“หลอกลวงหรือไม่?”“เงินสามตำลึง มันสูงเกินไป!”“เพื่อนบ้านของข้าก็ถูกหลอกด้วยราคาที่สูง เกือบถูกขายไปเป็นกุลีในเขา!”“โลกนี้ช่างยากลำบาก การระวังผู้อื่นนั้นมิควรขาด!”ผู้ลี้ภัยมองดูหลี่หลงหลินด้วยสายตาที่น่าสงสัยพวกเขาเดิมทีก็เป็นชาวบ้านที่ใจดีและใสซื่อ ไม่มีความระแวงใดๆแต่หลังจากที่พวกเขามาถึงเมืองหลวง ช่วงนี้พวกเขาถูกหลอกจนน่าสงสาร!กลางวันทำงานบ่อยๆ ไม่ได้รับค่าจ้าง ทั้งถูกคนทุบตี ถูกเตะ กระทั่งไปบอกทางการ ก็ยังถูกปล่อยผ่านโดนหลอกก่อนถึงจะได้รับบทเรียนผู้ลี้ภัยได้เรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง จึงไม่วางใจเชื่อคนอื่นปัจจุบันนี้ค่าแรงในเมืองหลวงอยู่ที่เดือนละหนึ่งตำลึงเท่านั้นชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราตรงหน้าเสนอเงินให้สามตำลึง ซึ่งเป็นราคาสามเท่า แถมยังสรุปบัญชีทุกวัน ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ปกติ!!หลิวเกินเซิงก็อยู่ในฝูงชนเช่นกัน เขาขยี้ตาแล้วอุทานว่า “องค์ชายเก้า! นั่นองค์ชายเก้า!”หลังจากเสียงเตือนขึ้นมาเช่นนั้น ผู้ลี้ภัยก็จำหลี่หลงหลินได้ “ท้องฟ้ามืดแล้ว เมื่อครู่นี้มองไม่ชัด นั่นองค์ชายเก้าจริงๆ!”“องค์ชายเก้าไม่เคยโกหกใคร ถ้าเขาบอกว่าเดือนละสามตำลึงก็คือสามตำลึง!”ปัจจ
แม้แต่องค์ชายก็ไม่ได้! หลายวันต่อมา ฮ่องเต้หวู่ที่เพิ่งเลิกจากการว่าราชการ เมื่อเดินทางมาถึงห้องทรงพระอักษร ก็เห็นฎีกาของเหล่าบัณฑิตที่กล่าวโทษองค์ชายเก้า หลังจากอ่านฎีกาแล้ว ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เจ้าเก้ากำลังทำอะไรอยู่? เขาบอกว่าจะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไปเปิดโรงเรียนทหารที่ภูเขาทิศประจิม แล้วยังฉวยโอกาสหาเงินอีก?” “ภายในเวลาไม่กี่วันสั้นๆ เขาก็เก็บภาษีอย่างไม่เป็นธรรมไปกว่าแสนตำลึงแล้วหรือ?” “ช่างน่ารังเกียจจริงๆ!” ที่จริงแล้วฮ่องเต้หวู่รู้สึกอิจฉา เราจนถึงขั้นเหลือแค่เหรียญ เจ้าน่ะเป็นถึงองค์ชาย กลับออกไปกอบโกยเงินทองเป็นกอบเป็นกำ? ใครจะทนได้? โดยเฉพาะเมื่อฮ่องเต้หวู่ทรงทราบว่า องค์ชายเก้าจงใจนำจี้ที่ตนประทานให้ ไปแขวนไว้ที่โรงเรียนทหารซีซาน ก็ยิ่งทรงกริ้วมากขึ้น! “เจ้าเก้าคนนี้!” “ถึงกับใช้ชื่อของเราไปหลอกลวงต้มตุ๋น!” “สหายเว่ย ประกาศพระราชโองการของเราออกไป ให้เจ้าเก้ารีบมาที่นี่ เราจะต้องตำหนิเขาสักหน่อย เพื่อไม่ให้เขาเหลิงจนเกินไป แล้วก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา!” ฮ่องเต้หวู่สั่งเว่ยซวิน เว่ยซวินถูกหลี่หลงหลินซื้อตัวไปแล้ว และเป
ที่จริงแล้วเว่ยซวินได้เตรียมการเรื่องหน่วยองครักษ์เสื้อแพรไว้เกือบเสร็จแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดเพียงลมตะวันออก รอเพียงชุดมัจฉาบินและดาบปักลาย เพื่อจะไปรีดไถพวกชนชั้นสูงให้หนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลี่หลงหลินก็ยังไม่มีข่าวคราว เว่ยซวินเริ่มสงสัย องค์ชายเก้า ทำไมถึงเชื่อถือไม่ได้เลย? ก็แค่ดาบเล่มหนึ่ง เสื้อผ้าชุดหนึ่ง ทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนี้? ดูเหมือนว่า วันนี้หลังจากทำงานเสร็จแล้ว เราต้องออกจากวังไปถามองค์ชายเก้าสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น! ณ หอละอองฝนใน จวนตระกูลซู เมื่อหลี่หลงหลินได้รับข่าวว่าชุดมัจฉาบินเสร็จแล้ว ก็รีบพาซูเฟิ่งหลิงมาที่นี่อย่างตื่นเต้น: “พี่สะใภ้สี่ ชุดมัจฉาบินเสร็จแล้วหรือยัง?” หลิ่วหรูเยียนส่งยิ้มหวานดุจบุปผาพลางชี้นิ้วไปที่เสื้อผ้าบนโต๊ะ: “เสร็จแล้ว! ให้น้องหญิงเล็กไปลองสวมดูสิ!” หลี่หลงหลินหยิบชุดมัจฉาบินขึ้นมา ดูอย่างละเอียด แล้วก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ หลิ่วหรูเยียนมีฝีมือที่ยอดเยี่ยม ชุดมัจฉาบินชุดนี้ เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ไม่มีผิด ซูเฟิ่งหลิงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น: “ชุดนี้น่ะ เท่และสง่างามอย่างที่เจ้าพูดจริงหรือ?” หลี่หลง
ฉึบฉึบฉึบ ๆ ๆ... แสงดาบสาดส่องไปทั่ว ดุจพายุที่พัดกระหน่ำจนไม่อาจต้านทาน ใบไผ่ร่วงหล่นไม่ขาดสาย กระทบกับคมดาบแล้วแหลกเป็นผุยผง! ในหัวของหลี่หลงหลิน ก็ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง “ศัตรูรอบด้าน”ผุดขึ้นมา สาวงามผู้กล้าหาญอย่างซูเฟิ่งหลิง สวมชุดมัจฉาบิน โบกสะบัดดาบปักลาย ช่างงดงามและสง่ามากจริงๆ! แป๊ะแป๊ะแป๊ะ... ทันใดนั้นก็มีคนปรบมืออยู่ข้างหลัง และชมเชยว่า: “ดาบก็คม! คนก็สง่างาม!” หลี่หลงหลินหันกลับไปมอง พบว่าลั่วอวี้จู๋ได้พาขันทีเฒ่าในชุดปักลายหม่างมาด้วย และเขาก็คือพระเก้าพันปีเว่ยซวิน “เว่ยกงกง!” หลี่หลงหลินตกใจเล็กน้อย และถามด้วยความประหลาดใจ: “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?” เว่ยซวินสีหน้าเศร้าหมอง เขาเอ่ยพลางถอนหายใจ: “องค์ชายเก้า ท่านไปกอบโกยเงินอยู่ที่ภูเขาทิศประจิม ทำให้ผลประโยชน์ของเหล่าบัณฑิตเสียหาย พวกเขารวมตัวกันฟ้องร้องท่าน ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วมาก!” หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม บัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่ ใจแคบขนาดนี้เชียว?ข้าเปิดโรงเรียนทหารของข้า พวกท่านก็เปิดสำนักศึกษาของพวกเขา มันเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย? เดิมทีก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายกัน เหมือนถนนใหญ่ที่มุ่งสู่ฟ้า
เว่ยซวินจากไปอย่างมีความสุข ฝ่ายลั่วอวี้จู๋ยังคงอยู่ลูบๆ ถูๆ ดาบปักลายอย่างลังเล: “ดาบที่ดีขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นอาวุธเทพ! ขายแค่ร้อยตำลึง ถูกเกินไปแล้ว!” หลี่หลงหลินยิ้ม: “แล้วท่านว่าควรขายเท่าไหร่?” ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้ว: “อาวุธเทพ หายากยิ่ง! ถ้าเอาดาบปักลายเล่มนี้ไปขายในตลาด อย่างน้อยก็ต้องพันตำลึง หรืออาจจะแพงกว่านั้น! ครั้งนี้พวกเราขาดทุนแล้ว!” หลี่หลงหลินเอ่ยคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม: “พันตำลึง มันคุ้มค่าขนาดนั้นจริงหรือ?” กงซูหว่านพยักหน้า: “นั่นคือเหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งนะ! ต่อให้ไม่ตีเป็นดาบ แค่เหล็กกล้าที่ตีหนึ่งร้อยครั้งก้อนหนึ่ง ราคาในตลาดก็เกินห้าร้อยตำลึงแล้ว...” หลี่หลงหลินยิ้ม และเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ: “ช่างมันเถอะ! ถือว่าขายให้หน่วยองครักษ์เสื้อแพรในราคาถูกก็แล้วกัน!” ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก เอ่ยอย่างไม่พอใจ: “ทำไมเจ้าไม่ขายให้กองทัพตระกูลซูในราคาถูกบ้างล่ะ? ดาบดีขนาดนี้ ทำไมต้องขายให้หน่วยองครักษ์เสื้อแพรก่อน? ของดีไม่ควรตกไปอยู่ในมือคนนอก หรือว่ากองทัพตระกูลซูคู่ควรแค่ใช้ดาบห่วย ๆ?” หลี่หลงหลินส่ายหัว: “ความคิดของเจ้าน่ะดี แต่ทำได้ยาก” ซูเฟิ่งหลิงไม่เข้าใจ:
หลี่หลงหลินมองการณ์ไกล และทำเพื่อแคว้น เพื่อทหาร เพื่อประชาชน! ดังที่เขาพูด ถ้าต้าเซี่ยล่มสลาย การหาเงินมาได้มากมายจะมีความหมายอะไร? สู้มอบวิธีการถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอมให้กับฮ่องเต้ ให้กรมโยธาได้ผลิตเหล็กกล้าจำนวนมาก สร้างอาวุธและชุดเกราะ ถ้าทหารแนวหน้าได้รับอาวุธที่ดีอย่างดาบปักลาย ตอนที่ต้องสู้รบ โอกาสรอดชีวิตก็จะเพิ่มขึ้น ซูเฟิ่งหลิงมองหลี่หลงหลินอย่างลึกซึ้ง: “ข้าสนับสนุนให้มอบวิธีการถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอมให้กับฮ่องเต้!” ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจ: “เงินทองมากมายแค่ไหนถึงจะพอ? ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของทหารมีค่ามากกว่า! ข้าก็เห็นด้วย!” มีเพียงกงซูหว่านที่เม้มริมฝีปาก เงียบไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ หลี่หลงหลินจึงเอ่ยถาม: “พี่สะใภ้รอง แล้วท่านล่ะ?” กงซูหว่านได้สติกลับมา: “ข้าไม่สนใจว่าจะหาเงินได้หรือไม่! เพียงแต่ องค์ชายเก้ามอบวิธีการถลุงเหล็กกล้าด้วยเตาหลอมให้กับฮ่องเต้ไปเปล่าๆ ฮ่องเต้จะเห็นความสำคัญจริง ๆ หรือ?” “ต่อให้ฮ่องเต้เห็นความสำคัญ ข้าราชการทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊จะเห็นความสำคัญหรือไม่? กรมโยธาจะเห็นความสำคัญหรือเปล่า?” “ตระกูลกงซูประดิษฐ์อาวุธสง
หลังจากออกจากสวนไผ่ ซูเฟิ่งหลิงอดไม่ได้ที่จะถามว่า: “องค์ชายเก้า ทำไมท่านถึงเสนอให้พี่สะใภ้รองไปเป็นขุนนางที่กรมโยธา? และทำไมนางถึงตกลง?” หลี่หลงหลินยิ้ม: “เพราะข้าดูออกว่า พี่สะใภ้รองเป็นคนหลงใหลในอำนาจ” ซูเฟิ่งหลิงโกรธจนหน้าแดง: “ท่านพูดเหลวไหล! พี่สะใภ้รองเป็นคนไม่สนใจลาภยศ ไม่เห็นจะอยากเป็นขุนนาง มุ่งมั่นแต่การประดิษฐ์คิดค้น! ฮึ่ม ต้องมีเหตุผลอื่นแน่!” หลี่หลงหลินยิ้ม แต่ไม่ตอบอะไร เหตุผลนั้นง่ายมาก กงซูหว่านทุ่มเทให้กับการประดิษฐ์คิดค้นจริง ๆ แต่ต้องการทรัพยากรจำนวนมาก ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว กรมโยธา สำหรับกงซูหว่านแล้ว เป็นก้าวสำคัญที่ดีที่สุด ที่นั่น กงซูหว่านสามารถทำตามความฝันของนางได้ ทำให้ความปรารถนาของตระกูลกงซูเป็นจริง! ซูเฟิ่งหลิงถามอีก: “ท่านทำให้นางเข้ารับราชการได้จริง ๆ หรือ?” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “มีโอกาสแปดในสิบส่วน! ที่จริงแล้ว ข้าก็กำลังเดิมพัน!” ซูเฟิ่งหลิงไม่เข้าใจ: “เดิมพันอะไร?” หลี่หลงหลินดวงตาเป็นประกาย: “เดิมพันว่าขันทีเว่ยซวินจะโลภมากพอ!” วันรุ่งขึ้น ก็มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง การรับสมัครหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเริ่มต้นขึ้
ตู้เหวินยวนก้าวออกมาจากฝูงชน กล่าวด้วยความชอบธรรม: “ฝ่าบาท! ข้าน้อยขอฟ้องร้องเว่ยซวินและหลี่หลงหลิน ที่ใช้องครักษ์เสื้อแพรเป็นข้ออ้าง รีดไถเงิน คดโกง หลอกลวงชนชั้น!” เหล่าข้าราชการคนอื่น ๆ ก็ออกมาพูดสนับสนุน: “ฝ่าบาท ครั้งนี้มีหลักฐานชัดเจน ต้องลงโทษเว่ยซวินและหลี่หลงหลินอย่างหนัก! คืนความยุติธรรมให้กับราชสำนัก!” ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วมุ่น เพิ่งจะสงบไปได้ไม่กี่วัน? ตู้เหวินยวนและข้าราชการกลุ่มนี้ ก็เริ่มก่อเรื่องโจมตีเจ้าเก้าอีกแล้ว หน้าของพวกเขาที่ถูกเจ้าเก้าตบยังบวมไม่พอหรือ? แผลหายแล้วก็ลืมเจ็บ! สิ่งที่แตกต่างคือ เป้าหมายการโจมตีของตู้เหวินยวนในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าเก้า แต่ยังรวมถึงเว่ยซวินด้วย! ฮ่องเต้หวู่เหลือบมองเว่ยซวิน เว่ยซวินมีพิรุธ เขารีบก้มหน้าไม่พูดอะไร ฮ่องเต้หวู่เข้าใจทันทีว่าต้องมีเบื้องหลังบางอย่าง! ฮ่องเต้หวู่ไม่แสดงอาการใด ๆ เพียงมองไปที่จางเฉวียน: “หรงกั๋วกง เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือไม่?” จางเฉวียนเป็นผู้นำของชนชั้นสูง จางอี้ลูกชายของเขา ก็เป็นรองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพร เรื่องนี้ ฮ่องเต้หวู่ถามจางเฉวียน ถือว่าถามถูกคน แน่นอนว
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็