หลังสะใภ้ทั้งสี่จากไปภายนอกห้องหอก็กลับมาเงียบลงดังเดิมหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ “เห็นทีพวกพี่สะใภ้ล้วนไปทั้งหมดแล้ว”ภายใต้แสงเทียนพลิ้วไหว ใบหน้ารูปไข่ของซูเฟิ่งหลิงมองดูแล้วอ่อนโยนงดงามมากยิ่งขึ้นหลี่หลงหลินเป่าเทียน โอบซูเฟิ่งหลิงไว้ในอ้อมกอดซูเฟิ่งหลิงอิงแอบอยู่ภายในอ้อมกอดของหลี่หลงหลิน พูดพึมพำ “พวกพี่สะใภ้นี่จริงๆ เลย...ทำให้ข้าอายแทบแย่”หลี่หลงหลินหัวเราะ “พวกพี่สะใภ้ก็แค่กังวล หวังว่าพวกเราจะมีทายาทสืบสกุลให้สกุลหลี่โดยเร็วก็เท่านั้น”มีทายาทสืบสกุลคือเรื่องใหญ่ของการแต่งงานก่อนแต่งงานซูเฟิ่งหลิงเคยได้ยินพี่สะใภ้สี่กำชับมาก่อนซูเฟิ่งหลิงช้อนดวงตาใสซื่อไร้พิษสงขึ้นและถามว่า “จะทำเช่นไร จูบปากตอนนี้หรือ?”หลี่หลงหลินมีเหงื่อผุด รู้สึกระอาภายในใจ “หรือว่าพี่สะใภ้สี่สอนเพียงแค่นี้? ดูท่าแล้วยังต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างข้าสอนด้วยตนเอง”คืนนั้นทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันตลอดคืน เสียงเตียงสั่นไหวไม่หยุดตำหนักเย็นตำหนักเย็นที่เคยถูกไฟไหม้มาก่อนมีซากปรักหักพังทั่วทุกหนแห่งฮ่องเต้หวู่ตัดสินใจลืมที่แห่งนี้ไปจนสิ้นไม่มีวันส่งคนมาซ่อมแซมนอกจากตำหนักเย็นแล้ว พระร
พูดพลาง ฮองเฮาหลู่เดินออกไปภายนอกด้วยตนเองชั่วขณะนั้น นางรู้สึกราวกับได้อำนาจกลับคืนมา!ชิ้ง!แสงเงินสายหนึ่งวูบไหวองครักษ์เสื้อแพรสองคนชักดาบออกจากฝัก คมดาบขวางหน้าฮองเฮาหลู่เอาไว้สีหน้าฮองเฮาหลู่ตกตะลึงพรึงเพริด “เว่ยกงกง นี่หมายความอะไร?”เว่ยซวินยิ้มจางๆ “ฮองเฮาหลู่ น่ากลัวว่าท่านเข้าใจความนัยของกระหม่อมผิดไปแล้ว”เสียงฮองเฮาหลูสั่นเครือ “เจ้าไม่ได้มารับข้ากลับตำหนักเฟิ่งซีหรือ?”เว่ยซวินส่ายหน้า “เปล่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมาส่งท่านออกเดินทาง”“เดิน...เดินทาง?”ฮองเฮาหลู่เซถลาไปหนึ่งก้าว ล้มลงบนพื้นแสงเทียนสลัวตัดกับแสงเย็นของดวงจันทร์สะท้อนลงบนใบหน้าเผือดซีดของฮองเฮาหลู่“นี่เป็นไปไม่ได้!”“ใครส่งเจ้ามา!”“บังอาจ! เจ้าเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งข้างกายข้าเท่านั้น เจ้าก็กล้าคิดเอาชีวิตฆ่า! หรือเจ้าไม่กลัวฮ่องเต้หวู่ลงโทษเจ้า?”เว่ยซวินผลิยิ้มขมปร่า โยนผ้าแพรขาวยาวสามฉื่อลงบนตัวฮองเฮาหลู่“ฮองเฮาหลู่ เป็นท่านลงมือด้วยตนเอง หรือจะให้กระหม่อมช่วยท่าน?”ยามได้เห็นผ้าแพรขาวพระราชทานนั้นสมองของฮองเฮาหลู่ขาวโพลนในทันใดนางไม่เข้าใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจตกลงเกิดเรื่องใดข
วันต่อมาเว่ยซวินจัดการงานเรียบร้อยอย่างมากแต่เรื่องฮองเฮาหลู่หายตัวไปกลับแพร่สะพรัดไปทั่วโดยที่ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง ทันใดนั้นกลายเป็นเรื่องที่เหล่าขุนนางในราชสำนักซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปากย่อมมีคนไม่น้อยปะติดปะต่อเรื่องนี้เข้ากับงานแต่งของหลี่หลงหลินเมื่อวานราชสำนักกำลังเอะอะอึกทึกครึกโครมภายในตำหนักข้างแห่งหนึ่งของพระราชวังต้องห้ามหลี่เทียนฉี่เดินเล่นภายในสวนไม่นับว่าใหญ่เหมือนที่ผ่านมาหากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝัน สวนเล็กนี้ไปจนถึงตำหนักข้างจะกลายเป็นที่พำนักของหลี่เทียนฉี่ในช่วงบั้นปลายชีวิตตอนนี้เขาถูกริบอำนาจทั้งหมดไปแล้ว เว้นเสียแต่อำนาจในการมีชีวิตอยู่ที่ไม่ถูกลิดรอนไปนี่คือวิธีโหดเหี้ยมอย่างที่สุดฆ่าคนยังไม่โหดร้ายเท่าทำลายจิตใจหลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น อิงตามจดหมายลับที่ส่งมาจากวังเมื่อหลายวันก่อนเป็นไปตามคาดหลังงานแต่งของหลี่หลงหลิน องค์หญิงใหญ่จะขยายอำนาจสู่จุดสูงสุดจะตัดรากถอนโคนหลี่หลงหลินถึงตอนนั้นความผิดโทษฐานกบฏของหลี่เทียนฉี่จะถูกลบล้างเขาจะได้รับสิ่งที่สมควรเป็นของเขาทั้งหมดใหม่อีกครั้งหลี่เทียนฉี่กำลังรอรอข่าวดีที่ไม่มีวันมาถึงตึกตึกตึก!
แผนการที่เดิมทีนางเห็นว่าไร้ช่องโหว่โดยสิ้นเชิง กลับไร้ผลต่อหลี่หลงหลินไม่เพียงแต่แผนจะล้มเหลวไม่เป็นท่า ซ้ำร้ายยังย้อนกลับมาทำร้ายตนเององค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้ว นางถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “หรือว่าชั่วชีวิตนี้ข้าถูกลิขิตให้ต้องพ่ายแพ้แก่หลี่หลงหลินผู้นี้หรือ? ข้าไม่ยอม!”“องค์หญิง! มีสาส์นลับจากในวังส่งมาเพคะ”แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเพิ่งเสด็จกลับจากตงอิ๋ง แต่ในราชสำนักก็มีสายสืบของนางแทรกซึมอยู่ก่อนแล้ว หากไม่เป็นเช่นนั้น นางคงไม่กล้าพอที่จะงัดข้อกับหลี่หลงหลิน ถึงกระนั้น นางก็ยังคงพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยได้เปรียบจากเงื้อมมือของหลี่หลงหลินเลยแม้แต่น้อยองค์หญิงใหญ่ใช้มือกุมหน้าผาก เอ่ยเสียงเข้ม “มีข่าวร้ายอันใดมาให้ข้าอีกแล้ว”คนสนิทส่งสาส์นลับขึ้นมา “องค์หญิง โปรดทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเพคะ”องค์หญิงใหญ่เปิดสาส์นลับตรงหน้า ข้อความปรากฏสู่สายตาอย่างรวดเร็ว แต่นางกลับนิ่งค้างราวกับกลายเป็นหิน อ้าปากค้าง ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้เป็นนานในสาส์นลับมีเพียงตัวอักษรไม่กี่คำ ฮองเฮาหลู่...หายสาบสูญ“นี่...นี่มันเป็นไปไม่ได้”องค์หญิงใหญ่มิได้แปลกใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย อั
ตงไห่ภายในจวนตระกูลหลู่ ทุกอย่างยังคงสงบราบรื่นดุจผืนน้ำไร้คลื่นลมไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในราชสำนักแม้แต่น้อยมีคำกล่าวว่า ฟ้าย่อมสูง ฮ่องเต้ย่อมไกลตราบใดที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจมากพอผลกระทบที่ได้รับก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นแม้พี่เขยของฝ่าบาท หลู่จงหมิง จะไม่ใช่ขุนนางใหญ่ในราชสำนักแต่ที่ตงไห่แห่งนี้ เขากลับมีอำนาจล้นฟ้า คำพูดถือเป็นประกาศิตยิ่งไปกว่านั้น เขตศักดินาทั้งหมดของตงไห่ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นของหลานชายของเขา หลี่เทียนฉี่หลู่จงหมิงจึงยิ่งเหิมเกริมบ้าอำนาจในตงไห่ ทำทุกอย่างตามใจปรารถนาหลู่จงหมิงสวมชุดคลุมมังกรทับร่างกำยำ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง รูปร่างสูงใหญ่ดุจขุนเขา เอนกายนั่งบนเก้าอี้เท้าแขนตัวใหญ่ มือข้างหนึ่งหมุนถ้วยชาในมือเล่น“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ สถานการณ์ในราชสำนักมีการเปลี่ยนแปลง?”ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลู่จงหมิงคือเสนาธิการใต้บังคับบัญชาของหลี่เทียนฉี่ปกติแล้วหลี่เทียนฉี่มัวแต่ยุ่งกับการต่อสู้แย่งชิงในราชสำนัก ไม่มีเวลามาดูแลเขตศักดินาตงไห่ดังนั้น เรื่องน้อยใหญ่ทั้งหลายในตงไห่จึงล้วนผ่านการกลั่นกรองโดยเสนาธิการก่อนจะส่งมอบให้ห
นี่มันบ้านของตัวเองชัดๆ แต่คนชุดเทากลับทำท่าทีเหมือนเป็นเจ้าของ อีกทั้งนางยังรู้เรื่องสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดีคนที่เหลือในชุดเทาเข้าแถวเป็นสองแถว รับผิดชอบเฝ้าอยู่ทางซ้ายและขวาของห้องหนังสือหลู่จงหมิงไม่ลังเลเลย ก้าวไปข้างหน้า ทิ้งนายทหารไว้ด้านนอกห้องหนังสือภายในห้องหนังสือมืดสลัวไร้แสงขาดการซ่อมแซมมานาน เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะหลู่จงหมิงมองไปยังร่างของคนชุดเทา เอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงรู้จักบ้านตระกูลหลู่อย่างละเอียดเช่นนี้! ห้องหนังสือแห่งนี้มีเพียงท่านพ่อผู้ล่วงลับเท่านั้นที่มักจะกลับมาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ คนทั่วไปไม่มีทางรู้ตำแหน่งนี้ได้”พรึ่บ!คนชุดเทาถอดผ้าคลุมผืนใหญ่ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามน่าตะลึงชั่วขณะหนึ่ง หลู่จงหมิงนิ่งตะลึงอยู่กับที่เขาไม่เคยเห็นสตรีใดในโลกที่งดงามล่มบ้านล่มเมือง งามเลิศล้ำถึงเพียงนี้มาก่อนแต่เพียงไม่นาน สีหน้ายินดีของหลู่จงหมิงก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก“องค์หญิงใหญ่?”หลู่จงหมิงเพิ่งจำได้ว่าคนตรงหน้าคือองค์หญิงใหญ่ตัวจริงเสียงจริง!องค์หญิงใหญ่ยิ้มแย้ม “ท่านลุง ด้านนอกมีสายอยู่มากมาย เพื่อความปลอดภัย ข้าจึงต้องทำเช่น
หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จมอยู่ในภวังค์ความคิดเมื่อครั้งที่ที่ดินศักดินาตงไห่อยู่ภายใต้การดูแลของหลี่เทียนฉี่ด้วยความสัมพันธ์ทางสายเลือด อาศัยฐานะพี่เขยของฝ่าบาทของตนเอง ก็สามารถทำตามอำเภอใจในตงไห่ได้หากเปลี่ยนเป็นหลี่หลงหลิน แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยปละละเลยตนเองเหมือนเช่นเคยองค์หญิงใหญ่กล่าวเสียงขรึม “ท่านลุง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะลังเล ข้าเสี่ยงภัยมาพึ่งพาท่าน ก็เพื่อต้องการให้ท่านชิงลงมือก่อน”“ชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ ลงมือทีหลังย่อมเสียเปรียบ”“ชิงลงมือก่อน?”หัวใจของหลู่จงหมิงสั่นสะท้าน“ผิงเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่า...?”หลู่จงหมิงเหลือบมองไปนอกห้องหนังสือโดยไม่รู้ตัว เกรงว่ากำแพงจะมีหู ประตูจะมีช่องหากแผนการลับเช่นนี้รั่วไหลออกไป นั่นคือโทษประหารชีวิตสถานเดียว!องค์หญิงใหญ่กดเสียงให้ต่ำลง “ตอนนี้เสด็จแม่สิ้นพระชนม์แล้ว ท่านพี่ใหญ่ถูกกักบริเวณในวังหลวง หากมิใช่เพราะข้าสละส่วนน้อยเพื่อรักษาชีวิตรอด หาทางหนีออกมาได้ เกรงว่าป่านนี้ข้าคงถูกหน่วยองครักษ์เสื้อแพรควบคุมตัวไปแล้ว ผลที่ตามมาย่อมคาดเดาไม่ได้!”“ตงไห่อุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยทรัพยากร ท่านลุงปกครองที่นี่มานานปี เกรงว่
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าเรื่องนี้องค์รัชทายาทยากที่จะหลุดพ้นความเกี่ยวข้อง! ควรสอบสวนเอาความผิด!”ฮ่องเต้หวู่ทรงขมวดคิ้ว“ประกาศเรียกองค์รัชทายาทเข้าเฝ้า!”สถานการณ์ในที่ดินศักดินาตงไห่ตึงเครียดอย่างยิ่ง จะทำเป็นเรื่องล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด!จวนตระกูลซูตะวันสายโด่งแล้ว แต่เรือนด้านหลังบ้านกลับเงียบสงัดไร้ความเคลื่อนไหวเว่ยซวินรีบร้อนมาด้วยสีหน้ากังวล “องค์รัชทายาท แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เขาเคาะประตูอยู่เป็นเวลานานราวหนึ่งก้านธูป ในที่สุดก็ปลุกหลี่หลงหลินให้ตื่นได้หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจด้วยดวงตาปรือเพราะความง่วง เอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบร้อนขนาดนี้”เมื่อคืนหลี่หลงหลินกับซูเฟิ่งหลิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนป่านนี้ยังนอนไม่พอ ก็ถูกขันทีใหญ่ที่มาตามปลุกให้ตื่นเสียแล้วเว่ยซวินกล่าวเสียงขรึม “ในราชสำนักเกิดเรื่องอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทรับสั่งให้ท่านรีบเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้า”หลี่หลงหลินเพียงแค่ “อ้อ” เสียงเรียบ แล้วก็ปิดประตูห้องกลับเข้าไปอีกครั้งรออยู่ราวหนึ่งก้านธูป ประตูห้องถึงได้เปิดออกอีกครั้งหลี่หลงหลินแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าเปล่งปลั่งสดใส “รอหน่อยน
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค