ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อน กับมวยผมทรงสวยงามก็เดินนวยนาดออกมา นางคือซ่างกวานเยียนและเหลียงหยวนที่หยุดนางเอาไว้เมื่อครู่ ก็ยืนอยู่ในจวนและจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา มือของเขาจับอยู่ที่ด้ามดาบ ราวกับว่าพร้อมจะชักดาบออกมาทันทีหากนางมีการเคลื่อนไหวที่เกินเลยฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคงต้องออกแรงกันหน่อยเสียแล้วเมื่อซ่างกวานเยียนเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของสี่พี่น้องตระกูลอวี่ที่อยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางพูดขึ้นช้า ๆ "ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา น้องคิดว่าพี่หญิงไม่ต้องการองค์ชายแล้วเสียอีก”“เจ้าอ้างตำแหน่งสนมควบคุมกองกำลังทั้งหมดในจวนของท่านอ๋องหลี แถมยังขวางข้าผู้ซึ่งเป็นพระชายาเอกที่หน้าประตู สนมอย่างเจ้าควบคุมทหารในจวนของท่านอ๋อง คิดจะกระทำอันใดกันแน่?”ซ่างกวานเยียนหรี่ตาที่สวยงามลงแล้วพูดว่า "พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยนะเพคะ"“ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า” ฉู่เนี่ยนจัดผมที่ยุ่งเหยิงจาการเดินเร็วของตนเองเมื่อครู่นี้เล็กน้อย และท่าทางของนางก็ค่อนข้า
เย่เฟยหลีจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาต้องการจับผิดอะไรบางอย่างจากนาง แต่ก็ล้มเหลว“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?”“ข้าจะช่วยท่านกำจัดพิษให้หมด ส่วนท่านต้องยินยอมมอบหนังสือหย่าให้กับข้า ตกลงไหม?”เย่เฟยหลีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว "เจ้าคิดจะเล่นกลอะไรอีก?"เสียงการต่อสู้และการปะทะกันของดาบด้านนอกยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งสองกลับไม่สนใจจู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกขำเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางที่ดูกลัวเกินกว่าเหตุของเขานางปิดมุมปากของตัวเองเบา ๆ และเบ้ปากเล็กน้อย “ท่านคิดว่าข้าดูไม่จริงจังพอหรือ? ถึงได้คิดว่าข้ากำลังเล่นกลอยู่?”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเย่เฟยหลีก็มืดมนลง และดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นก็มองไปยังนาง ราวกับว่าเขาต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งแต่เขามองนางเป็นเวลานาน ก็ได้เห็นว่าแม้นางจะยิ้มอยู่ แต่ดวงตากลับมีความจริงจังมาก นั่นทำให้เขาค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับนางอยู่ครู่หนึ่งแต่ความคิดที่หยั่งรากลึกเกี่ยวกับนางยังคงทำให้เขารู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขา"กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอกนะ"ฉู่
สัมผัสเยือกเย็นจากปลายนิ้วของนางสัมผัสเข้าที่ปลายคางของเขา ความรู้สึกร้อนรุ่มทุกครั้งที่นางสัมผัสเย่เฟยหลีกำลังแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายกลิ่นสมุนไพรจากกายของฉู่เนี่ยนซีชัดเจนมากขึ้น แล้วลมหายใจอุ่น ๆ ของนางก็กำลังรดอยู่บนใบหน้าของเขาพร้อมกลิ่นหอมออกมาอ่อน ๆชายหนุ่มพยายามระงับความรู้สึกภายใน แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปในดวงตาอีกฝ่ายทันทีทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาสามเดือน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้จ้องมองนางตรง ๆ แบบนี้ที่ใบหน้าสวยยังคงมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ แต่กระนั้นประกายในแววตาของนางกลับไม่ถูกบดบังลงเลยประกายในดวงตากลมนั้นสว่างไสวราวกับมีเวทย์มนต์ คล้ายกับว่าจะสามารถถูกดูดกลืนเข้าไปได้หากจ้องมองมันนาน ๆเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ เย่เฟยหลีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดใจ และไอออกมาเบา ๆ “ทำไมข้าต้องเชื่อด้วยว่าเจ้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้”“เมื่อเช้านี้มีผู้อาวุโสจากสำนักหมอหลวงมาที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ท่านฟื้นจากอาการป่วยได้เลย” ฉู่เนี่ยนซีผละมือออกแล้วยืดตัวขึ้นอย่างสงบเสงี่ยม “หากท่านอนุญาตให้ข้าฝังเข็มสักสองสามที ท่านก
“กัวเซียว เจ้าไปสืบมาว่าระหว่างที่ฉู่เนี่ยนซีพักอยู่ที่จวนมหาเสนาบดี ช่วงนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”กัวเซียวสะดุ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ก็รับคำสั่งแล้วถอยกลับออกมาเงียบ ๆนับตั้งแต่แต่งงาน การเปลี่ยนแปลงของฉู่เนี่ยนซีก็ปรารกฏชัดต่อหน้าทุกคน ตอนนี้นางมีทักษะทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมถึงนิสัยและอารมณ์ก็แตกต่างไปอย่างมาก หรือว่า...นี่คือสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีเป็นอยู่แล้วแต่ไหนแต่ไร?ซ่างกวานเยียนหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาหักด้วยมือของนาง อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างฉายชัดอยู่หลังแววตาราวกับเปลวเพลิงที่พร้อมโหมกระหน่ำ อยากจะแผดเผาสนามหญ้าที่อยู่ติดกันของฉู่เนี่ยนซีให้มอดไหม้ในอีกด้านหนึ่งในลานบ้านข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ให้อวี่ซีคอยจับตาดู ก่อนจะเรียกให้เหลียงหยวนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ แล้วให้เสี่ยวเถายกชามาให้หญิงสาวนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลักด้วยท่าทีที่มีเลศนัยเหลียงหยวนตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยืนขึ้นอย่างเย็นชา “พระชายา แบบนี้คงไม่สุภาพ ให้กระหม่อมยืนขึ้นจักดีกว่าพะย่ะค่ะ”ฉู่เนี่ยนซีหยิบชามาจากเสี่ยวเถาเบา ๆ แล้วให้อีกฝ่ายวางชาไว้บนโต๊ะข้าง ๆ “พระชายา อย่าทรงปิดบังอยู่อีกเลย” หลังจากที่เสี่ยวเถาเด
ฉู่เนี่ยนซีตัวแข็งทื่อ เย่เฟยหลีเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ข้าคงคิดมากไปเองสินะ”“ก็ยังคงเป็นคนเดิม แต่มีฝีมือขึ้นกว่าเดิมหน่อย ถึงอย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำให้ข้าตกหลุมรักได้”ได้ยินอย่างนั้นฉู่เนี่ยนซีก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ นี่เขาจงใจใช้เสน่ห์ของตัวเองในการทดสอบนางอย่างนั้นหรือ?ถ้าตอนนี้นางไม่จมอยู่ในภวังค์หรือต่อยเขาออกไป ตอนนี้นางอาจจะต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า นางคือใคร' อยู่ก็ได้เขาถูกวางยาพิษจนทำลายสมองไปแล้วหรือเปล่า หรือมักจะประเมินรูปร่างหน้าตาของตัวเองต่ำแบบนี้ตลอด?ด้วยรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็อาจจะต้องตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เขาคิดว่ามีเพียงฉู่เนี่ยนซีเท่านั้นหรือที่ต้องตกตะลึงกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา?ฉู่เนี่ยนซีแอบกัดฟันกรอด แทนที่เขาจะสนใจตามหาคนที่ลอบสังหาร แต่กลับใช้เวลาในการสังเกตและทดสอบตัวเธอนางจึงขี้เกียจต่อกรกับเขา พยายามจะดึงข้อมือกลับมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ทว่าก็ล้มเหลวจึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย“ท่านจะยอมหยุดหรือไม่? ข้าเองก็เคยเห็นคนหลงตัวเองมาก่อน แต่ไม่มีใครหลงตัวเองเท่าท่าน
ซ่างกวานเยียนเห็นอีกฝ่ายตกตะลึงจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่หญิง? หรือว่าข้า...”ก่อนที่จะพูดจบ เย่เฟยหลีที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหลังก็ไอจนมีเลือดพุ่งออกมาทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจเป็นอย่างมากซ่างกวานเยียนรีบหันกลับมาแล้วเรียกหมอหลวงทันทีฉู่เนี่ยนซีก้าวเข้าไปตรวจชีพจรของเย่เฟยหลี ก็รู้สึกว่ามันอ่อนแรงลง“เป็นอะไรไปเพคะ ท่านอ๋อง?” ซ่างกวานเยียนเริ่มร้องไห้และมีน้ำเสียงสั่นเทานางดูเจ็บปวดมาก แต่ลึก ๆ ภายในดวงตากลับมีนัยของแผนการแห่งชัยชนะคิ้วของเหลียงหยวนขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะหันไปหาฉู่เนี่ยนซี เมื่อเห็นว่านางยังคงสงบนิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา “พระชายา เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เนี่ยนซีตอบ “ชีพจรของเขา...”ก่อนที่จะได้พูดอะไร หมอหลวงก็เข้ามา แต่หลังจากตรวจร่างกายของเย่เฟยหลีก็ต้องขมวดคิ้ว “ชีพจรของฝ่าบาทอ่อนแอมาก การอาเจียนเป็นเลือดแบบนี้ก็มาจากการที่ชีพจรเต้นไม่คงที่เช่นกัน”ซ่างกวานเยียนจับมือเย่เฟยหลีแน่น และกำลังจะร้องไห้ “อันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หมออาวุโสคนหนึ่งลูบเคราของเขาช้า ๆ ไม่ได้ตอบโดยตรง แต่หันมาหาฉู่เนี่ยนซีแทน “ช่วงนี้พระชายาทำการฝังเ
“ข้ารับรองว่าฝ่าบาทจะไม่เป็นอันตรายจริง ๆ”หลังจากที่ได้ยินคำยืนยัน ซ่างกวานเยียนก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ “เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว”หมอของราชสำนักโค้งคำนับและคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าซ่างกวานเยียนไม่คิดที่จะเรียกคืนกล่องทองคำที่นางมอบให้เขาก่อนหน้านี้ เขาก็รีบจากไปอย่างสุขุม โดยได้รับความช่วยเหลือจากกัวเซียวซ่างกวานเยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หมอจากราชสำนักมอบธูปให้กับนาง กลิ่นนี้อาจจะไปทำปฏิกิริยากับยาพิษในตัวของเย่เฟยหลี ทำให้เกิดความผิดปกติของชีพจรนางใช้ความพยายามอย่างมากในการสวมใส่เสื้อผ้าด้วยกลิ่นหอมนี้ โดยเป้าหมายมุ่งไปยังฉู่เนี่ยนซี และไม่ทำร้ายเย่เฟยหลี แต่ไม่คิดว่าฉู่เนี่ยนซีจะน่ากลัวขนาดนี้!ภายในห้องฉู่เนี่ยนซียังคงนิ่งเงียบจนกระทั่งทุกคนถอยออกไป ก่อนจะหยิบเข็มเงินขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมท่านถึงเชื่อใจข้า?”เย่เฟยหลีมองไปทางอื่นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “เพราะถ้าข้าตาย หนังสือหย่าร้างจะทำให้เจ้าต้องกลายเป็นคนทรยศและนอกใจไปตลอดชีวิต มหาเสนาบดีฉู่เองก็คงไม่สามารถทนต่อคำพูดเช่นนี้ได้เช่นกัน”อารมณ์ที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของฉู่เนี่ยนซีหายไปทันทีนางคิดจริง ๆ เย่เฟยหลีเริ่ม
ฉู่เนี่ยนซีเหลือบไปมองเขาวูบหนึ่ง “มิใช่ว่าข้าหวาดระแวงสงสัย เพียงแต่ที่นี่ต่างที่แลดูน่าสงสัย”เย่เฟยหลีตะลึงไปเล็กน้อยจากที่ผ่านมา เขาก็ไม่ได้พบฉู่เนี่ยนซีอีกนางกำลังนำกิ่งไม้ที่หักมาก้านนั้นออกไปจากเรือนของตน ทั้งยังเรียกให้เหลียงหยวนคอยเฝ้าที่นี่ให้ดี ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปได้และจนเมื่อกระทั่งตะวันคล้อยลับฟ้าทางทิศตะวันตก ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่ได้กลับมาอีก เพียงแต่ส่งคนมารายงานให้ทราบเท่านั้น ทั้งยังบอกว่าเขานั้นมีไข้เล็กน้อย วันนี้จึงไม่เหมาะที่จะฝังเข็มเย่เฟยหลีมองหญ้าบนริมหน้าต่างด้วยอาการขบคิดไม่เข้าใจ แล้วมองไปทางเหลียงหยวน “นางไปทำอะไรแล้ว?”เหลียงหยวนนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงค่อยได้สติถึงสิ่งที่ท่านอ๋องบ่งชี้สมควรเป็นฉู่เนี่ยนซี“เรียนนายท่าน พระชายาเก็บตัวอยู่ในเรือนของตนมาหนึ่งวัน โดยไม่พบกับผู้ใด”ความจริงแล้วเหลียงหยวนก็รู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เมื่อสามวันก่อนพระชายายังสาบานว่าจะเชื่อมั่นต่อเขา และจะรักษาท่านอ๋องให้หายดี เหตุใดวันนี้ถึงได้...ทิ้งสิ่งที่จะทำไปเสียแล้ว?เย่เฟยหลียิ้มจาง ๆ จนเหมือนกับอ่านความคิดอ่านของเขาได้ “เจ้ามิต้องกังวลไป คาดว่านางคงจะสังเกตเห็นอันใดเ