LOGINชายหนุ่มยิ้ม แล้วเดินจากไป โดยไม่รอฟังคำตอบว่าจะยอมให้ตามไปรึเปล่า ฟางเฟยได้แต่มองตามหลัง แล้วยืนดูคนงานช่วยกันจัดวางข้าวของ ที่คุณปู่จัดให้คนขนเข้ามา หนีความวุ่นวายจากครอบครัวเก่า มาเจอครอบครัวใหม่ ที่วุ่นวายกันไปคนล่ะแบบ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็ดูเป็นห่วงเธอมากกว่าที่เมืองไทย ที่คอยแต่อยากจะแอบฆ่ากันทิ้งมากกว่าโอบกอดกันด้วยความรัก
“คุณหนูคะ ฉันเอากระเป๋าไปจัดเก็บเลยนะคะ”
เสียงของ ซิน สาวใช้ที่พี่ชายสุดหล่อเลือกมาให้ พูดขึ้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวหันกลับมามองดูเธอ หญิงสาวน่าจะอายุสัก 20 ปี หน้าตาสดใส บุคลิกคล่องแคล่ว
“ค่ะ เอาไปเก็บด้วยกันนะ ซินนำทางไปเลยค่ะ เอ่อ ตงเจ๋อฝากดูความเรียบร้อยข้างนอกไปก่อนนะ”
หญิงสาวเดินตามซินที่มีคนงานผู้หญิงอีกคน ช่วยกันขนกระเป๋าของเธอไปที่ห้องนอน ฟางเฟยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย บรรดาสาวใช้ในตระกูลเกาจัดการให้ทั้งหมด เธอเลยกอดกล่องคันฉ่องติดตัวตลอดเวลา แล้วเดินไปที่ส่วนของศาลเจ้า เพื่อจะไปไหว้บอกกล่าวว่าเธอได้ย้ายมาอยู่ภายในศาลเจ้าแล้ว ขอให้ท่านช่วยปกปักคุมครอง ไม่ทันสังเกตว่าตลอดเวลาที่เดินออกจากบ้านมา ตงเจ๋อเดินตามมาตลอดทางจนถึงศาลเจ้าถึงเห็นเขา
“นายน้อยจางจิ้งให้ผมค่อยดูแลคุณหนูครับ”
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด รีบพูดอธิบายทันทีที่หญิงสาวหันไปมองเขา ฟางเฟยได้แต่พยักหน้าตอบรับ
“นายน้อยของตงเจ๋อนี่ท่าทางจะเก่งมากนะ”
“เก่งไหม คุณหนูต้องสังเกตเองครับ ผมรู้แค่ว่าตระกูลเกาเป็นตระกูลใหญ่ อำนาจบารมีรักษากันมารุ่นต่อรุ่น นายน้อยรับช่วงรุ่นล่าสุดจำเป็นต้องสร้างความเกรงขามให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งกับคนเก่าแก่ในตระกูลให้เป็นที่ยอมรับ และคนนอกที่จับตาดูตระกูลเราอยู่ ถ้านายน้อยไม่เข้มแข็ง แข็งแกร่งอาจถูกคนอื่นดูแคลนได้”
“คงเพราะฉันเป็นผู้หญิงเลยไม่รู้เรื่องแบบนี้เลย จริงอย่างพี่จางจิ้งพูด ฉันยังมีเวลาเรียนรู้”
ฟางเฟยหยิบเอาคันฉ่องโบราณขึ้นมาถือในมือ ยกขึ้นไหว้ศาลฮั่นยุหวี่ บอกกล่าวท่านตามที่ตั้งใจ
“เหมือนนายน้อยจะมีดาบโบราณ ที่ฝักดาบมีรายคล้าย ๆ กับด้านหลังคันฉ่องนี้ด้วยครับ”
ฟางเฟยพลิกด้านหลังคันฉ่อง ดูลวดลายที่ปรากฏ ทั้งหมดนี้คงเป็นลิขิตของตระกูลเกา
ห้องซ้อมภายในสตูดิโอ ที่รายล้อมไปด้วยกระจก สาว ๆ กำลังนัดคิว ลำดับจุดยืนของตัวเองในคิวการแสดง โดยมีครูฝึกคอยควบคุมการฝึกซ้อม ฟางเฟยและเพื่อนร่วมทีม วาดลีลาร่ายรำที่สวยงาม แต่ก็ยังเหมือนไม่ดีพอสำหรับครูฝึก จนพวกเธอต้องซ้อมกันซ้ำ ๆ ในจังหวะเดิม เพื่อให้ได้มุมที่สวยงามตรงตามความต้องการ
“อ้าวทำไมเป็นพี่จางจิ้ง ตงเจ๋อหายไปไหน” เกาจางจิ้งยืนกอดอก ส่งยิ้มมุมปากให้เธอ
ฟางเฟยทักขึ้น เมื่อเดินออกมาจากห้องแล้วพบว่า เป็นนายน้อยเกาที่ยืนรออยู่ แทนที่จะเป็นตงเจ๋อคนขับรถของเธอ เสียงซูมี่ยายปากร้ายดังตามหลังมาก่อนตัว
“สวัสดีค่ะนายน้อยเกา ได้ยินชื่อเสียงมานาน โชคดีจังเลยได้พบคุณที่นี่” ฟางเฟยมองบนกับเสียงทักทายของหล่อน
“พี่ให้ตงเจ๋อไปทำงานให้น่ะ เลยอยู่รอรับเธอแทน”
เกาจางจิ้งไม่ได้สนใจเสียงซูมี่ ที่พยายามแสดงความรู้จักต่อเขา และยังยืนรอพร้อมส่งยิ้มหวาน แต่กลับหันไปสนใจต่อคำถามของน้องสาวคนสวยแทน ผู้กำกับเจียอีเดินออกมาจากห้องประชุมพอดี เข้าตรงดิ่งเข้ามาหากลุ่มของฟางเฟยทันที
“น้องสาวคนนี้คงสำคัญกับนายมากสินะ นอกจากมีบอดี้การ์ดติดตามแล้ว ถึงขนาดนายน้อยเกาจางจิ้งต้องมารอรับด้วยตนเองแบบนี้อีก”
“อ้าวคิดว่าใคร นายเองเหรอเจียอี”
“นี่พี่กับผู้กำกับรู้จักกันเหรอคะ”
“เราเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกคุณ” ผู้กำกับเจียอีเดินเข้าไปกอดคอเพื่อนรัก
“ขอโทษนะคะนายน้อยเกา ฉันชื่อซูมี่ เป็นเพื่อนกับฟางเฟยยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ซูมี่ยังพยายามส่งเสียงทักทายแทรกขึ้นกลางคัน
“อ๋อ…ครับ สวัสดี ไม่เห็นฟางเฟยแนะนำผมเลยว่ามีเพื่อนชื่อ ซูมี่ ”
รถม้ามาหยุดลงหน้าโรงปั้นหลวง ซึ่งอยู่ลึกเข้ามาด้านใน ซื่อเว่ยต้าตี้เปิดประตูมิติทะลุตัดกำลัง กับการที่จะต้องวิ่งตามรถม้ามาโผล่ตรงหน้าโจวซานป๋อได้อย่างทันเวลา เทพเจ้าโจวซานป๋อในห้วงเวลาครั้งเป็นเพียงมนุษย์ ชายหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ เกล้าผมปักปิ่นเงินมีดอกไม้เล็ก ๆ ประดับมวยผมดูแปลกตาจากบุรุษทั่วไปพึงกระทำ ใบหน้างดงามคิ้วคมเข้มจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป แต่งกายด้วยผ้าฝ้ายเนื้อหยาบแต่ตัดเย็บประณีตปักลายพิถีพิถัน ดูไปแล้วทุกคนที่เมืองนี้จะประหยัดมัธยัสถ์ คงด้วยเพราะภาวะสงครามทำให้ทุกคนต้องประหยัดอดออม“ท่านพี่ฉือ เรื่องที่ข้าฝากท่านไปจัดการให้เป็นเช่นไรบ้าง” โจวซานป๋อกล่าวทักชายผู้มีรูปร่างใหญ่โต ยังหนุ่มแน่นแต่กลับไว้หนวดเครา จนดูน่าเกรงขาม ที่มายืนรอเขาหน้าทางเข้าโรงปั้นหลวง“จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ ของที่คุณชายต้องการตอนนี้อยู่ข้างในแล้ว ข้าน้อยให้คนนำเข้ามาจากภูเขาทางเหนือ รักษาความชื้นอย่างดีมาตลอดเส้นทาง แม้แรมเดือนแต่เนื้อดินยังคงสภาพเหมือนขุดใหม่ ข้าน้อยไปคุ้มกันของมาด้วยตนเอง ทำตามขั้นตอนที่คุณชายสั่งไว้ทุกประการ ไม่มีผิดพลาดเลยขอรับ”“แค่ดินเหนียวต่ำต้อย ถึงขนาดต้องใช้นักดาบยอดฝีมือ
“พูดเป็นเล่น ซาลาเปาข้าแพงนะแม่นาง เจ้ามีเงินซื้อหรือไม่" เถ้าแก่มองดูหญิงสาวจากหัวรดเท้า "อืมแต่ดูจากการแต่งกาย ท่านก็คงมีจริง ๆ”ซื่อเว่ยต้าตี้โยนเงินก้อนใหญ่ให้เขา “เท่านี้พอหรือไม่ ไม่ต้องทอน เหลือเท่าไหร่เอาซาลาเปาออกมาให้ครบจำนวนที่ข้าจ่ายให้”เถ้าแก่ร้านซาลาเปารีบเก็บก้อนเงินด้วยท่าทางละโมบ พร้อมกับหันหลังไปสั่งเด็กในร้านให้เอาของออกมาเพิ่ม“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าจะแจกซาลาเปาแก่ชาวบ้านท่านช่วยข้าหน่อย”“เถ้าแก่ ซาลาเปาเหล่านี้ ข้าและภรรยาขอทำทานแก่ชาวบ้าน ท่านช่วยรบกวนเป็นธุระได้หรือไม่”“ได้ ๆ นายท่าน” เถ้าแก่ร้านหันไปสั่งเด็กในร้าน เด็กหนุ่มพยักหน้าหยิบถาดในร้านพร้อมไม้ฟืน ออกมาหน้าร้าน เขาเคาะถาดเหล็กเสียงดังพร้อมตะโกนบอกถึงวัตถุประสงค์ ไม่ทันขาดคำ ผู้คนต่างออกมารุมรับของแจก จากเถ้าแก่และเด็กในร้านด้วยความดีใจ เกาฟางเฟยพอเห็นยายแก่ขายผักมายืนรอรับซาลาเปา หญิงสาวหยิบซาลาเปา 2 ลูกยื่นให้นาง “ท่านยายท่านมีหลานเล็ก เอาไปสองลูกนะ เขาจะได้กินด้วย”“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ นายหญิงช่างจิตใจงดงามนัก ขอบคุณมาก”ฟางเฟยมองดูยายแก่ขายผักรีบวิ่งกลับไป นางเอาซาลาเปาอีกลูกเก็บใส่ตะกร้า อีกลูกแบ่ง
เกาฟางเฟยเดินเข้าไปยืนด้านหน้าทางขึ้นตำหนักหลัก มีเทพรับใช้ของตำหนักซื่อเว่ยออกมาต้อนรับ “นี่ท่านให้คนของตัวเองมาประจำที่นี่เหรอ”“ใช่ แต่ส่งมาไม่มากไม่อยากให้ใครรู้”“ที่นี่สวยงาม สะอาดสะอ้านปานนี้ ทั้งที่เจ้าตำหนักร่างดับสูญไปนานแล้ว เทพเซียนขี่เมฆผ่านไปมา คงดูออกหรอกว่าเทพรับใช้ของตำหนักใดกัน มาดูแลที่นี่จนงดงามได้ขนาดนี้”ซื่อเว่ยต้าตี้ได้แต่แอบยิ้ม กับคำเหย้าแหย่ของหญิงสาว ฟางเฟยเดินสำรวจข้าวของเครื่องใช้ แม้แต่ชุดและเครื่องประดับ ทุกสิ่งยังคงสภาพสมบูรณ์สวยงามเหมือนใหม่“ท่านอาจารย์ศิษย์ทำความเคารพขอรับ” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง “ตงฉาง ทำไมเป็นท่าน” ฟางเฟยเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นเทพเจ้าหนุ่มน้อยมาปรากฏตัวตรงหน้า“มิแปลกเลยท่านฟางเฟย ข้านอกจากดูแลงานในแดนดาราห้วงเวหา ก็มีที่นี่ที่ต้องดูแลด้วยเช่นกัน”ฟางเฟยกะพริบตาถี่ นึกย้อนความจำ ใช่ตั้งแต่มาที่นี่ทุกครั้งที่จะไปไหน เทพเจ้าดวงดาวมักจะเลี่ยงออกไปสั่งงานเทพตงฉางก่อนเสมอ เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง “อ๋อ ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเช่นนี้นี่เอง” หญิงสาวหันไปยิ้มให้ซื่อเว่ยต้าตี้ ผู้ชายคนนี้ช่างละเอียดอ่อนเหลือเกิน ใส่ใจทุกอย่างได้ขนาดนี้ ม
ฟางเฟยมองดวงตางดงามที่ส่งประกายดั่งดวงดาว “มู่หลินหนิงอันมิได้ไร้หัวใจ นางมีความรู้สึกชอบ รู้สึกโกรธและน้อยใจ และนางรักท่านซื่อเว่ยต้าตี้” ฟางเฟยโผเข้ากอดซื่อเว่ยต้าตี้ “ทำไมต้องทำขนาดนี้”“เพราะเจ้า มู่หลิน ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อเจ้าข้ารู้ว่าถ้าแดนปัญจธาตุกลับคืนมาไม่ได้ เจ้าจะไม่กลับมา มีทางนี้เท่านั้นที่ข้าจะช่วยเจ้าได้ ช่วยสามโลกคืนความสมดุล ข้าตั้งใจบอกเรื่องทั้งหมดนี้ เมื่อเราช่วยกันตามเทพเจ้าทั้งห้าคืนกลับมาได้ครบ แต่ดูเหมือนความทรงจำของเทพผู้พิทักษ์คงสร้างความระแวงให้เจ้าสินะ”“ใช่ พี่จางจิ้งเตือนข้าเรื่องท่าน ผสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้ข้าต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมด ทำไมไท่จื่อไฉ่เหลียงหวงต้องการฆ่าข้าและท่าน ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับแดนปัญจธาตุอย่างไร”“ไฉ่เหลียงหวงต้องการกำจัดข้าเรื่องนี้ไม่แปลก แต่กับเจ้าเรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำพิรุธน่าสงสัย ว่าแต่…เกาจางจิ้งให้เจ้าระวังข้า ข้ามีอันใดให้น่าระวังกัน”“ตอนท่านปะทะกับไท่จื่อ ทำไมท่านไม่สู้กับเขาให้เต็มรูปแบบ”“เต็มรูปแบบ” ซื่อเว่ยต้าตี้เอียงหน้ามองหญิงสาว คำพูดของนางฟังดูแปลก แต่เขาพอจะเข้าใจได้ จนหัวเราะออกมา “ถ้าศัตรูร
“ใช่ แล้วเป็นเช่นไรต่อ”“เราหาข้อสรุปไม่ได้ จนเผ่ามารและเผ่าปีศาจเริ่มก่อสงครามต่อกัน ทั้งที่สองดินแดนก็เข้ากันดีมาตลอด เผ่าเทพได้ส่งเทพสงครามไปดูแลดินแดนปัญจธาตุ ทำให้มู่หลินไม่พอใจด้วยคิดว่าเผ่าเทพฉวยโอกาส ส่งกองกำลังเข้าครอบครอง นางเลยส่งจางเหว่ยเสินจวินเทพผู้พิทักษ์ ไปขับไล่กองกำลังของเทพสงครามออกไป จนกลายเป็นสงครามระหว่างแดนสวรรค์และปัญจธาตุ”“จางเหว่ยเสินจวิน คือใคร ทำไมเขาทำหน้าที่เดียวกับพี่จางจิ้ง เดี๋ยวนะ ท่าน…อย่าบอกนะว่า จางเหว่ยเสินจวินกับพี่จางจิ้งคือคนเดียวกัน”ซื่อเว่ยต้าตี้พยักหน้าให้หญิงสาว ฟางเฟยกลืนน้ำลายลงคอ มองใบหน้างดงามของซื่อเว่ยต้าตี้ เรื่องราวเหล่านี้คือความบังเอิญหรือเพราะโชคชะตาเล่นตลก “แล้วเป็นเช่นไรต่อ ตอนนี้มู่หลินกับท่านละเป็นอย่างไร”“ข้าได้แต่เพียงแอบเฝ้ามองและชื่นชอบนาง ส่วนนางจะรู้หรือไม่ข้าไม่รู้ อันที่จริงข้าไม่ต้องการแสดงตัวมากกว่า ข้าไม่ต้องการทำให้นางมีปัญหาเพิ่มกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง”ฟางเฟยมองใบหน้าของเทพเจ้าหนุ่มที่มีแววตาเศร้าหมองลง หญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือของเขา “หากมู่หลินหนิงอันไม่ไร้หัวใจ ข้าเชื่อว่านางจะมีใจต่อท่าน แล้วอย่างไงต่อ”
“ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้ฟางเฟย” ซื่อเว่ยต้าตี้ตั้งข้อสงสัยขึ้นหญิงสาวหันมามองหน้าเทพเจ้าดวงดาว มองลึกลงไปในดวงตางดงามคู่นี้ “ข้าไม่รู้ทำไมเกามู่หลินถึงตัดสินใจทิ้งหน้าที่ลงไปจุติยังแดนมนุษย์ที่ห่างไกลแดนสวรรค์ แดนปัญจธาตุในเวลานั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้น เหตุการณ์วันนี้ ดูเหมือนไท่จื่อไฉ่เหลียงหวง ตั้งใจทำร้ายข้ากับท่าน มีประโยชน์อะไรหากข้ากับท่านตายจากแดนสวรรค์ กับตัวท่านเขาอาจไม่ชอบหมางใจกันมาแต่วัยเยาว์แต่กับข้า เหตุผลใดกันถึงต้องทำร้ายข้าด้วย”“ไม่ซับซ้อนเลยท่านฟางเฟย" เฟิ่งหวางแทรกขึ้น “ท่านคือดวงใจของเทพเจ้าซื่อเว่ยต้าตี้ คือผู้ถือคันฉ่องแห่งปัญจธาตุ คือประมุขแดนปัญจธาตุที่ควบคุมพลังงานแห่งธาตุทั้งห้า เขาไม่ต้องการดินแดนนี้สิแปลก”“อะไรกัน เป็นถึงรัชทายาทสวรรค์บัลลังก์สวรรค์อยู่ตรงหน้า เหตุใดยังต้องการแค่ดินแดนเล็ก ๆ ในเศษเสี้ยวจักรวาลอีก”ซื่อเว่ยต้าตี้ลูบปอยผมของตนเองสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง “ดินแดนเศษเสี้ยวจักรวาล ที่มีเทพเจ้าทั้งห้าประจำธาตุสำคัญมีความพิเศษที่ต่างกัน มีเจ้ากับของวิเศษประจำดินแดนมีเทพผู้พิทักษ์ประจำตัว ทั้งหมดนี้คือความสมบูรณ์ที่สวรรค์ชั้นบรรพกาลสร้างทิ้งเอาไว้ เจ้า







