เพียงซุนชิงไต้ได้ยิน ทันใดนั้นดวงตาทอประกายระยับ “เสวี่ยปี้คือสิ่งใด? อร่อยหรือไม่ เหตุใดหม่อมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน?”ซุนชิงไต้เคยเดินทางรักษาผู้คนทั่วแคว้น เคยกินอาหารเลิศรสทุกหนแห่งแต่เครื่องดื่มที่หลี่หลงหลินเอ่ยถึงนี้ นางไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยเพียงนางได้ยินชื่อ ก็สามารถจินตนาการถึงความเย็นหลังดื่มเข้าไปได้ใบหน้าหลี่หลงหลินฉายแววลึกลับ “ไม่เพียงแค่อร่อย แต่มันอร่อยระเบิด!”ซุนชิงไต้เบิกตากว้างในทันใด ดีใจอย่างมาก “หม่อมฉันอยากดื่ม! ตอนนี้เสวี่ยปี้นี้อยู่ที่ใด?”นางเชื่อในรสนิยมของหลี่หลงหลินหากพูเดเรื่องศึกษาของกิน ซุนชิงไต้ยังต้องเรียกหลี่หลงหลินว่าอาจารย์!ไม่ว่าผงปรุงรสไก่ ปลาหวงฮื้อใหญ่หรือหม้อทองแดงจิ้มจุ่ม ล้วนทำให้ซุนชิงไต้น้ำลายสอในเมื่อหลี่หลงหลินเอ่ยปากชมถึงเพียงนี้ นั่นไม่มีทางเป็นของไม่ดีอย่างแน่นอน!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้สามอย่าเพิ่งร้อนใจ ท่านจะต้องช่วยข้าก่อนหนึ่งเรื่องถึงจะสามารถดื่มเสวี่ยปี้ได้”เพียงได้ยินว่ายังไม่ได้ดื่มในตอนนี้ ซุนชิงไต้ก็บ่นขึ้นมา “จะต้องช่วยอันใดท่าน หม่อมฉันต้องชั่งใจก่อนเพคะ”“อย่างไรเสียตอนนี้งานในกองทัพก็มีมากมาย
หลี่หลงหลินพูดต่อว่า “เจ้าคงยังไม่ลืม ตอนพวกเราอยู่ที่ตงไห่ พวกเรากินปลาทุกมื้อ”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าภาพในตอนนั้นยังแจ่มชัดอยู่ภายในสายตา ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานแต่นางก็ยังไม่อาจปะติดปะต่อสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันได้โรคตาบอดตอนกลางคืนนี้เกี่ยวกันใดกับปลาของตงไห่?หลี่หลงหลินอธิบายว่า “กองทัพสกุลซูแทบจะไม่มีใครเป็นโรคตาบอดตอนกลางคืนก็เพราะสาเหตุนี้”“ตอนอยู่ที่ตงไห่ พวกเขากินปลาเป็นอาหารหลักเกือบทุกวัน”“ในเนื้อปลานั้นมีวิตามินปริมาณมาก สามารถบำรุงสายตาได้ ดังนั้นจึงไม่เกิดโรคตาบอดตอนกลางคืน”“ทหารต้าเซี่ยเกิดโรคตาบอดตอนกลางคืนก็เพราะภายในร่างกายขาดวิตาวิน”“ในตำราแพทย์กล่าวว่าปลาช่วยบำรุงสายตา!”ซุนชิงไต้ฟังแล้วก็เอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่า “องค์ชาย วิตามินคือสิ่งใดหรือเพคะ?”หลี่หลงหลินใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายอย่างใจเย็น “ก็คือธาตุอาหารปริมาณน้อยที่จำเป็นต่อการมีชีวิต หนำซ้ำวิตามินเหล่านี้ทำได้เพียงรับจากภายนอก ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างได้”“หรือก็หมายความว่ากินสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น”“ตราบใดที่เราทำให้ทหารได้กินเนื้อเป็นประจำ โรคตาบอดตอนกลางคืนก็สามารถบรรเทาลงได้
หลี่หลงหลินส่ายหน้า พูดเสียงเคร่งขรึมว่า “โรคตาบอดตอนกลางคืนจะต้องมีทางรักษาแน่นอน มีเพียงโจมตียามวิกาลถึงจะเป็นแผนรบที่ดีที่สุดในตอนนี้”จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว โจมตีตอนเผลอเสิ่นชิงโจวหยั่งรากอยู่ในต้าเซี่ยมานานหลายปีเพียงนั้น ย่อมรู้จักกองทัพต้าเซี่ยดีทุกก้าวที่หลี่หลงหลินเดิน จะต้องเป็นสิ่งที่เสิ่นชิงโจวคาดไม่ถึงเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ จางไป่เจิงก็ขมวดคิ้วเขารู้จักอุปนิสัยของหลี่หลงหลินดีหากหลี่หลงหลินตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ต่อให้เป็นคำสั่งของฝ่าบาท เขาก็ไม่ฟัง!จางไป่เจิ้งเอ่ยปากว่า “องค์ชาย อิงตามบันทึกทางการแพทย์ในตอนนี้ โรคตาบอดตอนกลางคืนจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ไม่มีทางบรรเทาลงได้”“นี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”“หากท่านยังยืนยันจะเมินข้ามความจริงนี้ วู่วามโจมตียามวิกาล ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเลวร้ายเกินกว่าจินตนาการได้”ซุนชิงไต้พยักหน้า “แม่ทัพจางพูดถูกเพคะ อิงตามจากความรู้ด้านการแพทย์ที่หม่อมฉันมีในตอนนี้ โรคตาบอดตอนกลางคืนเป็นโรคที่ไม่อาจรักษาได้...”“เว้นเสียแต่ว่าไม่ให้ทหารอยู่ในความมืด ก็ไม่มีวิธีอื่นเพคะ”“ต่อให้หม่อมฉันจะค้นตำราแพทย์
“ยามวิกาล?”จางไป่เจิงได้ยิน สีหน้าพลันเปลี่ยนไปความทรงจำอันน่าอับอายบางอย่างก่อตัวขึ้นภายในใจในทันใด!แม้เขาจะยอมเปิดใจรับฟังกลยุทธ์ของหลี่หลงหลินในกองทัพนั่นก็เพราะกลยุทธ์ของหลี่หลงหลินใช้งานได้จริงแต่ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้หลี่หลงหลินกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เห็นศักดิ์ศรีของเขาอยู่ในสายตา ต้องการรื้อฟื้นแผลเก่าของเขา!เขาแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ต่อสู้อย่างยากลำบากมาครึ่งชีวิต ไม่รู้สร้างผลงานให้ต้าเซี่ยมากน้อยเพียงใดไฉนเลยจะทนกับการถูกคนตอกย้ำความผิดพลาดเช่นนี้ได้?จางไป่เจิงส่ายหน้า ถอนหายใจพลางพูดว่า “องค์ชาย ท่านไม่รู้การทำศึกดังคาด! การจู่โจมในยามวิกาล ใช้ไม่ได้กับกองทัพต้าเซี่ย”หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใช้ไม่ได้?”“เหตุใดจะใช้ไม่ได้! พวกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือยังสามารถบุกค่ายทหารต้าเซี่ยยามวิกาลได้ เหตุใดพวกเราจะไปโจมตีคูเมืองของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือยามวิกาลไม่ได้”จางไป่เจิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “องค์ชาย ท่านเพิ่งเข้ามายังแนวหน้า จึงยังไม่รู้สถานการณ์บางอย่าง ไม่ใช่ว่าทหารต้าเซี่ยไม่อยากบุกโจมตียามวิกาล เพียงแต่ไม่สามารถโจมต
จางไป่เจิงชะงักไป แผน?หากเขามีแผนจัดการชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ป่านนี้ก็คงถล่มพวกมันจนแตกพ่ายหนีหัวซุกหัวซุน ทำลายล้างแคว้นจนสิ้นซากไปแล้ว!ไฉนเลยจะต้องมาหลบอยู่ในเมืองซั่วเป่ยเหมือนเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง?ใครเล่าจะไม่อยากสร้างผลงาน?ใครเล่าจะไม่อยากนำทัพฝ่าศึกแนวหน้า?ก็เพราะไม่มีหนทางรับมือดีๆ จึงทำได้เพียงถอยกลับมาตั้งรับในเมืองซั่วเป่ยเท่านั้น!เขาต่อสู้กับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมาทั้งชีวิตนี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นฝ่ายเปิดศึกก่อนสำหรับชัยชนะในครั้งนี้ จางไป่เจิงนับว่าน่าพอใจมากแล้วแต่หลี่หลงหลินกลับยังไม่พอใจ คิดจะขยายผลแห่งชัยชนะให้มากกว่านี้อีก?ช่างเพ้อฝันโดยแท้!จางไป่เจิงส่ายหน้า ถอนหายใจและพูดว่า “องค์ชาย แม้ข้าน้อยจะต่อสู้อย่างยากลำบากมาครึ่งชีวิต แต่กับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ข้าน้อยยังไม่มีแผนที่ดีอันใด....” “ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้แตกต่างจากศึกทุกครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้ต้าเซี่ยเป็นฝ่ายรุก ไม่ใช่ตั้งรับที่คูเมือง”“ข้าน้อยไม่เชี่ยวชาญในสถานการณ์เช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”หลี่หลงหลินจึงหันไปมองซูเฟิ่งหลิง แล้วเอ่ยถามว่า “สนมรัก เจ้ามีความคิดดีๆ
ซุนชิงไต้ยิ้มกว้างพูดว่า “ไฉนเลยจะมีเพียงสูตรยาชิงไต้! ยังมีสารสกัดจากกระเทียมและยาสมุนไพรหยุนหนานอีกด้วย ล้วนเป็นรัชทายาทคิดค้นทั้งสิ้น เพียงแต่เขาไม่ชอบออกหน้า นี่ถึงให้ข้าอ้างชื่อแทน”ซี้ด...จางไป่เจิงหายใจเย็นเฮือกหนึ่งสูตรยาชิงไต้ก็ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็ผ่านไปนานมากแล้ว คนไม่น้อยล้วนลืมไปตั้งนานแล้วสารสกัดจากกระเทียมและยาสมุนไพรหยุนหนาน บัดนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายภายในกองทัพนับตั้งแต่หลี่หลงหลินต่อสู้โดยไม่เสียกำลังพล โจมตีเมืองซั่วเป่ย สังหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนับแสนคนชื่อเสียงของเขาก็โด่งดัง รบจนชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือถอดเกราะทิ้ง รีบเผ่นลงจากกำแพงเมืองอย่างไรเสีย ตราบใดที่ยังมีการต่อสู้ ก็ย่อมต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายยิ่งไปกว่านั้น พวกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็กล้าหาญดุดัน เชี่ยวชาญทั้งธนูและม้าต่อสู้แต่ละครั้ง ทหารได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในยุคสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นแผลจากดาบหรือธนูก็ล้วนรักษายากทั้งสิ้นในสนามรบที่ขาดทั้งหมอและยา แม้เป็นเพียงแผลจากลูกธนูเล็กๆ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ก็อาจลุกลามจนติดเชื้อเป็นหนอง เบาหน่อยก็ต้องตัดอวัยวะ เป็