เมื่อหลี่หลงหลินออกมาบรรยากาศภายในงานเลี้ยงพลันเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันงานเลี้ยงที่เดิมทีคึกคักมีสีสัน กลับกลายเป็นความเยือกเย็น!เหล่าสตรีจากตระกูลซู ใบหน้างดงามนั้นก็เผยความประหม่ามากขึ้นฮูหยินผู้เฒ่าซูที่เดิมทีหลับตาพักผ่อนอยู่นั้น ในเวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างพลันเบิกกว้างภายในห้องโถงหลินกุ้ยเฟยจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน สองมือกำแน่นจนเหงื่อออกเต็มไปหมดฮองเฮาหลู่ยังกล่าวเหน็บแนมอยู่ข้างๆ “เจ้าเก้าช่างสร้างศัตรูเอาไว้ไม่น้อยเลยนะ!”ภายใต้สายตาที่จ้องมองของทุกคน ไม่นานหลี่หลงหลินก็เดินมาถึงด้านหน้าไทเฮา แล้วหยิบกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมออกมา “เสด็จย่า นี่คือของขวัญจากหลายพ่ะย่ะค่ะ!”ไทเฮาทรงมองเห็นไม่ชัด จึงกล่าวด้วยความสงสัย “มันคืออะไร?”หลี่หลงหลินเปิดกล่องไม้ออกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้เรียกว่าแว่นสายตายาวพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกคนต่างก็ยืดคอยาวมองสิ่งที่อยู่ในกล่อง แล้วตะลึงงันทันที???นี่มันคือสิ่งใดกันเล็กไม่ว่ามันเป็นแค่ท่อนไม้สองท่านเก่าๆ ที่มีผลึกสองแผ่นอยู่ตรงกลางเท่านั้นไม่ใช่หรือ?นี่คือของขวัญวันเกิดที่องค์ชายเก้ามอบให้ไทเฮาหรือ?มันไม่ดูยากจนข้นแค้นไปหน่อยหรือ!
“หากราษฎรทุกคนทำตามองค์ชายเก้า ไม่ให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสเช่นนี้! ต้าเซี่ยอันยิ่งใหญ่ มารยาทพิธีกรรมถูกทำลาย ศีลธรรมคุณธรรมสาบสูญ”สีหน้าของขุนนางทุกคนต่างเคียดแค้นชิงชัง พากันตำหนิหลี่หลงหลินอย่างเดือดดาลมันก็แค่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกเขากลับทำให้เรื่องที่ดูธรรมดาๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้มันเป็นถึงระดับแคว้น ระดับคุณธรรมดาศีลธรรม“แย่แล้ว! แย่แล้ว!”นอกจากกงซูหว่านแล้ว สตรีตระกูลซูทุกคนล้วนมีสีหน้าประหม่ากันมากลั่วอวี้จู๋บ่นว่า “ข้าเคยเตือนองค์ชายเก้าแล้ว ทั้งที่เขาพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเตรียมของขวัญวันเกิดเสร็จแล้ว”ซูเฟิ่งหลิงกำหมัดแน่น กล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ข้ารู้ว่าองค์ชายเก้าพึ่งพาไม่ได้ เขารนหาที่ตายให้ตัวเองยังไม่พอ แต่ยังลากพวกเราตระกูลซูลงหลุมไปด้วย”ฮูหยินผู้เฒ่าซูนิ่งเงียบ ในมือดึงลูกประคำพร้อมกับพึมพำว่าอามิตาพุทธ อวยพรให้พระพุทธคุณคุ้มครองในท้องพระโรงหลินกุ้ยเฟยก็ตะลึงเช่นกัน พุ่งไปตรงหน้าราวจับบันไดโดยไม่สนภาพลักษณ์ใดๆ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ทำอย่างไร? ทำอย่างไรดี?”ไทเฮายิ่งไม่พอพระทัยมากกว่า นางไม่พูดกับหลี่หลงหลิน แต่พูดกับฮ่องเต้หวู่ “ฮ่องเต้
ในยุคโบราณ สายตายาวเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหายไม่ว่าเจ้าจะเป็นสูงส่งเพียงใด แต่เมื่ออายุมากขึ้น ก็ต้องสายตายาว มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้เลือนรางต่อให้หินสมุนไพรที่มีชื่อเสียงมากน้อยเพียงใดก็ไร้ประโยชน์หลี่หลงหลินกลับพูดว่าสวมแว่นตาสายตายาวนี้แล้ว จะสามารถกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้นอย่างนั้นหรือ?นี่ไม่ใช่ทักษะทางการแพทย์ แต่คือเวทมนตร์ตู้เหวินยวนเป็นผู้นำกลุ่มคนไร้เหตุผลออกมาประณามหลี่หลงหลิน หลี่หลงหลินเพียงพูดประโยคเดียว “หากเสด็จย่ามองไม่เห็น ข้าก็ยินดีที่จะควักลูกตาคู่นี้ของข้าออกมา”ตู้เหวินยวนหยุดเดือดพล่านแล้ว กลับพูดด้วยสีหน้าพอใจ “องค์ชายเก้า เจ้าพูดเองนะ ต่อหน้าฝ่าบาทและไทเฮาเช่นนี้ เจ้าห้ามเสียใจทีหลัง”หลี่หลงหลินเอามือไพล่หลัง แล้วกล่าวด้วยความภูมิใจ “ในชีวิตที่มีขีดจำกัดของข้า ไม่มีสิ่งใดให้เสียใจ”ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงองค์ชายเก้าเสแสร้งเกินไปแล้วกระมังเพื่อแสดงบารมีของตัวเองต่อหน้าทุกคน แม้แต่ชีวิตของเจ้าก็ไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นหรือ?ตู้เหวินยวนรู้สึกดีใจเกินคาดมาก เขาคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายเก้ามั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ก็ให้เขาลองดูเ
เรื่องบ้าอะไรกัน?กิ่งไม้สองท่อนนั้น แผ่นผลึกสองแผ่นนั้น ก็สามารถรักษาสายตายาวได้หรือ?นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วฮ่องเต้หวู่ตบไหล่หลี่หลงหลิน แล้วชมว่า “เจ้าเก้า เจ้าช่างยอดเยี่ยมมากจริงๆ แต่ว่าสายตายาวอันนี้ ทำให้ข้าด้วยสักอันได้หรือไม่ ช่วงนี้ข้าก็รู้สึกว่าสายตาข้ามันพร่ามัว...”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อ ท่านวางใจเถอะ ไว้รอให้งานเลี้ยงจบแล้ว ลูกจะเตรียมให้ทันทีเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ดี! ดี!”ฮ่องเต้หวู่ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยชมว่า “เจ้าเก้า แว่นสายตายาวของเจ้า ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุด ดีกว่าหยกเจ้าแม่กวนอิมอะไรนั่นมากจริงๆ”เมื่อกล่าวจบแล้ว ฮ่องเต้หวู่ก็มองยั่วยุไปที่หลี่เฟิงอวิ๋นหลี่เฟิงอวิ๋นไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ จ้องมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยแววตาเกลียดชัง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มขุ่นเคือง “เจ้าเก้า พวกเรามาคอยดูเถอะ”หลี่หลงหลินเห็นหลี่เฟิงอวิ๋นโกรธเคือง ก็รู้ว่าเขาเห็นตนเป็นศัตรูตัวฉกาจ อยากจะกำจัดเต็มที“เฮอะๆ”“คอยดูหรือ?”“ข้าจะทำให้เจ้าเดินไม่ได้เสียตอนนี้”หลี่หลงหลินหัวเราะเย็นชา แล้วหันไปมองไทเฮา “เสด็จย่า ใต้หล้าที่เต็มไปด้วยสีสัน ภาพที่มีชีวิตชีวาและคึกคั
ฮูหยินผู้เฒ่าซูและสะใภ้ทั้งสามต่างก็มองอย่างโง่เขลาซูเฟิ่งหลิงเจ้าทำอะไรของเจ้านั่นเป็นของขวัญที่องค์ชายสามมอบให้ไทเฮาเลยนะเหตุใดเจ้าถึงได้ซุ่มซ่ามขนาดนี้ หักศีรษะหยกของเจ้าแม่กวนอิมลงมาได้อย่างไร?คราวนี้จะจัดการสถานการณ์อย่างไร?ด้วยความเดือดดาลของฮ่องเต้ ไม่มีทางไม่โกรธตระกูลซูลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน หลิ่วหรูเหยียนทำอะไรไม่ถูก เดินเข้ามาขอร้องหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า เจ้าช่วยคิดหาทางช่วยเหลือน้องสาวที”“ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนสะเพร่า แต่อย่างไรนางก็เป็นพระชายาของเจ้า”“ใช่ เจ้ารีบพูดช่วยนางเร็วเข้า”หลี่หลงหลินมองไปที่ปิ่นทองไม้หนานมู่บนหัวของสตรีทั้งสาม “แล้วเรื่องปิ่นปักผม?”สตรีทั้งสามตะลึงงันแล้วพูดว่า “นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังมานึกถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกหรือ”“ทุบปิ่นไม่ทุบปิ่นอะไร เป็นครอบครัวกันทั้งนั้น”“พวกเราปักปิ่นอันเดียวกัน ก็หมายความว่าพี่น้องรักใคร่กันลึกซึ้ง”หลี่หลงหลินยิ้ม “อื้อ ในเมื่อพวกพี่สะใภ้ขอร้องข้า ข้าก็ต้องพูดช่วยซูเฟิ่งหลิงอย่างแน่นอน”หลังจากพูดจบแล้ว หลี่หลงหลินก็เดินไปตรงหน้าซูเฟิ่งหลิงแล้วบ่นว่า “เจ้านี่นะ ช่างโง่จริงๆ นี่เป็นของขวัญของ
ซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนเวที มือถือศีรษะของเจ้าแม่กวนอิม ดวงตาทั้งคู่จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน น้ำตาไหลพรากอย่างไม่พอใจ “เจ้าเกลียดข้าขนาดนี้เลยหรือ! อยากให้ข้าตายให้ได้เลยหรืออย่างไร?”“หลี่หลงหลิน ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”สามีของตนกลับหักหลังตนได้!มีชีวิตอยู่แล้วจะมีความหมายอะไร?ชั่วขณะนั้น ซูเฟิ่งหลิงอยากจะตายจริงๆแน่นอนว่าก่อนที่นางจะตาย นางจะต้องฆ่าหลี่หลงหลินก่อน ถือเป็นการขจัดความชั่วร้ายแทนประชาชน!ชายผู้นี้ช่างต่ำช้าและหน้าไม่อายจริงๆ...หลี่หลงหลินยิ้มบาง แล้วกล่าวว่า “โบยสี่สิบไม้ ข้ายอมรับ! แต่คนที่จะโดนไม่ใช่ซูเฟิ่งหลิง แต่เป็นพี่สาม!”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วแน่น แล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “เจ้าเก้า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เกี่ยวสิ และเกี่ยวข้องกับใต้หล้าด้วย! ทุกคนลองคิดดูนะ หยกไขมันแกะแข็งมาก! แม้ว่าซูเฟิ่งหลิงจะมีแรงเยอะรวมกับวัว แต่ก็ไม่มีทางหักหัวของเจ้าแม่กวนอิมลงออกมาได้!”“ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว นางเป็นเพียงสตรีผู้บอบบางเพียงคนหนึ่งเท่านั้น!”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ข้าบอกบางตรงไหนมิทราบ? แค่มือข้างเดียวของข้า ก็สามารถ
หลี่เฟิงอวิ๋นเผชิญหน้าต่อเสียงคำรามของฮ่องเต้หวู่ เขาไม่ได้ส่งเสียงใดๆชีวิตที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล!ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว วิธีการของตนเองก็ถูกหลี่หลงหลินเปิดโปงแล้ว หากยังดันทุรังต่อไป ก็มีแต่จะขายหน้า!“เจ้าเก้า!”แววตาของหลี่เฟิงอวิ๋นนั้นดุร้ายมาก เขาจ้องไปที่หลี่หลงหลินอย่างเอาเป็นเอาตาย!ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเจ้าสี่ถึงได้เกลียดชังเจ้าเก้าเข้ากระดูกเช่นนี้!คนผู้นี้ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่ตนคิดเอาไว้ มันได้เปลี่ยนไปนานแล้ว ราวกับงูพิษที่ซ่อนอยู่ในเงามืด ดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง!ตนไม่ระวังเพียงเล็กน้อย ก็จะตกหลุมพรางของเขา!“หลี่เฟิงอวิ๋น!”“เจ้าหูหนวกหรือ?”“ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษเสด็จย่าอีก!”“หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าลากเจ้าออกไปโบยสี่สิบไม้จริงๆ?”ฮ่องเต้หวู่เห็นว่าหลี่เฟิงอวิ๋นไม่พูด ก็ยิ่งเดือดดาล และเรียกชื่อของเขาออกมาทันทีหลี่เฟิงอวิ๋นยังคงเงียบ“เจ้าๆๆ...”ร่างมังกรของฮ่องเต้หวู่สั่นเทา ริมฝีปากสั่นเทา แม้แต่พูดก็พูดไม่ออกไทเฮาจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮ่องเต้ ช่างเถอะ ช่างเถอะ! วันนี้อย่างไรก็เป็นวันเกิดของข้า พวกเจ้าสองพ่
แม้ว่าฮ่องเต้จะทรงประทานมงคลสมรสแล้วแต่อย่างไรทั้งคู่ก็ยังไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน และซูเฟิ่งหลิงก็ยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลคนอื่นเรียกนางว่าพระชายา นั่นไม่ผิดแต่หลักการเรียกของฮองเฮานั้น เห็นได้ชัดว่าเข้มงวดมาก!แต่สิ่งที่ทำให้หลี่หลงหลินประหลาดใจก็คือ เหตุใดฮองเฮาหลู่ต้องเรียกซูเฟิ่งหลิงไปด้วย นางคิดจะทำอะไรกันแน่?เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินว่าฮองเฮาทรงเรียกเข้าเฝ้า ก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าหลี่หลงหลินเสียอีก “องค์ชายเก้า เหตุใดฮองเฮาถึงอยากพบข้า? นี่ไม่ใช่แผนของเจ้าใช่หรือไม่ หรือว่าว่าเจ้าคิดจะหลอกข้าอีกแล้ว?”จนกระทั่งตอนนี้ ซูเฟิ่งหลิงถึงได้เข้าใจ เมื่อครู่นี้หลี่หลงหลินตั้งใจหลอกตน เพื่อจะได้ใส่ร้ายหลี่เฟิงอวิ๋นแม้ว่าสุดท้ายตนจะไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ซูเฟิ่งหลิงยังคนรู้สึกกลัวอยู่ในใจ!แต่โชคดีที่หลี่หลงหลินยังมีมโนธรรมอยู่บ้างที่พูดช่วยตน!หากเขาไม่มีมโนธรรม ตั้งใจทำร้ายตนตนคงตายโดยไม่มีที่ฝังจริงๆ!หลี่หลงหลินส่ายหัว “ความคิดของฮองเฮาลึกล้ำมาก ไม่ใช่คนดีอะไร ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก! พอเจ้าขึ้นไปกับข้าแล้ว ก็อย่าพูดอะไรไร้สาระ จำไว้!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า แล้วเดินตามหลังห
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค