หลี่เทียนฉี่กวาดมองรอบด้าน แปลกใจมากเช่นเดียวกันเจ้าเก้า ตกลงเจ้ากำลังทำอันใดอยู่กันแน่?เสด็จแม่ของเจ้ากำลังจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผา นี่มันซอมซ่อเกินไปแล้วกระมัง!เหล่าขุนนางแต่ละคนล้วนหนาวเหน็บ ความไม่พอใจก่อตัวขึ้นภายในใจสำหรับตนเอง นี่ยังไม่ใช่โอกาสอันดีที่สวรรค์ประทานให้อีกหรือ?ทว่า ในเมื่อนี่เป็นงานเลี้ยงที่ฮองเฮาหลินจัดขึ้น องค์ชายอย่างตนเป็นฝ่ายตะคอกโวยวาย ประท้วงใส่นางก่อน ย่อมไม่เหมาะสม“รอเสด็จพ่อมาถึง ละครสนุกก็จะเริ่มขึ้นแล้ว!”หลี่เทียนฉี่ยกมุมปาก เผยรอยยิ้มเย็นชา“ฮ่องเต้เสด็จ!”เสียงแหลมแหบพร่าของเว่ยซวินดังขึ้นที่หน้าประตูตำหนักทุกคนต่างลุกขึ้น ชะเง้อมองไปเห็นฮ่องเต้หวู่เดินเข้าตำหนักฉางเล่อ บนเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาๆ หนึ่งชั้น“หิมะตกหนักจริงๆ!”ฮ่องเต้หวู่ถอดเสื้อคลุมออก ทันใดนั้นความหนาวก็โจมตีเข้ามาระลอกหนึ่งเกิดอันใดขึ้น?เหตุใดภายในตำหนักฉางเล่อหนาวยิ่งกว่าภายนอกอีกเล่า?เข้าใจผิดไปหรือ?ฮ่องเต้หวู่หันหน้ามอง พบว่าเหล่าขุนนางที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ละคนล้วนตัวสั่น จมูกยังมีหยดน้ำแข็งเกาะดูท่าแล้วไม่ใช่ตนเองคิดไปเ
ฮ่องเต้หวู่โกรธจัด ตะคอกออกมากลางงานเลี้ยงหลี่เทียนฉี่และเหล่าขุนนางเห็นสถานการณ์แล้ว แม้ว่าใบหน้าหวาดกลัว ตะโกนว่า “ฝ่าบาทระงับโทสะด้วย” แต่แท้จริงแล้วภายในใจกลับมีความสุขหลี่หลงหลิน!นี่เจ้ารนหาที่ตายเอง โทษคนอื่นไม่ได้!ครั้งนี้ดูว่าเจ้าจะเอาตัวรอดเยี่ยงไร!ขณะเดียวกัน หลี่หลงหลินกำลังพาซูเฟิ่งหลิงไปสนทนาเรื่องสัพเพเหระกับฮองเฮาหลินแม่สามีลูกสะใภ้เข้ากันได้ยากอุปนิสัยของฮองเฮาหลินสุขุมอ่อนโยน เข้าหาง่ายมากซูเฟิ่งหลิงกลับเซ่อซ่า มุทะลุวู่วามอุปนิสัยของแม่สามีและลูกสะใภ้แตกต่างกัน หลี่หลงหลินในฐานะลูกชาย ในฐานะสามี ย่อมต้องเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์ ทำให้พวกนางเข้ากันได้ในเวลาอันสั้นป้องกันมิให้ภายภาคหน้าแม่สามีและลูกสะใภ้มีปัญหากัน คนปวดหัวก็คือตนเองได้ยินเสียงตะคอก ใบหน้างดงามโดดเด่นของฮองเฮาหลินเผยสีหน้าหวาดกลัว ตำหนิหลี่หลงหลิน “องค์ชาย แม่บอกแล้ว ว่าอย่าเล่นอะไรพิเรน! เสด็จพ่อเจ้ากริ้วไม่ผิดไปดังคาด!”“ถึงกระนั้น เจ้าก็ไม่ต้องกลัว!”“มีแม่อยู่ ไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้!”“ต่อให้เป็นฝ่าบาทก็ไม่ได้...”เดิมทีสตรีอ่อนโยนบอบบาง ครั้นเป็นมารดากลับเข้มแข็งป
ตำหนักฉางเล่อไม่มีเตาถ่านแม้เตาเดียว หนาวยิ่งกว่าภายนอก!ทุกคนสวมใส่แน่นหนาทั้งชั้นในและชั้นนอก ยังรู้สึกหนาวจนตัวสั่นเจ้าพูดว่าร้อนกับข้า?ไร้สาระ!หลี่เทียนฉี่ลุกออกมา เอ่ยปากเย้ยหยันอย่างไม่ไว้หน้า “รัชทายาท เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ! วันที่อากาศหนาวถึงเพียงนี้ คนใกล้หนาวตายเต็มที เจ้าพูดว่ากลัวพวกเราร้อน?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “องค์ชายใหญ่ ในเมื่อท่านไม่กลัวร้อน เช่นนั้นก็สวมเสื้อผ้าไว้ อย่าถอดก็แล้วกัน!”องค์ชายใหญ่?หลี่เทียนฉี่ได้ยินคำเรียกขานนี้ สีหน้าแข็งทื่อในทันใดนับตั้งแต่ยังเด็กหลี่หลงหลินล้วนเรียกขานเขาว่าพี่ใหญ่เขาไม่ใส่ใจใยดีหลี่หลงหลิน ไม่เคยเรียกเขาว่าน้องชาย แต่เรียกเขาว่าเจ้าเก้าบัดนี้เวลาผ่านมานานมากแล้วหลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท เป็นกษัตริย์ส่วนหลี่เทียนฉี่เจ้าแคว้นคนนี้เป็นขุนนางกษัตริย์และขุนนางแตกต่างกัน ย่อมไม่สนิทสนมกันถึงขั้นเรียกขานว่าพี่ใหญ่ไม่เรียกชื่อโดยตรง แต่เรียกว่าองค์ชายใหญ่ แท้จริงแล้วถือว่าไว้หน้ามากเพียงพอ!ทว่าหลี่เทียนฉี่กลับไม่อาจยอมรับในทันทีเลยได้“ฮึ”“ไม่ถอดก็ไม่ถอด!”หลี่เทียนฉี่สบถเสียงเย็นทีหนึ่ง “ข้ากลับอยากเห็นนัก เจ
“น่าเสียดายก็เพียงแต่ มีคนไม่ยอมให้เสด็จย่าท่านได้อยู่อย่างสุขสบาย ยุยงให้เข้าใจผิด ทำให้ท่านต้องทนต่อความหนาว!”หลี่หลงหลินเหลือบมองหลี่เทียนฉี่แวบหนึ่ง บอกเป็นนัยสวบ!สีหน้าแดงเรื่อของหลี่เทียนฉี่กลายเป็นดำดุจตับหมูฝันไปก็คาดไม่ถึงหลี่หลงหลินเจ้าเด็กคนนี้ถึงขั้นพลิกสถานการณ์กล่าวหาผู้อื่นสวมหมวกเด็กอกตัญญูลงบนศีรษะตน!“เสด็จย่า!”หลี่เทียนฉี่สูญเสียความใจเย็นไปในทันใด พูดแก้ตัว “ท่านอย่าฟังคำยุแยงของเขาเป็นอันขาด! นี่เขากำลังใส่ร้ายคน!”หลี่หลงหลินเลิกคิ้วขึ้น “องค์ชายใหญ่ เราไม่ได้เอ่ยชื่อ ท่านกลับร้อนตัวกระโดดออกมา นี่มิใช่กำลังยอมรับผิดหรือ?”เราและตัวเราล้วนเป็นคำแทนตัวของรัชทายาทหลี่หลงหลินใช้น้อยมากโดยเฉพาะคำว่าเรา รู้สึกไม่เป็นมงคลอยู่บ้างหลี่หลงหลินไม่อยากเป็นเหมือนฮ่องเต้หวู่ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครเข้าใจทว่า ยามอยู่ต่อหน้าหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินกลับตั้งใจใช้คำว่า “เรา” ที่มีความนัยท้าทายต้องรู้ว่าตอนที่หลี่เทียนฉี่เป็นรัชทายาท ก็แทนตนเองว่าเราอย่างนั้นเราอย่างนี้เพื่อแสดงออกว่าตนเองไม่เหมือนผู้อื่น!ดังคาดมุมปากหลี่เทียนฉี่กระตุกริก สีหน้
หลายหมื่นตำลึงเพื่อทำความร้อน?นี่สามารถซื้อถ่านไม้ได้มากน้อยเพียงใดกันเล่า!สำหรับเชื้อพระวงศ์ ย่อมไม่ใช่จำนวนน้อยแม้ว่าไทฮองไทเฮารู้ว่าเครื่องทำความร้อนใต้ดินแพง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะแพงถึงเพียงนี้ สูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง “หลายหมื่นตำลึง แพงเกินไปแล้วกระมัง!”ในที่สุดหลี่เทียนฉี่ก็สบโอกาส พูดโจมตีกลับไป “หลายหมื่นตำลึงถึงจะสามารถติดตั้งที่ตำหนักฉางเล่อแห่งหนึ่งได้ หากติดตั้งทั้งพระราชวังต้องห้าม หนึ่งล้านไปจนถึงสิบล้านก็อาจไม่พอ!”“เงินมากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดล้วนใช้จ่ายไปอย่างเสียเปล่า!”“นี่ก็เรียกว่าหรูหราฟุ่มเฟือย เกินความจำเป็น!”“หลี่หลงหลินเจ้าเป็นรัชทายาท จงลืมตาดูราษฎร์ตกทุกข์ได้ยากบนโลกนี้ ยังมีราษฎร์อีกมากน้อยเพียงใดต้องทนหิวทนหนาว ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่!”“เจ้าคู่ควรเป็นรัชทายาทด้วยหรือ?”เหล่าขุนนางต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยแม้ว่าพวกเขาตกตะลึงกับเครื่องทำความร้อนใต้ดิน แต่กลับไม่ลืมเป้าหมายในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อรับความอบอุ่นแต่เพื่อโจมตีหลี่หลงหลิน ปลดตำแหน่งรัชทายาทของเขา!“ฮึๆ”หลี่หลงหลินยกมุมปากขึ้น แสยะยิ้มเย็น “ท่านพูดว่าข้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ใช้เงินเหล่า
ไทฮองไทเฮากอดหลี่หลงหลินไว้แน่นๆ ร้องไห้ฟูมฟายฮ่องเต้หวู่เห็นภาพนี้ น้ำตาไหลอย่างสุดระงับ “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ เจ้าเก้า แต่ไหนแต่ไรมาเป็นเด็กดีกตัญญูคนหนึ่ง! ท่านเข้าใจเขาผิดไปแล้วจริงๆ!”ครอบครัวกลับมาคืนดีกัน มีความสุขกลมเกลียวกันหลี่เทียนฉี่มองเห็นอยู่ในสายตา โมโหจนเกือบกระอักเลือดออกมาตนเองใช้เวลานานมากถึงเพียงนั้น ทำให้ไทฮองไทเฮาแปรพักตร์ได้อย่างยากลำบาก แค่นี้ก็เปลี่ยนใจแล้วหรือ?ทำเสียจนสุดท้ายก็กลายเป็นช่วยเจ้าเก้าทำความดีความชอบ!พอคนโมโห ก็ระเบิดออกมาได้อย่างง่ายดายเมื่อครู่ตำหนักฉางเล่อยังเหน็บหนาวคล้ายอุโมงค์น้ำแข็งผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ร้อนแทบแย่ ไม่ต่างจากอบไอน้ำ ทั้งศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตเหล่าขุนนางต่างพาปลดเปลื้องเสื้อผ้า ถอดเสื้อคลุมตัวนอก เหลือเพียงชุดตัวในฮองเฮาหลินเคยเห็นความยอดเยี่ยมของเครื่องทำความร้อนใต้ดินมาก่อนแล้ว เตรียมการไว้ตั้งแต่แรก กลับเข้าหอนอนเปลี่ยนเป็นชุดฤดูร้อนออกมาซูเฟิ่งหลิง ลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน ซุนชิงไต้และสตรีคนอื่นเองก็เป็นเช่นนี้ ล้วนเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าบางๆ งดงามอย่างน่าประหลาด คล้ายผีเสื้อก็มิปานฮองเฮาหลินแย้มย
หากทุกคนร้อนไปด้วยกัน นั่นก็ช่างเถอะ!เลวร้ายที่สุดก็เหงื่อท่วมตัวจนเกิดผดผื่นไปด้วยกัน!แต่ที่น่าโมโหที่สุด ทั้งตำหนักฉางเล่อ เชื้อพระวงศ์และขุนนางบุ๋นบู๊มากถึงเพียงนั้นล้วนถอดเสื้อผ้าออก สวมใส่เพียงชุดตัวในผืนบางมีเพียงตนเองสวมใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ กางเกงกันหนาวหนาๆ ทั้งภายในภายนอกห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนา เหงื่อไหลลงจากหน้าผากหลี่เทียนฉี่รู้สึกว่าตนเองใกล้หมดสติเต็มที!“หลี่หลงหลินไอ้เจ้าเล่ห์คนนี้ คิดจะให้ข้าร้อนตายเลยใช่ไหม!”“ข้าจะสามารถปล่อยให้เขาทำสำเร็จได้เยี่ยงไร!”หลี่เทียนฉี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กลับปากแข็ง “ฮึไม่ถอดก็ไม่ถอด! ข้ากระหายแล้ว! เข้ามา รินน้ำให้ข้าถ้วยหนึ่ง!”ครู่ต่อมา นางกำนัลคนหนึ่งยกน้ำเข้ามา วางต่อหน้าหลี่เทียนฉี่หลี่เทียนฉี่ร้อนแทบแย่ ปากแห้งไปหมด ทันใดนั้นก็ยกน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่ทันระวัง พรวด...เพียงเข้าปาก หลี่เทียนฉี่ก็พ่นออกมา ตะโกนเสียงดัง “ร้อนมาก! ร้อนมาก! เหตุใดเจ้าจึงรินน้ำร้อน! จะลวกข้าให้ตายกระนั้นหรือ?”นางกำนัลตกลงใจหน้าเผือดซีด รีบหมอบลงบนพื้น น้ำตาคลอหน่วย “นี่เป็นคำสั่งของรัชทายาทเพคะ..”ปากของหลี่เทียนฉี่ถูกลวกไปหนึ่งชั้น ทั้งแดงทั
เพียงสิ้นคำนางกำนัลทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้ามา ยกน้ำร้อนสิบถ้วยวางเรียงกันต่อหน้าหลี่เทียนฉี่ หลี่หลงหลินยิ้มดีใจ “องค์ชายใหญ่ ดื่มตอนร้อนๆ เถอะ!”“เจ้า...”หลี่เทียนฉี่ลืมตาอ้าปากค้าง จ้องหลี่หลงหลินเขม็งเจ้าเก้าไอ้คนเจ้าเล่ห์!ไม่เพียงวางแผนทำให้ตนร้อนตาย!ยังจะทำให้ตนจุกตายอีกด้วย!น้ำร้อนสิบถ้วย ยังเป็นถ้วยใหญ่ หากดื่มลงไป กระเพาะจะต้องพังแน่ทว่าไทฮองไทเฮากลับเชื่อคำพูดเหลวไหลของหลี่หลงหลิน เผยสีหน้ากังวล “องค์ชายใหญ่ ข้าร้อนจนเหงื่อออกแล้ว เจ้ากลับรู้สึกหนาว ยังสวมใส่หนาถึงเพียงนี้ เห็นชัดว่าร่างกายอ่อนแอ”“ในเมื่อหมอเทวดาซุนพูดแล้วว่าดื่มน้ำร้อนสามารถรักษาโรคได้”“เจ้าก็ดื่มตอนยังร้อนเถอะ อย่าปฏิเสธความปรารถนาดีของเจ้าเก้าเลย”ความปรารถนาดี?หลี่เทียนฉี่คล้ายถูกเหวี่ยงหมัดใส่แรงๆ กระอักโลหิตขึ้นมาภายใต้ความเอือมระอา หลี่เทียนฉี่ใช้สายตาขอความช่วยเหลือ หันมองเหล่าขุนนางหวังให้พวกเขาลุกออกมาช่วยตนเองพูดสักสองประโยคหากไม่ได้ ก็ช่วยตนดื่มน้ำร้อนสักถ้วย นี่ย่อมได้กระมัง?ปรากฏว่าเรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้นเหล่าขุนนางล้วนหดหัวงอตัว เห็นว่าสถานการณ์เสียเปรียบ แต่ละคน
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค