีเทพเจ้าทั้งห้าประจำธาตุสำคัญมีความพิเศษที่ต่างกัน มีเจ้ากับของวิเศษประจำดินแดนมีเทพผู้พิทักษ์ประจำตัว ทั้งหมดนี้คือความสมบูรณ์ที่สวรรค์ชั้นบรรพกาลสร้างทิ้งเอาไว้ เจ้า







