Share

บทที่ 14

ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อน กับมวยผมทรงสวยงามก็เดินนวยนาดออกมา นางคือซ่างกวานเยียน

และเหลียงหยวนที่หยุดนางเอาไว้เมื่อครู่ ก็ยืนอยู่ในจวนและจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา มือของเขาจับอยู่ที่ด้ามดาบ ราวกับว่าพร้อมจะชักดาบออกมาทันทีหากนางมีการเคลื่อนไหวที่เกินเลย

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคงต้องออกแรงกันหน่อยเสียแล้ว

เมื่อซ่างกวานเยียนเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของสี่พี่น้องตระกูลอวี่ที่อยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางพูดขึ้นช้า ๆ "ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา น้องคิดว่าพี่หญิงไม่ต้องการองค์ชายแล้วเสียอีก”

“เจ้าอ้างตำแหน่งสนมควบคุมกองกำลังทั้งหมดในจวนของท่านอ๋องหลี แถมยังขวางข้าผู้ซึ่งเป็นพระชายาเอกที่หน้าประตู สนมอย่างเจ้าควบคุมทหารในจวนของท่านอ๋อง คิดจะกระทำอันใดกันแน่?”

ซ่างกวานเยียนหรี่ตาที่สวยงามลงแล้วพูดว่า "พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยนะเพคะ"

“ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า” ฉู่เนี่ยนจัดผมที่ยุ่งเหยิงจาการเดินเร็วของตนเองเมื่อครู่นี้เล็กน้อย และท่าทางของนางก็ค่อนข้างสง่างามยิ่งนัก

ก่อนที่จะพูดจบ นางก็เดินผ่านซ่างกวานเยียนเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไรอีก

องครักษ์หลายนายที่อยู่ในจวนพยายามหยุดนาง แต่ก็ถูกอวี่ตงและอวี่ซีโจมตีจนถอยกลับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยไปข้างหลังซ่างกวานเยียน และบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อเหลียงหยวนเห็นฉากนี้เขาก็ขมวดคิ้ว และมีความกังวลฉายแววอยู่ในดวงตา เขารีบเข้าไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าฉู่เนี่ยนซีทันที "พระชายา สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ท่านจะเข้าไปได้ตามอำเภอใจ"

อวี่เป่ยและอวี่หนานมองหน้ากันราวกับรอให้ฉู่เนี่ยนซีออกคำสั่ง

“หลีกไป!” ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน

ทันใดนั้นเหลียงหยวนก็ชักดาบออกมา ใบหน้าของเขาไม่ได้สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ และพูดด้วยความโกรธว่า "กำเริบเสิบสาน!"

“ทั้งหมดทั้งมวลใครกันแน่ที่กำเริบเสิบสาน!” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองอวี่เป่ยและอวี่หนาน “ขวางเขาไว้! ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ห้ามมิใครก้าวเข้ามาในห้องนี้เป็นอันขาด!”

เมื่ออวี่เป่ยและอวี่หนานได้รับคำสั่ง พวกเขาก็พุ่งเข้าไปต่อสู้กับเหลียงหยวนอย่างรวดเร็ว และบังคับจนเขาออกจากห้องได้สำเร็จ

“หากท่านกล้าแตะต้องท่านอ๋องแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าจะไม่ละเว้นท่านแน่!” เหลียงหยวนตะโกนใส่ฉู่เนี่ยนซี ขณะที่กำลังต่อสู้กับทั้งสอง

ฉู่เนี่ยนซีเบ้ปากด้วยความรังเกียจ เสี่ยวเถารีบปิดประตูตามหลังทันที

ซ่างกวานเยียนรีบตามมาอย่างใกล้ชิด แต่อวี่ซีก็ยกดาบขึ้นหยุดนางไว้ และพูดอย่างไม่ยี่หระ "สนมซ่างกวานโปรดอย่าทำให้ตนต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรี"

สี่พี่น้องตระกูลอวี่ไม่ใช่พี่น้องที่หน้าตาเหมือนกัน แต่อวี่ซีเป็นที่รู้จักมากที่สุด เนื่องจากรอยแผลเป็นที่ด้านขวาบนหน้าผากของเขา

เมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นองครักษ์ทมิฬ เขามักจะปกปิดใบหน้า แต่ตอนนี้เขากลายเป็นองครักษ์ส่วนตัว จึงถอดผ้าคลุมหน้าออกไป รอยแผลเป็นทำให้เขาดูเหมือนกับนักฆ่า ซ่างกวานเยียนตกใจกลัวและก้าวถอยหลังทันที

ความรังเกียจและความโกรธที่ไม่อาจปิดบังได้ปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามทันที และเสียงที่มักจะนุ่มนวลก็บ่งบอกถึงความโหดร้าย "อย่าคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนใกล้ชิดของพระชายาแล้วจะหยุดข้าได้!"

อวี่ซียังคงสงบนิ่งเช่นเดิม "นอกจากท่านอ๋อง พระชายาก็คือนายของจวนนี้ กระหม่อมอยากจะแนะนำสนมซ่างกวาน โปรดทรงทำความเข้าใจสถานะตนเองให้ชัดเจนด้วย เพราะอย่างไรสถานะของท่านก็ยังมีคำว่านำหน้าว่ารองนำหน้าอยู่"

"เจ้า..."

ซ่างกวานเยียนโกรธมาก แต่ด้วยทักษะของอวี่ซี นางก็ทำได้เพียงโกรธเท่านั้น

ฉู่เนี่ยนซียกเข็มเงินขึ้นแล้วมองนางด้วยรอยยิ้มเย็นชา "ไม่ต้องกังวล รับรองว่าไม่ถึงตายหรอก"

ซ่างกวานเยียนกัดฟันและกวาดสายตาไปด้านข้าง เหล่าองครักษ์จึงลงมือทันที และเริ่มต่อสู้กับพี่น้องตระกูลอวี่

ฉู่เนี่ยนซีเพิกเฉยต่อเสียงการต่อสู้ด้านนอก และสงบจิตใจลง นางเปิดแถบผ้าบนไหล่ซ้ายของเย่เฟยหลีอย่างเงียบ ๆ และทำความสะอาดเลือด ก่อนจะหยิบเข็มออกมาแล้วเริ่มกำจัดพิษรอบแรก

ไม่ว่าพิษแปลกนี้มาจากไหน ตราบใดที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของพิษและปกป้องหัวใจไว้ได้ อย่างอื่นก็สามารถรักษาในระยะยาวได้

ธูปยังไม่ทันหมดดอก เย่เฟยหลีซึ่งมีสติพร่ามัว จู่ ๆ ก็เริ่มไออย่างรุนแรง

ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดึงเข็มเงินออกมา ก่อนจะยื่นชามน้ำอุ่นให้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดื่มซะ"

เสี่ยวเถาช่วยพยุงเย่เฟยหลีลุกขึ้นนั่ง และวางเบาะรองสองสามใบไว้ด้านหลังของเขา

เย่เฟยหลีฟื้นคืนสติ และหยิบน้ำอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขากำลังจะดื่มมันเข้าปาก เขาก็ตระหนักว่าคนที่อยู่ข้างเตียงคือฉู่เนี่ยนซี

ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาก็วางชามไว้ข้าง ๆ ทันที "เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"

“ทุกคนในจวนของท่านอ๋องหลีโง่งม หรือสมองของพวกเขาถูกประตูหนีบกัน ทำไมถึงได้เอาแต่ถามแต่คำถามนี้กับข้า? ในฐานะพระชายา จะกลับจวนก็ต้องรายงานด้วยหรือ?”

นางพูดพลางโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อดึงเข็มเงินอันสุดท้ายที่เหลืออยู่บนไหล่ซ้ายของเขาออกมา

บางทีอาจเป็นเพราะยาพิษ สติและประสาทสัมผัสกลิ่นของเขาจึงมีปัญหา เมื่อฉู่เนี่ยนซีเข้ามาใกล้เย่เฟยหลี เขาจึงรู้สึกว่าได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรบนร่างกายของนาง หล่นนั้นช่างสดชื่นนัก

แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ตามมาก็ทำให้ความคิดบ้า ๆ นี้หายไปทันที ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีแตะเข็มเงินบนไหล่ของเขา เย่เฟยหลีก็คว้าข้อมือของนางด้วยสีหน้าเย็นชาทันที

ฉู่เนี่ยนซีพยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ นางอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของสามีตัวเอง

แม้ว่าเขาจะถูกพิษร้ายแรง แต่ก็ยังสามารถรักษาความเร็วและความแข็งแกร่งในการตอบสนองเอาไว้ได้ ดูเหมือนว่าองค์ชายผู้ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานองค์นี้ จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก

“ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ ท่านปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตของท่านเช่นนี้หรือ?”

ฉู่เนี่ยนซีกระตุกมืออย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

ขณะที่นางกำลังจะใช้มืออีกข้างแอบกดจุดเย่เฟยหลีเพื่อช่วยตัวเองให้หลุดพ้น จู่ ๆ ชายคนนั้นก็ใช้แรงดึงนางเข้ามาใกล้มากขึ้น

ระยะห่างลดลงกะทันหัน ฉู่เนี่ยนซีเอียงคอไปด้านหลังอย่างอึดอัด พยายามหลีกเลี่ยงลมหายใจร้อนของเขา

นางไม่รู้เลยว่าการเคลื่อนไหวหลบเลี่ยงของนาง เผยให้เห็นลำคอและกระดูกไหปลาร้าที่บอบบาง

ดวงตาของเย่เฟยหลีกวาดไปทั่วเนื้อขาวนวล เขาขยับเล็กน้อย และปล่อยนางไปโดยไม่รู้ตัว

“ใครจะรู้ว่าเจ้ากำจัดพิษให้ข้า หรือหาโอกาสปลิดชีพข้ากันแน่”

เย่เฟยหลีขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะในตอนนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ จนน้ำเสียงของเขาแหบแห้งขึ้นมา

ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้สังเกตเห็นเสียงแหบผิดปกติของเขา นางเก็บเข็มเงินทิ้งแล้วถามขึ้นช้า ๆ "ฝ่าบาท ท่านรักข้าไหม?"

เย่เฟยหลีตกตะลึง จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยด้วยสายตาที่รังเกียจ "เจ้าคิดว่าข้าจะตกหลุมรักผู้หญิงที่คลานขึ้นมาหาข้าถึงเตียงหรืออย่างไร?"

ตั้งแต่ที่ทั้งสองแต่งงานกัน ฉู่เนี่ยนซีก็รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมถามคำถามนี้กับเย่เฟยหลีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างเย็นชาทุกครั้ง

เหตุผลที่นางถามขึ้นมาอีก เพียงเพราะนางอยากรู้ว่าผู้ชายตรงหน้ามีมุมมองต่อความสัมพันธ์นี้อย่างไร

ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจเบา ๆ แม้ว่าจะเป็นการถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจอะไร เย่เฟยหลีกลับรู้สึกว่าการถอนหายใจของนาง เหมือนการถอนหายใจเพราะโล่งอกเสียมากกว่า

“ในเมื่อท่านไม่เคยรักข้า และไม่มีความตั้งใจที่จะรักข้าในอนาคต เช่นนั้นเราก็ละทิ้งความแค้นในอดีต แล้วทำข้อตกลงที่ยุติธรรมกันดีหรือไม่?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status