แชร์

บทที่ 3 รอข้าได้หรือไม่ ?

ผู้เขียน: วริษา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-12 09:59:03

บทที่ 3 รอข้าได้หรือไม่ ?

ท้องพระโรง

หลังจากที่องค์ชายเซียวอี้เดินออกไป ฝ่าบาทได้ถามใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางที่เขาเข้ามาหาในยามนี้เพราะมีเรื่องอะไร

"ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางท่านมาเข้าเฝ้าข้าเพราะเรื่องอันใดกัน "

"ทูลฝ่าบาทขออภัยที่กระหม่อมบุ่มบ่ามเข้ามาโดยไม่ได้ให้ขันทีแจ้งฝ่าบาทแถมยังเข้ามาในยามที่ฝ่าบาทกำลังสั่งสอนองค์ชายเซียวอี้แต่ทว่ากระหม่อมมีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทที่ทูลเรื่องสำคัญด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ" ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางคุกเข่าลงมือประสานกันอยู่กลางอกก้มหน้าเพื่อกราบทูลเรื่องที่ตนมา

"ลุกขึ้นมาเถิดแล้วรีบแจ้งเรื่องที่เร่งด่วนให้ข้าฟัง"

"เรื่องของชายแดนฝั่งทิศเหนือพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ทหารได้เข้ามาแจ้งว่าฝั่งตรงข้ามกำลังก่อสงครามเพื่อแย่งชิงพื้นดินที่ทำกินและอยากขยายอาณาเขตของตนเอง เรื่องนี้เราจะชักช้ามิได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นเราอาจะเสียต้นน้ำได้และอาจจะทำให้ชาวบ้านที่ทำนาและพืชผักรับผลกระทบพ่ะย่ะค่ะ " ทันทีที่ได้ยินคิ้วของฝ่าบาทขมวดเข้าหากันอย่างกังวลเพราะหากเสียพื้นที่ตรงนั้นไปจริง ๆ แคว้นของเขาต้องรับความทุกข์ยากเป็นแน่

"เฮ้อ! เพราะข้าเห็นว่าทั้งสองแคว้นยังพอมีทางปรองดองกันแต่ในเมื่อฝั่งนั้นริเริ่มก่อสงครามข้าเองก็คงไม่ปล่อยไว้ เช่นนั้นเจ้าจงสั่งให้แม่ทัพเซ่อเจาหยางรีบเดินทางไปช่วยทหารที่อยู่ทิศเหนือรับมือ หากครั้งนี้แม่ทัพสามารถพาชัยชนะกลับมาข้าจะมอบรางวัลและจัดงานเลี้ยงฉลองให้อย่างยิ่งใหญ่ " สิ้นเสียงของฝ่าบาทใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางยิ้มอย่างดีใจ

"น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ " หลังจากหารือและรับคำสั่งของฝ่าบาทใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางได้เดินทางกลับเรือนเพื่อนำพระราชโองการคำสั่งของฝ่าบาทมามอบให้แก่เจาหยางบุตรชายของเขา

ย๊าก! ย๊าก! เสียงการประลองฝีมือของเซ่อเจาหยางกับเหล่าทหารนับสิบคนที่กำลังรุมเขาเพียงผู้เดียวแต่ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ จนการต่อสู้จบลงเซ่อเจาหยางยื่นมือให้ทหารของตนลุกขึ้นพร้อมตำหนิเล็กน้อย

"ฝีมือพวกเจ้าตกต่ำกว่าเมื่อก่อนยิ่งนักหากเป็นเช่นนี้จะชนะศัตรูได้อย่างไร ขนาดข้าเพียงผู้เดียวพวกเจ้ายังล้มข้ามิได้ "

"ท่านแม่ทัพนั้นเก่งกาจไม่ว่าผู้ใดในใต้หล้าคงมิอาจจะประลองฝีมือกับท่านได้ เช่นนั้นต่อให้พวกข้าทั้งสิบก็คงล้มท่านมิลงแต่ทว่ากับข้าศึกฝ่ายตรงข้ามนั้นพวกข้าขอสู้มิยอมแพ้ขอรับ" ท่านรองแม่ทัพได้เอ่ยขึ้น

"ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าจงอย่าได้ประมาท เอาละไปพักเถิดวันนี้ฝึกกันมานานมากแล้ว" เซ่อเจาหยางบอกกับทหารทุกคนก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้ศาลาที่ตั้งอยู่ในจวน

"เจ้าแข็งแกร่งสมเป็นบุตรชายของข้าเสียจริง"

"ท่านพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ "

"ข้าพึ่งกลับมาจากวังหลวงเมื่อครู่ และมีสิ่งหนึ่งที่ข้าจะมอบให้เจ้า" ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางยื่นพระราชโองการให้กับเจาหยางเขานั่งลงคุกเขาลงกับพื้นหนึ่งข้างน้อมรับพระราชโองการก่อนจะเปิดอ่าน เมื่อได้อ่านพระราชโองการจึงได้หันไปมองใบหน้าท่านพ่อด้วยความสงสัย

"เกิดสงครามหรือ? เหตุใดทหารของข้าถึงไม่ส่งข่าวมา"

"เพราะคนของเจ้าน่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามจัดการเสียแล้วล่ะ โชคดีที่ข้ายังพอมีเส้นมีสายฝั่งนั้นคงวางแผนมิให้เรื่องนี้มาถึงหูของฮ่องเต้เพื่อจะได้ยึดครองโดยง่าย เจ้ารีบเรียกกองกำลังของเจ้าเดินทางไปรับมือช่วยเหลือเถิด หากเจ้ารับชัยชนะกลับมาฝ่าบาทจะประทานรางวัลให้แก่เจ้าและจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองให้อย่างสมเกียรติ " เจาหยางยิ้มกริ่มพร้อมเอ่ยถามผู้เป็นบิดา

"หากข้าชนะกลับมารางวัลที่ข้าอยากได้คืออะไรก็ได้หรือขอรับ"

"ใช่นะสิ! เจ้าทำคุณงามความดีไม่ว่าอันใดที่เจ้าต้องการฝ่าบาทประทานให้เจ้าได้ทุกอย่าง " เจาหยางยามนี้คิดถึงเพียงใบหน้าหวานหยดย้อยของสตรีที่อยู่ในใจของเขา หากเขาชนะศึกมาครานี้เขาจะทูลขอฝ่าบาทให้ประทานขอนางเพื่อมาเป็นฮูหยินของตน

"เช่นนั้นข้าจะเรียกกองกำลังเพื่อเดินทางโดยเร็วที่สุดท่านพ่อไม่ได้เป็นห่วงศึกครานี้ข้าจะทำให้ท่านภูมิใจอีกครา" เอ่ยจบเจาหยางหันหลังเดินกึ่งวิ่งไปหาเหล่ากองกำลังเพื่อจัดเตรียมออกเดินทางเมื่อเขาแจ้งทุกคนเสร็จสิ้นก่อนจะออกเดินทางจึงไปหาสตรีที่เขาจะทูลเป็นของรางวัลเพื่อขอกำลังใจและให้คำมั่นสัญญาแก่นาง

เรือนใต้เท้าหวังอี้เฉิน

สตรีงามใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือ คิ้ววาดคล้ายจันทร์ครึ่งเสี้ยว ดวงตาหงส์เนินแก้มอ่อนช้อยนับเป็นโฉมสะครวญหยาดฟ้ามาดินผู้หนึ่ง ผิวขาวผ่องดุจหิมะตัดกับเส้นผมดำสนิทราวน้ำหมึก ยื่นมือเรียวงามไปด้านหน้ายืนนิ่งรอใบไม้ที่กำลังเคลื่อนไหวตามแรงลมกำลังล่วงสู่พื้นกระทบมือของนาง สาวใช้ข้างกายที่คอยตามรับใช้มองดูคุณหนูของตนอย่างชื่นชมไม่ว่าจะมองมุมใดช่างเป็นสตรีที่งดงามไร้ที่ติ

"จื่อหลินวันนี้ลมกำลังดี ข้าอยากออกไปเดินเล่นที่สวนหลังเรือน" น้ำเสียงกังวานใสราวธารน้ำเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มอย่างนุ่มนวล

"ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปนำร่มมากางให้คุณหนูนะคะแม้ว่าลมเย็นแต่แสงแดดก็แรงเช่นกัน "

"เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่แล้วกันเจ้ารีบไปนำร่มมาเถิด "

"เจ้าค่ะ " จื่อหลินกล่าวบอกพลางหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของคุณหนูเพื่อไปนำร่ม

สตรีที่งดงามนางนี้คือหวังลั่วเออร์ บุตรสาวเพียงผู้เดียวของใต้เท้าหวังอี้เฉินมีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ถูกสอนสั่งมาเป็นอย่างดีและนางเองก็คือสตรีเจ้าของหัวใจของท่านแม่ทัพเจาหยาง ทั้งสองครองรักกันมาถึงสองปี เพื่อทำตัวให้คู่ควรกับท่านแม่ทัพอย่างเจาหยาง แต่ละวันลั่วเออร์ต้องเรียนรู้การเป็นฮูหยินและหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อให้เพรียบพร้อม

"คุณหนูขอรับ ยามนี้ท่านแม่ทัพมาขอเข้าพบคุณหนูอยู่ที่หน้าเรือนขอรับ ท่านใต้เท้าไม่อยู่คุณหนูให้ท่านแม่ทัพเข้าพบหรือไม่ขอรับ?" บ่าวรับใช้ที่คอยยืนเป็นยามหน้าเรือนรีบวิ่งเข้ามาถามคุณหนูเพื่อขอความเห็น ลั่วเออร์ได้ยินว่าผู้ใดมาหารอยยิ้มของนางปรากฎขึ้นบนใบหน้า

"เจ้าไปเรียนท่านแม่ทัพให้เข้ามาเถิดแล้วบอกให้มาหาข้าที่นี่ ข้ากำลังจะไปเดินรับลมที่สวนหลังเรือนพอดี "

'ขอรับคุณหนู " บ่าวรับใช้น้อมรับคำสั่งก่อนจะหันหลังเดินกึ่งวิ่งไปแจ้งท่านแม่ทัพอย่างเร่งรีบ

ไม่นานนักเจาหยางได้เดินเข้ามาในเรือนเพื่อตรงไปหาสตรีที่เขาหวนคำนึงหาทุกคืนวัน เพียงแค่เห็นใบหน้าของนางใจของเขาก็เต้นระรัว รอยยิ้มของนางยังคงสดใสเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

"ลั่วเออร์คารวะท่านแม่ทัพ"

"เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงเพียงนี้ข้าหาใช่คนอื่นคนไกล "

"นานเท่าไหร่แล้วนะที่ลั่วเออร์ไม่ได้พบหน้าท่าน ใบหน้าท่านดูซูบผอมไปนะเจ้าคะ" ลั่วเออร์เห็นใบหน้าของคนรักที่ไม่เหมือนเดิมจึงเกิดเป็นห่วง

"เพราะช่วงนี้ข้าต้องฝึกทหารทุกวัน ลั่วเออร์ข้ามีเรื่องมาแจ้งแก่เจ้าขอเวลาเพียงไม่นานเพราะข้าไม่มีเวลามากแล้ว ที่ข้ามาหาเจ้าวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งเจ้า" เจาหยางคว้ามือของลั่วเออร์มาจับไว้ดวงตาของเขาจ้องนางพร้อมเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนลั่วเออร์ต้องคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย

"ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดจะแจ้งหรือเจ้าคะ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงได้จริงจังเช่นนี้"

"ลั่วเออร์ฟังข้าให้ดี วันนี้ข้าจะออกเดินทางไปช่วยทหารที่อยู่ชายแดนทิศเหนือ คงต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะกลับมาหาเจ้า แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลหากเมื่อไหร่ที่ข้ากลับมาครานั้นข้าจะทูลขอให้ฝ่าบาทประทานงานมงคลให้เราทั้งสอง และฝ่าบาทเองก็ทรงรับปากหากข้ารับชัยชนะกลับมาไม่ว่าข้าต้องการสิ่งใดฝ่าบาทย่อมประทานให้ข้าทุกอย่าง เจ้าช่วยรอข้าได้หรือไม่?" ลั่วเออร์ยืนนิ่งราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว เจาหยางเพิ่งจะกลับมาจากสนามรบไม่เท่าไหร่ต้องกลับไปอีกแล้วจะไม่ให้นางอดเป็นห่วงได้อย่างไร ทุกครั้งที่เจาหยางออกไปสนามรบไม่มีคืนใดที่นางจะนอนหลับสนิทเพียงหลับตาก็หวนคิดถึงใบหน้าของเจาหยางที่เต็มไปด้วยเลือดในสนามรบ

"ทำไมเจ้าคะ ท่านไม่ไปไม่ได้หรือ "

"ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า แต่ว่าข้ามิอาจขัดพระราชโองการของฝ่าบาทได้ ข้าเป็นท่านแม่ทัพที่แข็งแกร่งเจ้าเองก็รู้มิต้องเป็นกังวล ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้ตนเองได้รับบาดเจ็บและจะพยายามทำให้สนามรบครั้งนี้สิ้นสุดในเร็ววัน ข้าจะได้กลับมาหาเจ้าเร็ว ๆ " ลั่วเออร์สั่นไหวไปทั้งร่างกาย การออกรบเสมือนพาชีวิตวิ่งเข้าหาสู่ความตายจะไม่ให้นางเป็นห่วงเขาได้อย่างไร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 44 ข้ารักท่าน(ตอนจบ)

    บทที่ 44 ข้ารักท่านใต้เท้าเซ่อรู้สึกอับอายที่บุตรชายได้รับความพ่ายแพ้ต่อองค์รัชทายาท ตระกูลเซ่อทุกคนต่างได้รับโทษและใต้เท้าที่รวมตัวกันวางแผนก็ถูกลงโทษด้วยเช่นกัน โทษของเจาหยางคือการถูกโบยตีก่อนจะนำไปแคว้นคอประจานให้แก่ราษฎรได้เห็นถึงการก่อกบฏและประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์จะถูกลงโทษเช่นไร แม้จะมีคุณงามความดีต่อแผ่นดินแต่ถ้าหากคิดร้ายก็ไม่ละเว้นก่อนจะนำร่างไปโยนให้แร้งกิน สนมตระกูลเซ่อถูกปลดให้เป็นเพียงสาวใช้และองค์ชายห้าถูกตัดขาดกับราชวงศ์มิอาจจะเข้ามาในวังหลวงได้อีกต่อไปใต้เท้าเซ่อถูกรุมประชาทัณฑ์ชาวบ้านหรือผู้ที่เคยถูกเขาข่มเหงรังแกขว้างหินขว้างดินใส่จนเขาถึงแก่ความตายภายในวังหลวงกลับมาสุขสงบอีกครั้ง แม้ลั่วเออร์จะเห็นชอบการลงโทษแต่ทว่าในใจของนางลึก ๆ ยังคงคิดถึงใบหน้ารอยยิ้มของเจาหยางแต่มิใช่เพราะนางคิดถึงเพราะความรักแต่ทว่านางกลับเสียดาย หากเขาเลือกเดินทางถูกต้องและคอยช่วยเหลือองค์รัชทายาทอาจจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่ทุกคนนับหน้าถือตา"พระชายาเพคะ วันนี้หม่อมฉันจะออกไปอยู่ที่ตำหนักของนางในแล้วจะได้พบพระชายาอีกไม่เพคะ" หนิงเอ๋อเดินเข้ามาหาลั่วเออร์ที่ศาลารับลม นางได้เข้ามาเป็นนางในฝึกหัด

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม

    บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม"ใครบอกเป็นเพราะเจ้าที่เป็นองค์ชายไม่เอาไหนต่างหาก ข้าจงรักภักดีต่อแผ่นดิน หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นแม่ทัพที่ดีและเป็นกองกำลังให้ฮ่องเต้เช่นเจ้าในภายภาคหน้าแต่เจ้าทำลายทุกอย่าง เจ้าทำร้ายหัวใจของข้า ทำให้ข้าต้องแย่งชิงคืนมาเช่นนี้อย่างไรเล่า " เจาหยางตั้งท่าได้สู้กับเซียวอี้อีกครั้ง จนทั้งสองทะลุกำแพงห้องพังทลายล้มลง เสียงดังจึงถึงห้องของลั่วเออร์ตึง!"นั่นเสียงอะไรกัน ทำไมถึงดังอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้หรือว่าแม่ทัพเจาหยางบุกมาที่ตำหนักนี้แล้ว " ลั่วเออร์ไม่รีรอนางร้อนใจจึงเปิดประตูออกไปด้านนอกเพื่อดู แต่ก็ต้องถูกองครักษ์เข้ามาห้ามไม่ให้ออกไปเสียก่อน"พระชายาจะออกไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ""ข้าได้ยินเสียงดังที่ตำหนักนี้ข้าเป็นห่วงองค์รัชทายาทกลัวว่าเขาจะรับมือแม่ทัพเจาหยางไม่ได้ ""พระชายาอย่าร้อนใจไปพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้องครักษ์ไป๋เหลียนก็อยู่กับองค์รัชทายาท พระชายาเข้าไปอยู่ในห้องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ " ลั่วเออร์มองลอดใต้แขนขององครักษ์ที่ยืนบังนางเห็นแม่ทัพเจาหยางกำลังจะใช้ดาบจัดการกับเซียวอี้ที่ล้มลงกับแผ่นไม้ฝาผนังที่เสียงดังเมื่อครู่ นางคือต้นเหตุทุกอย่างที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและเ

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 42 ก่อกบฏ

    บทที่ 42 ก่อกบฏรุ่งเช้าวันต่อมาไป๋เหลียนที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแม่ทัพเจาหยางได้เข้ามารายงานต่อเซียวอี้ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดเพื่อรับมือจากแม่ทัพ"ทูลองค์รัชทายาท ยามนี้กองทัพของแม่ทัพเจาหยางจะเคลื่อนขบวนในยามวิกาลพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาบอกกล่าวกองกำลังเพื่ออ้อมล้อมวังหลวงในคืนนี้ในเวลายามที่ทุกคนต่างหลับใหล จำนวนทหารของแม่ทัพมีประมาณสี่ร้อยนายจะรับมือเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ""ทหารของเจาหยางมีสี่ร้อยนายหรือ? เช่นนั้นกองกำลังของเราก็มีไม่น้อยไปกว่าเขาเพราะความช่วยเหลือของท่านแม่ ข้าจะวางแผนตลบหลัง ขันทีลี่เว่ยไปแจ้งกองกำลังมาหาข้าที่นี่""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ""ส่วนเจ้าค่ำคืนนี้ทำตามแผนของข้า ส่วนพระชายาข้าจะให้องครักษ์เงาอีกกลุ่มไปเฝ้านางเอง มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถรับมือแม่ทัพเจาหยางได้ จงทำตามนี้" เซียวอี้บอกแผนการให้ไป๋เหลียนได้รับรู้ จากนั้นเมื่อกองกำลังมาถึงเขาได้บอกแผนการในการรับมือครั้งนี้ให้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและทุกคนต่างพากันหลบซ่อนจนกว่ากองกำลังของแม่ทัพเจาหยางจะล้อมวังหลวงจากนั้นค่อยให้ทหารออกมาล้อมกองทัพของแม่ทัพเจาหยาง เซียวอี้ครุ่นคิดมาทั้งคืนเขาจะไม่ให้เกิดการ

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 41 วางแผนรับมือ

    บทที่ 41 วางแผนรับมือฝั่งด้านแม่ทัพเซ่อเจาหยางเขากลับมาจากตำหนักหนานฉี มาปรึกษาหารือท่านพ่อคิดจะก่อกบฏท่านใต้เท้าเซ่อไม่ห้ามแถมยังให้ความสนับสนุนเซ่อเจาหยางอีกด้วย เขาจึงตระเวนออกไปหาใต้เท้าที่อยู่ภายใต้ความควบคุมท่านพ่อเพื่อขอความร่วมมือในการชิงบัลลังก์ในครั้งนี้ ข้ากลับจากเรือนใต้เท้าท่านหนึ่งเห็นองค์รัชทายาทกำลังพาลั่วเออร์ออกจากวังหลวงเพียงลำพังจึงได้แอบตามไป ได้เห็นหมู่บ้านในหุบเขาที่เซียวอี้แอบซ่อนไว้ รอยยิ้มของลั่วเออร์ที่เคยเป็นของเขายามนี้ถูกเซียวอี้ครอบครองจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใจหรือกายของนาง ดวงตาร้อนระอุในอกเต็มไปด้วยความเคลียดแค้น ยิ่งเห็นชาวบ้านที่นี่รักและเทิดทูลเขายิ่งไม่พึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเซียวอี้พาลั่วเออร์กลับวังหลวงความคิดชั่วร้ายของเจาหยางที่ก่อเกิดจึงสั่งการให้ทหารของตนไปจัดการสอบถามชาวบ้านแต่เมื่อชาวบ้านตอบคำถามไม่ตรงความคิดของเขาจึงสั่งให้ทหารจัดการฆ่าทิ้งให้หมดทุกคนไม่ละเว้น เขาอยากเห็นความเจ็บปวดของเซียวอี้ที่พรากคนรักของเขาไป หากเขารู้ว่าหมู่บ้านและชาวบ้านที่เขาให้การช่วยเหลือตายกันหมดคงจะเจ็บปวดเจียนตายเมื่อตรวจสอบแล้วไม่เหลือผู้เหลือรอดเขาจึงจุดไฟเผาให้

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 40 เป็นฝีมือเขา

    บทที่ 40 เป็นฝีมือเขาในห้องของลั่วเออร์มีจื่อหลินที่แต่งกายให้อยู่นางเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามผู้เป็นนาย"พระชายาเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเพคะพระชายาถึงได้พากันกลับวังหลวงจนท้องฟ้ามืดมิดเช่นนี้แล้วเด็กนั้นคือใครกันเพคะ" ลั่วเออร์หันไปมองหน้าของนางกำนัลเสมือนพวกนางรู้พากันเดินออกจากห้องเหลือเพียงจื่อหลิน"เด็กนั่นเป็นเด็กที่องค์รัชทายาทช่วยเหลือเอาไว้ ข้างนอกวังเกิดเรื่องขึ้นทำให้ข้ากับองค์รัชทายาทกลับมาล่วงเวลาเช่นนี้ วันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินจนไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยแล้วเจ้าไปพักเถิดนะ รุ่งสางข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง ""เพคะพระชายา " จื่อหลินวางแปรงผมลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เดินออกไปด้านนอกไม่นานเซียวอี้ได้เสด็จมาหาลั่วเออร์เพื่อมฟังคำพูดของนางเหตุใดนางถึงรู้ว่าเป็นแม่ทัพเจาหยางและเขามาพบนางเพราะการใด"มาแล้วหรือเพคะ ""ข้ารู้ว่าเจ้าตกใจและเสียใจเพียงใดแต่เรื่องที่ข้าต้องการจะรู้จากปากเจ้าในวันนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ "ลั่วเออร์ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้พรางสูดลมหายใจให้ทั่วท้องและเล่าเรื่่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่เซียวอี้ฟัง"อะไรกันเจาหยางคิดทำลายข้าจนถึงขั้นจะให้เจ้าปลงพระชนม์ข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 39 ช่างโหดร้าย

    บทที่ 39 ช่างโหดร้ายลั่วเออร์ปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มกำมือแน่นภาวนาให้ยังพอมีคนเหลือรอด นางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้รีบหันไปมองเห็นเซียวอี้อุ้มหนิงเอ๋อกลับมา ลั่วเออร์ดีใจราวกับคำอ้อนวอนของนางเป็นจริง นางวิ่งเข้าหาหาทั้งสองทันที“สวรรค์หนิงเอ๋อเจ้าปลอดภัย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเพียงใด” เซียวอี้วางหนิงเอ๋อหลงจากอ้อมแขน นางวิ่งเข้าไปโอบกอดลั่วเออร์แน่น“พี่ลั่วเออร์ข้ากลัว กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะพวกเขาช่างโหดร้ายเพื่อน ๆ ของข้าท่านแม่ของข้าต่างพากันอ้อนวอนพวกเขาไม่มีความเมตตาสักนิด ท่านแม่ก้มลงเพื่อวอนขอชีวิตแต่เขากลับใช้ดาบบั่นคอท่านแม่ชั่วพริบตา อึก อึก ข้ากลัวเจ้าค่ะ เพื่อน ๆ ของข้าหนีไม่ทันถูกคนใจร้ายจัดการจนไม่เหลือ พี่ลั่วเออร์ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกคนนะเจ้าคะ ข้าไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเอ๋อต่างพากันสงสาร ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ฝืนใจข่มความกลัวเพื่อบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ลั่วเออร์กอดนางแน่นพรางร้องไห้เด็กตัวเล็กเพียงนี้ต้องมาพบเจอเรื่องโหดร้ายแถมยังต้องเสียทุกคนไปคงสะเทือนใจไม่น้อย“ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าไม่มีท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status