“ฮี่ๆๆ!”“คิดไม่ถึงล่ะสิ!”แม่นางน้อยตบท้องกลมๆ ของนางแล้ววางมาดเป็นผู้อาวุโส “ข้าเป็นพี่สะใภ้สามของเจ้า ซุนชิงไต้!"เสียงของนางชัดเจนและไพเราะ การเคลื่อนไหวของนางน่ารักและไร้เดียงสา ให้คนรู้สึกตลกเหมือนเด็กกำลังแกล้งเป็นผู้ใหญ่หลี่หลงหลินมองไปที่ซูเฟิ่งหลิงด้วยความสงสัย “นางเป็นพี่สะใภ้สามจริงๆ หรือ?”“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ?” ซูเฟิงหลิงกลอกตามองไปที่หลี่หลงหลินแล้วรีบไปหาซุนชิงไต้ พูดด้วยความกังวลว่า “พี่สะใภ้สาม เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”ซุนชิงไต้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้าแค่แกล้งหมดสติ!”ซูเฟิ่งหลิงกัดริมฝีปาก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้! เจ้าสุนัขหลี่หลงหลินเจ้า ไม่ได้แตะต้องอะไรเจ้าใช่หรือไม่! เขาชั่วร้ายมาก...”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกต่อให้ลามกขนาดไหน ก็ไม่แตะต้องสาวน้อยนางหนึ่งหรอกกระมังหลี่หลงหลินคิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเขายุคนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีข้าวกิน โดยเฉพาะสตรี ส่วนมากจะผอมและตัวเล็กจนยากที่จะบอกอายุที่แท้จริงของนางได้ในบรรดาญาติสตรีของตระกูลซู ลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน หลิ่วหรูเหยียน และซูเฟิ่งหลิง ต่างเป็นหญิงสาวงดงามขาเรียวยาว เอวบาง และห
ราวกับผีที่หิวโหยกลับชาติมาเกิด ไม่ได้กินอาหารมาแปดชาติซูเฟิ่งหลิงกระตือรือร้นมาก นางตักผักใส่ชามของซุนชิงไต้พร้อมทั้งเกลี้ยกล่อมนาง “พี่สะใภ้สาม เจ้าต้องกินเยอะๆ นะ! ยังไงซะ องค์ชายเก้าก็เป็นคนเลี้ยง ดังนั้นกินให้เต็มที่!”ไม่เพียงแต่หลี่หลงหลินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหนิงชิงโหวและบัณฑิตหยิ่งยโสที่ตามมาทั้งหมดก็ตกตะลึงเช่นกัน“สาวน้อยคนนี้คือหมอเทวดาซุนชิงไต้จริงๆ หรือ?”“เรื่องทักษะทางการแพทย์ของนางยังไม่แน่ชัด แต่นางดูกินได้เยอะ!”“ตัวเล็กๆ แบบนี้กินได้เยอะขนาดนี้ได้ยังไง มันแปลกมาก!”หลี่หลงหลินมองดูซุนชิงไต้กินอาหารราวอย่างตะกละตะกลาม เหมือนกับคลื่นลมคลื่นฝน ทำลายจานแล้วจานเล่า และคร่ำครวญว่านางเกิดมาเสียเปล่า!ไม่ต้องพูดถึงทักษะการรักษาของนางเป็นอย่างไร พูดถึงเรื่องที่นางกินได้มากขนาดนี้ แต่ทำไมยังผอมในยุคปัจจุบัน จะต้องเป็นราชากินจุระดับโลกแน่!“เอ่อ...”“อิ่มแล้ว! สบายจริงๆ!”ซุนชิงไต้กินปลาและเนื้อจนหมดโต๊ะ จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้พร้อมกับเรอออกมาอย่างสบายใจ “ไม่ได้กินอะไรสบายๆ แบบนี้มานานแล้ว! องค์ชายเก้า เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ”หงายบัตรคนดีติดต่อกันถึงสองครั้ง ท
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ซุนชิงไต้ก็ตรวจผู้ป่วยตนครบทุกคนแล้วดวงตาโตของนางจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “น่องไก่ที่พวกเราตกลงกันไว้ล่ะ?”หลี่หลงหลินตกใจ แล้วมองไปที่ความยุ่งเหยิงบนโต๊ะ “นี่เจ้ายังกินได้อีกหรือ?”ซุนชิงไต้เม้มปาก แล้วทำแก้มป่อง “ข้าเอกลับไปกินตอนดึกไม่ได้หรือ?”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกความจุอาหารของสตรีผู้นี้ดีกว่าทักษะทางการแพทย์เสียอีก!หลี่หลงหลินได้แต่สั่งให้คนไปเอาน่องไก่สองชิ้นมาให้ชุนชิงไต้ซุนชิงไต้ใส่น่องไก่เข้าไปในอกเสื้อของนางแล้วจากไปอย่างมีความสุข คิดจะซ่อนตัวแทะมันใต้ผ้าห่มซูเฟิ่งหลิงเหนื่อยมาทั้งวัน จึงไม่คิดจะกลับไปที่จวนตระกูลซู แต่อยู่ที่เขาทิศประจิมถึงยังไงที่เขาทิศประจิมก็มีห้องว่างมากมาย หากไม่เข้าไปอยู่เลย ก็อาจจะเสียเปล่านางหาว “ข้าจะไปนอนแล้ว”“ช้าก่อน”หลี่หลงหลินหยุดซูเฟิ่งหลิงเอาไว้ “สะใภ้สามอายุเท่าไหร่กันแน่?”ซูเฟิ่งหลิงกลอกตามอง “เจ้าคิดอะไร? ไม่รู้หรือว่าอายุของเด็กสาวเป็นความลับ ห้ามถามสุ่มสี่สุ่มห้า ยังไงก็เถอะ อายุของพี่สะใภ้สามก็พอๆ กับข้านั่นแหละ...”หลี่หลงหลินถามแปลกๆ “แล้วนางกับพี่สามตระกูลซูรู้จักกันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงก็
“พวกขุนนางก็มีปากเสียงทะเลาะกันทุกวันในท้องพระโรง!”“ไหนจะวังหลัง ลูกชายของฉินกุ้ยเฟยตาย นางก็เอาแต่อยากตายทั้งวัน ตอนนี้ก็ป่วยหนักไม่ดีขึ้น!”“จะให้ข้ากินลงได้อย่างไร?”“มีแค่เจ้าเก้าเท่านั้น ที่ทำให้ข้าสบายใจได้บ้าง!”เมื่อฮ่องเต้หวู่นึกถึงหลี่หลงหลิน คิ้วที่ขมวดก็เลิกขึ้นอีกครั้ง แล้วถามว่า “ช่วงนี้มีข่าวอะไรจากเจ้าเก้าบ้างหรือไม่?”เว่ยซวินกระซิบว่า “องค์ชายเก้าสร้างเรื่องใหญ่อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่เลิกคิ้ว สนใจขึ้นมา “เรื่องใหญ่? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเว่ยซวินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “องค์ชายเก้ากำลังวัดที่ดินและจัดสรรที่ดินหนึ่งหมื่นไร่ให้กับผู้ลี้ภัยเพื่อทำการเกษตร ได้ยินว่ายังไม่ต้องเสียค่าเช่า! ขุนนางไม่พอใจมาก ต่างก็คิดว่าการทำเช่นนี้ขององค์ชายเก้านั้นไม่เหมาะสม แต่ก็ยังหาจุดบกพร่องไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินดังนั้น เขาก็ถูมือแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สมกับเป็นเจ้าเก้า แบ่งเบาความกังวลของข้าได้ทุกเวลาจริงๆ! เดิมทีข้ายังกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของพวกลี้ภัยนอกเมือง แต่เจ้าเก้าก็แบ่งที่นาให้พวกเขาทำกิน!”“วิธีนี้ ผู้ลี้ภัยไม่เพียงแต่จะมีที่ดินให้เพาะปลูกเท่านั้
วันรุ่งขึ้นหลี่หลงหลินยืนอยู่พิงราวบันได แล้วมองไปที่เขาทิศประจิม มองดูผู้คนที่พลุกพล่าน จากนั้นก็ทอดถอนใจ “มันช่างน่าเบื่อจริงๆ”ซุนชิงไต้กำลังเคี้ยวน่องไก่อยู่ข้างๆ แล้วทอดถอนใจเช่นเดียวกัน “ช่างน่าเบื่อจริงๆ”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกในฐานะหมอประจำโรงเรียนคนเดียวของเขาทิศประจิม เดิมทีควรจะยุ่งจนไม่มีเวลาแต่เพราะทักษะการรักษาของนางมันสูงมากเพียงหนึ่งชั่วยามสั้นๆ อาการป่วยที่สะสมมาหลายเดือนก็หายดีหมดแล้วหากนางไม่เบื่อแล้วจะมีใครเบื่อ?หลี่หลงหลินเอ่ยแนะนำ “สะใภ้สาม ทักษะทางการแพทย์ของเจ้านั้นล้ำเลิศมาก เคยคิดหรือไม่ว่าจะรับคนไว้สอนทักษะทางการแพทย์ให้พวกนางโดยเฉพาะ?”ซุนชิงไต้ตอบง่ายๆ ว่า “ไม่”หลี่หลงหลินขมวดคิ้ว “ทำไม?”ซุนชิงไต้ตอบว่า “น่าเบื่อ”หลี่หลงหลินก็ใช้ของหลอกล่อ “ข้าเพิ่มน่องไก่ให้เจ้าดีหรือไม่”ซุนชิงไต้ยิ้มหวานราวดอกไม้ พยักหน้าตอบว่า “ได้”หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน หลี่หลงหลินก็รู้นิสัยของซุนชิงไต้ชัดเจนดีแล้วยกเว้นเรื่องการกิน การประเมินเรื่องราวต่างๆ ของนางจะมีเพียงคำว่าน่าเบื่อเท่านั้นแม้แต่การรักษาผู้ป่วย สำหรับซุนชิงไต้แล้ว ก็เป็นเพียงวิธีการหาเ
แต่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ นับว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่งถ้าฮ่องเต้หวู่เป็นอะไรจริงๆ อย่างเช่นอยู่ๆ ก็เกิดป่วยขึ้นมา เช่นนั้นต้าเซี่ยก็อาจจะพังพินาศเป็นเสี่ยงๆ เกิดสงครามไปทั่วทุกที่ แม้แต่แผ่นดินก็จะหายไปสามารถกล่าวได้เลยว่าชะตาชีวิตของราษฎรทั้งหมดในต้าเซี่ย ล้วนถูกกำหนดโดยฮ่องเต้หวู่หลี่หลงหลินจึงพูดอย่างตรงไปตรงมากับซุนชิงไต้ “สะใภ้สาม ตามข้าเข้าไปวังไปรักษาอาการประชวรของเสร็จพ่อเถอะ”ซุนชิงไต้ตอบกลับสั้นๆ ได้ใจความ “ไม่ไป น่าเบื่อ”หลี่หลงหลินใช้ไม้ตาย “ในวังมีของกินมากมาย ถ้าเจ้าตกลงเข้าวัง ข้าจะให้ห้องเครื่องทำของอร่อยให้เจ้ากิน”ซุนชิงไต้น้ำลายไหล รีบพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะรออะไรอีกล่ะ ยังไม่รีบไปอีก?”เว่ยซวินมีสีหน้าประหลาดใจ มองไปที่หลี่หลงหลินแล้วกล่าวว่า “องค์ชายเก้า เด็กผู้นี้คือใคร? ทำไมเจ้าไม่ไปหาหมอเทวดาซุน มาพูดไร้สาระอะไรกับนาง?”หลี่หลงหลินทอดถอนใจกล่าวว่า “เว่ยกงกง นางนี่แหละคือสะใภ้สามของข้าซุนชิงไต้หมอเทวดาที่ว่า...”เว่ยซวินตกใจมาก สายตาจ้องมองไปที่ซุนชิงไต้อยู่ครึ่งวัน “แต่ว่าไม่ว่าจะมองอย่างไรนางก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง...”หลี่หลงหลินขี้เกีย
ตำหนักจิ่นซิ่วฉินกุ้ยเฟยนอนอยู่บนเตียงที่ปิดด้วยม่านหลายชั้น ดวงตาตาของนางปิดสนิท และใบหน้าของนางก็เหมือนกระดาษทองคำองค์ชายสี่ หลี่จือดูแลนางอย่างดี เช็ดหน้าผากของฉินกุ้ยเฟยอย่างอ่อนโยนฮ่องเต้หวู่นั่งข้างๆ ใบหน้าถมึงทึง จ้องมองหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา “อาการของฉินกุ้ยเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงก้มศีรษะลง “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ฉินกุ้ยเฟยยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่โกรธเคืองมาก จึงด่าว่า “ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ! แม้แต่อาการป่วยเล็กน้อยเช่นนี้ก็รักษาไม่ได้ ข้าจะเก็บพวกเจ้าเอาไว้แล้วมีประโยชน์อะไร!”พวกหมอหลวงตัวสั่นไม่กล้าพูดอะไรฮ่องเต้หวู่หงุดหงิดมาก เดินไปมาและถามขันทีที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “เว่ยซวินหายไปนานแล้ว ทำไมหมอเทวดาซุนยังไม่มาอีก?”หลี่จือพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เสด็จพ่อ ข้าได้ยินมาว่าหมอเทวดาซุนมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมีจิตใจเมตตาของพระโพธิสัตว์ ไม่มีทางไม่ช่วยคนที่กำลังจะตาย! ข้าเกรงว่า...เจ้าเก้ากำลังสร้างปัญหาอยู่...”ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดลง แล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าสี่ พอได้แล้ว! ทำไมเจ้าไม่รู้จั
ข้าผู้เป็นถึงขันทีเก้าพันปี ผู้ยิ่งใหญ่ในราชสำนัก เล่นงานเหล่าขุนนางและขุนศึกได้ดั่งใจ จะมาถูกหลอกจากการที่เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งเล่นแผลงๆ ได้อย่างไร? และยังอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หวู่อีก เสียหน้ายิ่งนัก! เว่ยซวินจ้องมองหลี่หลงหลินอย่างโกรธเคือง "องค์ชายเก้า ทำไมท่านไม่บอกข้าแต่แรก..." หลี่หลงหลินยักไหล่ "ข้าก็นึกว่าเว่ยกงกงแกล้งกันเล่นๆ กับพี่สะใภ้สามอยู่! ไม่คิดว่าท่านจะเชื่อจริงๆ" เว่ยซวินโกรธจนหน้ามืดตามัวแทบจะเป็นลมล้มพับไป แต่ซุนชิงไต้กลับหัวเราะคิกคัก และรู้สึกว่ามันสนุกดี ฮ่องเต้หวู่มองหญิงสาวหน้าหวาน ด้วยใบหน้าขมวดคิ้วแล้วมองไปที่หลี่หลงหลิน "เจ้าเก้า นางคือซุนชิงไต้พี่สะใภ้สามของเจ้าหรือ?" หลี่หลงหลินพยักหน้า "พ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้หวู่ถามต่อ "ฝีมือด้านการแพทย์ของนางเป็นอย่างไร?" หลี่หลงหลินตอบอย่างไม่ลังเล "ฝีมือลึกล้ำดุจเทพเซียน!" ในใจแอบบ่นว่า ฝีมือการกินก็สุดยอดไม่แพ้กัน! ฮ่องเต้หวู่ยังคงเชื่อมั่นในหลี่หลงหลินมาก เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ดี! งั้นก็ขอให้หมอเทวดาซุนรักษาฉินกุ้ยเฟยเถอะ!" ถึงแม้ว่าซุนชิงไต้จะดูร่าเริงเหมือนเด็กๆ แต่จริงๆ แล้วนางมีหัวใจของหมอ
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค