ณ ศาลากลางทะเลสาบซูเฟิ่งหลิงสวมชุดกระโปรงแดง กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นหลี่หลงหลินไอ้คนชั่ว ทุกวันล้วนเกียจคร้าน รู้เพียงหาเงินๆ!รู้เพียงหาเงินเท่านั้น เทียบกับตู้เหวินยวนพวกขุนนางทุจริตเหล่านั้น แตกต่างกันที่ใด?รอจนกระทั่งกองทัพเผ่าหมานบุกมาแล้ว หาเงินมากมายยังมีประโยชน์อันใด?ยังมิใช่เย็บชุดเจ้าสาวแทนคนอื่นอีกหรือ?มิหนำซ้ำตนเองก็กล่าวคำสาบานไปแล้ว ชนเผ่าป่าเถื่อนทางแดนเหนือไม่ถอยทัพ ก็ไม่มีวันแต่งงานเป็นอันขาดเหตุใดเขาไม่เข้าใจ?หรือต้องให้ตนเองไม่แต่งกับใครไปชั่วชีวิตกระนั้นรึ?“อย่าร้องเลย!”ไม่รู้หลี่หลงหลินมาอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่ยามใด เอ่ยปลอบเสียงนุ่มนวลซูเฟิ่งหลิงว้าวุ่น ปาดน้ำตาบนใบหน้า “ฮึ! เจ้าไม่ต้องสนใจข้า! ยิ่งไปกว่านั้น ใครร้องไห้กันเล่า!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นบนหน้าเจ้าคือสิ่งใด?”ซูเฟิ่งหลิงยังปากแข็งดังเดิม “ลมแรงทรายพัดเข้าตา มิได้หรือ?”หลี่หลงหลินพูดสีหน้าจริงจัง “เมื่อครู่ข้าคุยกับพวกพี่สะใภ้แล้ว! คิดว่าเจ้าพูดมีเหตุผล! มีเพียงขี่ม้าถึงจะสามารถต่อสู้กับทหารม้าได้!”ซูเฟิ่งหลิงชะงัก มองหลี่หลงหลินอย่างไม่เข้าใจ “นี่ท่านกำลังพูดเรื่องใด?”
ภายนอกเมืองหลวง ในระยะห้าสิบลี้ณ ค่ายทหารซีเหลียงธงโบกสะบัด เสียงหัวเราะดังออกจากภายในค่ายเป็นบางครั้งซีเหลียงอ๋องหลี่เฟิงอวิ๋นกำลังกินดื่มอย่างยิ่งใหญ่กับทหารซีเหลียงทั้งหมด มีความสุขมาก“ท่านอ๋อง!”“องค์ชายสี่ขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ!”ทหารคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาอย่างว่องไว รายงานต่อหลี่เฟิงอวิ๋นหลี่เฟิงอวิ๋นพยักหน้า “เจ้าสี่มาแล้วรึ! ให้เขาเข้ามา!”ครู่ต่อมาองค์ชายสี่หลี่จือสวมใส่ชุดทั่วไปเข้ามาในกระโจมของกองทัพ ค้อมตัวคารวะหลี่เฟิงอวิ๋น “พี่สาม!”“นั่ง!”หลี่เฟิงอวิ๋นไล่ทางซ้ายและขวาออกไป หลังหลี่จือนั่งลงแล้ว เอ่ยปากถาม “ระยะนี้เจ้าเก้าทำอันใด?”หลี่จือเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าเก้าไอ้ชั่วนั่นทำร้ายเสด็จแม่ข้าอย่างโหดร้าย จนตอนนี้ยังไม่ยอมกินอะไร เพียงกินเข้าไปก็อาเจียนออกมา! บัดนี้เขายังพูดว่าต้องการสร้างกองทัพทหารม้า!”หลี่เฟิงอวิ๋นหรี่ตาลง ยิ้มเย็นพูดว่า “ทหารม้า? เจ้าเก้าไม่มีม้าศึก สร้างกองทัพทหารม้าบ้าอะไร?”หลี่จือส่ายหน้า สายตาอำมหิต “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ! ข้ามาเพื่อเตือนพี่สาม ไม่ว่าเจ้าเก้าเสนอราคาเยี่ยงไร ท่านอย่าได้ขายม้าให้เขาเป็นอันขาด!”หลี่เฟิงอวิ๋นมองหลี่จืออย่า
แม่ทัพซีเหลียงทางด้านข้างเผยแววตาอำมหิต “ท่านอ๋อง จะให้หลอกองค์ชายเก้าเข้าค่าย ลอบสังหารเขาหรือไม่!”หลี่เฟิงอวิ๋นครุ่นคิด พูดเสียงเย็น “นั่นไม่จำเป็น! ออกคำสั่งนักดาบ ลอบเตรียมความพร้อม! ข้าจะไปพบหน้าเจ้าเก้า ดูว่าปากสุนัขของเขาจะคายสิ่งใดออกมา!”แม่ทัพประกบมือ “น้อมรับคำสั่ง!”ขณะเดียวกันหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงสองคนรออยู่ที่ด้านนอกค่ายทหารซีเหลียงหลี่หลงหลินยังเหมือนปกติ สวมเสื้อคลุม เพียงแต่ภายในยังสวมเกราะชั้นในอีกด้วยซูเฟิ่งหลิงกลับคล้ายเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ สวมชุดเกราะเต็มยศ แบกทวนเงินไว้บนหลัง เอวยังแขวนดาบและกระบี่อีกด้วยดาบคือดาบปักลาย กระบี่คือกระบี่อาญาสิทธิ์วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย!ซูเฟิ่งหลิงมองทหารสวมเกราะถืออาวุธคมกริบของซีเหลียง สีหน้าไม่สบอารมณ์ “หลี่หลงหลิน ท่านบ้าไปแล้วจริงๆ! ถึงขั้นให้ข้ามาพบซีเหลียงอ๋องกับท่าน! ยึดตามอุปนิสัยโหดเหี้ยมของเขา พวกเราต้องตายอย่างแน่นอน!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พวกเราสองสามีภรรยาก็ฝังร่วมกัน จะได้เป็นยวนยางชะตาผูกกันพอดี!”ซูเฟิ่งหลิงสบถอย่างมีโทสะ “ไสหัวไป! ใครอยากฝังร่วมกับท่าน!”กระชับสั้นเพียงสองประโยค ซูเฟิ่งหลิงกลั
สายตาของซูเฟิ่งหลิงค่อนข้างสิ้นหวังค่ายใหญ่สามพันคน ซึ่งทุกคนในนั้นล้วนมีความฮึกเหิม หากตัวเองอยากจะฆ่าตัวตายเพื่อออกไป นั้นยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ บางที ตัวเองอาจจะต้องตายพร้อมกับหลี่หลงหลินจริงๆ และกลายเป็นเป็ดยวนยางที่มีชะตาชีวิตเหมือนกัน“เจ้าเก้าเอ๋ยเจ้าเก้า!”หลี่เฟิงอวิ๋นมีสีหน้าเยาะเย้ย “ก่อนที่เจ้าจะตาย ก็ยังหลบอยู่หลังสตรี ไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือ? แม้ว่าเจ้าจะเป็นสวะ แต่สาวน้อยตระกูลซูผู้นี้ คือแม่ทัพหญิงที่กล้าหาญไม่เป็นรองสตรี”“ช่างเป็นดอกไม้ในกองอึจริงๆ”หลี่เฟิงอวิ๋นยิ้มขี้เล่น แล้วมองไปที่ซูเฟิ่งหลิงตั้งแต่หัวจดเท้า “สิ่งที่ข้าชอบที่สุดก็คือสตรีเช่นเจ้า ตราบใดที่เจ้ายอมจำนน ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า แล้วให้เจ้าเป็นของเล่นของข้า”ใบหน้างดงามของซูเฟิ่งหลิงแดงเรื่อ กัดริมฝีปากสีแดงของนาง “ข้าเกิดมาเป็นคนขององค์ชายเก้า ตายก็เป็นผีของหลี่หลงหลิน เจ้าเลิกเพ้อเจ้อเสียเถอะ”หน้าสิ่วหน้าขวาน ซูเฟิ่งหลิงย่อมพูดสิ่งที่ในใจคิดออกมาจริงๆ แล้ว นางรักหลี่หลงหลินมานานแล้วถ้าตอนนี้ยังไม่พูด ต่อไปก็อาจจะไม่มีโอกาสได้พูดแล้วหลี่หลงหลินได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “วางใจเถอ
ซูเฟิ่งหลิงสูดหายใจเข้าอ๋องซีเหลียง ช่างโหดเหี้ยมจริงๆเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้ ก็สามารถทำออกมาได้เขาแค่ต้องการกักบริเวณตนและหลี่หลงหลิน เลยบอกว่าให้มาเป็นแขกหลี่หลงหลินยิ้ม “พี่สาม เจ้าเป็นคนฉลาด ไม่มีทางทำให้ตัวเองมีเรื่องอันตรายหรอก ยิ่งไปกว่านั้น การที่ข้ามาที่นี่ ก็เพื่อจะคุยธุระกิจใหญ่กับเจ้า”หลี่เฟิงอวิ๋นตะลึง มันเหนือที่คาดไว้เดิมทีเขาคิดว่าหลี่หลงหลินเจอเบาะแสของเจ้าสี่ เลยติดตามมาตลอดทางนอกจากนี้ หลี่หลงหลินยังไม่รู้จักประเมินกำลังของตัวเอง ต้องการใช้ความสัมพันธ์ของตนกับเจ้าสี่มาข่มขู่ตนเองดังนั้นหลี่เฟิงอวิ๋นจึงเด็ดขาดเช่นนี้ ไม่ให้หลี่หลงหลินมีโอกาสใดๆ เขาโยนถ้วยลงเพื่อเป็นสัญญา ให้นักดาบลงมือสุดท้าย หลี่หลงหลินไม่ได้พูดถึงเจ้าสี่เลย แต่กลับบอกว่าต้องหาจะหารือเรื่องธุรกิจอย่างนั้นหรือ?หรือว่าตนจะเข้าใจผิด?เจ้าเก้าไม่ได้พบเจ้าสี่ แต่มาหาเขาโดยเฉพาะ?ไม่อย่างนั้นจะอธิบายได้อย่างไรว่าเขาแจ้งฮ่องเต้หวู่โดยเฉพาะก่อนออกเดินทาง?หลี่เฟิงอวิ๋นเงียบกริบ พูดอย่างเย็นชาว่า “ธุรกิจอะไร? พูดมาให้ฟังหน่อย!”หลี่หลงหลินก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สาม เจ้าน่าจะได้ยินว
แม้จะไม่เอาไหนแต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกไม่ว่าต้องจ่ายเงินไปขนาดนั้น ก็ต้องรอให้ออกจากค่ายซีเหลียงก่อนค่อยคิด“องค์ชายเก้า ไปกันเถอะ!”ซูเฟิ่งหลิงจับมือของหลี่หลงหลินไว้แน่น และถอยห่างออกไปอย่างช้าๆแต่หลี่หลงหลินไม่เต็มใจ “พี่ชาย จะเก็บตั๋วเงินข้าไว้ก็ได้! แต่แล้วม้าล่ะ? มันควรจะเป็นยื่นหมูยื่นแมวไม่ใช่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงและมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความเหลือเชื่อ นี่เจ้าโง่หรือเปล่า?นี่มันเวลาไหน ยังจะไปต่อรองราคากับหลี่เฟิงอวิ๋นอีก?แบบนี้ไม่เท่ากับเจรจากับเสือขอหนังเสือหรือ?หลี่เฟิงอวิ๋นมองไปที่หลี่หลงหลินด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างช้าๆ “เจ้าน้องโง่ของข้า! ม้าต้องเดินทางจากซีเหลียง แน่นอนว่าต้องใช้เวลาสักพัก! เจ้ากลับไปรอให้สบายใจเถอะ”“ทันทีที่ม้าศึกมาถึง ข้าจะส่งคนไปแจ้งเจ้าอย่างแน่นอน!”ใบหน้าของหลี่หลงหลินเต็มไปด้วยความสุข เขาโค้งคำนับให้หลี่เฟิงอวิ๋นขอบคุณ “ขอบคุณพี่สามมาก! ข้าเองก็นึกว่าจะหาซื้อม้าได้ยาก! คิดไม่ถึงว่าจะง่ายขนาดนี้”“แต่ว่า...”ทันใดนั้นหน้าของหลี่หลงหลินก็เปลี่ยนไป แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พี่สามไม่ได้นะ ข้าเตรียมหญ้าเอาไว้มากมาย ซีเหลีย
“ตรวจค้น”หลี่เฟิงอวิ๋นสั่งเสียงเด็ดขาดว่า “ขนหญ้าเหล่านี้ออกมา แล้วตรวจสอบว่ามีปัญหาหรือไม่”ทหารทุกคนในซีเหลียงต่างก็ตะลึงหรือว่าองค์ชายเก้าจะกล้าวางยาพิษไว้ในหญ้า?หลังจากตรวจสอบมาพอสมควรแล้วซีเหลียงก็รายงานต่อหลี่เฟิงอวิ๋น “ท่านอ๋อง หญ้าพวกนี้ไม่มีปัญหาขอรับ”“เป็นหญ้าที่ดีที่สุด มันสดมาก!”“ไม่มีปัญหา”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วเจ้าเก้าคิดจะทำอะไร?เขาคิดไม่ออกหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว หญ้าที่มีคุณภาพดีเช่นนี้ จะให้สูญเปล่าไม่ได้ “แบ่งอาหารให้ม้า! ถ้ามีอะไรผิดปกติ ก็ให้รีบรายงานข้าทันที!”ทหารซีเหลียงยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “น้อมรับบัญชา”ที่แท้หลี่เฟิงหลิงก็กังวลมากเกินไปหญ้าเหล่านี้ไม่มีปัญหาเลยหลายวันติดต่อกัน หลี่หลงหลินก็ส่งหญ้ามาแต่เช้า ไม่มากไม่น้อย ในปริมาณที่พอดีในหนึ่งวันตอนแรกพวกทหารซีเหลียงยังคงระมัดระวังและตรวจสอบอย่างพิถีพิถันมาก กลัวว่าในบ้านจะมีอะไรผสมอยู่เวลาผ่านไปนาน หญ้าก็ไม่เคยมีปัญหา พวกเขาจึงลดความระมัดระวังที่เป็นกิจวัตรประจำวันลง จากนั้นก็ตรวจสอบอย่างลวกๆ!โดยไม่รู้ตัว ก็ครึ่งเดือนผ่านไปแล้วหลี่หลงหลินยังคงส่งหญ้ามาทุกวัน ซีเหลียงจึงเกิดความ
ทุ่งนาถูกเหยียบย่ำจนยุ่งเหยิง ต้นข้าวสาลีจำนวนมากก็ฝังอยู่ในโคลนชาวนาชราหลายคนนั่งอยู่บนคันนา ถือต้นกล้าหักไว้ในมือ และร้องไห้เสียงดังอาหารคือชีวิตของชาวนาเมื่อต้นข้าวถูกทำลาย พวกเขาก็ปวดใจซูเฟิ่งหลิงนำทหารม้าตระกูลซูหลายสิบคน ไปล้อมรอบทหารม้าซีเหลียงสามคนและผูกเอาไว้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธหลี่หลงหลินก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซูเฟิ่งหลิงกัดฟันพูดด้วยความโกรธ “พวกเขานำม้ามาปล่อยที่เขาทิศประจิม ไม่เพียงแต่ทำลายทุ่งนาเท่านั้น แต่ยังทุบตีผู้คนด้วย! ข้าก็เลยพาคนมา ต่อสู้กับพวกเขา”“เฮอะ ทหารม้าซีเหลียงอ่อนแอมาก ทหารม้าหลายสิบคนสู้พวกเราหลายสิบคนไม่ได้ด้วยซ้ำ!”“ข้าโค่นได้สามคน แล้วมัดเอาไว้ ทหารม้าซีเหลียงที่เหลือก็ทิ้งสหายของพวกเขาแล้วหนีไป”หลี่หลงหลินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก จึงรีบพูดว่า “พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักหรือ?”“???”ซูเฟิ่งหลิงงุนงง จ้องมองไปที่หลี่หลงหลินอย่างเหลือเชื่อ แล้วตะโกนว่า “เจ้าไม่ถามข้าว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร แต่กลับถามว่าพวกเขาเจ็บหนักหรือไม่อย่างนั้นหรือ เจ้าเจ้าเจ้า...เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค