10นาทีผ่านไป
หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อย ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อชอปสีแดงเข้มกับกางเกงสแล็คสีดำก็ออกจากห้อง ลงบันได คว้าหมวกกันน็อกพร้อมกับกุญแจบิ๊กไบก์ที่วางอยู่ข้างกันบนชั้นวางรองเท้า
ทว่ายังไม่ทันจะได้ปิดล็อคประตูบ้านก็เหมือนจะฉุดคิดอะไรขึ้นมาได้ เท้าหนาจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังที่ห้อยกุญแจต่างๆตรงทางขึ้นบันได คว้าเอากุญแจรถยนต์ BMW พร้อมกับเก็บหมวกกันน็อกกลับเข้าที่เดิม
ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็สามารถพาตัวเองมาอยู่หน้าคณะเรียน ดวงตาเฉียบคมมองไปทั่วทั้งใต้ตึกและสนามหญ้า มองหาคนที่อยากเจอหน้ามากที่สุด จนกระทั่งเห็นว่าเธอนั่งก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือกับเพื่อนตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสนาม
“ไอ้คิณ มึงมาทันด้วยเหรอวะ?” อาเธอร์ที่พึ่งจะมาถึงเหมือนกันเอ่ยทัก เมื่อคืนกว่าพวกเขาจะออกจากร้านของเพทายได้ก็เกือบสว่าง ทว่าอคิณกลับเดินผ่านไหล่ไปราวกับมองไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ทำเอามาวินที่เดินมาข้างกันงุนงงไม่น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด สายตากลับมองเห็นบางอย่าง
“แล้วใครไปเขียนหน้ามันแบบนั้น?”
“กูว่าไม่ใช่เรื่องดีล่ะ” ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อเห็นคนที่ว่าเดินตรงไปหาเด็กสาวที่ชื่อเป็นของกิน เป็นเรื่องให้ทั้งคู่ต้องวิ่งตาม หวั่นใจว่าจะเกิดเรื่อง
“ไอ้คิณ เดี๋ยวไอ้คิณ”
“ใจเย็นนะไอ้เพื่อนเวร ไอ้คิณ!”
ชื่อและน้ำเสียงที่ฟังคุ้นหูทำให้ปลาทูช้อนใบหน้าขึ้นมอง ก่อนจะอุทานด้วยความตื่นกลัว “เวรล่ะ!”
“เป็นอะไรปลาทู?” คนไม่รู้เรื่องที่นั่งฝั่งตรงข้ามได้ยินเสียงอุทานก็สงสัย แต่ท่าทีถมึงทึงของร่างสูงโปร่งที่เดินตรงมา มันเต็มไปด้วยรังสีอันตรายทำให้ปลาทูไม่สามารถอยู่เฉย อธิบายอะไรได้ รีบเก็บข้าวของอย่างรนราน
“ฉันไปก่อนนะ”
ใครจะอยู่ก็อยู่ ปลาทูขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ยิ่งกลางหน้าผากคนน่ากลัวไม่ยอมลบคำนั้นออกยิ่งต้องอยู่ให้ไกล
หมับ!
วินาทีความเป็นความตายเท่ากัน ร่างเล็กกำลังหมุนตัวออกจากโต๊ะถูกฝ่ามือหนาจับเข้าที่ข้อมือ ทำเอาสะดุ้งราวกับโดนไฟช๊อต ไม่กล้าหันไปมอง ดวงใจตกลงตาตุ่ม ภาวนาเรียกร้องหาแต่พ่อแก้วแม่แก้ว
“ไอ้คิณมึงใจเย็นๆก่อนนะเพื่อน” มาวินเข้าช่วยพูด กลัวเหลือเกินว่ายัยตัวเล็กจะถึงฆาต ไม่ต่างจากประธานรุ่นที่ดวงใจดุ้มๆดอนๆ
“มะ มีอะไรค่อยๆคุยกันนะมึง แค่น้องเขียนหน้าผากนิดเดียว มึงไม่เอาถึงกับตายหรอกใช่ไหมวะเพื่อน” ทั้งประโยคและน้ำเสียงของสองหนุ่มหล่อที่ฟังดูน่ากลัว ทำผู้คนที่ต่างก็มองด้วยความสนใจ ขณะที่ปลาทูก็เริ่มวิตก เบะปากคล้ายจะร้องไห้ มือไม้สั่นระริก วันนี้เธอไม่รอดแน่แล้ว
ทว่า…
“ฉันขอโทษ” ทุกอย่างผิดคาดทำเอากรรมการอึ้ง ทุกคนอึ้ง รวมทั้งคนที่กำลังจะเบะร้อง
“มึงว่าอะไรนะ?” อาเธอร์แคะหูพร้อมเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง มาวินเองก็นิ่งค้างไปเลย ไม่รู้จะดีใจที่ไม่มีเรื่องอย่างที่คิดหรือคาใจกับคำพูดของเพื่อนดี
ร้อยวันพันปีไม่ว่าจะผิดหรือถูก อคิณไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากพูดคำว่าขอโทษออกมาสักครั้ง แบบนี้จะไม่ให้ทุกคนอึ้งได้ยังไง แม้แต่คนอื่นๆรอบข้างที่มองมายังแปลกใจ
ขณะที่เกิดความเงียบขึ้น อคิณถอดหายใจยาวเสียงดังพรืด ยอมพูดคำนั้นออกไปอีกครั้งพร้อมเขย่าข้อมือน้อยเบาๆ “ฉันขอโทษ”
เขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรมันก็ไม่สบายใจ ไม่อยากให้เธอโกรธหรืองอนแล้วไม่พูดไม่คุยกับเขาเหมือนทุกวัน
“ขอโทษ ได้ยินหรือเปล่า” พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังนิ่งงันมือหนาจึงเขย่าแรงๆอีกครั้ง สองเพื่อนรักที่เริ่มเห็นว่าตัวเองกำลังจะกลายวิญญาณไม่มีใครมองเห็นก็ปล่อยแขนอคิณแล้วก้าวถอยหลัง มองดูห่างๆอย่างห่วงๆ
“ได้ยิน” พอเห็นว่าทุกอย่างไม่ได้แย่อย่างที่คิดและคนน่ากลัวที่ว่าก็ยอมเป็นฝ่ายมาขอโทษ เด็กน้อยจึงยอมหันกลับไปเผชิญหน้า ถึงได้เห็นว่าใบหน้าถมึงทึงที่ว่านั้นไม่ใช่ แต่เป็นกังวนซะมากกว่า
นี่เขากำลังกลัวว่าเธอจะงอนจริงๆ เลยตามมาขอโทษเหรอ?
“เมื่อคืนฉันดื่มเยอะ กว่าจะกลับก็เช้า ถ้าไม่เชื่อเธอลองถามไอ้สองตัวนั้นดูก็ได้”
อยู่ๆก็โดนลากเข้ามาในบทสนทนา สองหนุ่มจึงก้าวขาเข้ามาแล้วพยักหน้าตอบรัวๆราวกับกำลังช่วยเพื่อนแก้ต่างกับเมียมัน “ใช่ๆ”
“แล้วทำไมไม่ส่งข้อความมาบอก ทีส่งข้อความมาขู่ยังทำได้”
“ก็ตอนนั้นมันเมาแล้ว แค่ขับรถกลับมาบ้านปลอดภัยก็ถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว”
“แต่คนรอมันรู้สึกแย่นะ” ปั้นหน้ารับบทเหงื่อ “พี่คิณส่งข้อความมาขู่จะให้ปลาทูวิ่งรอบตึก ปลาทูก็รีบแทบตายเพราะกลัวพี่คิณรอนาน แต่ที่ไหนได้พี่ยังไม่ตื่น แถมไปปลุกแล้วยังจะกรนใส่กันอีก”
“รู้ว่าผิด ถึงได้มาขอโทษนี้ไง” เรื่องนี้เขาผิดอย่างไม่มีข้อแก้ตัว พลันเลื่อนฝ่ามือลงมาจับที่มือน้อง แววตาเว้าวอน “หายงอนไหม?”
ถามแบบนี้ก็เข้าแผนน่ะสิ!
“รู้ไหมว่าพวกพ่อๆกับแม่ๆเป็นห่วงมากแค่ไหน?”“ทำไมไปไหนไม่บอกไม่กล่าว?”“โทรไปก็ไม่ติด แม่เป็นห่วงจนจะบ้าแล้วลูกเอ้ย”ทั้งอคิณและปลาทูต่างก็ก้มหน้ารับฟังคำด่า เหตุเพราะหายไปกันทั้งคืนแล้วไม่ติดต่อใคร เวลานี้เอกภพกับปราณีก็บินมาด้วย ทำให้ทั้งคู่โดนสองต่อ จนหูแทบชา และด้วยความที่เป็นเด็กขี้อ้อน ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของสามี กอดแม่ตัวเองไม่ได้เดี๋ยวโดนเพิ่มข้อหา“แม่ณีขา อย่าโกรธเลยนะคะ คือพี่คิณขาเขาแค่อยากชวนหนูไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเองค่ะ” ไหนๆก็ไหนๆ รู้วิธีเอาตัวรอดเป็นยอดดี โยนขี้ให้พี่แม่งเลย!“หึ?” ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วมองภรรยาตัวน้อยด้วยความกล้ำกลืน แล้วใครมันบอกว่ามีอารมณ์วะ แม่ง!“ตาคิณ นี่แกพาน้องไปเกเรมาเหรอ?” เอกภพหันไปเท้าสะเอวใส่ลูกชาย โมโหจริงๆ เขากับภรรยาบินมาถึงตั้งแต่เช้ามืด ไม่ได้พงไม่ได้พักอะไรเลย ก็ต้องมากังวนใจเพราะไอ้ลูกตัวดี“แต่จริงๆ อคิณตามใจยัยตัวแสบตลอดนะ ไม่มีทางที่อคิณจะพาน้องไปเอง” ดารีรู้จักลูกสาวดีจึงค้าน “ดาว่ามันต้องมีอะ...”“มันจะมีอะไรล่ะน้องดา เจ้าคิณน่ะฟังใครที่ไหน” ปราณีขัดจังหวะ พลางลูบหัวลูกสะใภ้อย่างรักใคร่ ประหนึ่งว่าเด็กน้อยไม่ผิด “นี่ก็คง
อึก!อคิณถึงกับลอบกลืนน้ำลาย คำพูดคำจาของเด็กน้อยมันชวนให้หัวใจซาบซ่านเหลือเกิน“สนองมันหน่อยสิครับคนดี ซี๊ด” เป็นต้องซูดปากแรงๆ กำเบาะแน่นระบายความเสียดเสียว เด็กน้อยอ้าปากครอบเข้าไปเกือบครึ่งลำ ไม่รีรอใดๆผงกหัวขึ้นลง แรกๆก็เนิบนาบแต่สักพักก็เร่งจังหวะ โดยใช้มือสาวตรงโคนไปด้วยจ๊วบ!ปากเล็กดูดดุนจนแก้มตอบ ราวกับแท่งเอ็นร้อนคือไอศกรีมรสช็อคโกแลตชิปกับชาเขียว ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อไม่อิ่ม รัญจวนหัวใจดวงโตจนต้องขบกรามแน่น ครางเสียงเร้าร้อนดังระงมทั้งคันรถใบหน้าหวานก็ช้อนขึ้นมามองสบตาคม มันยิ่งเป็นเชื้อเพลิงปลุกกำหนัดให้เตลิด เผลอกลั้นหายใจตอนที่น้องดูดหัวเห็ดแล้วส่งยิ้มให้กันทางสายตา เล่นเอาเกร็งหน้าขาจนปวด“อ่า อย่าดูดหัว พี่เสียวค่ะ”“แล้วไม่ชอบเหรอคะ?”โห เสียงหวานขนาดนี้ กะจะไม่ยอมให้ได้เกิดกันเลยดิ“ชะ ชอบครับ อ่า” คนเสียวจัดแทบทนไม่ไหว รู้สึกทรมานเหมือนคนใจจะขาด รวบผมสลวยเอาไว้ในมือแล้วกำแน่น ขณะเดียวกันก็จ้องมองแก่นกายที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดผลุบเข้าออกไวๆคับปากอุ่นชื้น น้ำลายไหลเลอะไปทั้งท่อนเอ็น กระสันจนต้องร้องขอชีวิต “เธอครับ เบาๆ เดี๋ยวพี่แตก อือ ปลาทู หนู ที่รักพี่จะตายค่
หน้าร้านยุ่งวุ่นวายเมื่อลูกค้ามาราวกับงานลดแลกแจกแถม ปลาทูเห็นว่าพี่ๆคนอื่นรับออเดอร์ไม่ทัน จากที่กำลังช่วยเช็ดแก้ว มือเล็กจึงหยิบเอาไอแพดที่ว่างอยู่ไปรับลูกค้าแทนหลังจากรับออร์เดอร์เรียบร้อยแล้วก็วิ่งไปดูที่หลังร้าน ถึงจะเคยทำมาก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะจำได้หมดทุกอย่าง ที่เข้ามาก็เพื่อจะอธิบายกับพ่ออีกทีว่าลูกค้าไม่เอาอันนั้น ไม่เอาอันนี้ ก่อนจะถืออาหารลูกค้าออกไปด้วย ทว่ายังไม่ทันจะผ่านพ้นประตู“ที่รักครับ” เสียงอ้อนแบบนี้รู้เลย คนรู้งานเดินกลับไปหาสามีหนุ่มแล้วยื่นแก้มให้ ขณะที่เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มเธอโดยไม่นึกจะสนใจสายตาของคนอื่นๆ ขอให้ได้ชื่นใจ ไม่กี่วินาทีก็เอา จนถูกพ่อแซว“วิทย์ ผัดไทยไม่ต้องเติมน้ำตาลนะ” ทั้งสองต่างหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนจะแยกกันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน เวลาผ่านไปจนถึงสามทุ่มกว่า ใบสั่งอาหารก็เริ่มน้อยลง อคิณจึงออกมาดูหน้าร้าน ดันตาไฟเห็นเมียเด็กกำลังถูกลูกค้าชายส่งสายตาลวนลาม ไม่พอยังยื่นโทรศัพท์มาให้เธออีก จึงก้าวขายาวๆเดินผ่านโต๊ะที่พ่อตาแม่ยายนั่งอยู่ใกล้ๆหมับ!ฝ่ามือหนารวบเอวบางเข้ามาประชิดตัว ประคองดวงหน้าหวานละมุนแล้วก้มลงทาบริมฝีปากกับเรียวปากอมชมพู
วันต่อมาหลังจากที่กึ่งหลับกึ่งตื่นมาค่อนคืน เพราะร่างกายยังปรับเวลาไม่ทัน ทำให้ช่วงเช้าปลาทูเกิดอาการสะลึมสะลือ เผลอนอนลากยาว ตื่นอีกทีก็บ่าย ไม่ทันได้เจอพ่อกับแม่ที่ออกไปทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้า“ตื่นแล้วเหรอคะ?” เห็นร่างบางเดินออกจากห้องนอนมา อคิณจึงละจากงานขึ้นมองน้อง สีหน้าอ่อนล้า มันช่างต่างกับเมื่อวานลิบลับ “นอนต่อไหม หน้าเมียพี่ดูง่วงจัด”“ง่วงค่ะ” ว่าแล้วก็เดินมาหา คนเป็นพี่จึงวางโน๊ตไว้บนโต๊ะแล้วตบหน้าขา คนตัวเล็กเข้าใจก็ขึ้นไปนั่งบนตักแล้วยกมือขึ้นโอบรอบลำคอหนา “หิวหรือเปล่า อยากกินไรไหม?” ก้มลงจุมพิตขมับน้อย ซึ่งน้องก็พยักหน้า “งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ ไปหาพ่อทินกับแม่ดากัน”“ค่ะ” น้ำเสียงงัวเงีย เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอก่อนจะสอดแขนเข้าใต้ข้อพับแล้วอุ้มคนตัวเล็กไปส่งที่ห้องน้ำ จัดเตรียมข้าวของเสื้อผ้าให้เสร็จก็ออกมาทำงานต่อรอไม่นานน้องก็ออกมาด้วยชุดเดรสกระโปร่งแขนตุ๊กตาน่ารัก ข้างนอกอากาศเย็นจึงมีเสื้อแขนยาวใส่ทับไปอีกตัว ในขณะที่เขาแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงสแล็กและตามด้วยเสื้อโค๊ทอีกที“รถสวยจังค่ะ” ปลาทูตาโตกับรถยนต์คันใหม่ของพี่ที่ผู้เป็นพ่อซื้อให้ ใบหน้าหล่อเหลาฉีก
ความเย็นสบาย ทำให้ดูการ์ตูนยังไม่ทันจะถึงครึ่งเรื่อง คนตัวเล็กก็นอนหลับซบอยู่กับอกแกร่ง ตื่นมาก็ตอนที่ใกล้จบเรื่องแล้ว ดวงตาคู่น้อยเปิดสนิท ท้องไส้ทำงานเมื่อเห็นอาหารและของหวานมารอพร้อม“พี่คิณขากลับที่ได้แล้วค่ะ” “ตื่นมาก็ไล่ผัวนี่คือไร?” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เห็นพี่ชักสีหน้าใส่ก็รีบอธิบาย “หนูหิว พื้นที่วางมันนิดเดียวเอง แค่ส่วนของหนูก็เต็มโต๊ะแล้วค่ะ”“ออ...นี่เห็นแก่กินจนไม่สนใจผัวคนนี้แล้ว?” กอดอกสะบัดหน้าหนีอย่างแง่งอน “ไม่ใช่นะคะ หนูแค่กลัวว่าพี่คิณจะนั่งกินไม่สะดวก ที่มันแคบเนี่ยเห็นหรือเปล่า?” มีการทำไม้ทำมือวัดพื้นที่ให้พี่ดู แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เพราะเขาอยากนั่งอยู่ตรงนี้ อยากนั่งกับเธอ อยากนั่งติดกับเธอ สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอม “โอเคค่ะ ถ้าพี่คิณขาไม่ลำบาก เรานั่งด้วยกันก็ได้ค่ะ”คนพึงใจผุดรอยยิ้มหวาน สอดมือเข้าใต้รักแร้ของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงระหว่างขา ยกขึ้นให้มานั่งกับขาข้างหนึ่งของตัวเอง ให้ใบหน้าเราเสมอกัน แล้วนั่งทานข้าวด้วยกันทั้งแบบนั้นมีบ้างที่คนตัวเล็กเขินอายกับสายตาของผู้โดยสารบางท่านที่เดินไปเดินมากับพนักงานของสายการบิน แต่หัวใจก็เต็มเป
1เดือนต่อมาบนเครื่องบินชั้น First Class เครื่องขึ้นได้ไม่นาน อคิณก็ปลดเข็มนิรภัยแล้วเดินไปยังที่นั่งของภรรยาตัวน้อยข้างๆ เธอกำลังตาตื่นกับการหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปท้องฟ้าและตึกอาคารข้างล่างพื้นดินไม่ว่าจะขึ้นเครื่องมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ยังคงเป็นเด็กน้อยเหมือนเช่นวันวานเด็กน้อยปลาทูของพี่อคิณ มันอดไม่ได้ที่จะไม่ล้วงเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง พลางเรียกเสียงหวาน “ที่รักครับ” “คะ?” ดวงหน้าละมุนหันมา ปลายนิ้วโป้งก็กดถ่ายทันที ความน่ารักของน้องมันเย้ายวนจนไม่อาจยั้งมือถ่ายแค่หนึ่งรูป ก่อนจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆแล้วถ่ายรูปร่วมกัน ก่อเกิดความสุขเล็กๆน้อยๆให้หัวใจได้ชุ่มช่ำ ก่อนจะถูกขัดจังหวะแอร์โฮสเตสสาวสวยมาเสริฟ Welcome Drink “ของผมเอามาไว้ตรงนั้น” ใช้สายตาชี้ไปตรงแท่นวางของ “ที่เดียวกับเมียผมเลยนะครับ” หญิงสาวเหวอไปเล็กน้อย แต่เพียงอึดใจก็ระบายยิ้มบางๆแล้ววางแก้วในส่วนของชายหนุ่มไว้คู่กันกับของเด็กสาวที่เน้นย้ำเพราะเขาเห็นนานแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นแอบหันมาส่งสายให้บ่อยๆ ถึงเขาจะไม่เล่นด้วยแต่อย่างน้อยก็ควรออกตัว ไม่อยากให้เรื่องราวมันซ้ำรอยเดิม ก่อนจะขอให้เธอปรั