บทที่ 11 หม่อมฉันเกลียดองค์ชาย
มือเรียวประท้วงด้วยการทุบตีอกแกร่งจนเขาต้องใช้มือขวาจับมือของนางเอาไว้พร้อมผลักให้นางนอนราบลงบนเตียงนอนก่อนจะถอดริมฝีปากออกมาจ้องมองร่างบางที่กำลังโกรธเขาอยู่พรางหายใจเหนื่อยหอบ
“ประท้วงข้าไปก็เท่านั้นอย่างไรเจ้าก็เป็นของข้า”
“หม่อมฉันเกลียด เกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับองค์ชายการกระทำของท่านไม่ต่างกับทาสชั้นต่ำ” ลั่วเออร์จ้องมองเขม็งแม้จะหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่ตอนนี้นางเองทั้งโกรธทั้งเกลียดชายที่อยู่ตรงหน้าเหลือเกิน
“ฮึ ฮึ ทาสชั้นต่ำเช่นนั้น? หรือได้ข้าจะแสดงให้เจ้าได้ดูเอง” เซียวอี้ขึ้นบนเตียงคร่อมร่างของลั่วเออร์ใช้มือทั้งสองข้างจับแขนของนางให้แนบลงกับที่นอนเพื่อไม่ให้นางใช้มือมาปัดป้องพร้อมก้มลงใช้จมูกฝังลงซอกคอเนียนขาวซุกไซร้คออย่างหื่นกระหาย ร่างบางบิดเร่าดิ้นหนีแต่มีหรือที่นางจะหนีได้เพราะยามนี้ไม่ว่าส่วนใดของร่างกายถูกเขาตราตรึงไว้จนหมดสิ้น
“ปล่อยนะ! หม่อมฉันบอกให้ปล่อยอย่างไรเพคะ” นางสั่นกลัวเปล่งเสียงสะอึกสะอื้นให้เซียวอี้หยุดการกระทำแต่ทว่าเซียวอี้นั้นกลับถวิลหาร่างกายของลั่วเออร์จนหยุดตนเองไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของนางก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
“อื้อ อื้อ” ลั่วเออร์ส่งเสียงประท้วงออกมาผ่านลำคอแต่ไม่มีท่าทีว่าเซียวอี้จะหยุดลงเพียงเท่านั้น ลิ้นสากของเขาวกวนเข้าไปพัวพันดื่มด่ำรสหอมหวานของนางจนยามนี้ร่างกายของนางอ่อนระทวยสมองขาวโพลน ลิ้นของเซียวอี้ค่อย ๆ กวาดน้ำหวานดูดดื่มอย่างบ้าคลั่งก่อนจะถอดริมฝีปากออกจากปากอวบอิ่มของนางและค่อย ๆ ใช้จมูกและลิ้นละเลงเลียซอกคอระหงลั่วเออร์วาบหวิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของนางตอบสนองการกระทำของเซียวอี้บิดเร่าก่อนจะหลุดร้องครวญครางออกมา
“อื้อ…” เขาได้ยินเสียงมันไปกระตุ้นร่างกายของเซียวอี้ยิ่งร้อนรุ่มมากขึ้นกว่าเดิม เขาเงยหน้าขึ้นปล่อยมือออกจากมือของนางจ้องมองร่างบางอย่างพึงพอใจใบหน้าของลั่วเออร์แดงก่ำ เขาถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว ลั่วเออร์ตั้งสติได้จะลุกขึ้นหนีเขา เพราะนี่เป็นสิ่งที่นางไม่ได้ต้องการและยังทำใจไม่ได้ใบหน้าของแม่ทัพเจาหยางปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ลั่วเออร์รีบลุกขึ้นจะก้าวเท้าลงจากเตียงแต่ทว่าเซียวอี้ดันหันกลับมาเห็นเสียก่อนคว้าตัวของนางเอาไว้ก่อนจะกระชากเสื้อผ้าของนางออกมาเผยให้เห็นตู้โตวที่นางสวมใส่
“เจ้าคิดจะหนีอย่างนั่นหรือ? เจ้าลืมแล้วหรืออย่างไรว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใดและมีฐานะเป็นอะไร หืม! ร่างกายของเจ้าช่างงดงามยิ่งนักผิวขาวเนียนภายใต้เสื้อตู้โตวนั้นคงจะอวบอิ่มน่าดู ดูสิขนาดเสื้อตู้โตวที่เจ้าสวมใส่ยังบดบังความใหญ่ไม่ได้เลย เจ้าคิดจะเก็บไว้ให้แม่ทัพเจาหยางดูสินะ ฮ่า ฮ่า แต่จะทำอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้ข้าเป็นเจ้าของเจ้าแล้ว และวันนี้ข้าจะเชยชมแทนแม่ทัพเจาหยางเอง” ลั่วเออร์ดวงตาแดงก่ำเพราะความโกรธแค้น เขาทำเช่นนี้กับนางราวกับนางมิใช่คน ลั่วเออร์มิอาจทนใช้มือขวาของตนตบเข้าที่ใบหน้าของเซียวอี้เต็มแรงอย่างไม่เกรงกลัว
“เพี๊ยะ !!” ใบหน้าของเซียวอี้หันไปตามแรงกระแทกของลั่วเออร์จนใบหน้าปรากฎรอยนิ้วมือ
“หยาบคายนิสัยราวกับสัตว์ป่าเกิดมาหม่อมฉันไม่เคยพบเจอผู้ใดที่เหมือนองค์ชายเลยสักคน ต่อให้ท่านฝืนใจข้าเช่นไรข้าก็ไม่มีทางลืมท่านแม่ทัพ และองค์ชายนั้นเลวทรามอย่านำท่านแม่ทัพมาเปรียบเทียบกับท่านเลยเพคะ” คำพูดของลั่วเออร์กระตุ้นความโมโหและอยากเอาชนะเจาหยางเขากระชากเสื้อตู้โตวออกพร้อมดันร่างของลั่วเออร์ลงบนเตียงด้วยแรงที่ตนเองมี ก่อนจะใช้มือซ้ายบีบคอของนาง
“ใช่ข้าเลว! ข้าคือองค์ชายเสเพลและข้าก็คือสวามีของเจ้าอย่างไรล่ะ”
“หม่อมฉันเจ็บปล่อยนะ!!!” ลั่วเออร์พยายาแกะมือของเขาออกจากคอตนเองแต่ทว่าความโมโหของเซียวอี้มีมาก เขาไม่ได้บีบคอนางแน่นแต่เพียงทำให้นางหวาดกลัวเขาเท่านั้นก่อนที่เขาจะใช้มือของขวาบีบเคล้นยอดปทุมถันที่ตั้งชูชันอยู่ต่อหน้าและใช้ลิ้มชุ่มไปด้วยน้ำลายกวาดลงเลียรอบ ๆ ก่อนจะขบเม้มยอดอมชมพูที่ตั้งชูชันอยู่จนร่างบางกระตุกด้วยความวาบหวิวแปลกใหม่ มือของนางยังคงจับมือของเขาที่บีบคอของตนเอาไว้ สมองเริ่มขาวโพลนไม่รับรู้เสียงด้านนอกมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังเหนื่อยหอบของตนและเซียวอี้ เขาใช้มือบีบเคล้นเต็มแรงเมื่อเห็นร่างบางนิ่งเงียบจึงถอดมือออกจากลำคอของนางใช้มือทั้งสองข้างบีบเคล้นพรางใช้ขาของตนถางขาทั้งสองข้างของนางให้แยกออกจากกัน ใบหน้าของลั่วเออร์แดงระเรื่อร้อนผ่าวไปทั้งร่างกาย ลิ้นร้อนของเซียวอี้คลอเคลียอยู่กับยอดปทุมถันจนหนำใจ เขาค่อย ๆ ไล่เลียลงมาต่ำลงเรื่อย ๆ ใช้มือทั้งสองถอดชุดด้านล่างของนางออกอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะเชยชมกลีบกุหลาบงามของลั่วเออร์ที่ต่อจากนี้เขาจะได้เป็นเจ้าของมัน เขาไม่รีรอเมื่อเห็นว่าตอนนี้ลั่วเออร์ไม่ได้สติจึงก้มหน้าลงลิ้มรสน้ำหวานจากกลีบกุหลาบใช้นิ้วสอดใส่เพื่อกระตุ้นให้ช่องรักของนางมีน้ำมาหล่อเลี้ยงก่อนจะใช้ลิ้นสากของตนแตะลงที่ติ่งสวรรค์ ลั่วเออร์สะดุ้งกระตุกดิ้นหนีอย่างเสียวซ่าน
นางใช้มือปิดปากตนเองเพื่อไม่ให้ร้องออกมา นางทั้งเสียใจและเสียวซ่าน ใบหน้าของแม่ทัพได้ปรากฎขึ้นอีกครั้งจนน้ำตาของนางไหลริน นางทำผิดต่อท่านแม่ทัพที่รักนางยิ่งนัก เสมือนนางทำผิดต่อเขามากมาย หากเขากลับมาจากสนามรบเจาหยางคงไม่ยกโทษให้นางแม้แต่ใบหน้าของนางเขาคงไม่อยากจะพบเจอ ยิ่งคิดเช่นนั้นลั่วเออร์ยิ่งโมโหและเกลียดเซียวอี้เข้ากระดูกดำ แต่แล้วความคิดของนางต้องจบลงเมื่อร่างแกร่งกำลังดูดเม้มที่ติ่งสวรรค์อย่างดูดดื่ม
“อื้อ อื้อ …” จนลั่วเออร์มิอาจทนเปล่งเสียงเล็ดลอดออกมาจากลำคอ เอวของนางขยับหนีแต่ถูกเขาจับไว้แน่นก่อนจะสอดลิ้นอุ่นเข้าไปในช่องรักร่างกายของลั่วเออร์ร้อนระอุ มืออีกข้างของเซียวอี้บีบเคล้นเคล้าคลึงยอดปทุมถันจนแดงไปด้วยรอยนิ้วมือของเขา
บทที่ 44 ข้ารักท่านใต้เท้าเซ่อรู้สึกอับอายที่บุตรชายได้รับความพ่ายแพ้ต่อองค์รัชทายาท ตระกูลเซ่อทุกคนต่างได้รับโทษและใต้เท้าที่รวมตัวกันวางแผนก็ถูกลงโทษด้วยเช่นกัน โทษของเจาหยางคือการถูกโบยตีก่อนจะนำไปแคว้นคอประจานให้แก่ราษฎรได้เห็นถึงการก่อกบฏและประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์จะถูกลงโทษเช่นไร แม้จะมีคุณงามความดีต่อแผ่นดินแต่ถ้าหากคิดร้ายก็ไม่ละเว้นก่อนจะนำร่างไปโยนให้แร้งกิน สนมตระกูลเซ่อถูกปลดให้เป็นเพียงสาวใช้และองค์ชายห้าถูกตัดขาดกับราชวงศ์มิอาจจะเข้ามาในวังหลวงได้อีกต่อไปใต้เท้าเซ่อถูกรุมประชาทัณฑ์ชาวบ้านหรือผู้ที่เคยถูกเขาข่มเหงรังแกขว้างหินขว้างดินใส่จนเขาถึงแก่ความตายภายในวังหลวงกลับมาสุขสงบอีกครั้ง แม้ลั่วเออร์จะเห็นชอบการลงโทษแต่ทว่าในใจของนางลึก ๆ ยังคงคิดถึงใบหน้ารอยยิ้มของเจาหยางแต่มิใช่เพราะนางคิดถึงเพราะความรักแต่ทว่านางกลับเสียดาย หากเขาเลือกเดินทางถูกต้องและคอยช่วยเหลือองค์รัชทายาทอาจจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่ทุกคนนับหน้าถือตา"พระชายาเพคะ วันนี้หม่อมฉันจะออกไปอยู่ที่ตำหนักของนางในแล้วจะได้พบพระชายาอีกไม่เพคะ" หนิงเอ๋อเดินเข้ามาหาลั่วเออร์ที่ศาลารับลม นางได้เข้ามาเป็นนางในฝึกหัด
บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม"ใครบอกเป็นเพราะเจ้าที่เป็นองค์ชายไม่เอาไหนต่างหาก ข้าจงรักภักดีต่อแผ่นดิน หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นแม่ทัพที่ดีและเป็นกองกำลังให้ฮ่องเต้เช่นเจ้าในภายภาคหน้าแต่เจ้าทำลายทุกอย่าง เจ้าทำร้ายหัวใจของข้า ทำให้ข้าต้องแย่งชิงคืนมาเช่นนี้อย่างไรเล่า " เจาหยางตั้งท่าได้สู้กับเซียวอี้อีกครั้ง จนทั้งสองทะลุกำแพงห้องพังทลายล้มลง เสียงดังจึงถึงห้องของลั่วเออร์ตึง!"นั่นเสียงอะไรกัน ทำไมถึงดังอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้หรือว่าแม่ทัพเจาหยางบุกมาที่ตำหนักนี้แล้ว " ลั่วเออร์ไม่รีรอนางร้อนใจจึงเปิดประตูออกไปด้านนอกเพื่อดู แต่ก็ต้องถูกองครักษ์เข้ามาห้ามไม่ให้ออกไปเสียก่อน"พระชายาจะออกไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ""ข้าได้ยินเสียงดังที่ตำหนักนี้ข้าเป็นห่วงองค์รัชทายาทกลัวว่าเขาจะรับมือแม่ทัพเจาหยางไม่ได้ ""พระชายาอย่าร้อนใจไปพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้องครักษ์ไป๋เหลียนก็อยู่กับองค์รัชทายาท พระชายาเข้าไปอยู่ในห้องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ " ลั่วเออร์มองลอดใต้แขนขององครักษ์ที่ยืนบังนางเห็นแม่ทัพเจาหยางกำลังจะใช้ดาบจัดการกับเซียวอี้ที่ล้มลงกับแผ่นไม้ฝาผนังที่เสียงดังเมื่อครู่ นางคือต้นเหตุทุกอย่างที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและเ
บทที่ 42 ก่อกบฏรุ่งเช้าวันต่อมาไป๋เหลียนที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแม่ทัพเจาหยางได้เข้ามารายงานต่อเซียวอี้ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดเพื่อรับมือจากแม่ทัพ"ทูลองค์รัชทายาท ยามนี้กองทัพของแม่ทัพเจาหยางจะเคลื่อนขบวนในยามวิกาลพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาบอกกล่าวกองกำลังเพื่ออ้อมล้อมวังหลวงในคืนนี้ในเวลายามที่ทุกคนต่างหลับใหล จำนวนทหารของแม่ทัพมีประมาณสี่ร้อยนายจะรับมือเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ""ทหารของเจาหยางมีสี่ร้อยนายหรือ? เช่นนั้นกองกำลังของเราก็มีไม่น้อยไปกว่าเขาเพราะความช่วยเหลือของท่านแม่ ข้าจะวางแผนตลบหลัง ขันทีลี่เว่ยไปแจ้งกองกำลังมาหาข้าที่นี่""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ""ส่วนเจ้าค่ำคืนนี้ทำตามแผนของข้า ส่วนพระชายาข้าจะให้องครักษ์เงาอีกกลุ่มไปเฝ้านางเอง มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถรับมือแม่ทัพเจาหยางได้ จงทำตามนี้" เซียวอี้บอกแผนการให้ไป๋เหลียนได้รับรู้ จากนั้นเมื่อกองกำลังมาถึงเขาได้บอกแผนการในการรับมือครั้งนี้ให้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและทุกคนต่างพากันหลบซ่อนจนกว่ากองกำลังของแม่ทัพเจาหยางจะล้อมวังหลวงจากนั้นค่อยให้ทหารออกมาล้อมกองทัพของแม่ทัพเจาหยาง เซียวอี้ครุ่นคิดมาทั้งคืนเขาจะไม่ให้เกิดการ
บทที่ 41 วางแผนรับมือฝั่งด้านแม่ทัพเซ่อเจาหยางเขากลับมาจากตำหนักหนานฉี มาปรึกษาหารือท่านพ่อคิดจะก่อกบฏท่านใต้เท้าเซ่อไม่ห้ามแถมยังให้ความสนับสนุนเซ่อเจาหยางอีกด้วย เขาจึงตระเวนออกไปหาใต้เท้าที่อยู่ภายใต้ความควบคุมท่านพ่อเพื่อขอความร่วมมือในการชิงบัลลังก์ในครั้งนี้ ข้ากลับจากเรือนใต้เท้าท่านหนึ่งเห็นองค์รัชทายาทกำลังพาลั่วเออร์ออกจากวังหลวงเพียงลำพังจึงได้แอบตามไป ได้เห็นหมู่บ้านในหุบเขาที่เซียวอี้แอบซ่อนไว้ รอยยิ้มของลั่วเออร์ที่เคยเป็นของเขายามนี้ถูกเซียวอี้ครอบครองจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใจหรือกายของนาง ดวงตาร้อนระอุในอกเต็มไปด้วยความเคลียดแค้น ยิ่งเห็นชาวบ้านที่นี่รักและเทิดทูลเขายิ่งไม่พึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเซียวอี้พาลั่วเออร์กลับวังหลวงความคิดชั่วร้ายของเจาหยางที่ก่อเกิดจึงสั่งการให้ทหารของตนไปจัดการสอบถามชาวบ้านแต่เมื่อชาวบ้านตอบคำถามไม่ตรงความคิดของเขาจึงสั่งให้ทหารจัดการฆ่าทิ้งให้หมดทุกคนไม่ละเว้น เขาอยากเห็นความเจ็บปวดของเซียวอี้ที่พรากคนรักของเขาไป หากเขารู้ว่าหมู่บ้านและชาวบ้านที่เขาให้การช่วยเหลือตายกันหมดคงจะเจ็บปวดเจียนตายเมื่อตรวจสอบแล้วไม่เหลือผู้เหลือรอดเขาจึงจุดไฟเผาให้
บทที่ 40 เป็นฝีมือเขาในห้องของลั่วเออร์มีจื่อหลินที่แต่งกายให้อยู่นางเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามผู้เป็นนาย"พระชายาเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเพคะพระชายาถึงได้พากันกลับวังหลวงจนท้องฟ้ามืดมิดเช่นนี้แล้วเด็กนั้นคือใครกันเพคะ" ลั่วเออร์หันไปมองหน้าของนางกำนัลเสมือนพวกนางรู้พากันเดินออกจากห้องเหลือเพียงจื่อหลิน"เด็กนั่นเป็นเด็กที่องค์รัชทายาทช่วยเหลือเอาไว้ ข้างนอกวังเกิดเรื่องขึ้นทำให้ข้ากับองค์รัชทายาทกลับมาล่วงเวลาเช่นนี้ วันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินจนไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยแล้วเจ้าไปพักเถิดนะ รุ่งสางข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง ""เพคะพระชายา " จื่อหลินวางแปรงผมลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เดินออกไปด้านนอกไม่นานเซียวอี้ได้เสด็จมาหาลั่วเออร์เพื่อมฟังคำพูดของนางเหตุใดนางถึงรู้ว่าเป็นแม่ทัพเจาหยางและเขามาพบนางเพราะการใด"มาแล้วหรือเพคะ ""ข้ารู้ว่าเจ้าตกใจและเสียใจเพียงใดแต่เรื่องที่ข้าต้องการจะรู้จากปากเจ้าในวันนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ "ลั่วเออร์ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้พรางสูดลมหายใจให้ทั่วท้องและเล่าเรื่่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่เซียวอี้ฟัง"อะไรกันเจาหยางคิดทำลายข้าจนถึงขั้นจะให้เจ้าปลงพระชนม์ข้าอย่างนั้นห
บทที่ 39 ช่างโหดร้ายลั่วเออร์ปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มกำมือแน่นภาวนาให้ยังพอมีคนเหลือรอด นางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้รีบหันไปมองเห็นเซียวอี้อุ้มหนิงเอ๋อกลับมา ลั่วเออร์ดีใจราวกับคำอ้อนวอนของนางเป็นจริง นางวิ่งเข้าหาหาทั้งสองทันที“สวรรค์หนิงเอ๋อเจ้าปลอดภัย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเพียงใด” เซียวอี้วางหนิงเอ๋อหลงจากอ้อมแขน นางวิ่งเข้าไปโอบกอดลั่วเออร์แน่น“พี่ลั่วเออร์ข้ากลัว กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะพวกเขาช่างโหดร้ายเพื่อน ๆ ของข้าท่านแม่ของข้าต่างพากันอ้อนวอนพวกเขาไม่มีความเมตตาสักนิด ท่านแม่ก้มลงเพื่อวอนขอชีวิตแต่เขากลับใช้ดาบบั่นคอท่านแม่ชั่วพริบตา อึก อึก ข้ากลัวเจ้าค่ะ เพื่อน ๆ ของข้าหนีไม่ทันถูกคนใจร้ายจัดการจนไม่เหลือ พี่ลั่วเออร์ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกคนนะเจ้าคะ ข้าไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเอ๋อต่างพากันสงสาร ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ฝืนใจข่มความกลัวเพื่อบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ลั่วเออร์กอดนางแน่นพรางร้องไห้เด็กตัวเล็กเพียงนี้ต้องมาพบเจอเรื่องโหดร้ายแถมยังต้องเสียทุกคนไปคงสะเทือนใจไม่น้อย“ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าไม่มีท