Masukห่าวหรานน้ำตาไหลออกมาด้วยความสิ้นหวัง นางคุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยวหั่วลี่หมิง เทพเจ้าหนุ่มควงทวนในมือจนโลหะสีแดงกลายเป็นประกายไฟยามต้องแรงลม ก่อนที่จะแทงเข้าหัวใจของจอมปีศาจห่าวหราน นางดวงตาเบิกโพรงไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง ไม่มีแม้แต่การปัดป้อง มีแต่เพียงแววตาตัดพ้อกับหยาดน้ำตา ที่จ้องมองไปยังเทพเจ้ารูปงาม “ตลอดเวลาเนิ่นนาน หัวใจของห่าวหรานมีเพียงท่าน และมันจะเป็นของท่านไปชั่วกาล เจียวหั่วลี่หมิง” ร่างจอมปีศาจกลายเป็นสะเก็ดเพลิงร่องลอยไปในอากาศ เจียวหั่วลี่หมิงใช้จังหวะในเสี่ยววินาทีเก็บเอาดวงจิตของห่าวหรานไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นเพียงกองขี้เถ้าตรงหน้าเทพเจ้าธาตุไฟแห่งปัญจธาตุ “ลาก่อน ปีศาจห่าวหราน”ในสายตาของฟางเฟยเทพเจ้าธาตุไฟแห่งปัญจธาตุ ช่างไม่มีหัวใจ หญิงสาวกอดแขนซื่อเว่ยต้าตี้เอาไว้ด้วยความรู้สึกหดหู่และสงสารห่าวหราน ซื่อเว่ยต้าตี้ได้แต่กุมมือที่เกาะแขนของเขาเอาไว้ มองดูร่างปีศาจที่เหลือเพียงเถ้าเกาจางจิ้งเดินเข้าไปจับแขนเทพเจ้าธาตุไฟ “นี่ท่าน ทำขนาดนี้ทำไม ท่านไม่สงสารนางบ้างเลยรึ”“สงสาร ข้าสงสารนางเป็นที่สุด ตั้งแต่พบกันครั้งแรก นางเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจของข้าเต้นแรง นางเป็น
หญิงสาวรู้ถึงความคิดของเทพเจ้าดวงดาวทันที “ข้าพร้อม ข้าจะไปในแก่นจิตของเจียวหัวลี่หมิง ท่านเปิดทางให้ข้าด้วย” เกาฟางเฟยลอยตัวขึ้นเหนือร่างนางปีศาจแมงมุมตรงตำแหน่งหัวของมันพอดี “ท่านจะทำอะไรซื่อเว่ยต้าตี้” เกาจางจิ้งถามขึ้นเมื่อเห็นฟางเฟยกำลังจะทำอะไรบางอย่าง“เราต้องส่งฟางเฟยเข้าไปในจิตของเจี่ยวหั่วลี่หมิง ที่ถูกนางปีศาจเกาะกุมเอาไว้ นี่จะเป็นทางเดียวเท่านั้น เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราถึงสังหารร่างปีศาจนี้ได้ด้วยดาบปัญจธาตุในมือเจ้า”ซื่อเว่ยต้าตี้พูดจบเขาก็รวบรวมพลังจากธาตุทั้งห้าในชั้นแดนสวรรค์ ส่งไปที่ร่างของเกาฟางเฟย แปลเปลี่ยนเป็นแสงสีฟ้าก่อนจะพุ่งลงไปกลางหัวของปีศาจแมงมุม จนมันส่งเสียงร้องเจ็บปวดเกาฟางเฟยลืมตาขึ้นพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางผนึกอัคคีผลาญมาร ร่างของเจียวหั่วลี่หมิงนั่งหลับตาสงบแน่นิ่ง ฟางเฟยเดินวนดูรอบ ๆ ร่างของเขา หญิงสาวตัดสินใจเรียกคันฉ่องทองแดงออกมา นั่งประชันหน้ากับเทพเจ้าหนุ่มผู้ประจำตำแหน่งธาตุไฟ “ข้าเกาฟางเฟยทายาทผู้ถือคันฉ่องทองแดงแห่งปัญจธาตุ ในเมื่อสวรรค์เลือกข้าให้ทำหน้าที่นี้ จงดลบันดาลให้เทพเจ้าของข้า กลับฟื้นมาทำหน้าที่แห่งตนบัดเดียวนี้”ฟางเฟยใช้พ
“ข้ายังไปไม่ได้เกาฟางเฟย มีเรื่องที่ข้ายังทำไม่จบ”ฟางเฟยหันกลับมามองดูเทพเจ้าธาตุไฟ “ถ้าท่านหมายถึงห่าวหราน ตอนนี้นางกำลังรอท่านอยู่ ไปกับข้าเถอะ”เกาฟางเฟยมองใบหน้างดงามของเขา ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เจียวหั่วลี่หมิงที่อยู่เบื้องหน้าเธอ ไม่พูดอะไร เขาค่อย ๆ เผยรอยยิ้มที่น่าหวาดกลัว พลันใบหน้าหล่อเหลาได้แปลเปลี่ยน กลายเป็นใบหน้างดงามของจอมปีศาจห่าวหราน แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแมงมุมที่มีขนาดใหญ่ บรรยากาศรอบตัว ที่ควรจะเป็นตำหนักอัคคีผลาญมาร กลับแปลเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างเปล่ามืดดำ ขณะนี้ฟางเฟยกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจแมงมุม ที่ไม่ได้อยู่ในร่างสตรีโฉมงาม แต่เป็นแมงมุมที่มีดวงตาสีแดงมีขายาวและขนที่น่ารังเกียจ หญิงสาวเก็บคันฉ่อง แล้วเปลี่ยนเป็นเรียกมีดสั้นคู่มาถือไว้ในมือแทน เตรียมพร้อมกับการต่อสู่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในตอนนี้นอกจากคู่ต่อสู้ที่มองเห็น รอบตัวเป็นเพียงความว่างเปล่าที่มืดดำ อยากจะคาดเดาได้ปีศาจแมงมุมเดินวนรอบ ๆ เหยื่อ ขาของมันขยับก้าวเดิน ดูน่ารังเกียจฟางเฟยมองดูขาที่เต็มไปด้วยขน และเสียงกรงเล็บที่เคาะลงบนพื้นจนรู้สึกขนลุก มันเริ่มปล่อยเส้นใยใส่หญิงสาว แต่ด้วยสติและสายตาที่ด
ซื่อเว่ยต้าตี้ที่เพิ่งนำร่างซือซงมานอนเคียงคู่กับจงหยวนเจี่ย ถึงกับหยุดชะงัก หันมาสบตากับหญิงสาว “ใช่ข้ารู้จักนาง ข้ายอมรับ แต่ทั้งหมดนี้ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทั้งหมด แต่ไม่ใช่เวลานี้” ซื่อเว่ยต้าตี้มองดูจางจิ้งและฟางเฟย “เราเหมือนขาดใครไป”เกาจางจิ้งถึงกับตาโต เมื่อคิดได้ว่าเขาลืมใครบางคนเอาไว้ “ข้าลืมเฟิ่งหว่าง ข้าจะกลับไปรับนาง”ซื่อเว่ยต้าตี้รีบห้ามเขาไว้ “มิต้อง เราไม่มีเวลาแล้ว ระหว่างนางกับเจี่ยวหัวลี่หมิง ข้าขอเลือกเทพเจ้าธาตุไฟ เฟิ่งหว่างอย่างมากนางก็ไปรอข้าที่เฉิงไห่ นางเอาตัวรอดได้ เจ้าต้องไปกับข้าและฟางเฟย เวลานี้ดวงจิตของเจี่ยวหัวลีี่หมิงกำลังมีปัญหา ถ้าเราไปช้าอาจส่งผลที่ไม่คาดคิดได้”“เช่นนั้นก็เอาตามที่ท่านซื่อเว่ยต้าตี้เห็นชอบ เชิญท่านผู้นำทาง” จางจิ้งดึงกระชับสายสะพายดาบปัญจธาตุ ที่สะพายอยู่บนหลัง ซื่อเว่ยต้าตี้พาทั้งสองมาที่ห้องนอนของเจี่ยวหัวลี่หมิง เทพเจ้าธาตุไฟในชุดสีดำปล่อยผมยาวสยาย ใบหน้างดงามคมสัน นั่งอยู่ในสมาธิอย่างเงียบสงบ อายมารที่ก่อนนี้ล่องลอยอยู่รอบตัวเขาได้หายไปหมดแล้ว ซื่อเว่ยต้าตี้นั่งลงตรงหน้าของเทพเจ้าธาตุไฟ ฟางเฟยและจางจิ้งก็นั่งลงตามเข้า“ฟางเฟยเ
“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านกับนางทำร้ายข้าก็เท่ากับเผ่าสวรรค์และเผ่ามารต้องหมางใจต่อกัน ข้าว่าท่านทั้งสองควรตริตรองให้มากกว่านี้”“เช่นนั้นรึ ข้าเป็นผู้ถือคันฉ่องทองแดงแห่งปัญจธาตุ ดินแดนที่ไม่ขึ้นตรงต่อแดนสวรรค์และแดนอื่นใด องค์หญิงแดนมารก่อกวนการทำงานของข้า หากข้าจัดการเจ้าผู้ก่อกวน คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างท่านรึไม่”“ก็เขาไง องค์ชายซื่อเว่ยต้าตี้เป็นเทพเจ้าแดนสวรรค์ เขาคือคนเผ่าสวรรค์”ซื่อเว่ยต้าตี้ยกมือขึ้นปิดตาตนเอง “แต่เผอิญข้าไม่เห็น”“ท่าน เสด็จพี่ซื่อเว่ยอย่างไรเราก็เป็นญาติกัน ท่านอย่าทำเช่นนี้นะ” องค์หญิงเหลี่ยงซูพูดเสียงสั่นเครืือด้วยความกลัวที่เริ่มก่อตัวภายในจิตใจ เกาฟางเฟยลดมีดสั้นที่จ่อคอนางลง แล้วผลักนางไปข้างหน้า “องค์หญิงเหลี่ยงซู ข้ามิรู้ว่าท่านมีเจตนาอะไรถึงต้องการท่านเจียวหั่วลี่หมิงนัก แต่จงรู้ไว้เถอะ ความรักต้องเกิดจากคนสองคนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน สิ่งที่ท่านทำอยู่นอกจากจะไม่มีวันได้รับความรักจากเขา ท่านยังเสียเกียรติของผู้หญิงคนหนึ่ง ในสายตาของผู้ชายที่ท่านหมายตามอบหัวใจให้อีกด้วย วันนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องท่านที่เห็นว่าเป็นญาติของผู้ชายที่ข้ารัก แต่ครั้งหน้าเจ้าจะไม่โชค
จางจิ้งมองดูความรักของเจียวหั่วลี่หมิง ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร อยากน้อยในห้วงฝันของเขา ยังมีโอกาสได้เป็นผู้ถูกรัก และเป็นผู้ได้รัก เทพเจ้าธาตุไฟโชคดีกว่าเขามาก เกาจางจิ้งเป็นได้เพียงผู้ได้รัก แต่ไม่ได้เป็นผู้ถูกรัก ตลอดเวลาการแสดงออกของฟายเฟยที่มีต่อเขา มันแค่ความอ่อนหวานของเด็กผู้หญิงที่มีต่อพี่ชายที่เธอสนิทใจด้วยเท่านั้น เขาต่างหากที่คิดไปเองจนหวั่นไหว รักเธอจนหมดหัวใจ เกาจางจิ้งหวนนึกถึงรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ใบหน้าที่สดใสช่างพูดช่างเจรจา ช่างเอาอกเอาใจคนในบ้าน ไม่ใช่แค่เขาที่รักเธอ คุณปู่ อาสี่หรือแม่แต่อาสะใภ้ที่เพิ่งเจอเธอ ทุกคนล้วนหลงรักเธอ ชายหนุ่มยิ้มคนเดียวเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ตนเฝ้ารัก ซือซงมองดูเกาจางจิ้งแล้วส่ายหน้า“มีแต่คนเพ้อเจ้อ ติดอยู่กับภาพฝันอันไม่มีวันเป็นจริง เป็นเช่นข้ามิดีกว่าหรือ อยู่อย่างไร้รักจะได้มิต้องทุกข์เช่นนี้” ซือซงนั่งเอาหลังพิงพนัง ทอดสายตาเหม่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ไกลออกไปในห้วงเวหาฟางเฟยเปิดประตูมิติออก หญิงสาวก้าวเท้าออกมาพร้อมมีดสั้นคู่กาย ใบหน้างดงามแต่แววตาแน่วแน่มุ่งมั่น สมุนเผ่ามารที่เห็นตอนแรกมีเพียงแค่ไม่กี่คน เวลานี้กลับมีมากมายด้วยการใช้วิ







