Share

บทที่ 626

Auteur: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“อ๊าก! มือข้า......”

เปลวเพลิงจากระเบิดพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาดังตามมา!

ท่อนแขนขาขาดวิ่นกระเด็นออกมาพร้อมกับเสียงระเบิดกระหึ่ม ตกลงบนพื้นดินอันมืดมิด

รอยเลือดเปรอะเปื้อนภายใต้แสงจันทร์อันสลัวราง ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

ฉงชูโม่และคนอื่น ๆ ต่างตะลึงงัน

พวกเขาคาดมิถึงจริง ๆ ว่าในพุ่มหญ้าทั้งสองข้างทางจะมีทหารซุ่มโจมตีอยู่จริง ๆ!

สิ่งที่คาดมิถึงยิ่งกว่าก็คือ ฉินซูยิงธนูเพียงดอกเดียว ก็ระเบิดพวกมันกระจุยกระจายได้!

เมื่อเห็นพวกเขายืนตะลึงอยู่ ฉินซูจึงโบกมือ แผดเสียงดังลั่น “ยืนบื้อหาปะไรกัน ระดมยิงเร็วเข้า!”

ในเวลาเดียวกัน เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นเป็นระลอกจากป่าทึบทั้งสองข้างทาง

“ให้ตายสิ มันรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่ตรงนี้?”

“ยิงธนู ยิงธนูเร็วเข้า!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าพลธนูก็เตรียมง้างธนูยิง

แต่ทันใดนั้นเอง แสงเพลิงหลายสายก็แหวกผ่านความว่างเปล่าพุ่งลงมาจากฟากฟ้า

ตู้ม ตู้ม ตู้ม

เสียงระเบิดดังกึกก้องสนั่นจนแก้วหูแทบแตกดังขึ้นต่อเนื่อง

กองทัพหนานเยวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้สองข้างทางถูกแรงระเบิดซัดกระเด็น ทั้งคนทั้งม้าระเนระนาดพัลวัน!

เสียงร้องโหย
Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application
Chapitre verrouillé

Related chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 627

    เหล่าทหารม้าบนหลังม้ายังมิทันได้ตอบสนอง ก็ถูกธนูพิฆาตยิงตกจากหลังม้า มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีเมื่อไร้ซึ่งการสกัดกั้นจากอีกฝ่าย ฉงชูโม่และพวกก็บุกตะลุยราวกับเข้าสู่ดินแดนไร้ผู้คน ดุจพยัคฆ์ติดปีกโถมเข้าใส่ฝูงหมาป่า เพียงชั่วพริบตาเดียวก็บดขยี้กองทัพใหญ่หนานเยวี่ยจนแตกพ่ายยับเยิน ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเหล่าแม่ทัพน้อยของเติ้งหม่างพยายามรวบรวมกำลังตั้งแนวสกัดกั้นหลายต่อหลายครั้งแต่ภายใต้การบดขยี้ของธนูทดกำลังระเบิดสายฟ้า การต่อต้านของพวกเขากลับดูอ่อนแรงและไร้พลังเสียเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียงระเบิดและเสียงร้องโหยหวนที่ดังมาจากด้านหลัง เติ้งหม่างก็อดมิได้ที่จะหันหลังกลับไปมองเพียงเหลือบมองผาดเดียวสีหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ดวงตาฉายแววสับสนและสิ้นหวัง“ท่านแม่ทัพใหญ่ กองทัพต้าเหยียนฮึกเหิมเกินต้านทาน พวกเรารีบฉวยโอกาสล่าถอยเถิดขอรับ มิเช่นนั้นจะสายเกินการ!”เมื่อเห็นเติ้งหม่างยืนตะลึงงันอยู่ เหล่าคนสนิทข้างกายก็รีบรุดเข้ามาเตือนสติเมื่อได้ยินคำกล่าวเตือน เติ้งหม่างก็พลันได้สติคืนกลับมาเขาสั่งการเสียงดังลั่น “จงกระจายคำสั่งไปยังทุกกองให้ทิ้งสัมภาระ แล้วแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 628

    ฉินซูหรี่ดวงตาเล็กน้อย กล่าวว่า “การสังหารเติ้งหม่างในยามนี้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ แต่สิ่งที่ข้าต้องการมิใช่เพียงศีรษะของเขา มิใช่เพียงชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้”ฉงชูโม่สีหน้างุนงง ถามด้วยความสงสัย “แล้วพระองค์ยังต้องการสิ่งใดอีกเพคะ?”ฉินซูทอดสายตาอันสงบนิ่งไปยังทิศใต้ กล่าวถ้อยคำที่ทำให้คนต้องตะลึงงัน “สิ่งที่ข้าต้องการ คือแคว้นหนานเยวี่ยทั้งแคว้น!”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉงชูโม่ก็เต็มไปด้วยตะลึงงัน!นางถึงกับคิดว่าตนหูฝาดไป “องค์รัชทายาท พระองค์ตรัสว่ากระไรนะเพคะ? พระองค์ทรงหมายจะยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยหรือ?”“ไยเล่า เจ้าเห็นว่าเป็นไปมิได้รึ?”ฉงชูโม่กำลังจะเอ่ยปากยอมรับ แต่เมื่อนึกถึงอานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า นางก็รู้สึกว่านี่มิใช่เรื่องเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไปหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงกล่าวอย่างสุขุมว่า “ภูมิแคว้นหนานเยวี่ยเป็นภูเขาสูงป่าทึบ อีกทั้งด่านป้องกันสำคัญส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่ในที่ที่มีปราการธรรมชาติ ซึ่งป้องกันง่ายแต่โจมตียาก แม้จะมีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า เกรงว่าก็คงจะตีฝ่าเข้าไปได้ยากอยู่ดี”“ความสำเร็จย่อมเกิดจากความมุ่งมั่น วันน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 629

    เมื่อสิ้นเสียงสั่งการ เสียงสายธนูดีดผึงก็ดังมาจากเนินเขาจากนั้น ลูกธนูที่ส่องสะท้อนแสงเย็นยะเยือกก็โปรยปรายลงมาราวกับห่าฝน“แย่แล้ว รีบกระจายกำลัง!”เติ้งหม่างตวาดเสียงลั่น รีบควบม้านำทัพล่าถอยไปด้านหนึ่งพร้อมกันนั้นก็มิลืมที่จะนำตัวหูก่วงเซิงไปด้วย เกรงว่าเขาจะถูกลูกหลงตายเสียก่อนเหล่าทหารหนานเยวี่ยที่เหลือรอดต่างตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อเติ้งหม่างออกคำสั่งพวกเขาก็แตกฮือราวกับมดแตกรัง กระจัดกระจายหลบหนีไปคนละทิศละทางเติ้งหม่างเองก็ถูกลูกธนูเหล่านั้นต้อนใจนมุมอยู่แถบเชิงผาในยามจนตรอกไร้ทางหนี เงาร่างหนึ่งก็พลันกระโจนลงมาจากฟากฟ้า!อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งคว้าแขนของเขาไว้ ภายใต้สายตาตกตะลึงของเติ้งหม่าง ดีดตัวทะยานขึ้น อาศัยแรงส่งหลายครั้ง กระโดดขึ้นไปยังยอดผาสูงสิบจั้งได้สำเร็จเติ้งหม่างรวบรวมสติ ก่อนจะมองสำรวจรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายให้ชัดเจนเห็นเพียงบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยไฝฝ้า ใต้คางยังมีเคราแพะรุงรังคนผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฉินซูที่แปลงโฉมมานั่นเอง!เติ้งหม่างรีบเอ่ยถาม “ท่านเป็นใคร ไยจึงช่วยข้าไว้?”“ข้ามีความแค้นฝึงลึกกับต้าเหยียน บังเอิญผ่านมาประ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 630

    หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดจากไปได้มินาน ทหารต้าเหยียนที่นอนกองอยู่บนพื้นด้านนอกป่าก็พากันลุกขึ้นยืนหนึ่งในนั้นพึมพำ “ใต้เท้าตงฟางให้พวกเราแสดงละครฉากนี้ด้วยกัน เพื่อการใดกันแน่?”“ถามมากไปไย ใต้เท้าตงฟางสั่งแล้วว่า นี่เป็นพระบัญชาขององค์รัชทายาท พวกเรามีหน้าที่เพียงแค่ทำตามก็พอ!”“นั่นสินะ ไปกันเถิดพวกเรา รีบไปรวมพลกับท่านแม่ทัพใหญ่ดีกว่า”จากนั้น พวกเขาทั้งหมดก็พากันไปจากที่แห่งนั้นผ่านไปเกือบชั่วยามฉินซูนำเติ้งหม่างและพวกทิ้งห่างกองทัพต้าเหยียนไปไกลลิบเมื่อเห็นว่าพ้นจากอันตรายแล้ว หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเติ้งหม่างก็พลันสงบลงในที่สุดเพียงแต่หลังจากเผชิญกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ สภาพของเขาก็ดูซึมเซาอิดโรย สีหน้าไร้ซึ่งแววโอ่อ่าผึ่งผายดังเดิมอีกต่อไปเมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ ฉินซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แพ้ชนะเป็นเรื่องปกติในสงคราม ตราบใดที่ขุนเขายังเขียวขจี มิต้องกลัวว่าฟืนจะหมด”เมื่อได้ยินดังนั้น ประกายแสงเจิดจ้าก็พลันวาบผ่านดวงตาของเติ้งหม่าง ความขุ่นมัวในใจพลันมลายหายสิ้นในทันทีเขาก้มศีรษะคำนับฉินซูด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ “ขอบคุณท่านผู้มีพระคุณที่ชี้แนะ ม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 631

    “โอ้? ผู้ใดกันที่มีฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายท่านได้?”เติ้งหม่างสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “คู่ต่อสู้ของข้ามิใช่มนุษย์ หากแต่เป็นสัตว์ร้ายมหึมาแสนดุร้าย!”ฉินซูสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถามต่อ “แถบนี้มีสัตว์ร้ายออกอาละวาดด้วยหรือ?”“มีสิ ทั้งยังมีอยู่มิใช่น้อยเลย สัตว์ร้ายเหล่านั้นแต่ละตัวล้วนมีรูปร่างใหญ่โต พละกำลังมหาศาล”เติ้งหม่างหัวเราะขมขื่น กล่าวต่อไปว่า “โดยปกติพวกเรามิก่อกวนพวกมันหรอก ก่อนหน้านี้สองสามวันมีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งบุกรุกเข้ามาในค่ายกองทัพหนานเยวี่ย ทำร้ายทหารไปมิใช่น้อย ข้าจึงนำคนไปล้อมปราบ แต่คาดมิถึงว่านอกจากจะสังหารมันมิได้ ยังถูกมันทำร้ายเสียเอง”กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่นฉินซูหรี่ดวงตาลง ครุ่นคิดในใจสัตว์ร้ายเหล่านั้น เกรงว่าจะเป็นทายาทของสัตว์วิญญาณในยุคบำเพ็ญเพียรในอดีต มิฉะนั้นรูปร่างของพวกมันจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ได้อย่างไรในเวลานี้เอง ตงฟางไป๋ก็กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “หัวหน้าใหญ่ มีคนกำลังมาจากทางนั้นขอรับ!”ฉินซูมองตามทิศทางที่เขาชี้ไป เห็นเพียงกลุ่มคนจำนวนมากเดินออกมาจากซอกเขาเบื้องหน้าในหมู่พวกเขา มีคนจำนวนมิใช่น้อย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 632

    หูก่วงเซิงยังมิทันกล่าวจบประโยค ก็สังเกตเห็นสองพี่น้องตงฟางไป๋ จึงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงสองพี่น้องตงฟางไป๋ฝืนทำใจให้สงบ มิตอบโต้หูก่วงเซิงแต่อย่างใดเติ้งหม่างเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “หูก่วงเซิง เจ้ารู้จักผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้มีพระคุณของข้าด้วยรึ?”“ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้มีพระคุณของท่าน?”หูก่วงเซิงสีหน้างุนงง กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเติ้ง สองคนนั้นคือคนสนิทขององค์รัชทายาทที่รอวันปลดฉินซู ไฉนยามนี้กลับกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้มีพระคุณของท่านไปได้ ท่านแม่ทัพเติ้ง ท่านมิได้ถูกพวกมันหลอกลวงแล้วหรือขอรับ?”เติ้งหม่างสีหน้าตึงเครียด ตวาดเสียงดัง “บังอาจ หูก่วงเซิง เจ้ามันมีดีแต่ปาก ถึงคราวตายอยู่รอมร่อ ยังกล้ายุแหย่ให้พวกเราแตกคอกันอีก!”“ท่านแม่ทัพเติ้ง สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น อีกทั้งในตอนกลางวันก็เป็นพวกมันที่นำพลธนูมาคุ้มกันข้า ข้าถึงกล้านำทหารม้าบุกทะลวงทัพหลังของพวกท่าน หากท่านมิเชื่อ ก็ลองสอบถามจากผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านดูก็ได้”เมื่อเห็นท่าทางหนักแน่นของหูก่วงเซิง เติ้งหม่างก็อดมิได้ที่จะคลางแคลงใจเขามองไปยังฉินซู กำลังจะเอ่ยถามฉินซูกลับกล่าวแทรก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 633

    เติ้งหม่างชักดาบออกมา เตรียมเงื้อฟัน!หูก่วงเซิงตกใจจนแทบสิ้นสติ รีบกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเติ้ง ข้ากล่าวแต่ความจริงทั้งสิ้น จริงสิ สองคนนั้นน่าจะรู้เรื่องราวมากกว่าข้า เพราะธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าล้วนเป็นฝีมือการคิดค้นขององค์รัชทายาทที่รอวันปลดฉินซู!”เติ้งหม่างหันไปมองตงฟางไป๋ เอ่ยถามอย่างเกรงอกเกรงใจ “ท่านทั้งสอง สิ่งที่หูก่วงเซิงกล่าว เป็นความจริงหรือไม่?”ตงฟางไป๋พยักหน้า “เป็นความจริง!”“ข้ามิคาดคิดมาก่อนว่า องค์รัชทายาทผู้รอวันปลดที่ร่ำลือกันว่าไร้ความสามารถจะสามารถคิดค้นอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้!” เติ้งหม่างรำพึงรำพันแล้วถามต่อ “พวกท่านสองพี่น้อง ทราบถึงโครงสร้างของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าหรือไม่?”ตงฟางไป๋ยักไหล่ “เรื่องลับสุดยอดเช่นนั้น พวกเราจะล่วงรู้ได้อย่างไร”เติ้งหม่างถอนหายใจด้วยความผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องมองหูก่วงเซิงด้วยสายตาเย็นเยียบหูก่วงเซิงในใจพลันรู้สึกหนาวเยือก ความรู้สึกถึงลางร้ายพลันบังเกิด เขาเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “ท่าน… ท่านแม่ทัพเติ้ง ไยท่านจ้องมองข้าเช่นนี้เล่าขอรับ?”“หึ แม้ระเบิดสายฟ้าและธนูทดกำลังจะเป็นผลงานการคิดค้นของฉินซู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 634

    “หากเป็นจริงดังว่า เรื่องที่เจ้ากล่าวมาก็ย่อมมีหนทางเป็นไปได้ ทว่า… ข้าจะเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร?”คำพูดของเติ้งหม่างบ่งบอกว่าใจของเขาเริ่มโอนเอียงไปแล้วท้ายที่สุดหากเป็นดังที่หูก่วงเซิงกล่าว มิเพียงแต่จะสามารถยึดครองเมืองเจียวโจวได้ หากแต่ถึงเวลานั้นยังอาจฉวยโอกาสที่ต้าเหยียนระส่ำระสาย บุกยึดครองเมืองต่าง ๆ ได้อีกหลายเมืองในคราวเดียวหากเป็นเช่นนั้น เติ้งหม่างผู้นี้ก็จะได้รับการจารึกชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ และจะได้รับการสรรเสริญจากอนุชนหนานเยวี่ยไปชั่วกาลนานหูก่วงเซิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าน้อยสามารถเขียนสาส์นฉบับหนึ่งให้คนนำไปส่งมอบแก่ท่านอ๋องฉู่ได้ จากนั้นค่อยเชิญพระองค์มาพบท่านแม่ทัพเพื่อหารือเป็นการส่วนตัว เช่นนี้แล้ว ท่านคงเชื่อใจข้าได้แล้วกระมัง?”“ดี ตกลงตามนั้น หากสำเร็จลุล่วง ข้ามิเพียงแต่จะปล่อยเจ้าไป หากแต่จะปูนบำเหน็จทองคำหมื่นตำลึงแก่เจ้า รับรองว่าชีวิตบั้นปลายของเจ้าจะสุขสบายไร้กังวล!” เติ้งหม่างโบกมืออย่างองอาจพร้อมด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขหูก่วงเซิงพยักหน้ารัว ๆ เขาหาได้ใส่ใจทองคำหมื่นตำลึงเหล่านั้นไม่ เพียงแต่หวังเพียงว่าจะช่วยเหลืออ๋องฉู่ในการช่วงชิงบัลลังก์ให้สำเร็

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 716

    กู้เสวี่ยเจี้ยนถามด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ท่านว่ากระไรนะ? หนานเยวี่ยถูกทำลายแล้วหรือ?”“ใช่ เพิ่งได้รับข่าวเมื่อมินานมานี้ ฉินซูใช้กลอุบายเล็กน้อยก็บีบบังคับให้ทหารหนานเยวี่ยแสนนายยอมจำนน จากนั้นยังนำทหารชั้นยอดเพียงหมื่นนายบุกเข้ายึดเมืองหลวงของหนานเยวี่ย และสังหารเชื้อพระวงศ์หนานเยวี่ยจนหมดสิ้น”“มิจริงกระมัง? ท่านแน่ใจหรือว่าข่าวนั้นเป็นความจริง?” กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข่าวนี้เป็นความจริงทุกประการ ต้องยอมรับว่าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดแห่งต้าเหยียนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง หากเขามา บางทีอาจจะช่วยข้าได้”“ท่านต้องการให้ฉินซูช่วยท่านทำกระไรหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองซ่างกวนอวิ๋นซีด้วยความหวาดระแวง“ถึงเวลานั้นเจ้าก็จะรู้เอง เอาเถอะ เจ้าลงไปได้แล้ว ข้าจะฝึกวิชา”ซ่างกวนอวิ๋นซีออกคำสั่งไล่แขกดื้อ ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนเบะปากแล้วหันหลังเดินลงบันไดไปซ่างกวนอวิ๋นซีกลับไปยังห้องฝึกตน จากนั้นก็ร่ายเวทด้วยสองมือ ตวัดนิ้วส่งพลังปราณไปยังกระจกทองเหลืองบานหนึ่งในเวลาเดียวกันภายในสำนักหอดูดาวหลวงแห่งต้าเหยียนเหลยเจิ้นกำลังนั่งสมาธิบำเพ็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 715

    มู่หรงเซี่ยวเทียนอธิบายว่า “คุณชายหยวน เทพธิดาซ่างกวนกำลังกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่จริง ๆ หากท่านมิเชื่อ ท่านสามารถไปดูที่หอดารารักษ์ได้”“ข้าต้องไปแน่ ข้าขอพูดตามตรง ครั้งนี้ที่ข้ามาก็เพื่อสู่ขอนาง เทพธิดาซ่างกวน ข้าจะต้องแต่งกับนางให้ได้!”“การได้รับความเมตตาจากคุณชายหยวนนับเป็นบุญของเทพธิดาซ่างกวน คุณชายหยวนโปรดวางใจ เมื่อนางออกจากด่านกักตนบำเพ็ญเพียรแล้ว ข้าจะทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อให้ท่านด้วยตนเอง”หยวนหัวยิ้มประสานมือคารวะมู่หรงเซี่ยวเทียน “เช่นนั้น ก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแห่งเป่ยเยี่ยนยิ่งนัก”"คุณชายหยวนเกรงใจเกินไปแล้ว เชิญเถิด"จากนั้น มู่หรงเซี่ยวเทียนก็นำคณะของแคว้นฉีเข้าเมืองในหมู่เชื้อพระวงศ์แห่งเป่ยเยี่ยน หญิงสาววัยสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่งแค่นเสียงเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ว่า “หึ แคว้นฉีพูดเสียดิบดีว่าจะส่งองค์รัชทายาทมาตรวจราชการ เสด็จพ่อจึงเสด็จออกไปต้อนรับด้วยพระองค์เอง ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นเพียงบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง ช่างมิเห็นหัวคนเสียนี่กระไร”“ใครว่ามิจริงเล่า ข้าเองก็รู้สึกแย่พอกัน หากเป็นอ๋องเซียงหยางเสด็จมาด้วยตนเอง เสด็จพ่อเสด็จออกไปต้อนรับก็ยังพอว่า แต

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 714

    เป่ยเยี่ยนทั่วทั้งเมืองจินหลิงตกอยู่ภายใต้การวางกำลังที่เข้มงวดภายในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาลของเป่ยเยี่ยนแห่งนี้ สามารถพบเห็นทหารกองรักษาการณ์พร้อมอาวุธได้ทุกหนทุกแห่งบริเวณประตูเมืองทางเหนือมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยมีกองทัพทหารม้าเกราะหนักซึ่งเป็นกองกำลังที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดของเป่ยเยี่ยนเป็นผู้รักษาการณ์พรมแดงที่โดดเด่นสะดุดตาผืนหนึ่งทอดยาวจากถนนสายหลักเมืองทางฝั่งเหนือ ไปจนถึงนอกประตูเมืองทางทิศเหนือขุนนางทั้งบู๊และบุ๋นของเป่ยเยี่ยนต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ราชรถหรูหราโอ่อ่าของจักรพรรดิจอดอยู่ภายนอกประตูเมืองทางเหนือมู่หรงเซี่ยวเทียนในชุดลายมังกรที่ยืนอยู่สุดปลายพรมแดงกำลังมองไปยังทิศทางอันห่างไกลเบื้องหลังของเขาคือเหล่าพระโอรสและพระธิดามิว่าจะเป็นขุนนางข้าราชบริพาร หรือมู่หรงเซี่ยวเทียน หรือแม้แต่เชื้อพระวงศ์ ต่างก็ตั้งตารอคอยราวกับกำลังรอคอยบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ก็มิปาน“ฝ่าบาท พวกเขากำลังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากกำแพงเมืองมู่หรงเซี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ มองออกไป เห็นขบวนหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ บนถนนหลวงที่อยู่ไกลออกไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 713

    "บัดนี้องค์รัชทายาทยังได้แสดงวรยุทธ์อันน่าตื่นตะลึงออกมา ข้าน้อยเห็นว่าก็สามารถใช้ประโยชน์จากองค์รัชทายาทได้ในด้านการประลองยุทธ์พ่ะย่ะค่ะหากมีองค์รัชทายาทเข้าร่วมโดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ราชวงศ์ต้าเหยียนน่าจะสามารถก้าวเข้าสู่สามสิบอันดับแรกได้และหากแสดงฝีมือได้ดี บางทีอันดับของต้าเหยียนในกลุ่มแคว้นลำดับรองอาจจะขยับขึ้นได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวโบกมือ กล่าวด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เรื่องอันดับนั้นมิสำคัญ จุดประสงค์ที่เราเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นคือการเข้าสู่สามสิบอันดับแรก แล้วชิงสิทธิ์ในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน”“เช่นนั้นก็ง่ายดาย ข้าน้อยเตรียมพร้อมทุกประการแล้ว ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ ย่อมต้องพบเทพศาสตราวุธในตำนานและเมล็ดพันธุ์พืชอันล้ำค่า ถึงยามนั้น การที่ต้าเหยียนจะก้าวขึ้นเป็นแคว้นผู้นำก็อยู่แค่เอื้อม”เหลยเจิ้นกล่าวแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้ดังที่เคยกล่าวไว้แต่ต้น เมื่อสองร้อยปีก่อน ในแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนนั้นเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ที่ไม่มีผู้ใดสนใจต่อมาหลังจากได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน ก็บังเอิญได้ครอบ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 712

    เซี่ยหลานตกใจลนลาน รีบแก้ตัวว่า “มิใช่อย่างนั้น ชูโม่ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าจะกอดพระองค์ได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เขาทำกับข้าเช่นไร”ฉงชูโม่จึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซี่ยหลานเคยถูกฉินซูฉีกอาภรณ์และทำให้อับอายนางจึงคลายความสงสัยในใจ “ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง จะตกใจไปไยเล่า”“หึ กล้าล้อข้ารึ ข้ามิคุยกับเจ้าแล้ว” เซี่ยหลานแสร้งทำเป็นโกรธแล้วหันหลังเดินไปฉงชูโม่เห็นดังนั้นจึงรีบตามไป “เซี่ยหลาน ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าใจน้อยนักเลย”มองดูทั้งสองคนที่ทำราวกับว่าตนเป็นอากาศธาตุ ฉินซูก็จนคำจะกล่าวโชคดีที่ในเวลานั้นหลินชิงเหยาเดินเข้ามานางคล้องแขนฉินซูพลางกล่าวด้วยความนัยลึกซึ้งว่า “องค์รัชทายาท อากาศหนาวเย็นเช่นนี้อย่าประทับอยู่ข้างนอกเลยเพคะ ข้างนอกแม้จะเย็น แต่ดีที่ตำหนักบูรพาของเรามีบ่อน้ำพุร้อน องค์รัชทายาทจะเสด็จลงไปแช่เพื่อคลายความหนาวเหน็บหรือไม่เพคะ?”“ไปสิ ไยจึงมิไป!”ฉินซูเข้าใจความหมายในทันที จึงจับมือหลินชิงเหยาแล้วรีบเข้าไปในโรงอาบน้ำอย่างใจจดใจจ่อจากนั้นเขาก็ได้รำลึกถึงความหลังกับหลินชิงเหยาอีกครั้งในขณะเดียวกันเหลยเจิ้นได้รับพระบัญชาให้มายังห้องทรงอัก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 711

    “อืม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างได้”ฉงชูโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คนที่สามารถสั่งการยอดฝีมือจากวังหลวงได้ ตำแหน่งของเขาต้องมิธรรมดาอย่างแน่นอน หากคนเช่นนั้นลอบให้การช่วยเหลืออ๋องฉู่ ก็อาจจะปิดบังสายตาของสำนักโหรหลวงได้จริง ๆ”ฉินซูยักไหล่อย่างจนใจ “ดูเหมือนว่าการจะสาวถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังอ๋องฉู่จะเป็นเรื่องยาก”“ถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้อ๋องฉู่ก่อกบฏมิสำเร็จ ต่อไปคงต้องระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น พวกเราคงจะจับจุดอ่อนของเขาได้ยากขึ้นด้วย” ฉงชูโม่เองก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง“ช่างเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หากสืบสวนต่อไป เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงสงสัยว่าพวกเราสมคบคิดกันใส่ร้ายอ๋องฉู่”“แต่พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือเพคะ? ในเมื่อที่อ๋องฉู่ตั้งใจจะก่อกบฏก็เป็นเรื่องจริง”ฉินซูกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “มิอาจปล่อยไปง่าย ๆ แน่นอน สิ่งที่เราทำได้ในยามนี้คือรอ รอให้ฉินอวี่ทำผิดพลาดอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อเรื่องนี้ซาลงไปแล้ว เขาจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะต้องมีพิรุธเป็นแน่”ฉงชูโม่ถามว่า “ให้หม่อมฉ้นแอบจับตาดูเขาดีหรือไม่?”

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 710

    ฉินซูขมวดคิ้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าก็แค่คาดเดา ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จะสอบสวนเลยได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังเป็นศิษย์เอกของท่านทั้งสิ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลเสียได้”เหลยเจิ้นส่ายหน้าอย่างจนใจ กล่าวว่า “ที่แท้องค์รัชทายาทก็แค่คาดเดาไปเอง แต่ข้าน้อยบอกท่านได้เต็มปากว่า นอกจากเสวี่ยเจี้ยน โฉ่วเยวี่ยและจีอันแล้ว ข้าน้อยล้วนจับศิษย์คนอื่น ๆ ขังแยกกันไว้ในห้องลับของสำนักหอดูดาวหลวงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พวกเขาไม่มีรอดพ้นจากสายตาข้าน้อยได้อย่างเงียบเชียบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? ถูกท่านขังไว้หมดเลยหรือ?”ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉินซูถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาถามต่อว่า “ท่านหัวหน้าโหรหลวงขังพวกเขาไว้ด้วยเหตุผลใดหรือ?”กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเหลยเจิ้นกระตุกสองสามครั้ง เขายกมือขึ้นลูบหน้าผากแล้วตอบว่า “ช่างเถิด ข้าน้อยมิกลัวองค์รัชทายาทจะหัวเราะเยาะอยู่แล้ว ศิษย์เอกของข้าน้อยแต่ละคนล้วนมีสันดานทรยศ ข้าน้อยแน่ใจว่าท่านก็พอจะรู้นิสัยใจคอของโฉ่วเยวี่ยและจีอันอยู่บ้าง ดังนั้นข้าน้อยจึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาไตร่ตรองถึงความผิดพลาดของตนเท่านั้น”“เช่นนั้น ศิษย์เอกทั้งเจ็ดคนของท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 709

    ทันทีที่เขาลงบันไดมา จีอันก็ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ศิษย์พี่รอง โดนดุมาหรือไร?”“ไป ๆ ๆ หัวโขกจนปูดไปหมด เรื่องนี้ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย!”“ดูเถอะ ขี้ใจน้อยเหมือนสตรีไปได้”“นี่ เจ้าอยู่ดี ๆ มิชอบใช่หรือไม่? ข้าจะฟาดเจ้าคอยดูเถอะ!” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไปหาแส้ยาวมาจากไหนก็มิทราบจีอันแคะขี้มูกแล้วกล่าวอย่างมิได้ยี่หระว่า “ข้ามิกลัวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรท่านก็สู้ข้ามิได้”“ข้า… เจ้ามันร้ายกาจ ข้ายอมแพ้!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหมดความอดทนใดทันที จีอันผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังหนา อีกทั้งยังเก่งกาจจนน่าขนลุก สู้มิได้ เขาหลบดีกว่าพูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปครู่ต่อมา ฉินซูและฉงชูโม่ก็มาถึงเมื่อเห็นฉินซู จีอันก็อุทานด้วยความประหลาดใจว่า “โอ้โหแฮะ องค์รัชทายาท มิไปประกาศศักดาที่ใดหรือ ไฉนจึงมาเยือนสำนักหอดูดาวหลวงของเราได้?”ฉินซูงงงวยเล็กน้อย จึงถามกลับว่า “ตัวข้าต้องไปประกาศศักดาที่ใดเล่า? อวดอ้างกระไร?”“ท่านมิทรงทราบหรือ? ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยง่ายเหมือนปอกกล้วยเช่นนี้ ผลงานระดับนี้ไยมิไปประกาศให้ทั่วเล่า? หากเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะร้องแรกแหกกระเชอคุยโวไปสามวันสามคืนเต็ม ๆ ท่านนี่ช่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 708

    ชิวก่วนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “หาได้มีโจรผู้ร้ายบุกรุกเข้ามาไม่พ่ะย่ะค่ะ หูก่วงเซิงและพวกตายไปโดยไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความผิดปกติใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ? หูก่วงเซิงและพวกตายแล้วรึ?”ฉงชูโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจฉินซูกล่าวอย่างมิสบอารมณ์ว่า “มิใช่แค่พวกเขา แม้แต่กองทัพส่วนตัวห้าหมื่นนายของอ๋องฉู่ก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว”“ว่ากระไรนะเพคะ?”ฉงชูโม่ตกตะลึงอ้าปากค้าง!เมื่อได้สติกลับมา นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ด้วยกำลังของอ๋องฉู่เพียงลำพัง ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่ ดังนั้นเบื้องหลังของเขาต้องมียอดฝีมือคอยช่วยเหลือเป็นแน่เพคะ!”ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ศพของหูก่วงเซิงและพวกอยู่ที่ใด?”“ตอนนี้อยู่ที่ศาลต้าหลี่พ่ะย่ะค่ะ”“ไปดูกัน”ฉินซูกล่าวจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วหวังฉือเห็นเขาออกมาก็คำนับแล้วกำลังจะกล่าวทว่าฉินซูกลับพูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ใต้เท้าหวัง ไปกันเถิด ไปศาลต้าหลี่ของท่านด้วยกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังฉือก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบพยักหน้าหนึ่งชั่วยามต่อมาพวกเขาก็มาถึงศาลต้าหลี่เมื่อมองดูร่างไร้วิญญาณของหูก่วงเซิงและพวก ฉ

Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status