Share

บทที่ 2

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!

ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”

คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”

เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!

หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”

“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไปกันเถอะ แม้ว่าฉินซูจะผ่านด่านนี้ไป แต่พี่สามก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เรามารอดูการแสดงกันดีกว่า”

จากนั้นทั้งกลุ่มก็ลงจากภูเขาตามไป

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ฉินซูกลับไปยังตำหนักบูรพา

ในเวลานี้ ลึกเข้าไปในตำหนักบูรพา หน้าห้องบรรทมของฉินซู

มีร่างหญิงงามยืนอยู่

นางสวมอาภรณ์ฝ่ายในสีเขียวอ่อน และรูปร่างของนางก็สง่างามได้สัดส่วน!

บนใบหน้าที่งดงามน่าทึ่งนั้น ใบหน้ามีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต หัวตาเรียว หางตาชี้ขึ้น คิ้วโค้งเรียวดั่งใบหลิว ริมฝีปากแดงอมชมพู และฟันขาวสะอาด

มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และงดงาม

ชื่อของนางคือหลินชิงเหยา นางเป็นบุตรีของหลินซี ซึ่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง นางเป็นคนรักขององค์ชายสาม อ๋องฉี ทั้งสองมีใจให้กัน

เพียงแต่ด้วยสถานะของนางที่ตอนนี้มาปรากฏตัวในห้องบรรทมองค์รัชทายาทเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมิน้อย

ทันใดนั้น ขันทีน้อยก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

“คุณหนูหลิน แย่แล้ว ท่านอ๋องฉีถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวเรียกตัวเข้าเฝ้าด่วน เขาสั่งให้ข้าน้อยมาแจ้งให้ท่านทราบว่าแผนการถูกยกเลิก ท่านควรออกไปทางประตูหลังให้เร็วที่สุดขอรับ”

หลินชิงเหยาตกตะลึงและอุทานขึ้น “ว่ากระไรนะ?! เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?"

“ข้าน้อยมิทราบขอรับ คาดว่าคงมีเรื่องด่วน ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับมา กรุณาออกไปทางประตูหลังก่อนเถิดขอรับ”

“ได้!”

หลังจากที่หลินชิงเหยารู้สึกตัว นางก็หันหลังกลับเดินไปที่ประตูหลัง

แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งขวางทางนางไว้

เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน หลินชิงเหยาและขันทีน้อยก็ตกใจจนหน้าซีด!

ขันทีน้อยคุกเข่าลง เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท คือ... คือ…”

ฉินซูยิ้มอย่างเย็นชา คว้าคอของอีกฝ่ายแล้วยกเขาขึ้น

“กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็หักคอของอีกฝ่ายและเหวี่ยงร่างนั้นออกไป

หลินชิงเหยาหวาดกลัว นางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท พระองค์... พระองค์จะทรงทำอะไรเพคะ?”

ฉินซูยิ้มเจ้าเล่ห์และถามว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

“หม่อมฉัน... เดิมทีหม่อมฉันมีบางสิ่งที่อยากทูลขอคำปรึกษากับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้หม่อมฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอทูลลาไปก่อนเพคะ”

หลินชิงเหยาพูดเช่นนั้นก็เตรียมผละจากไป

“เจ้ามีอะไรจะถามข้าแต่กลับมายืนหน้าห้องบรรทมข้า เจ้าปิดบังอะไรไว้? ยังต้องให้ตัวข้าพูดอีกรึ?”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบด้วยท่าทีขี้เล่น ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาเพียงครั้งเดียวก็ดึงนางเข้ามาสู่ในอ้อมแขน

หลินชิงเหยาตกใจมากจนใบหน้าของนางซีดเผือด นางพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“องค์รัชทายาท ท่านโปรดอย่าทำเช่นนี้ หากอ๋องฉีรู้เข้า…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินซูก็ตะคอกสวนไปอย่างเย็นชา “กล้าวางกับดักข้า ตัวข้าจะให้เขารู้ว่าการตัดสินใจของเขานั้นโง่เขลาเพียงใด!"

ฉินซูมิรอช้า อุ้มหลินชิงเหยาเดินตรงไปที่ห้องบรรทม

เมื่อมาถึงห้องบรรทม เขาก็โยนหลินชิงเหยาลงบนเตียงแล้วกระโดดขึ้นไปบนตัวนาง

หลินชิงเหยาตื่นตระหนก พูดอย่างรีบร้อนว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงทำเช่นนี้มิได้ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดอีก… อื้อ…”

ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ ฉินซูก็ประกบจูบกับปากของนาง

นางที่ยังมิเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน สมองพลันว่างเปล่าในทันที

จบแล้ว คราวนี้เนื้อเข้าปากเสือเป็นที่เรียบร้อย

กว่านางจะรู้สึกตัว ฉินซูก็เปลื้องอาภรณ์ของนางจนเปลือยเปล่า

ในเวลานี้ นางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ อ้อนวอนว่า “องค์รัชทายาท ช้าก่อนเพคะ ท่านทำเช่นนี้มิได้!”

“หึหึ จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเจ้าก็เพราะต้องการให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อให้อ๋องฉีจับได้คาหนังคาเขามิใช่รึ? ข้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีกรึ?!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็จูบนางอีกครั้ง มือไม้ซุกซนไปทั่ว

หลินชิงเหยาพยายามต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่ก็มิเป็นผล

ภายใต้การรุกรานของฉินซู ความปรารถนาในใจนางก็ถูกกระตุ้นขึ้น นางค่อย ๆ หยุดต่อต้าน และจากนั้นก็เริ่มตอบสนองเขาแทนเสียด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็มิลังเลอีก ตรงเข้าประเด็นหลักทันที!

ประมาณสามในสี่ของชั่วยามต่อมา ฉินซูนอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ มือใหญ่ของเขาลูบไล้แผ่นหลังนุ่มนวลและเรียบเนียนดั่งหยกของหลินชิงเหยาอย่างคิดมิตก

หลินชิงเหยานอนเหงื่อชุ่มอยู่ในอ้อมแขนของฉินซู ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อ สีหน้าที่แสดงซับซ้อนอย่างยิ่ง

เดิมทีตามแผนการของอ๋องฉี นางมาที่นี่เพื่อจัดฉากให้ฉินซูตกหลุมพราง จะได้โค่นเขาลงโดยเร็วที่สุด

ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้กลับกลายเป็นฉินซูที่กำชัย

สิ่งที่ทำให้นางสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือ ทักษะอันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ของฉินซู มันทำให้นางได้ลิ้มรสในความสุขสมของการเป็นสตรีอย่างลึกซึ้ง

ความรู้สึกที่ยากจะต้านทาน ทำให้นางหลงใหลจนถอนตัวมิขึ้น

นางมิเสียใจเลยที่ได้มอบความบริสุทธิ์นี้ให้กับฉินซู

เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของนาง ฉินซูจึงพูดอย่างใจเย็น “อย่ามาเล่นละครต่อหน้าข้า ตอนนี้เจ้าก็กลับไปรายงานกับอ๋องฉีได้แล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินชิงเหยาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างอธิบายมิถูก หยาดน้ำตาไหลริน

แม้ว่าเดิมทีนางจะถูกบังคับ ทว่าต่อมานางก็ตอบสนองด้วยความเต็มใจ แล้วไฉนตอนนี้เขาจึงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้!

ครู่หนึ่งหลินชิงเหยารู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างท่วมท้น

แต่ในใจของฉินซูนั้นมิรู้สึกอะไรเลย ยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

หลินชิงเหยามองฉินซูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นจึงสวมอาภรณ์อย่างเงียบ ๆ แล้วลงจากเตียงไป

ก่อนออกไป นางหยุดฝีเท้ามองย้อนกลับไปที่ฉินซู

ในใจที่แตกสลาย มีความเกลียดชังปะปนอยู่ด้วย

“ฉินซู ข้าเกลียดท่าน!”

หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ฉินซูมิสนใจ บุตรีคนเดียวของเสนาบดีกรมพระคลัง ย่อมมิสามารถก่อปัญหาอะไรใหญ่โตได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นได้ว่า หลินชิงเหยารู้สึกสั่นไหวในใจแล้ว เพียงรอเวลา นางก็จะตีตัวออกหากจากอ๋องฉีเอง

หลังจากสวมอาภรณ์เสร็จเขาก็เดินออกจากห้องบรรทมไปด้วย

ในเวลานี้ มีขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากเห็นร่างของขันทีน้อยอีกคนหนึ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงอย่างมาก!

ฉินซูเหลือบมองเขาแล้วถามเบา ๆ “มีอะไร?”

ขันทีน้อยสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้ท่านเสด็จไปเข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องสำคัญโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว จัดการศพของเขาด้วย และเตือนทุกคนในตำหนักบูรพา ว่าใครก็ตามที่คิดจะทรยศข้าแม้แต่นิด จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานีโดยมิละเว้น!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ขันทีน้อยตกใจมากจนเหงื่อไหลเย็น องค์รัชทายาทกลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 806

    ฉินซูกระโดดขึ้นครั้งหนึ่ง พริบตาเดียวก็ไปถึงแท่นบูชาสูงเสียดฟ้า!เขากวาดสายตามองทุกคนในลานจากเบื้องสูงด้วยท่าทีเปี่ยมอำนาจ!ที่ใดที่สายตาเขากวาดผ่านไป หาได้มีใครกล้าสบตากับเขาไม่!เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูจึงมองไปที่หลัวชางและเอ่ยอย่างเยือกเย็น "ในเมื่อไม่มีผู้ใดต้องการท้าทายอีก เช่นนั้นก็ดำเนินพิธีต่อเถอะ"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ลมพายุที่เคยพัดกระหน่ำอย่างรุนแรงนั้นได้สงบลงแล้วอย่างมิน่าเชื่อท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม เมฆดำพลันปั่นป่วนขึ้นมาเป็นระลอก จากนั้นแสงแดดสีทองสายหนึ่งก็ส่องทะลุผ่านชั้นเมฆสาดลงมายังร่างของฉินซูภายใต้แสงแดดนี้ ร่างกายของฉินซูเปล่งประกายเป็นชั้นของแสงทองอ่อน ๆ ราวกับเทพเจ้าสงครามที่สวมชุดเกราะทองคำ สง่างามน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกหวาดกลัว!หลัวชางลังเลเล็กน้อยและมองไปที่ซ่างกวนอวิ๋นซี อีกฝ่ายกล่าวขึ้นอย่างนิ่ง ๆ ว่า “บทสวดถวายเครื่องเซ่นได้ถูกเผาแล้ว พิธีบอกกล่าวฟ้าดินก็เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนกฎระเบียบหรือขั้นตอนต่อไป เจ้าก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถิด”นางพูดจบก็หันไปมองฉินซูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนัย จากนั้นก็หันก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 805

    วิชากระบี่ที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้ ฉินซูกลับเรียนรู้ได้ผ่านการดูครั้งเดียว มิหนำซ้ำกระบวนท่าเดียวกัน แต่พลังที่ฉินซูใช้กลับแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนักเยี่ยนเจิ้นหงครุ่นคิดแล้วก็ตัดสินใจว่า ฉินซูคงแอบเรียนรู้วิชากระบี่นี้ตั้งแต่เมื่อใดก็มิทราบได้ มิเช่นนั้นก็ไม่มีคำอธิบายอีกแล้วแต่ถึงกระนั้น ในใจของเขายังปั่นป่วนด้วยคลื่นลมฉินซูอายุมิถึงสามสิบปี ต่อให้เริ่มฝึกตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็มิน่าจะแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเจิ้นหงก็อดมิได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น“พรสวรรค์ของท่านล้ำเลิศเหนือคนธรรมดา สมเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในรอบพันปี ข้าน้อยขอยอมแพ้ด้วยความเต็มใจ!”กล่าวจบ เขาก็ประสานมือคารวะฉินซูด้วยความศรัทธาฉินซูประสานมือเล็กน้อย “น้อมรับ!”จากนั้นจู่ ๆ เขาก็หันไปกล่าวกับซ่างกวนอวิ๋นซี “ท่านเจ้าสำนัก โปรดยืนขึ้นสักครู่ด้วยขอรับ”ซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้วเรียว แต่ก็ยืนขึ้นช้า ๆนางกำลังจะเอ่ยถาม แต่กลับเห็นฉินซูประสานมือไพล่หลัง กวาดสายตามองผู้คนในลานด้วยท่าทีสง่างาม “ทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ มีผู้ใดมิยอมรับก็จงลุกยืนขึ้น มิว่าจะเป็นก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 804

    “กระบี่จงมา!”ฉินซูสะบัดครั้งหนึ่ง กระบี่ยาวในมือของหยางคุนก็ลอยออกจากฝัก บินเข้ามือฉินซูในพริบตาเดียว!หยางคุนมิทันตอบสนอง!ฉินซูร่างทะยานขึ้นสู่กลางอากาศ จากนั้นก็สะบัดกระบี่ยาวชี้ตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า!เขาสะบัดแขนอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตากระบี่ยาวในมือก็กลายเป็นเงากระบี่นับร้อยสายในห้วงเวหา!“ไป!”กระบี่ยาวถูกตวัดลงไปพร้อมกับเสียงตวาดเบา ๆ ของเขา เงากระบี่ทั่วฟ้าก็พลันหมุนวนรวมตัวกันกลายเป็นมังกรยักษ์ยาวกว่าสิบจั้ง!มังกรยักษ์หมุนวนอยู่ครู่หนึ่ง ก็พุ่งเข้าใส่เยี่ยนเจิ้นหงจากเบื้องบน!ระหว่างนั้น ยังระเบิดเสียงมังกรคำรามอันกึกก้อง!โฮกกก!!ทันทีที่เสียงมังกรคำรามดังขึ้น ผู้คนในลานฝึกยุทธ์ต่างรู้สึกหัวใจสั่นสะท้านอย่างกะทันหันเมื่อเงาร่างมังกรยักษ์ร่วงหล่นลงมา พลังกดดันอันมหาศาลก็พลันปรากฏขึ้นตามมาด้วย“แย่แล้ว ถอย! รีบถอยเร็ว!”จอมยุทธ์ขั้นกลางระดับสวรรค์ผู้หนึ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงรีบแผดเสียงดุดันแต่ทันทีที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว ก็พบว่าภายใต้พลังกดดันอันมหาศาลนี้ ตนเองกลับก้าวขาได้อย่างยากลำบาก!มิต้องพูดถึงผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าเขาเลยจอมยุทธ์ขั้นกลางระดับปฐพีขึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 803

    “ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนักของเราเป็นจอมยุทธ์ขั้นกลางระดับสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับเจ้าสำนักเยี่ยนแล้ว กลิ่นอายกลับอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!”“เจ้าสำนักเยี่ยนทะลวงขั้นปลายระดับสวรรค์แล้ว แข็งแกร่งยิ่งนัก!”“ขั้นปลายระดับสวรรค์ บวกกับเพลงกระบี่มังกรทะยานขั้นสูงสุด เจ้าสำนักเยี่ยนอาจเรียกได้เป็นอันดับหนึ่งของยุทธภพเป่ยเยี่ยนแล้วกระมัง?”ขณะที่ผู้คนกำลังตะลึงพรึงเพริด เยี่ยนเจิ้นหงก็แผดเสียงดุดัน “เพลงกระบี่มังกรทะยาน มังกรคำรามสะท้านใต้หล้า!”กระบี่ยาวในมือของเขาชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้า จากนั้นก็สะบัดอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงคำราม!ในพริบตาเดียว ทั่วทั้งห้วงอากาศก็เต็มไปด้วยเงากระบี่ที่จับตัวกันเป็นรูปร่าง!“ไป!”เยี่ยนเจิ้นหงใช้กระบี่ยาวชี้ลงไปยังฉินซูจากเบื้องบนเงากระบี่ทั่วฟ้าพลันหมุนวนรวมตัวกัน กลายเป็นเงาร่างมังกรยาวหลายจั้งซึ่งอ้าปากคำรามใส่ฉินซูขณะที่กำลังพุ่งลงมา!ลมพายุคลั่งพลันสงบลง เมฆดำที่ม้วนตัวอยู่บนท้องฟ้าก็ราวกับหยุดนิ่งสายตาของผู้คนทั้งหมดในลาน ต่างจับจ้องไปยังลานประลองตามิกะพริบส่วนฉินซูในเวลานี้ กำลังเงยหน้าขึ้น มองเงาร่างมังกรขนาดใหญ่ที่กำลังถั่งโถมลงมาโดยมิแสดงอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 802

    ลมกระโชกแรงพัดธงที่ปักอยู่ข้างแท่นบูชาให้ปลิวสะบัดท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส บัดนี้เต็มไปด้วยเมฆดำทะมึน ก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นภายใต้ลมบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามเป็นระยะอสรพิษสายฟ้าอ้าปากคำรามปรากฏวูบวาบระหว่างหมู่เมฆดำ!เห็นฉากนี้ ก็มีคนอุทานด้วยความตกใจ “ฟ้าพิโรธ นี่คือฟ้าพิโรธ!”“ท่านเจ้าสำนัก การให้ฉินซู องค์รัชทายาทต่างแดนผู้นี้เป็นบุตรแห่งนักปราชญ์แห่งหอดารารักษ์ ดูท่าแม้แต่สวรรค์ก็มิเห็นด้วย ขอท่านโปรดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนด้วยเถิด!”“ใช่แล้ว ท่านเจ้าสำนัก พิธีเพิ่งเริ่มก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ นี่คือคำเตือนจากสวรรค์!”ได้ยินคำกล่าวนี้ ผู้อาวุโสรองหยางคุนก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านเจ้าสำนัก สวรรค์เตือนแล้ว ขอท่านอย่าได้ทำสิ่งที่ฝืนลิขิตฟ้าเลยขอรับ!”เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือเมื่อเห็นดังนั้น ก็พากันแสดงท่าที“คำกล่าวของผู้อาวุโสรองถูกต้องที่สุด ข้าน้อยเห็นด้วยขอรับ!”“ข้าน้อยก็เห็นด้วยขอรับ ขอท่านเจ้าสำนักโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ อย่าได้ก้าวล่วงสวรรค์เลยขอรับ!”เย่เทียนหนิงและเซี่ยจื่อผิงตลอดจนคนอื่น ๆ ต่างตกใจกับปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 801

    ส่วนผู้ที่รู้ความจริง ด้วยความที่ชอบชมความบันเทิงเป็นชีวิตจิตใจ จึงพร้อมใจมิเปิดเผยความจริงในใจของพวกเขาก็หวังว่าผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเหล่านั้นจะออกมาจัดการ กำราบความเหิมเกริมของฉินซูลงตัวฉินซูเองนั้นได้กลับไปยังคฤหาสน์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ฉงชูโม่ก็ได้ยินข่าวลือจากข้างนอก จึงขมวดคิ้วถาม “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงทราบดีว่ามีคนยุยง แล้วเหตุใดพระองค์จึงยังลงมืออีกเล่าเพคะ?”ฉินซูแสยะยิ้มอย่างมิแยแส “เพราะข้ารู้ว่ามีคนยุยงนั่นแหละ ข้าจึงลงมือ มิเช่นนั้นข้าคงมิสนใจคนพวกนั้น”“โอ้? เพราะเหตุใดหรือเพคะ?” ฉงชูโม่ยิ่งสับสนฉินซูกล่าววาจาแฝงความนัย “ยุทธภพเป่ยเยี่ยนก็คือเป่ยเยี่ยน!”เมื่อเขาพูดเช่นนั้น ฉงชูโม่ก็เข้าใจในทันทีแต่เมื่อคิดว่าฉินซูต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งยุทธภพเป่ยเยี่ยน นางก็อดมิได้ที่จะกังวลนิดหน่อย “เป่ยเยี่ยนมิเหมือนหนานเยวี่ย มีผู้มีความสามารถและผู้มีพรสวรรค์มากมาย อีกทั้งพระองค์อยู่ในที่แจ้ง ส่วนพวกเขาอยู่ในที่ลับ… เหตุใดพระองค์จึงมองหม่อมฉันเช่นนี้เพคะ?”ฉงชูโม่พูดของนางไป จนกระทั่งเห็นว่าฉินซูมองนางด้วยสีหน้าแปลกประหลาดฉินซูกะพริบตาปริบ ๆ แล้วถาม “ชูโม่ เจ้าเป็นห่วงข้าหร

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status