หลี่จือและเซียวเม่ยเอ๋อร์มาถึงห้องทรงพระอักษร คุกเข่าคารวะ “ลูก ถวายบังคมเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ลุกขึ้นเถอะ!”เขาปฏิบัติต่อหลี่จือ อย่างมีอคติมาโดยตลอดองค์หญิงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือคนนี้ ฮ่องเต้หวู่ชอบไม่ลงเลยแม้แต่น้อยฮ่องเต้หวู่ตัดสินใจอย่างว่องไวเช่นนี้ ให้พวกเขาเข้าเฝ้า ก็เพราะมีแผนของตน“เจ้าสี่!”ฮ่องเต้หวู่ทอดสายตามองหลี่จือ เปล่งเสียงแผ่วเบา “เรื่องเจ้าเก้าถูกลอบสังหาร เจ้าได้ยินแล้วหรือไม่?”หลี่จือพยักหน้าเร็วรี่ “ทูลเสด็จพ่อ ลูกได้ยินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้หวู่เข้มขึ้น ตวาดเสียงเฉียบ! “ได้ยิน? ทั้งๆ ที่เจ้าส่งมือสังหารไป ลอบสังหารเจ้าเก้า! อยู่ต่อหน้าเรา เจ้าเสแสร้งเลอะเลือนอะไร!”หลี่จือคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเอ่ยปากไม่เข้าหูคำเดียว เสด็จพ่อก็เปลี่ยนสีหน้าแล้ว ตกใจจนขาสองข้างอ่อนยวบ คุกเข่ากับพื้น เปล่งเสียงสั่นๆ “เสด็จพ่อ ไม่ใช่ลูกจริงๆ! ลูกไม่ได้ส่งมือสังหาร ไปลอบสังหารเจ้าเก้าจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”“ลูกถูกปรักปรำ!”สายตาฮ่องเต้หวู่ตกลงบนตัวเซียวเม่ยเอ๋อร์ ยิ้มเย็น “ไม่ใช่เจ้าสี่ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องดีที่พวกเจ้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือทำแล้ว!”เซ
“ท่านอาจารย์!”ในวันนี้ จางอี้ผู้มีหน้าที่การงานก้าวหน้า ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร แต่ก็ยังไม่ลืมความเคารพอาจารย์ โดยเฉพาะซูเฟิ่งหลิงจางอี้ทั้งเคารพและเกรงกลัว รีบก้าวเข้าไปพร้อมคารวะอย่างนอบน้อมซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าเล็กน้อย “วันนี้มีใครที่ดูน่าสงสัย เข้าออกเมืองหลวงบ้างหรือไม่?”จางอี้ตอบ “ศิษย์ได้ทำการตรวจตราอย่างเข้มงวด แต่ไม่พบผู้ใดน่าสงสัยเลยขอรับ! เพียงแต่ว่า...มีคนจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจำนวนไม่น้อย ซึ่งได้รับราชโองการจากฝ่าบาท เพิ่งออกจากเมืองหลวงไปหมาดๆ! พวกเขาใช้รถม้าหลายคัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไร แต่ดูแล้วช่างแปลกนัก”ซูเฟิ่งหลิงถึงกับตกใจ “เจ้าว่าอะไรนะ? คนของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือขับรถม้ามากมายออกจากเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ? แล้วเจ้าตรวจดูรถม้าเหล่านั้นหรือไม่?”จางอี้ถอนหายใจด้วยความจนใจ “พวกเขามีราชโองการของฝ่าบาท อีกทั้งเป็นทูต ข้าเป็นแค่รองผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร จะกล้าเข้าไปตรวจค้นได้อย่างไร? อีกอย่าง ข้าก็ได้ไปขอคำสั่งจากเว่ยกงกงแล้ว เขาบอกว่าให้ปล่อยผ่านไป!”สีหน้าของซูเฟิ่งหลิงเปลี่ยนไปอย่างมาก นา
บาดแผลของหลี่หลงหลินปวดแปลบขึ้นมา ทำให้เขากลับมาสงบและมีสติอีกครั้ง“จางอี้!”หลังจากเงียบคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่หลงหลินจึงเอ่ยขึ้นมา “เจ้าบรรยายสถานการณ์ตอนที่เหยลวี่เกอออกจากเมืองให้ข้าฟังให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้...”จางอี้รู้สึกแปลกใจไม่น้อยองค์ชายเก้าไม่ใช่กำลังเป็นห่วงซูเฟิ่งหลิงอยู่หรือ? แล้วเหตุใดถึงกลับมาถามเรื่องตอนที่เหยลวี่เกอออกจากเมืองแทน?อย่างไรก็ตาม เขายังคงบรรยายทุกอย่างตามความจริงโดยละเอียดให้หลี่หลงหลินฟังดวงตาของหลี่หลงหลินเป็นประกายวูบหนึ่ง “เจ้าหมายความว่า... ตอนที่เหยลวี่เกอออกจากเมือง เขาทำตัวโอ้อวดใหญ่โต เดินขบวนอย่างไม่เกรงกลัวใคร แถมยังทำท่าทางเหมือนอยากให้ทุกคนรู้หรือ?”จางอี้พยักหน้ารัวๆ พลางเอ่ยด้วยความโกรธ “ใช่ขอรับ! ไอ้พวกเผ่าหมานนั่น หยิ่งผยองอะไรนักหนา!”หลี่หลงหลินยิ้ม “ไม่เลว! วันใดที่ข้ากรีธาทัพนับหมื่นบุกไปเหยียบท้องพระโรงของฮ่องเต้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ข้าจะทำให้พวกเขาร้องไห้จนไม่มีน้ำตาให้ไหล!”ความจริงแล้ว เมื่อครู่หลี่หลงหลินเองก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยต่อให้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมีราชโองการจากฝ่าบาทที่อนุญาตให้ออก
หลังจากที่เหยลวี่เกอพักฟื้นมาได้หลายเดือน บาดแผลบนร่างกายของเขาหายดีแล้ว แต่เมื่อเดินยังคงกะโผลกกะเผลกอยู่ด้วยเหตุนี้เหยลวี่เกอจึงโกรธแค้นซูเฟิ่งหลิงจนสุดเข้ากระดูก ดวงตาคู่นั้นฉายประกายอันตรายออกมา“โจรภูเขา?”ซูเฟิ่งหลิงหัวเราะเยาะเย้ย “ช่างน่าขันเสียจริง! เจ้าซึ่งเป็นถึงยอดนักรบอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ กลัวโจรภูเขาอย่างนั้นหรือ! ที่สำคัญ แถวใกล้เมืองหลวงเช่นนี้ จะมีโจรภูเขาได้อย่างไร? ข้าว่า เจ้านั่นแหละที่ทำผิดแล้วรู้สึกผิดเอง!”เหยลวี่เกอเลิกคิ้วสูง “พวกเราทำตามพระราชโองการของฝ่าบาท!” ซูเฟิ่งหลิงจ้องมองเหยลวี่เกอ “อย่าเอาพระราชโองการของฝ่าบาทมาข่มขู่ข้า! ตอนนี้ ข้าสงสัยว่าบนรถของพวกเจ้า กำลังซ่อนตัวนักฆ่าอยู่!”“ทหาร!”“ตรวจค้นให้ข้า!”เหล่าทหารแห่งเขาทิศประจิมที่เฝ้ารอจนแทบทนไม่ไหว ได้กรูกันเข้าไปทันทีเหล่าทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ไม่ได้เป็นเพียงพวกที่กินแรงเปล่า พวกเขาจะยอมมอบตัวโดยดีได้อย่างไร?ทหารแต่ละคนชักดาบโค้งออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ในเวลาเพียงเสี้ยวอึดใจ บรรยากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายตึงเครียดถึงขีดสุด จวนเจียนจะกลายเป็นการส
“น่าโมโหชะมัด!”ซูเฟิ่งหลิงเตะประตูพรวดพราดเข้ามา คว้าถ้วยชาจากมือของหลี่หลงหลิน และดื่มรวดเดียวจนหมด“นี่มันชาบ้าอะไร!”“ขมแบบนี้!”ซูเฟิ่งหลิงดื่มหมดในรวดเดียวก่อนจะแลบลิ้นออกมา ขมจนต้องแลบลิ้น พร้อมกับสูดลมเข้าลึกๆ หลายครั้งหลี่หลงหลินได้แต่บ่นอยู่ในใจชาอะไรกัน นั่นมันยาของข้าเอาเถอะ ดื่มยาไปก็ดี ช่วยดับไฟโทสะได้หน่อย“น่าโมโหชะมัด!”ซูเฟิ่งหลิงเห็นหลี่หลงหลินเงียบขรึมไม่พูดอะไร ก็ยิ่งโกรธจนกระโดดโหยง “ทำไมเจ้าไม่ถามข้าว่าเกิดอะไรขึ้น?”หลี่หลงหลินยักไหล่เล็กน้อย “มีอะไรให้น่าถาม? ก็แค่รถม้าเปล่า พวกชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่ได้ลอบขนเสบียงออกไปเลย”ตั้งแต่ซูเฟิ่งหลิงก้าวเข้ามา หลี่หลงหลินก็ยืนยันความคิดของตัวเองได้แล้วเด็กสาวคนนี้ มองท่าทางโกรธเช่นนี้ก็รู้ว่าถูกหยามจนเสียหน้าไม่น้อยแน่ซูเฟิ่งหลิงยืนอึ้งอยู่กับที่ มองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าราวกับเห็นผี เสียงของนางสั่นไหว “เจ้า...เจ้ารู้ได้ยังไง?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ “มันไม่ชัดเจนหรือไง? ถึงพวกชนเผ่าป่าเถื่อนจะโง่แค่ไหน ก็ไม่มีทางใช้วิธีที่เห็นชัดขนาดนี้ในการลอบขนเสบียงออกจากเมืองหลวง! เจ้านั่นแหละ โดนกลอุบายล่อเ
หลี่หลงหลินสีหน้าจริงจังขึ้น “ไม่มีเลยสักเม็ดจริงหรือ?”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “ไม่มีจริงๆ! เจ้าคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว! คนที่ขโมยเสบียงไป อาจจะไม่ใช่องค์ชายสี่ก็ได้”หลี่หลงหลินหัวเราะเย็นชา “ตรงกันข้ามเลย! ข้ามั่นใจว่าหลายสิ่งหลายอย่างนี้เกี่ยวข้องกับชนเผ่าป่าเถื่อนทางเหนือและองค์ชายสี่อย่างแน่นอน! และเสบียงเหล่านั้น ก่อนหน้านี้ก็ถูกซ่อนอยู่ในจวนขององค์ชายสี่!”ซูเฟิ่งหลิงมีสีหน้างุนงง กล่าวอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”หลี่หลงหลินอธิบาย “เหตุผลง่ายมาก! จวนขององค์ชายสี่มีคนอยู่กี่คนในแต่ละวัน ทั้งกิน ทั้งดื่ม ทั้งขับถ่าย? ไม่ถึงพัน ก็ต้องมีแปดร้อยใช่หรือไม่?”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าเห็นด้วยองค์ชายสี่ไม่เหมือนหลี่หลงหลิน ที่เป็นคนโดดเดี่ยว อยู่ในจวนตระกูลซูแบบสภาพต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น ข้างกายไม่แม้แต่จะมีสาวใช้หรือนายบ่าวสักคนชีวิตขององค์ชายสี่หรูหราและฟุ่มเฟือยยิ่งนัก ภายในจวนเต็มไปด้วยคนรับใช้และสาวใช้จำนวนมาก ซึ่งนับรวมแล้วมีหลายร้อยคนเลยทีเดียวคนจำนวนมากเช่นนี้ ทั้งอาหาร การแต่งกาย และของใช้ ย่อมต้องเป็นจำนวนที่น่าตกใจหลี่หลงหลินหัวเราะเย็นชาและกล่าวต่อ “ช่วงที่ผ่านมา
ในช่วงหลายวันถัดมาซูเฟิ่งหลิงทุ่มเทกำลังกายและใจในการค้นหาเบาะแสภายในเมืองหลวงภายใต้คำแนะนำของหลี่หลงหลิน นางได้กลับไปตรวจสอบยุ้งฉางและคลังเก็บเสบียงที่เคยค้นมาก่อนหน้านี้อีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการมองข้ามจุดสำคัญแต่การตรวจสอบเพียงครั้งเดียวไม่พอ ผ่านไปไม่กี่วันก็ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง การกระทำเช่นนี้ย่อมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนบ้างอย่างไรก็ตาม ชาวบ้านไม่ได้ต่อต้าน กลับให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีเพราะหลี่หลงหลินได้ทำการปรับลดราคาข้าว ทำให้ประชาชนสามารถซื้อข้าวกินได้ในราคาที่จับต้องได้ ความดีนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาในหมู่ประชาชนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นที่ยกย่องอย่างไม่เคยมีมาก่อนเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าหลี่หลงหลินถูกลอบสังหารจนบาดเจ็บหนัก พวกเขาต่างเดือดดาลด้วยความโกรธแค้น ส่งของพื้นบ้านอย่างไข่ไก่ น้ำผึ้ง และหมูแห้งมาให้เขา หวังให้เขาหายดีในเร็ววันด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านในเมืองหลวงจึงปรารถนาให้ผู้ลอบสังหารถูกจับตัวได้ในเร็ววัน เพื่อนำตัวมาลงโทษตามกฎหมายผู้ที่ลำบากใจอย่างแท้จริงและแสดงการคัดค้านอย่างรุนแรงกลับเป็นเหล่าชนชั้นสูงและขุนนางพวกเขาครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศา
“เดี๋ยวจะมีแขกสำคัญมาที่จวน ในครัวกำลังเตรียมอาหารอยู่ เจ้าไปหาอะไรกินก่อนเถอะ”ลั่วอวี้จู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาจะสว่างวาบขึ้นอาหาร เป็นสุดยอดวิธีที่ไม่พลาดในการจัดการกับซุนชิงไต้เสมอ“ได้เลย!”ซุนชิงไต้ส่งหลี่หลงหลินให้ลั่วอวี้จู๋ดูแล จากนั้นก็วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปอย่างร่าเริงลั่วอวี้จู๋ก้าวเข้ามาพยุงหลี่หลงหลิน ร่างกายของนางแนบชิดเขา ใบหน้างามของนางค่อยๆ แดงขึ้น“พี่สะใภ้ใหญ่”“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”“ทำไมดูเหมือนเจ้ากังวลใจนัก?”หลี่หลงหลินมองออกถึงความไม่สบายใจของลั่วอวี้จู๋ จึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลั่วอวี้จู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ คล้ายเสียงยุง “ท่านพ่อของข้าจะมาที่จวนตระกูลซู...”หลี่หลงหลินเข้าใจในทันที “ที่เจ้าว่าแขกคนสำคัญเมื่อครู่นี้ ก็คือนายท่านผู้เฒ่าลั่วหรือ? มาก็ไม่เห็นเป็นไรนี่! หากข้าไม่ได้บาดเจ็บ ข้าคงได้ดื่มเหล้ากับเขาสักสองสามจอก! เจ้ามากังวลเรื่องอะไร?”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจยาว สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอัดอั้น “องค์ชาย ท่านไม่เข้าใจหรอก! แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ข้าแต่งเข้าตระกูลซูมา ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านพ่อก็ไม่ค่อยดี!
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค