Share

บทที่ 14

Author: ชาผลไม้
ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อน กับมวยผมทรงสวยงามก็เดินนวยนาดออกมา นางคือซ่างกวานเยียน

และเหลียงหยวนที่หยุดนางเอาไว้เมื่อครู่ ก็ยืนอยู่ในจวนและจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา มือของเขาจับอยู่ที่ด้ามดาบ ราวกับว่าพร้อมจะชักดาบออกมาทันทีหากนางมีการเคลื่อนไหวที่เกินเลย

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคงต้องออกแรงกันหน่อยเสียแล้ว

เมื่อซ่างกวานเยียนเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของสี่พี่น้องตระกูลอวี่ที่อยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางพูดขึ้นช้า ๆ "ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา น้องคิดว่าพี่หญิงไม่ต้องการองค์ชายแล้วเสียอีก”

“เจ้าอ้างตำแหน่งสนมควบคุมกองกำลังทั้งหมดในจวนของท่านอ๋องหลี แถมยังขวางข้าผู้ซึ่งเป็นพระชายาเอกที่หน้าประตู สนมอย่างเจ้าควบคุมทหารในจวนของท่านอ๋อง คิดจะกระทำอันใดกันแน่?”

ซ่างกวานเยียนหรี่ตาที่สวยงามลงแล้วพูดว่า "พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยนะเพคะ"

“ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า” ฉู่เนี่ยนจัดผมที่ยุ่งเหยิงจาการเดินเร็วของตนเองเมื่อครู่นี้เล็กน้อย และท่าทางของนางก็ค่อนข้างสง่างามยิ่งนัก

ก่อนที่จะพูดจบ นางก็เดินผ่านซ่างกวานเยียนเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไรอีก

องครักษ์หลายนายที่อยู่ในจวนพยายามหยุดนาง แต่ก็ถูกอวี่ตงและอวี่ซีโจมตีจนถอยกลับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยไปข้างหลังซ่างกวานเยียน และบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อเหลียงหยวนเห็นฉากนี้เขาก็ขมวดคิ้ว และมีความกังวลฉายแววอยู่ในดวงตา เขารีบเข้าไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าฉู่เนี่ยนซีทันที "พระชายา สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ท่านจะเข้าไปได้ตามอำเภอใจ"

อวี่เป่ยและอวี่หนานมองหน้ากันราวกับรอให้ฉู่เนี่ยนซีออกคำสั่ง

“หลีกไป!” ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน

ทันใดนั้นเหลียงหยวนก็ชักดาบออกมา ใบหน้าของเขาไม่ได้สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ และพูดด้วยความโกรธว่า "กำเริบเสิบสาน!"

“ทั้งหมดทั้งมวลใครกันแน่ที่กำเริบเสิบสาน!” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองอวี่เป่ยและอวี่หนาน “ขวางเขาไว้! ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ห้ามมิใครก้าวเข้ามาในห้องนี้เป็นอันขาด!”

เมื่ออวี่เป่ยและอวี่หนานได้รับคำสั่ง พวกเขาก็พุ่งเข้าไปต่อสู้กับเหลียงหยวนอย่างรวดเร็ว และบังคับจนเขาออกจากห้องได้สำเร็จ

“หากท่านกล้าแตะต้องท่านอ๋องแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าจะไม่ละเว้นท่านแน่!” เหลียงหยวนตะโกนใส่ฉู่เนี่ยนซี ขณะที่กำลังต่อสู้กับทั้งสอง

ฉู่เนี่ยนซีเบ้ปากด้วยความรังเกียจ เสี่ยวเถารีบปิดประตูตามหลังทันที

ซ่างกวานเยียนรีบตามมาอย่างใกล้ชิด แต่อวี่ซีก็ยกดาบขึ้นหยุดนางไว้ และพูดอย่างไม่ยี่หระ "สนมซ่างกวานโปรดอย่าทำให้ตนต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรี"

สี่พี่น้องตระกูลอวี่ไม่ใช่พี่น้องที่หน้าตาเหมือนกัน แต่อวี่ซีเป็นที่รู้จักมากที่สุด เนื่องจากรอยแผลเป็นที่ด้านขวาบนหน้าผากของเขา

เมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นองครักษ์ทมิฬ เขามักจะปกปิดใบหน้า แต่ตอนนี้เขากลายเป็นองครักษ์ส่วนตัว จึงถอดผ้าคลุมหน้าออกไป รอยแผลเป็นทำให้เขาดูเหมือนกับนักฆ่า ซ่างกวานเยียนตกใจกลัวและก้าวถอยหลังทันที

ความรังเกียจและความโกรธที่ไม่อาจปิดบังได้ปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามทันที และเสียงที่มักจะนุ่มนวลก็บ่งบอกถึงความโหดร้าย "อย่าคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนใกล้ชิดของพระชายาแล้วจะหยุดข้าได้!"

อวี่ซียังคงสงบนิ่งเช่นเดิม "นอกจากท่านอ๋อง พระชายาก็คือนายของจวนนี้ กระหม่อมอยากจะแนะนำสนมซ่างกวาน โปรดทรงทำความเข้าใจสถานะตนเองให้ชัดเจนด้วย เพราะอย่างไรสถานะของท่านก็ยังมีคำว่านำหน้าว่ารองนำหน้าอยู่"

"เจ้า..."

ซ่างกวานเยียนโกรธมาก แต่ด้วยทักษะของอวี่ซี นางก็ทำได้เพียงโกรธเท่านั้น

ฉู่เนี่ยนซียกเข็มเงินขึ้นแล้วมองนางด้วยรอยยิ้มเย็นชา "ไม่ต้องกังวล รับรองว่าไม่ถึงตายหรอก"

ซ่างกวานเยียนกัดฟันและกวาดสายตาไปด้านข้าง เหล่าองครักษ์จึงลงมือทันที และเริ่มต่อสู้กับพี่น้องตระกูลอวี่

ฉู่เนี่ยนซีเพิกเฉยต่อเสียงการต่อสู้ด้านนอก และสงบจิตใจลง นางเปิดแถบผ้าบนไหล่ซ้ายของเย่เฟยหลีอย่างเงียบ ๆ และทำความสะอาดเลือด ก่อนจะหยิบเข็มออกมาแล้วเริ่มกำจัดพิษรอบแรก

ไม่ว่าพิษแปลกนี้มาจากไหน ตราบใดที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของพิษและปกป้องหัวใจไว้ได้ อย่างอื่นก็สามารถรักษาในระยะยาวได้

ธูปยังไม่ทันหมดดอก เย่เฟยหลีซึ่งมีสติพร่ามัว จู่ ๆ ก็เริ่มไออย่างรุนแรง

ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดึงเข็มเงินออกมา ก่อนจะยื่นชามน้ำอุ่นให้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดื่มซะ"

เสี่ยวเถาช่วยพยุงเย่เฟยหลีลุกขึ้นนั่ง และวางเบาะรองสองสามใบไว้ด้านหลังของเขา

เย่เฟยหลีฟื้นคืนสติ และหยิบน้ำอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขากำลังจะดื่มมันเข้าปาก เขาก็ตระหนักว่าคนที่อยู่ข้างเตียงคือฉู่เนี่ยนซี

ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาก็วางชามไว้ข้าง ๆ ทันที "เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"

“ทุกคนในจวนของท่านอ๋องหลีโง่งม หรือสมองของพวกเขาถูกประตูหนีบกัน ทำไมถึงได้เอาแต่ถามแต่คำถามนี้กับข้า? ในฐานะพระชายา จะกลับจวนก็ต้องรายงานด้วยหรือ?”

นางพูดพลางโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อดึงเข็มเงินอันสุดท้ายที่เหลืออยู่บนไหล่ซ้ายของเขาออกมา

บางทีอาจเป็นเพราะยาพิษ สติและประสาทสัมผัสกลิ่นของเขาจึงมีปัญหา เมื่อฉู่เนี่ยนซีเข้ามาใกล้เย่เฟยหลี เขาจึงรู้สึกว่าได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรบนร่างกายของนาง หล่นนั้นช่างสดชื่นนัก

แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ตามมาก็ทำให้ความคิดบ้า ๆ นี้หายไปทันที ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีแตะเข็มเงินบนไหล่ของเขา เย่เฟยหลีก็คว้าข้อมือของนางด้วยสีหน้าเย็นชาทันที

ฉู่เนี่ยนซีพยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ นางอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของสามีตัวเอง

แม้ว่าเขาจะถูกพิษร้ายแรง แต่ก็ยังสามารถรักษาความเร็วและความแข็งแกร่งในการตอบสนองเอาไว้ได้ ดูเหมือนว่าองค์ชายผู้ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานองค์นี้ จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก

“ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ ท่านปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตของท่านเช่นนี้หรือ?”

ฉู่เนี่ยนซีกระตุกมืออย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

ขณะที่นางกำลังจะใช้มืออีกข้างแอบกดจุดเย่เฟยหลีเพื่อช่วยตัวเองให้หลุดพ้น จู่ ๆ ชายคนนั้นก็ใช้แรงดึงนางเข้ามาใกล้มากขึ้น

ระยะห่างลดลงกะทันหัน ฉู่เนี่ยนซีเอียงคอไปด้านหลังอย่างอึดอัด พยายามหลีกเลี่ยงลมหายใจร้อนของเขา

นางไม่รู้เลยว่าการเคลื่อนไหวหลบเลี่ยงของนาง เผยให้เห็นลำคอและกระดูกไหปลาร้าที่บอบบาง

ดวงตาของเย่เฟยหลีกวาดไปทั่วเนื้อขาวนวล เขาขยับเล็กน้อย และปล่อยนางไปโดยไม่รู้ตัว

“ใครจะรู้ว่าเจ้ากำจัดพิษให้ข้า หรือหาโอกาสปลิดชีพข้ากันแน่”

เย่เฟยหลีขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะในตอนนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ จนน้ำเสียงของเขาแหบแห้งขึ้นมา

ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้สังเกตเห็นเสียงแหบผิดปกติของเขา นางเก็บเข็มเงินทิ้งแล้วถามขึ้นช้า ๆ "ฝ่าบาท ท่านรักข้าไหม?"

เย่เฟยหลีตกตะลึง จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยด้วยสายตาที่รังเกียจ "เจ้าคิดว่าข้าจะตกหลุมรักผู้หญิงที่คลานขึ้นมาหาข้าถึงเตียงหรืออย่างไร?"

ตั้งแต่ที่ทั้งสองแต่งงานกัน ฉู่เนี่ยนซีก็รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมถามคำถามนี้กับเย่เฟยหลีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างเย็นชาทุกครั้ง

เหตุผลที่นางถามขึ้นมาอีก เพียงเพราะนางอยากรู้ว่าผู้ชายตรงหน้ามีมุมมองต่อความสัมพันธ์นี้อย่างไร

ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจเบา ๆ แม้ว่าจะเป็นการถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจอะไร เย่เฟยหลีกลับรู้สึกว่าการถอนหายใจของนาง เหมือนการถอนหายใจเพราะโล่งอกเสียมากกว่า

“ในเมื่อท่านไม่เคยรักข้า และไม่มีความตั้งใจที่จะรักข้าในอนาคต เช่นนั้นเราก็ละทิ้งความแค้นในอดีต แล้วทำข้อตกลงที่ยุติธรรมกันดีหรือไม่?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status