Share

บทที่ 6 ข้อแม้ที่ข้าจะรับตำแหน่ง

Aвтор: วริษา
last update Последнее обновление: 2025-03-12 10:00:09

บทที่ 6 ข้อแม้ที่ข้าจะรับตำแหน่ง

หลังจากที่ลั่วเออร์สวดมนต์ขอพรเพื่อให้คุ้มครองคนรักของนางเรียบร้อยแล้วได้พากันกลับเรือน เมื่อนางขึ้นรถม้าสายตาของลั่วเออร์ได้หันไปเห็นนักพรตคนเดิมอีกครั้งเขาจ้องมองนางจนรถม้าเคลื่อนตัวออกไป

"คุณหนูครั้งหน้าเราอย่ามาที่นี่อีกเลยนะเจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าที่นี่แปลก ๆ จนน่ากลัวดูนักพรตผู้นั้นที่มาเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับคุณหนูสิเจ้าคะจ้องมองเสียจนข้ารู้สึกกลัวไปหมด "

"เจ้าเองก็เห็นใช่หรือไม่สายตาของนักพรตที่จ้องมองเราเมื่อครู่ "

"เจ้าค่ะ " ลั่วเออร์เองก็รู้สึกไม่ต่างกันจนพ้นสำนักสงฆ์ความรู้สึกของลั่วเออร์ยังคงอยู่

ฝั่งด้านไป๋เหลียนที่ตามดูลั่วเออร์ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเขาได้ยินทุกคำพูดที่นักพรตเอ่ยกับลั่วเออร์จึงได้เข้าไปถามหลังจากที่เห็นรถม้าของนางเคลื่อนขบวนออกไปไกล

"ท่านนักพรตเรื่องที่ท่านเอ่ยมาเมื่อครู่กับแม่นางผู้นั้นหมายความว่าอย่างไรกันขอรับ เช่นนี้ท่านก็สามารถดูให้ข้าได้ด้วยหรือไม่ขอรับ "

"ข้าเป็นเพียงนักพรตที่เข้ามาปฎิบัติธรรมเท่านั้นมิได้มีความสามารถทำนายอนาคตผู้ใดได้ " น้ำเสียงตอบกลับมาอย่างเรียบเฉย

"แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินเต็มสองหูเรื่องที่ท่านเอ่ยกับแม่นาง"

"ข้าเห็นจิตวิญญาณความสูงส่งของคุณหนูนางนั้น ในวันหนึ่งนางจะอยู่สูงสุดของใต้หล้าแต่กว่านางจะได้อยู่สูงเพียงนั้นนางต้องแบกรับความเจ็บปวดความข่มขื่นในทุกวัน " ไป๋เหลียนคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิดหรือนี่จะเป็นวาสนาที่นางจะได้เคียงคู่องค์ชายเซียวอี้

"เช่นนั้นข้าไม่ขอรบกวนท่าน" ไป๋เหลียนโค้งคำนับลงเดินหันกลับกระโดดขึ้นม้าควบตามรถม้าของตระกูลหวังเพื่อตามดูกิริยานิสัยของคุณหนูตามที่องค์ชายเซียวอี้ต้องการ

หลังจากที่เขาตามมาหลายวันได้เห็นว่านางเป็นสตรีที่คู่ควรเหมาะสมกับองค์ชายทุกประการไม่ว่าจะเป็นใบหน้ากิริยาหรือแม้แต่นิสัยนางช่างอ่อนโยนจิตใจเมตตาหากนางได้เคียงข้างองค์ชายนับเป็นคู่ที่คู่ควรยิ่งนัก เมื่อไป๋เหลียนมั่นใจเขาจึงกลับวังเพื่อรายงายเรื่องนี้ให้แก่องค์ชายสามเซียวอี้ได้รับรู้

ตำหนักหนานฉี

หลายวันมานี้เซียวอี้ไม่ได้ออกไปข้างนอกตามคำสั่งของฝ่าบาทเขาซุ่มอ่านตำราขงจื้อต่าง ๆ ที่ขันทีประจำกายจัดเตรียมมากองไว้ให้ แต่ทว่าเขากลับแสร้งไม่สนใจเรียกหาสุราและหญิงงามที่เพื่อเข้ามาปรนนิบัติ เรื่องนี้ได้แพร่ออกไปด้านนอกตำหนักจนถึงหูของเหล่าเสนาบดีว่าองค์ชายสามเซียวอี้แม้ไม่ได้ออกไปด้านนอกก็ยังคงทำตนเช่นเดิม ไม่มีสำนึกยิ่งทำให้ฝ่าบาทถึงกับเหนื่อยพระทัย แต่หารู้ไม่ว่าเขาเพียงทำเช่นนั้นบังหน้าเพราะไม่อยากให้พวกใต้เท้าหวังสูงรู้ถึงความเคลื่อนไหวเท่านั้น

ก๊อก ๆ " เสียงเคาะทางหน้าต่างได้ดังขึ้นอีกครั้งในยามวิกาล เซียวอี้ลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างพร้อมมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีผู้ใดแล้วจึงพยักหน้าให้อีกคนเข้ามาด้านใน

"ได้เรื่องว่าเช่นไรบ้าง"

"ทูลองค์ชาย คุณหนูตระกูลหวังนั้นเป็นสตรีที่อ่อนหวานไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาท หรือแม้กระทั่งนิสัยช่างเป็นสตรีที่หายากนักในใต้หล้า "

"มิน่าล่ะ! แม่ทัพเจาหยางถึงได้รักนางยิ่งนัก ฮึ! ดีหากเจ้ากล่าวมาเช่นนี้ไม่มีอะไรที่นางไม่คู่ควรกับข้าใช่หรือไม่? รุ่งสางข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อทูลขอให้พระราชทานงานมงคลให้ข้ากับนางเพื่อแลกกับการที่ข้าจะขึ้นรับตำแหน่งองค์รัชทายาท อย่างไรเสียฝ่าบาทต้องเห็นดีด้วยกับข้าเป็นแน่ "

"พ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมเกรงว่าหากทำเช่นนี้องค์ชายจะพบเจอเรื่องยุ่งยากภายภาคหน้าเป็นแน่ "

"เจ้าคงคิดเรื่องของแม่ทัพเจาหยางอย่างนั้นหรือ? จะกลัวอันใดกันอย่างไรเสียการที่คนรักของแม่ทัพมาแต่งกับข้าหาใช่ความสมัครใจและเป็นพระราชโองการของฝ่าบาทเขาไม่มีทางที่จะขัดคำสั่งได้ ข้าสะใจยิ่งนักที่จะได้เห็นสิ่งที่เขารักตกมาเป็นของผู้อื่น เจ้ากลับไปพักเถิดแล้วเฝ้าดูฝั่งนั้นว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากข้าทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทพวกใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางต้องวางแผนรับมือทำอย่างอื่นอีกแน่ " เซียวอี้ตบบ่าขององครักษ์ให้ไปพักผ่อนพร้อมมอบหมายงานให้แก่เขาอีกครั้ง องค์ชายเซียวอี้แม้จะมักจะออกไปด้านนอกแต่ทว่าเขาไม่ได้เที่ยวเล่นอย่างที่เหล่าใต้เท้าเข้าใจแต่เขาแสร้งทำตนเช่นนี้เพราะคอยสอดส่องใต้เท้าที่คิดจะทำร้ายต่อราชวงค์

รุ่งสางมาเยือน

องค์ชายสามเซียวอี้วันนี้ฉลองพระองค์ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างที่เขาไม่เคยแต่งจนทำให้ขันทีประจำตนตกใจคิดว่าวันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทิศตะวันตกเป็นแน่

"เจ้าจะยืนจ้องข้าอีกนานหรือไม่? " เสียงเข้มขรึมเอ่ยขึ้นมาเพื่อเรียกสติขันทีที่จ้องเขาอยู่

"ประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมเป็นขันทีองค์ชายมาวันนี้เป็นวันแรกที่เห็นองค์ชายฉลองพระองค์ได้งดงามเช่นนี้"

"ขนาดท่านที่ดูแลข้ามาตั้งนานยังตกตะลึงเพียงนี้ หากข้าฉลองพระองค์ในชุดขององค์รัชทายาทท่านไม่สลบเลยอย่างนั้นหรือ?"

"องค์ชาย! องค์ชายเอ่ยมาเช่นนี้หรือว่าองค์ชายจะน้อมรับตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้วอย่างนั้นหรือ? วันนี้ช่างเป็นวันที่กระหม่อมดีใจที่สุดเลยพ่ะย่ะค่ะ ช่างเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสยิ่งนัก" ขันทีลี่เว่ยยิ้มกริ่มอย่างดีใจพรางใช้มือทาบอกเมื่อเห็นว่าวันนี้องค์ชายของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว

"เจ้าได้เห็นแน่ ๆ ตามข้ามา" องค์ชายสามเซียวอี้ย่างเท้าออกอย่างห้องอย่างทนงองอาจชายผ้าปลิวไหวตามแรงเดิน ช่างสง่างามจนขันทีภูมิใจที่ได้เห็นภาพเช่นนี้

ตำหนักฮ่องเต้

ภายในตำหนักฮ่องเต้กำลังนั่งเสวยพระกายาหารร่วมกับฮองเฮาจู่ ๆ เขาได้เอ่ยขึ้นระหว่างกินอาหาร

"ฮองเฮาเจ้าได้ยินเรื่องขององค์ชายสามหรือไม่? เจ้าเป็นมารดาเป็นฮองเฮาของแผ่นดินเข้าไปว่ากล่าวตักเตือนบุตรชายของเจ้าให้ทรงทำตนให้เหมาะสมแก่ฐานะ เจ้ารู้หรือไม่ขนาดข้าสั่งไม่ให้ออกไปด้านนอกองค์ชายสามยังคงเรียกนางคณิกาเข้ามาในวังหลวง เรื่องนี้ทำให้ข้าปวดหัวยิ่งนัก เหล่าเสนาบดีต่างไม่เห็นด้วยที่ข้าจะยกตำแหน่งองค์รัชทายาทให้แก่องค์ชายเซียวอี้ ข้าต้องอ่านฎีกาเรื่องของเขาในทุก ๆ วันจนข้าเหนื่อยใจ "

"หม่อมฉันจะเข้าไปสั่งสอนองค์ชายเซียวอี้เองเพคะ องค์ชายเซียวอี้หาใช่คนไม่ดีแต่ที่ทรงทำเช่นนั้นเพราะยังดื้อดันไม่อยากรับตำแหน่งเท่านั้น เพราะความรักที่เขามีต่อท่านพี่ของเขา " ฮองเฮาวางตะเกียบลงพร้อมตอบฝ่าบาทให้เบาใจ แต่ไม่ทันที่ฝ่าบาทจะได้เอ่ยอันใดขันทีหน้าห้องได้ตะโกนเข้ามาเพื่อให้ผู้ที่อยู่ด้านในได้รับรู้

"องค์ชายสามเซียวอี้เสด็จพ่ะย่ะค่ะ " ทั้งฝ่าบาทและฮองเฮาต่างพากันคิ้วขมวดและหันไปมองด้านประตู เซียวอี้ก้าวเท้าเข้ามาด้านในพรางนั่งลงถวายบังคมฝ่าบาทและฮองเฮา

"ถวายบังคมท่านพ่อ ถวายบังคมท่านแม่ " ฝ่าบาทจ้องมองร่างกายของเซียวอี้ด้วยความสงสัยเหตุใดวันนี้ถึงได้แต่งกายผิดแปลกไป

"วันนี้ตะวันคงขึ้นทิศตะวันตกสินะเจ้าถึงได้แต่งกายเช่นนี้ ข้าจำได้ว่าสั่งห้ามมิให้เจ้าออกมาจากตำหนักมิใช่หรือ?"

"ฝ่าบาทเพคะ ในเมื่อองค์ชายเซียวอี้มาเข้าเฝ้าท่านอย่าพึ่งได้ตำหนิเลยเพคะอาจจะมีเรื่องที่จะแจ้งต่อท่านก็เป็นได้ " ฮองเฮาเอ่ยบอกฝ่าบาทพร้อมหันไปพยักหน้าให้แก่เซียวอี้บุตรชายคนรองของตนให้ลุกขึ้นไมต้องคุกเข่าต่อไป

"กราบทูลท่านพ่อ เป็นเช่นดั่งท่านแม่กล่าวตลอดหลายวันที่ผ่านมาข้าได้สำนึกตนแล้วว่าสิ่งที่ข้าทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ข้าจะรับตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างที่ท่านพ่อต้องการแต่ทว่าข้ามีข้อแม้พ่ะย่ะค่ะ" ในยามแรกสีหน้าของฝ่าบาทกับฮองเฮาปรากฎรอยยิ้มอย่างดีใจที่บุตรชายของเขาคิดได้แต่เมื่อได้ยินว่ามีข้อแม้ถึงกับชักสีหน้าไม่ทัน

"ข้อแม้ของเจ้าคือเรื่องอันใดกันลองเอ่ยมา"

"ข้อแม้ของข้านั้นหากท่านพ่อต้องการให้ข้าเป็นองค์รัชทายาทข้าขอเลือกพระชายาของตนเองได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" เมื่อได้ยินเช่นนั้นฝ่าบาทถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

"ข้าก็คิดว่าเรื่องอันใดเพียงเรื่องนี้เหตุใดข้าจะให้เจ้ามิได้แต่ว่าสตรีที่เจ้าอยากให้มาเป็นพระชายาต้องมิใช่นางในหอคณิกาหรือเป็นบุตรของสาวใช้เพียงเท่านั้นข้าก็ไม่ขัดขวางเจ้า"

"ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อวางใจได้เพราะสตรีที่ข้ามีใจอยากให้มาเป็นพระชายาคือคุณหนูตระกูลหวัง บุตรสาวของใต้เท้าหวังอี้เฉินพ่ะย่ะค่ะ "

"คุณหนูตระกูลหวังเช่นนั้นหรือ? ฝ่าบาทหม่อมฉันเคยได้ยินมาบ้างนางเป็นสตรีที่งดงามไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือแม้กระทั่งกิริยานิสัยของนางก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตาเช่นนี้ช่างคู่ควรต่อองค์ชายเซียวอี้ยิ่งนักเพคะ เจ้าช่างมีสายตาแหลมคมยิ่งนักหากเป็นเช่นนี้หม่อมฉันจะเป็นธุระไปที่เรือนตระกูลหวังตัวด้วยเองเพคะเพื่อเอ่ยกับใต้เท้าหวังและฮูหยินของเขาเพื่อขอคุณหนูตระกูลหวังให้แก่องค์ชายเซียวอี้ "

"เฮอะ เฮอะ ดี ๆ ข้าจะเขียนพระราชโองการให้แก่ฮองเฮาเดินทางไปมอบให้แก่ใต้เท้าหวังเพื่อพระราชทานงานมงคลครั้งนี้ให้แก่องค์ชายเซียวอี้ ยิ่งเร็วยิ่งดีเมื่อจัดงานมงคลเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ข้าจะจัดการการรับตำแหน่งองค์รัชทายาทให้แก่ประชาชนในใต้หล้าได้รับรู้นับว่าต่อจากนี้จะมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้น วันนี้ข้ามีความสุขยิ่งนัก ฮ่า ฮ่า" ฝ่าบาทหัวเราะออกมาอย่างชอบใจในที่สุดองค์ชายสามก็คิดได้เสียที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 44 ข้ารักท่าน(ตอนจบ)

    บทที่ 44 ข้ารักท่านใต้เท้าเซ่อรู้สึกอับอายที่บุตรชายได้รับความพ่ายแพ้ต่อองค์รัชทายาท ตระกูลเซ่อทุกคนต่างได้รับโทษและใต้เท้าที่รวมตัวกันวางแผนก็ถูกลงโทษด้วยเช่นกัน โทษของเจาหยางคือการถูกโบยตีก่อนจะนำไปแคว้นคอประจานให้แก่ราษฎรได้เห็นถึงการก่อกบฏและประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์จะถูกลงโทษเช่นไร แม้จะมีคุณงามความดีต่อแผ่นดินแต่ถ้าหากคิดร้ายก็ไม่ละเว้นก่อนจะนำร่างไปโยนให้แร้งกิน สนมตระกูลเซ่อถูกปลดให้เป็นเพียงสาวใช้และองค์ชายห้าถูกตัดขาดกับราชวงศ์มิอาจจะเข้ามาในวังหลวงได้อีกต่อไปใต้เท้าเซ่อถูกรุมประชาทัณฑ์ชาวบ้านหรือผู้ที่เคยถูกเขาข่มเหงรังแกขว้างหินขว้างดินใส่จนเขาถึงแก่ความตายภายในวังหลวงกลับมาสุขสงบอีกครั้ง แม้ลั่วเออร์จะเห็นชอบการลงโทษแต่ทว่าในใจของนางลึก ๆ ยังคงคิดถึงใบหน้ารอยยิ้มของเจาหยางแต่มิใช่เพราะนางคิดถึงเพราะความรักแต่ทว่านางกลับเสียดาย หากเขาเลือกเดินทางถูกต้องและคอยช่วยเหลือองค์รัชทายาทอาจจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่ทุกคนนับหน้าถือตา"พระชายาเพคะ วันนี้หม่อมฉันจะออกไปอยู่ที่ตำหนักของนางในแล้วจะได้พบพระชายาอีกไม่เพคะ" หนิงเอ๋อเดินเข้ามาหาลั่วเออร์ที่ศาลารับลม นางได้เข้ามาเป็นนางในฝึกหัด

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม

    บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม"ใครบอกเป็นเพราะเจ้าที่เป็นองค์ชายไม่เอาไหนต่างหาก ข้าจงรักภักดีต่อแผ่นดิน หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นแม่ทัพที่ดีและเป็นกองกำลังให้ฮ่องเต้เช่นเจ้าในภายภาคหน้าแต่เจ้าทำลายทุกอย่าง เจ้าทำร้ายหัวใจของข้า ทำให้ข้าต้องแย่งชิงคืนมาเช่นนี้อย่างไรเล่า " เจาหยางตั้งท่าได้สู้กับเซียวอี้อีกครั้ง จนทั้งสองทะลุกำแพงห้องพังทลายล้มลง เสียงดังจึงถึงห้องของลั่วเออร์ตึง!"นั่นเสียงอะไรกัน ทำไมถึงดังอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้หรือว่าแม่ทัพเจาหยางบุกมาที่ตำหนักนี้แล้ว " ลั่วเออร์ไม่รีรอนางร้อนใจจึงเปิดประตูออกไปด้านนอกเพื่อดู แต่ก็ต้องถูกองครักษ์เข้ามาห้ามไม่ให้ออกไปเสียก่อน"พระชายาจะออกไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ""ข้าได้ยินเสียงดังที่ตำหนักนี้ข้าเป็นห่วงองค์รัชทายาทกลัวว่าเขาจะรับมือแม่ทัพเจาหยางไม่ได้ ""พระชายาอย่าร้อนใจไปพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้องครักษ์ไป๋เหลียนก็อยู่กับองค์รัชทายาท พระชายาเข้าไปอยู่ในห้องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ " ลั่วเออร์มองลอดใต้แขนขององครักษ์ที่ยืนบังนางเห็นแม่ทัพเจาหยางกำลังจะใช้ดาบจัดการกับเซียวอี้ที่ล้มลงกับแผ่นไม้ฝาผนังที่เสียงดังเมื่อครู่ นางคือต้นเหตุทุกอย่างที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและเ

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 42 ก่อกบฏ

    บทที่ 42 ก่อกบฏรุ่งเช้าวันต่อมาไป๋เหลียนที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแม่ทัพเจาหยางได้เข้ามารายงานต่อเซียวอี้ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดเพื่อรับมือจากแม่ทัพ"ทูลองค์รัชทายาท ยามนี้กองทัพของแม่ทัพเจาหยางจะเคลื่อนขบวนในยามวิกาลพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาบอกกล่าวกองกำลังเพื่ออ้อมล้อมวังหลวงในคืนนี้ในเวลายามที่ทุกคนต่างหลับใหล จำนวนทหารของแม่ทัพมีประมาณสี่ร้อยนายจะรับมือเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ""ทหารของเจาหยางมีสี่ร้อยนายหรือ? เช่นนั้นกองกำลังของเราก็มีไม่น้อยไปกว่าเขาเพราะความช่วยเหลือของท่านแม่ ข้าจะวางแผนตลบหลัง ขันทีลี่เว่ยไปแจ้งกองกำลังมาหาข้าที่นี่""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ""ส่วนเจ้าค่ำคืนนี้ทำตามแผนของข้า ส่วนพระชายาข้าจะให้องครักษ์เงาอีกกลุ่มไปเฝ้านางเอง มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถรับมือแม่ทัพเจาหยางได้ จงทำตามนี้" เซียวอี้บอกแผนการให้ไป๋เหลียนได้รับรู้ จากนั้นเมื่อกองกำลังมาถึงเขาได้บอกแผนการในการรับมือครั้งนี้ให้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและทุกคนต่างพากันหลบซ่อนจนกว่ากองกำลังของแม่ทัพเจาหยางจะล้อมวังหลวงจากนั้นค่อยให้ทหารออกมาล้อมกองทัพของแม่ทัพเจาหยาง เซียวอี้ครุ่นคิดมาทั้งคืนเขาจะไม่ให้เกิดการ

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 41 วางแผนรับมือ

    บทที่ 41 วางแผนรับมือฝั่งด้านแม่ทัพเซ่อเจาหยางเขากลับมาจากตำหนักหนานฉี มาปรึกษาหารือท่านพ่อคิดจะก่อกบฏท่านใต้เท้าเซ่อไม่ห้ามแถมยังให้ความสนับสนุนเซ่อเจาหยางอีกด้วย เขาจึงตระเวนออกไปหาใต้เท้าที่อยู่ภายใต้ความควบคุมท่านพ่อเพื่อขอความร่วมมือในการชิงบัลลังก์ในครั้งนี้ ข้ากลับจากเรือนใต้เท้าท่านหนึ่งเห็นองค์รัชทายาทกำลังพาลั่วเออร์ออกจากวังหลวงเพียงลำพังจึงได้แอบตามไป ได้เห็นหมู่บ้านในหุบเขาที่เซียวอี้แอบซ่อนไว้ รอยยิ้มของลั่วเออร์ที่เคยเป็นของเขายามนี้ถูกเซียวอี้ครอบครองจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใจหรือกายของนาง ดวงตาร้อนระอุในอกเต็มไปด้วยความเคลียดแค้น ยิ่งเห็นชาวบ้านที่นี่รักและเทิดทูลเขายิ่งไม่พึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเซียวอี้พาลั่วเออร์กลับวังหลวงความคิดชั่วร้ายของเจาหยางที่ก่อเกิดจึงสั่งการให้ทหารของตนไปจัดการสอบถามชาวบ้านแต่เมื่อชาวบ้านตอบคำถามไม่ตรงความคิดของเขาจึงสั่งให้ทหารจัดการฆ่าทิ้งให้หมดทุกคนไม่ละเว้น เขาอยากเห็นความเจ็บปวดของเซียวอี้ที่พรากคนรักของเขาไป หากเขารู้ว่าหมู่บ้านและชาวบ้านที่เขาให้การช่วยเหลือตายกันหมดคงจะเจ็บปวดเจียนตายเมื่อตรวจสอบแล้วไม่เหลือผู้เหลือรอดเขาจึงจุดไฟเผาให้

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 40 เป็นฝีมือเขา

    บทที่ 40 เป็นฝีมือเขาในห้องของลั่วเออร์มีจื่อหลินที่แต่งกายให้อยู่นางเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามผู้เป็นนาย"พระชายาเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเพคะพระชายาถึงได้พากันกลับวังหลวงจนท้องฟ้ามืดมิดเช่นนี้แล้วเด็กนั้นคือใครกันเพคะ" ลั่วเออร์หันไปมองหน้าของนางกำนัลเสมือนพวกนางรู้พากันเดินออกจากห้องเหลือเพียงจื่อหลิน"เด็กนั่นเป็นเด็กที่องค์รัชทายาทช่วยเหลือเอาไว้ ข้างนอกวังเกิดเรื่องขึ้นทำให้ข้ากับองค์รัชทายาทกลับมาล่วงเวลาเช่นนี้ วันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินจนไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยแล้วเจ้าไปพักเถิดนะ รุ่งสางข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง ""เพคะพระชายา " จื่อหลินวางแปรงผมลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เดินออกไปด้านนอกไม่นานเซียวอี้ได้เสด็จมาหาลั่วเออร์เพื่อมฟังคำพูดของนางเหตุใดนางถึงรู้ว่าเป็นแม่ทัพเจาหยางและเขามาพบนางเพราะการใด"มาแล้วหรือเพคะ ""ข้ารู้ว่าเจ้าตกใจและเสียใจเพียงใดแต่เรื่องที่ข้าต้องการจะรู้จากปากเจ้าในวันนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ "ลั่วเออร์ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้พรางสูดลมหายใจให้ทั่วท้องและเล่าเรื่่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่เซียวอี้ฟัง"อะไรกันเจาหยางคิดทำลายข้าจนถึงขั้นจะให้เจ้าปลงพระชนม์ข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายไร้ใจเช่นท่านไม่มีวันได้ใจข้า   บทที่ 39 ช่างโหดร้าย

    บทที่ 39 ช่างโหดร้ายลั่วเออร์ปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มกำมือแน่นภาวนาให้ยังพอมีคนเหลือรอด นางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้รีบหันไปมองเห็นเซียวอี้อุ้มหนิงเอ๋อกลับมา ลั่วเออร์ดีใจราวกับคำอ้อนวอนของนางเป็นจริง นางวิ่งเข้าหาหาทั้งสองทันที“สวรรค์หนิงเอ๋อเจ้าปลอดภัย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเพียงใด” เซียวอี้วางหนิงเอ๋อหลงจากอ้อมแขน นางวิ่งเข้าไปโอบกอดลั่วเออร์แน่น“พี่ลั่วเออร์ข้ากลัว กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะพวกเขาช่างโหดร้ายเพื่อน ๆ ของข้าท่านแม่ของข้าต่างพากันอ้อนวอนพวกเขาไม่มีความเมตตาสักนิด ท่านแม่ก้มลงเพื่อวอนขอชีวิตแต่เขากลับใช้ดาบบั่นคอท่านแม่ชั่วพริบตา อึก อึก ข้ากลัวเจ้าค่ะ เพื่อน ๆ ของข้าหนีไม่ทันถูกคนใจร้ายจัดการจนไม่เหลือ พี่ลั่วเออร์ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกคนนะเจ้าคะ ข้าไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเอ๋อต่างพากันสงสาร ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ฝืนใจข่มความกลัวเพื่อบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ลั่วเออร์กอดนางแน่นพรางร้องไห้เด็กตัวเล็กเพียงนี้ต้องมาพบเจอเรื่องโหดร้ายแถมยังต้องเสียทุกคนไปคงสะเทือนใจไม่น้อย“ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าไม่มีท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status