บทกวีพันปี? เมื่อได้ยินคำนี้ ทั่วทั้งสวนหลวงพลันเงียบกริบ พระญาติในราชวงศ์ต่างงุนงง หลี่หลงหลินช่างกล้าพูดเหิมเกริมเสียจริง? บทกวียังไม่ได้แต่งด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าประกาศว่าจะเป็นบทกวีพันปี? คิดว่าบทกวีพันปีนั้นหาง่ายเหมือนsy;ผักกาดหรือ? แต่ถึงกระนั้น... การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ช่วยเสริมความน่าเกรงขามได้ไม่น้อย! เซียวเซวียนเช่อหัวเราะเยาะ “บทกวีพันปี? อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าบทกวีใด ๆ ที่เจ้าแต่งก็จะกลายเป็นพันปีได้? น่าขันสิ้นดี!” เซียวเม่ยเอ๋อร์เย้ยหยัน “ไม่นึกเลยว่า องค์ชายเก้าจะเป็นคนพูดจาพล่อยๆ และหยิ่งยโสเสียจริง! ข้าคงตาบอดเสียแล้วที่เคยคิดเลือกเจ้ามาเป็นราชบุตรเขย!” แม้หลี่หลงหลินจะถูกเยาะเย้ย ก็ยังคงสงบนิ่ง เพราะความจริงจะพิสูจน์ทุกอย่าง! รอให้ข้าท่องบทกวีนี้เสร็จ หวังว่าพวกเจ้าจะยังหัวเราะออกนะ! แต่ถึงอย่างนั้น หลี่หลงหลินก็ยังไม่รีบแต่งบทกวี เขาเอามือไพล่หลัง เงยหน้ามองพระจันทร์ที่สุกสกาวบนท้องฟ้า ราวกับกำลังครุ่นคิด การแต่งบทกวีนั้น! มักจะต้องมีการเก็บงำบางสิ่งบางอย่างไว้ เพื่อบ่มเพาะอารมณ์และสร้างบรรยากาศขึ้นมา! หากรีบเร่งจนเกินไป
ยอดเยี่ยมโดยแท้!กวีบทนี้ เทียบกับหม่านเจียงหงกวีบทนั้นแล้ว ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน!ฮองเฮาหลู่ หลินกุ้ยเฟย ไปจนถึงสนมในวังหลังทั้งหมด ทุกคนล้วนไม่สามารถรักษาความสุขุมเอาไว้ได้ สั่นสะท้านทั่วทั้งสรรพางค์กายดวงจันทราโคจรรอบหอสีชาด ดวงแขสาดประตูบานพระพร่างพราย แสงเพ็ญลอดหน้าต่างค่ำทำประกาย สาดแสงฉายผู้ใดเล่ามิเข้านอนพวกนางตราตรึงใจที่สุด กลับเป็นประโยคนี้!ความอยุติธรรมคือตนเองอยู่อย่างเดียวดายภายในวังหลัง เขียนพรรณนาความจริงต่อความอดกลั้นเพราะความเหงากระนั้นรึ?ถึงขั้นมีสนมยกมือปิดหน้า ร้องไห้ออกมาแล้วเซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึงเหม่อไป จับจ้องหลี่หลงหลินตาเขม็งนี่คือปีศาจอะไรกัน!เพียงออกจากปาก ก็คือบทกวีชั่วนิรันดร์!ความสามารถยอดเยี่ยมขั้นนี้ ตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ใครสามารถเทียบได้บ้างเล่า?องค์ชายไร้ประโยชน์ของต้าเซี่ยคนหนึ่ง ก็มีพรสวรรค์ความสามารถเพียงนี้เพียงคิดดูก็รู้ราษฎร์ของต้าเซี่ยคือเสือหมอบมังกรซ่อนเร้น มีคนมากความสามารถมากน้อยเพียงใด?ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือต้องการทำลายต้าเซี่ย ท้าทายอำนาจสามารถทำได้จริงหรือ?“ไม่ได้การ!”“องค์ชายเก้ามีความสามารถเกินไป!”
บทกวีของหลี่หลงหลินกลายเป็นบทกวีชั่วนิรันดร์!ดุจดาวล้อมเดือน กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน!รอจนถึงวันพรุ่งนี้ บทกวีชั่วนิรันดร์นี้ จะต้องเผยแพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทุกครอบครัวต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!เซียวเม่ยเอ๋อร์คล้ายถูกคนเหวี่ยงหมัดแรงๆ ใส่!เจ็บจนไม่สามารถหายใจได้!เดิมทีนางวางแผน ให้หลี่หลงหลินขายหน้า!สรุปคือ กลับช่วยสร้างชื่อเสียงให้เขา!ทว่าเพียงคิดดูก็รู้ หลังผ่านวันนี้ไป ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินจะโด่งดังมากเพียงใด?ขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสารอีกด้วย!ตนเองกลับกลายเป็นหินรองเท้าขึ้นสู่ที่สูงของหลี่หลงหลินไปแล้ว!เซียวเม่ยเอ๋อร์คิดว่าตนเองใกล้ทุกข์ใจตายแล้ว พูดกับเซียวเซวียนเช่อน้ำตาคลอหน่วย “ราชครู! ท่านเร่งคิดหาทางเร็วเข้า!”ขณะเดียวกันเซียวเซวียนเช่อเกิดความคิดวู่วามอยากตายขึ้นมา เสียใจภายหลังอย่างมาก!ทั้งๆ ที่ตนเป็นเผ่าหมานอี๋เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้แต่กลับปาไข่กระทบหิน มีวัฒนธรรมเหนือกว่าต้าเซี่ย?นี่ยังมิใช่ว่าป่วยอีกหรือ?อันดับแรกมีตำราพิชัยยุทธ์ ต่อมามีบทกวีพ่ายแพ้อย่างอนาถทั้งสองสนาม!ต้นตอก็คือ ตนเองดูเบามรดกทางวัฒนธรรมของต้าเซี่ยต่ำเกินไป ดูเบาค
เพียงลงมือก็คือทองคำนับร้อยจิน!หนึ่งจินเท่ากับสิบตำลึง ขนมไหว้พระจันทร์ทองคำตรงหน้า มีมากถึงหนึ่งพันตำลึง?อิงตามราคาทองคำในตอนนี้ สามารถซื้อคฤหาสน์หรูหราไม่เลวหนึ่งหลังภายในเมืองหลวงได้!ของขวัญนี้ล้ำค่ามากจริงๆ!ฮองไทเฮากลับสบถเสียงเย็น พูดอย่างหมิ่นแคลน “เชย!”หลี่หลงหลินชะงัก จากนั้นหลุดหัวเราะเสด็จย่าของตนท่านนี้ แม้อายุมากแล้ว แต่มุมมองทั้งสามกลับมั่นคง ไม่ใช่ผู้ชราเลอะเลือน!ขนมไหว้พระจันทร์ทองคำ?เชยจนทนไม่ไหว!แต่หลี่หลงหลินไม่ยอมรับไม่ได้เชยก็เชยจริง แต่แท้จริงแล้วคือความเรียบง่ายแต่ได้ผลดี!ขอถามบนโลกนี้ ใครบ้างสามารถปฏิเสธขนมไหว้พระจันทร์ทองคำได้?ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์การเงินของต้าเซี่ยในเวลานี้ ไม่สู้ดีมาโดยตลอดมิหนำซ้ำฮ่องเต้หวู่ยังเป็นคนหลงใหลในเงินทองคนหนึ่ง!ขนมไหวพระจันทร์ทองคำล้ำค่าเพียงนี้ ไม่เก็บก็เสียดาย ไม่ต้องการก็เสียเปล่า!ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “ขนมไหว้พระจันทร์ทองคำนี้ จริงใจมากเพียงพอ! แต่น่าเสียดาย ทำได้เพียงมอง ไม่สามารถกินได้! สหายเว่ย เจ้าเก็บแทนฮองไทเฮาเถอะ!”ไม่ว่าอย่างไร ขนมไหว้พระจันทร์ทองคำนี้ ฮ่องเต้หวู่ก็รับไว้แล้ว!เซียวเ
ฮองไทเฮาเข้าใจในทันใด ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา “ที่แท้ก็เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่หลานสะใภ้ทำด้วยตนเอง! ถึงขั้น...ถึงขั้น....”เซียวเม่ยเอ๋อร์ยิ้มเย็น พูดประชด “พูดหนึ่งพันชมหนึ่งหมื่น ก็แค่ขนมไหว้พระจันทร์มิใช่หรือ? ราคาแพงที่สุดก็แค่ยี่สิบสามสิบตำลึง มีอะไรให้เสียดายกัน!”ฮองไทเฮาไม่สบอารมณ์ ถลึงตาใส่เซียวเม่ยเอ๋อร์หนึ่งปราด “เผ่าป่าเถื่อนก็คือเผ่าป่าเถื่อน! แม้ของขวัญเบาแต่น้ำใจหนักหลักการนี้ ก็ไม่เข้าใจหรือ?”เซียวเม่ยเอ๋อร์สำลักจนพูดไม่ออกหลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พูดว่า “เสด็จย่า ขนมไหว้พระจันทร์นี้ไม่เพียงเป็นน้ำใจของหลานและคนสกุลซู! ยิ่งไปกว่านั้น ราคาก็ไม่ธรรมดา! ขนมไหว้พระจันทร์ทุกอันอย่างน้อยก็ต้องจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงพ่ะย่ะค่ะ!”หนึ่งร้อยตำลึง?ทุกคนล้วนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง ใบหน้าเผยแววเหลือจะเชื่อนี่คือขนมไหว้พระจันทร์อะไร?หนึ่งอันต้องจ่ายหนึ่งร้อยตำลึง?ภายนอกมองไม่ออก หรือว่าไส้ภายในมีของดีอยู่ ซ่อนรังนกหูฉลาม ตับมังกรไขกระดูกหงส์กระนั้น?แต่ ขนมไว้พระจันทร์นี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ต่อให้เป็นรังนกหูฉลาม ก็จ่ายเพียงสามถึงห้าตำลึงเท่านั้น!ภายในขนมไหว้พระจันทร์มิได้ห่อทองเอ
ก็เหมือนอย่างที่ฮองไทเฮาพูด ความหวานพรรค์นี้ ต่อให้เป็นฮ่องเต้หวู่ ก็เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก!ฮองเฮาหลู่ถือขนมไหว้พระจันทร์ไว้ในมือ อุทานอย่างตกตะลึง “ขนมไหว้พระจันทร์หวานยิ่งนัก! เทียบกับขนมไหว้พระจันทร์ที่ข้าเคยกินมาก่อนเหล่านั้น อร่อยยิ่งกว่า!”คนยุคสมัยโบราณ ทั้งหมดล้วนชอบกินของหวานยิ่งหวานยิ่งดี ไม่มีวันพูดว่าเลี่ยนหลังเหล่าสนมได้กินขนมไหว้พระจันทร์แล้ว ก็ประเมินออกมาเหมือนกันทั้งหมดองค์ชายสี่หลี่จือไม่ยอมรับ เกิดความคิดอคติอยู่ภายในใจ ชิมขนมไหว้พระจันทร์หนึ่งคำสรุปว่า เขาตกตะลึงพรึงเพริดพูดไม่ออกอยู่นานมีเพียงเซียวเม่ยเอ๋อร์และเซียวเซวียนเช่อสองคน แม้แปลกใจต่อขนมไหว้พระจันทร์นี้ ตกลงรสชาติเป็นเช่นไรแต่เพื่อรักษาหน้าตา พวกเขาทั้งสองทำเพียงแสร้งหมิ่นแคลน!โดยเฉพาะเซียวเม่ยเอ๋อร์ สีหน้าหยิ่งทะนง “ขนมไหว้พระจันทร์ห่วยๆ อะไร? ข้าไม่เสียดายหรอกนะ!”ทีแรกฮองไทเฮาอยากชิมเพียงคำเดียว สรุปคือมิอาจทนไหว กินขนมไหว้พระจันทร์เข้าไปทั้งหมด นี่ถึงพูดว่า “เจ้าเก้า เหตุใดขนมไหว้พระจันทร์หวานเพียงนี้?”“ตกลงเจ้าใส่อะไรลงไปกันแน่?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ พูดว่า “เสด็จย่า อันที่จ
เซียวเซวียนเช่อขมวดคิ้วแน่น มือสองข้างสั่นเทิ้ม หยิบถุงขึ้นมา เปิดออกเบาๆอาศัยแสงจันทร์บนฟ้า ยังมีแสงโคมไฟในสวนหลวง เซียวเซวียนเช่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในถุงได้อย่างชัดเจน รูม่านตาหดลงเหลือเท่าหัวเข็มหมุด“นี่...ก็คือน้ำตาลทรายขาวรึ?”“น้ำตาลมีสีขาวจริงรึ?”เซียวเซวียนเช่อใช้นิ้วจิ้มน้ำตาลทรายขาวเล็กน้อย แตะเข้าปากเบาๆหวาน!หวานมาก!ไม่มีสิ่งใดเจือปน ไม่มีรสชาติอื่นแต่ เซียวเซวียนเช่อกลับอยากร้องไห้แพ้อีกแล้ว!ครั้งนี้ ไม่เพียงเสียหน้าจนหมดสิ้นยังเสียม้าศึกอีกหนึ่งร้อยตัว!แม้พูดว่า ม้าศึกหนึ่งร้อยตัวเดิมทีก็ไม่เพียงพอให้พลิกสถานการณ์ของสงครามได้แต่ทั้งสองแคว้นยังอยู่ในสภาวะสงคราม ม้าศึกเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดในการวางกลยุทธ์ ราคาสูงยิ่งนัก มีเงินก็ซื้อไม่ได้!เซียวเม่ยเอ๋อร์เห็นสีหน้าผิดปกติของเซียวเซวียนเช่อ รีบหยิบขนมไหว้พระจันทร์มากัดหนึ่งคำ“.....”ทันใดนั้นเซียวเม่ยเอ๋อร์เข้าใจแล้วสนมองค์ชายเหล่านั้น มิได้แสดงละคร!รสชาติของขนมไหว้พระจันทร์นี้ แตกต่างออกไปจริงๆนั่นก็หมายความว่าองค์ชายเก้าสามารถทำน้ำตาลทรายขาวออกมาได้จริง?“น่ารังเกียจนัก!”เซียวเม่ยเ
งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ จบลงอย่างมีความสุขหลี่หลงหลินโดดเด่น ภายในงานเลี้ยงฮองไทเฮาและฮองเฮาหลู่ พึงพอใจซูเฟิ่งหลิงมากหลังจบงานเลี้ยงหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงไปส่งหลินกุ้ยเฟยที่ตำหนักฉางเล่อ“เฟิ่งหลิง เจ้าไปสนทนากับเสด็จแม่อีกครู่หนึ่งเถอะ!”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ข้าอยากเดินเล่นภายในตำหนักฉางเล่อ เมื่อครู่กินมากไป ย่อยอาหารสักหน่อย...”เขายังไม่ลืมเรื่องหาผักกาดแดงในตำหนักฉางเล่อแม้โอกาสหาพบไม่มากแต่หากหาพบเล่า?ซูเฟิ่งหลิงอยู่ในงานเลี้ยง สนใจเพียงพูดคุยกับฮองไทเฮาและฮองเฮา มิได้สนทนากับหลินกุ้ยเฟยแม่สามีจริงนางรีบพยักหน้าพูดว่า “ได้!”ใบหน้าหลินกุ้ยเฟยประดับยิ้มเกลื่อนหน้า รีบจับมือซูเฟิ่งหลิง นั่งภายในลานบ้าน ทางหนึ่งชมจันทร์ ทางหนึ่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระหลี่หลงหลินถือโคมไฟ คล้ายกระรอกก็มิปาน เดินวนไปมาภายในสวนดอกไม้ของตำหนักฉางเล่อ“ไม่มีผักกาดแดง”“ดูท่าแล้วข้าคิดมากเกินไป!”หลี่หลงหลินหาอยู่นาน กลับไม่ได้รับอะไร โมโหมากภายในใจตนเองมิใช่บุตรแห่งโชคชะตาคิดสิ่งใดก็สำเร็จจริงเสียด้วย!ดูท่าแล้วครั้งก่อนสามารถหาต้นจินจี้น่าพบ ก็คือวาสนาระเบิดออกแล้ว!มน
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค