บทที่ 4 คำสัญญา
เจาหยางรับรู้หัวใจของนางว่าสตรีที่เขารักนั้นเป็นห่วงตนเองเพียงใดเขาคว้าร่างนางเข้ามากอดแน่นโดยไม่ได้สนใจสายตาของสาวใช้ที่กำลังเดินตรงเข้ามาใกล้ พร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ลั่วเออร์ข้ารักเจ้า เจ้าคือสตรีนางเดียวที่ข้าจะรับมาเป็นฮูหยินศึกครานี้ข้าทำเพื่อเจ้า " ร่างบางสั่นเทาอยู่ในออมกอดของเขาเริ่มสะอื้นไห้ออกมา
"ข้าจะไม่เป็นห่วงท่านได้อย่างไร แต่ในเมื่อมันคือหน้าที่ของท่านหากว่าวันหนึ่งข้าเป็นฮูหยินของท่านจริง ๆ ข้าคงต้องทำใจเรื่องนี้ ข้าจะรอนะเจ้าคะ ท่านอย่าได้อย่ารับบาดเจ็บกลับมาอย่างที่สัญญาไว้กับข้านะเจ้าคะ"
"ได้สิข้าสัญญา ดูสิใบหน้าที่งดงามของเจ้าเต็มไปด้วยรอยน้ำตาเช่นนี้ได้อย่างไร " เจาหยางผละนางออกจากอ้อมกอดก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สลักชื่อของเขาอยู่ด้านขวาของผ้า เช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าของลั่วเออร์อย่างเบามือ ลั่วเออร์เงยหน้าจ้องมองเขาด้วยความห่วงใย
"ข้าจะรอนะเจ้าคะวันที่เราจะได้ร่วมเข้าหอเคียงข้างกันจนกว่าจะแก่เฒ่า "
"ได้สิ! ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอกนะเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้ข้างกายเจ้าเปรียบเสมือนของแทนกายข้า ข้ากลับมาเมื่อไหร่ข้าจะขอคืน ยามนี้ข้าจะต้องออกเดินทางแล้วเจ้าดูแลรักษาตนให้ดี"
"ท่านก็เช่นกันนะเจ้าคะ ดูแลตนเองให้ดีอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้า วันที่ท่านกลับมาข้าจะยืนรอท่านด้วยรอยยิ้มพร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนนี้" ลั่วเออร์ยิ้มบาง ๆ ให้แก่เขาเพื่อไม่ให้เขาลำบากใจ เอ่ยจบเจาหยางได้เดินจากไปลั่วเออร์มองตามแผ่นหลังจนสุดลูกหนูลูกตาก่อนจะก้มมองผ้าเช็ดหน้าที่เขายัดใส่มือไว้ให้ นางใช้มือเรียวงามลูบชื่อของเจาหยางเบา ๆ จื่อหลินที่กลับมาจากเอาร่มนางเห็นท่านแม่ทัพมาหาคุณหนูจึงหยุดเดินเข้ามาใกล้เพื่อให้ทั้งสองได้ร่ำลากัน เมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพได้จากไปแล้วนางจึงเดินเข้ามาหาคุณหนูของตน
"คุณหนูต้องการไปเดินเล่นอยู่หรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่ล่ะ …ข้าอยากกลับห้องยามนี้ข้าไม่มีกระจิตกระใจ จื่อหลินรุ่งสางเราไปที่สำนักสงฆ์กันเถิดเตรียมอาหารให้ข้าด้วย ข้าจะไปไหว้ขอพรเทพเทวดาให้ปกปักรักษาท่านแม่ทัพและให้ได้ชัยชนะกลับมา" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยได้เอ่ยบอกแก่สาวใช้
"เจ้าค่ะ ข้าจะให้ท่านพ่อครัวจัดเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้าตรู่" จื่อหลินเอ่ยจบก็ได้เดินตามคุณหนูของนางกลับไปที่ห้อง
ยามโหย่ว (18.00)
หอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้าเป็นที่รวมตัวลับ ๆ ของพวกใต้เท้าทั้งหลายเพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองจึงพากันนัดหมายมาที่นี่เพื่อหารือกัน
ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางนัดแนะทุกคนที่อยู่ฝั่งเขาเข้ามาที่หอคณิกาห้องประจำ เพื่อหารือกันอย่างที่เคยทำยามนี้ทุกคนได้เข้ามากันจนครบ โดยมีนางโลมเล่นพิณและคอยรินสุราพร้อมเอาอกเอาใจพวกใต้เท้า
"ท่านใต้เท้าท่านเรียกพวกเรามาวันนี้มีเรื่องอันใดหรือขอรับ " ใต้เท้าที่นั่งอยู่ด้านขวาใกล้ตัวของเขาได้เอ่ยขึ้นพรางยกสุราดื่ม
"ที่ข้าเรียกทุกคนมาในวันนี้เพราะข้ามีเรื่องที่สำคัญจะแจ้งนะสิ อย่างที่พวกท่านรู้ยามนี้ฝ่าบาทเริ่มมีพระวรกายไม่ค่อยแข็งแรง แถมผู้ที่จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาทกลับไม่เอาไหน ในยามนี้ฝ่าบาทมักจะชื่อชมในตัวของแม่ทัพเจาหยาง หากข้าจะเสนอตัวองค์ชายห้าเพื่อขึ้นเป็นองค์รัชทายาทพวกท่านจะเห็นดีด้วยหรือไม่ "
"ท่านใต้เท้าเช่นนี้ไม่เปรียบเสมือนว่าเรานั้นโค่นบัลลังก์เป็นกบฎหรอกหรือ? อีกอย่างองค์ชายห้าเพิ่งมีอายุเพียงห้าหนาว จะรับหน้าที่องค์รัชทายาทได้อย่างไร?"
"ข้าคิดไว้แล้วว่าทุกท่านต้องคิดเช่นนี้ แต่ข้ามีข้อเสนอให้ฝ่าบาทอย่างไรเล่า หากองค์ชายห้าได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทข้าจะให้แม่ทัพเจาหยางที่เป็นบุตรชายของข้า สนับสนุนพร้อมอยู่เคียงข้างปกป้องบัลลังก์ เช่นนี้ฝ่าบาทก็คงเบาใจดีเสียกว่าให้องค์ชายสามเซียวอี้ขึ้นปกครองบัลลังก์พวกท่านคิดดูว่าภายภาคหน้าหากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์บัลลังก์หรือแม้กระทั่งใต้หล้าต้องสั่นครอนเป็นแน่ ไม่ว่าข้าหรือแม้แต่พวกท่านที่เอ่ยวาจาเพื่อขัดขวางเช่นนั้นพวกเราไม่ถูกบั่นคออย่างนั้นหรือ? เพราะอย่างไรองค์ชายสามก็คือองค์ชายที่โหดเหี้ยมฆ่าได้กระทั่งชาวบ้านตาดำ ๆ เมื่อนั้นทั้งแผ่นดินไม่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตหรอกหรือ?" ใต้เท้าแต่ละคนที่ได้ยินคำพูดของใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางตาพากันใบหน้าซีดเผือกพร้อมหันมองใบหน้ากันเพื่อหารือกันและทั้งหมดก็ยอมทำตามคำบอกกล่าวของท่านใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางเพราะความกลัวตายในอำนาจและความโหดร้ายขององค์ชายสาม
"พวกเราเห็นด้วยกันท่านใต้เท้า แม้ว่าองค์ชายห้าจะยังทรงพระเยาว์ก็ยังดีกว่าองค์ชายสามที่เหี้ยมโหดเช่นนั้น "
"ดี ๆ ข้าดีใจที่ทุกท่านเห็นดีกับข้า เอาดื่มวันนี้ข้าขอเลี้ยงทุกท่านเอง " ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางยิ้มกว้างพร้อมยกจอกสุราขึ้นเหนือหัวก่อนจะกระดกเข้าปากในรวดเดียว ภายในใจครุ่นคิดถึงเรื่องในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอำนาจบารมีที่จะตกเป็นของเขานั้นอยู่ต่อหน้าอีกไม่นานเขาจะได้ครอบครองมัน
บทที่ 44 ข้ารักท่านใต้เท้าเซ่อรู้สึกอับอายที่บุตรชายได้รับความพ่ายแพ้ต่อองค์รัชทายาท ตระกูลเซ่อทุกคนต่างได้รับโทษและใต้เท้าที่รวมตัวกันวางแผนก็ถูกลงโทษด้วยเช่นกัน โทษของเจาหยางคือการถูกโบยตีก่อนจะนำไปแคว้นคอประจานให้แก่ราษฎรได้เห็นถึงการก่อกบฏและประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์จะถูกลงโทษเช่นไร แม้จะมีคุณงามความดีต่อแผ่นดินแต่ถ้าหากคิดร้ายก็ไม่ละเว้นก่อนจะนำร่างไปโยนให้แร้งกิน สนมตระกูลเซ่อถูกปลดให้เป็นเพียงสาวใช้และองค์ชายห้าถูกตัดขาดกับราชวงศ์มิอาจจะเข้ามาในวังหลวงได้อีกต่อไปใต้เท้าเซ่อถูกรุมประชาทัณฑ์ชาวบ้านหรือผู้ที่เคยถูกเขาข่มเหงรังแกขว้างหินขว้างดินใส่จนเขาถึงแก่ความตายภายในวังหลวงกลับมาสุขสงบอีกครั้ง แม้ลั่วเออร์จะเห็นชอบการลงโทษแต่ทว่าในใจของนางลึก ๆ ยังคงคิดถึงใบหน้ารอยยิ้มของเจาหยางแต่มิใช่เพราะนางคิดถึงเพราะความรักแต่ทว่านางกลับเสียดาย หากเขาเลือกเดินทางถูกต้องและคอยช่วยเหลือองค์รัชทายาทอาจจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่ทุกคนนับหน้าถือตา"พระชายาเพคะ วันนี้หม่อมฉันจะออกไปอยู่ที่ตำหนักของนางในแล้วจะได้พบพระชายาอีกไม่เพคะ" หนิงเอ๋อเดินเข้ามาหาลั่วเออร์ที่ศาลารับลม นางได้เข้ามาเป็นนางในฝึกหัด
บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม"ใครบอกเป็นเพราะเจ้าที่เป็นองค์ชายไม่เอาไหนต่างหาก ข้าจงรักภักดีต่อแผ่นดิน หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นแม่ทัพที่ดีและเป็นกองกำลังให้ฮ่องเต้เช่นเจ้าในภายภาคหน้าแต่เจ้าทำลายทุกอย่าง เจ้าทำร้ายหัวใจของข้า ทำให้ข้าต้องแย่งชิงคืนมาเช่นนี้อย่างไรเล่า " เจาหยางตั้งท่าได้สู้กับเซียวอี้อีกครั้ง จนทั้งสองทะลุกำแพงห้องพังทลายล้มลง เสียงดังจึงถึงห้องของลั่วเออร์ตึง!"นั่นเสียงอะไรกัน ทำไมถึงดังอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้หรือว่าแม่ทัพเจาหยางบุกมาที่ตำหนักนี้แล้ว " ลั่วเออร์ไม่รีรอนางร้อนใจจึงเปิดประตูออกไปด้านนอกเพื่อดู แต่ก็ต้องถูกองครักษ์เข้ามาห้ามไม่ให้ออกไปเสียก่อน"พระชายาจะออกไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ""ข้าได้ยินเสียงดังที่ตำหนักนี้ข้าเป็นห่วงองค์รัชทายาทกลัวว่าเขาจะรับมือแม่ทัพเจาหยางไม่ได้ ""พระชายาอย่าร้อนใจไปพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้องครักษ์ไป๋เหลียนก็อยู่กับองค์รัชทายาท พระชายาเข้าไปอยู่ในห้องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ " ลั่วเออร์มองลอดใต้แขนขององครักษ์ที่ยืนบังนางเห็นแม่ทัพเจาหยางกำลังจะใช้ดาบจัดการกับเซียวอี้ที่ล้มลงกับแผ่นไม้ฝาผนังที่เสียงดังเมื่อครู่ นางคือต้นเหตุทุกอย่างที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและเ
บทที่ 42 ก่อกบฏรุ่งเช้าวันต่อมาไป๋เหลียนที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแม่ทัพเจาหยางได้เข้ามารายงานต่อเซียวอี้ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดเพื่อรับมือจากแม่ทัพ"ทูลองค์รัชทายาท ยามนี้กองทัพของแม่ทัพเจาหยางจะเคลื่อนขบวนในยามวิกาลพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาบอกกล่าวกองกำลังเพื่ออ้อมล้อมวังหลวงในคืนนี้ในเวลายามที่ทุกคนต่างหลับใหล จำนวนทหารของแม่ทัพมีประมาณสี่ร้อยนายจะรับมือเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ""ทหารของเจาหยางมีสี่ร้อยนายหรือ? เช่นนั้นกองกำลังของเราก็มีไม่น้อยไปกว่าเขาเพราะความช่วยเหลือของท่านแม่ ข้าจะวางแผนตลบหลัง ขันทีลี่เว่ยไปแจ้งกองกำลังมาหาข้าที่นี่""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ""ส่วนเจ้าค่ำคืนนี้ทำตามแผนของข้า ส่วนพระชายาข้าจะให้องครักษ์เงาอีกกลุ่มไปเฝ้านางเอง มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถรับมือแม่ทัพเจาหยางได้ จงทำตามนี้" เซียวอี้บอกแผนการให้ไป๋เหลียนได้รับรู้ จากนั้นเมื่อกองกำลังมาถึงเขาได้บอกแผนการในการรับมือครั้งนี้ให้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและทุกคนต่างพากันหลบซ่อนจนกว่ากองกำลังของแม่ทัพเจาหยางจะล้อมวังหลวงจากนั้นค่อยให้ทหารออกมาล้อมกองทัพของแม่ทัพเจาหยาง เซียวอี้ครุ่นคิดมาทั้งคืนเขาจะไม่ให้เกิดการ
บทที่ 41 วางแผนรับมือฝั่งด้านแม่ทัพเซ่อเจาหยางเขากลับมาจากตำหนักหนานฉี มาปรึกษาหารือท่านพ่อคิดจะก่อกบฏท่านใต้เท้าเซ่อไม่ห้ามแถมยังให้ความสนับสนุนเซ่อเจาหยางอีกด้วย เขาจึงตระเวนออกไปหาใต้เท้าที่อยู่ภายใต้ความควบคุมท่านพ่อเพื่อขอความร่วมมือในการชิงบัลลังก์ในครั้งนี้ ข้ากลับจากเรือนใต้เท้าท่านหนึ่งเห็นองค์รัชทายาทกำลังพาลั่วเออร์ออกจากวังหลวงเพียงลำพังจึงได้แอบตามไป ได้เห็นหมู่บ้านในหุบเขาที่เซียวอี้แอบซ่อนไว้ รอยยิ้มของลั่วเออร์ที่เคยเป็นของเขายามนี้ถูกเซียวอี้ครอบครองจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใจหรือกายของนาง ดวงตาร้อนระอุในอกเต็มไปด้วยความเคลียดแค้น ยิ่งเห็นชาวบ้านที่นี่รักและเทิดทูลเขายิ่งไม่พึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเซียวอี้พาลั่วเออร์กลับวังหลวงความคิดชั่วร้ายของเจาหยางที่ก่อเกิดจึงสั่งการให้ทหารของตนไปจัดการสอบถามชาวบ้านแต่เมื่อชาวบ้านตอบคำถามไม่ตรงความคิดของเขาจึงสั่งให้ทหารจัดการฆ่าทิ้งให้หมดทุกคนไม่ละเว้น เขาอยากเห็นความเจ็บปวดของเซียวอี้ที่พรากคนรักของเขาไป หากเขารู้ว่าหมู่บ้านและชาวบ้านที่เขาให้การช่วยเหลือตายกันหมดคงจะเจ็บปวดเจียนตายเมื่อตรวจสอบแล้วไม่เหลือผู้เหลือรอดเขาจึงจุดไฟเผาให้
บทที่ 40 เป็นฝีมือเขาในห้องของลั่วเออร์มีจื่อหลินที่แต่งกายให้อยู่นางเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามผู้เป็นนาย"พระชายาเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเพคะพระชายาถึงได้พากันกลับวังหลวงจนท้องฟ้ามืดมิดเช่นนี้แล้วเด็กนั้นคือใครกันเพคะ" ลั่วเออร์หันไปมองหน้าของนางกำนัลเสมือนพวกนางรู้พากันเดินออกจากห้องเหลือเพียงจื่อหลิน"เด็กนั่นเป็นเด็กที่องค์รัชทายาทช่วยเหลือเอาไว้ ข้างนอกวังเกิดเรื่องขึ้นทำให้ข้ากับองค์รัชทายาทกลับมาล่วงเวลาเช่นนี้ วันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินจนไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยแล้วเจ้าไปพักเถิดนะ รุ่งสางข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง ""เพคะพระชายา " จื่อหลินวางแปรงผมลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เดินออกไปด้านนอกไม่นานเซียวอี้ได้เสด็จมาหาลั่วเออร์เพื่อมฟังคำพูดของนางเหตุใดนางถึงรู้ว่าเป็นแม่ทัพเจาหยางและเขามาพบนางเพราะการใด"มาแล้วหรือเพคะ ""ข้ารู้ว่าเจ้าตกใจและเสียใจเพียงใดแต่เรื่องที่ข้าต้องการจะรู้จากปากเจ้าในวันนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ "ลั่วเออร์ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้พรางสูดลมหายใจให้ทั่วท้องและเล่าเรื่่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่เซียวอี้ฟัง"อะไรกันเจาหยางคิดทำลายข้าจนถึงขั้นจะให้เจ้าปลงพระชนม์ข้าอย่างนั้นห
บทที่ 39 ช่างโหดร้ายลั่วเออร์ปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มกำมือแน่นภาวนาให้ยังพอมีคนเหลือรอด นางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้รีบหันไปมองเห็นเซียวอี้อุ้มหนิงเอ๋อกลับมา ลั่วเออร์ดีใจราวกับคำอ้อนวอนของนางเป็นจริง นางวิ่งเข้าหาหาทั้งสองทันที“สวรรค์หนิงเอ๋อเจ้าปลอดภัย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเพียงใด” เซียวอี้วางหนิงเอ๋อหลงจากอ้อมแขน นางวิ่งเข้าไปโอบกอดลั่วเออร์แน่น“พี่ลั่วเออร์ข้ากลัว กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะพวกเขาช่างโหดร้ายเพื่อน ๆ ของข้าท่านแม่ของข้าต่างพากันอ้อนวอนพวกเขาไม่มีความเมตตาสักนิด ท่านแม่ก้มลงเพื่อวอนขอชีวิตแต่เขากลับใช้ดาบบั่นคอท่านแม่ชั่วพริบตา อึก อึก ข้ากลัวเจ้าค่ะ เพื่อน ๆ ของข้าหนีไม่ทันถูกคนใจร้ายจัดการจนไม่เหลือ พี่ลั่วเออร์ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกคนนะเจ้าคะ ข้าไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเอ๋อต่างพากันสงสาร ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ฝืนใจข่มความกลัวเพื่อบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ลั่วเออร์กอดนางแน่นพรางร้องไห้เด็กตัวเล็กเพียงนี้ต้องมาพบเจอเรื่องโหดร้ายแถมยังต้องเสียทุกคนไปคงสะเทือนใจไม่น้อย“ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าไม่มีท