ฉินซูมิได้ใส่ใจความยินดีของซ่างกวนอวิ๋นซีมากนักเขาถามย้ำว่า “ดังนั้น ท่านจึงต้องการให้ข้าเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนกระไรนั่นแล้วนำบางสิ่งกลับมาให้ท่านหรือ?”“ถูกต้อง เจ้าฉลาดดีนี่!”“วรยุทธ์ของท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมิเข้าไปเองเล่า?”“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนมีข้อจำกัด อนุญาตให้ผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าระดับเหนือมนุษย์เท่านั้นที่เข้าไปได้”ฉินซูขมวดคิ้วถามว่า “ข้าอยู่ในระดับเหนือมนุษย์หรือ?”ซ่างกวนอวิ๋นซีส่ายหน้าเล็กน้อย แต่แล้วก็อธิบายว่า “ข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าดูเหมือนอยู่ในระดับเหนือมนุษย์ได้”“ดูเหมือนมีประโยชน์อันใดเล่า หรือว่าท่านสามารถหลบเลี่ยงข้อจำกัดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้?”“ทำได้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะสาธยายให้เจ้าฟังจนปากแฉะไปไย!”เมื่อเห็นซ่างกวนอวิ๋นซีมีท่าทางมั่นใจเสียเต็มประดา ฉินซูจึงมองนางลึกซึ้งกว่าเดิมยายเฒ่าบ้าผู้นี้ ดูท่าทางแล้วมิใช่คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมธรรมดาในเวลานั้น ซ่างกวนอวิ๋นซีก็เปลี่ยนเรื่อง “รีบไปพักผ่อนเถิด ไว้เรื่องของหยวนหัวคลี่คลายลงเมื่อใด หอดารารักษ์จะจัดพิธีรับตำแหน่งให้เจ้า”“มิต้องกระมัง พวกท่าน
คำพูดนั้นทำให้ฉินซูตกใจในทันใด!เขาเบิกตากว้างแล้วกวาดตามองซ่างกวนอวิ๋นซีขึ้นลง จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “อย่าพูดเล่นดีกว่า มู่หรงเซี่ยวเทียนอายุอานามน่าจะเกือบหกสิบแล้วกระมัง? อย่างมากท่านก็แค่ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเท่านั้น เขาจะเป็นศิษย์น้องของท่านได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ซ่างกวนอวิ๋นซีก็ยกมือปิดปากหัวเราะร่วนนางหัวเราะจนตัวโยน เปี่ยมด้วยเสน่ห์ชวนหลงใหลเมื่อมองดูของใหญ่ที่สั่นกระเพื่อมขึ้นลง ในใจของฉินซูก็พลันเกิดความรุ่มร้อนขึ้นอีกครั้งเห็นเขาคลำจมูก แล้วถามว่า “มีกระไรน่าขำนักหนา?”“หาได้มีไม่ วันนี้ข้าอารมณ์ดี เรื่องที่เจ้าสังหารหยวนหัว ข้าจะมิถือสาหาความกับเจ้าแล้วกัน”“พูดกระไรของท่าน ในเมื่อท่านต่างหากที่เป็นต้นเหตุ ข้ายังมิได้คิดบัญชีกับท่านเลย”สีหน้าของซ่างกวนอวิ๋นซีพลันเย็นชา “ข้ายังพูดมิจบ เรื่องที่เจ้าสังหารหนานกงจื่อชิน และยังสังหารผู้อาวุโสของข้าอีกหนึ่งคน หนี้ก้อนนี้ จะคิดบัญชีอย่างไร?”เห็นซ่างกวนอวิ๋นซีเปลี่ยนสีหน้าเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าตำรา ฉินซูทำได้เพียงกางมืออย่างจนปัญญา“ยามนั้นที่ท่านมาไล่ตามข้า ข้าก็บอกไว้แล้วว่าหนานกงจื่อชินรนหาที่ตายเอง หา
ซ่างกวนอวิ๋นซีพาฉินซูเข้าไปด้านใน มู่หรงเซี่ยวเทียนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านเซียนซ่างกวนบอกว่าจะมาวันพรุ่งมิใช่หรือ? เหตุใดจึงมาโดยกะทันหันเช่นนี้เล่า?”“ฝ่าบาท หม่อมฉันมาในครั้งนี้ ด้วยมีประสงค์ให้ฝ่าบาทออกพระราชโองการปิดข่าวการตายของหยวนหัวเพคะ”“ปิดข่าวหรือ?”มู่หรงเซี่ยวเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในมิช้าก็เข้าใจความตั้งใจของซ่างกวนอวิ๋นซีเขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “เหล่าผู้ติดตามของหยวนหัวสองสามคน ออกจากเมืองหลวงจินหลิงไปหลายชั่วยามแล้ว ตัวข้าเพิ่งจะทราบข่าวเมื่อครู่นี้เอง จะปิดข่าวเอายามนี้เกรงว่าจะสายเกินไปเสียแล้ว”“หาได้สายเกินไปไม่เพคะ หม่อมฉันได้ส่งคนไปสกัดแล้ว ส่วนคนของหยวนหัวหม่อมฉันจะเป็นผู้จัดการเอง แต่ปากของเหล่าขุนนางในราชสำนักและราษฎรนั้นต้องขอให้ฝ่าบาทช่วยปิดเพคะ”“เรื่องนี้มิยาก ช่วงหลายวันมานี้หยวนหัวก่อเรื่องชั่วช้าไปทั่ว ราษฎรพากันเกลียดชังเขาเข้าไส้ การตายของเขา พวกชาวบ้านย่อมมิพูดถึงมากนักส่วนเหล่าขุนนางในราชสำนัก พวกเขาย่อมรู้ดีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ย่อมมิโง่เขลานำความไปรายงานลับหลังข้าหรอกทว่า เพื่อป้องกันไว้ก่อน ตัวข้าจะให้คนไปตั้งด่านที่ชายแ
ซ่างกวนอวิ๋นซีเดินเข้าไป เลิกคิ้วถามว่า “เมื่อครู่พวกเจ้ากล่าวว่า หยวนหัวแอบหนีออกมาโดยมิได้บอกอ๋องเซียงหยางหรือ?”หูซางกวาดตามองซ่างกวนอวิ๋นซีผาดหนึ่งยามนี้ แม้ซ่างกวนอวิ๋นซีจะสวมผ้าคลุมหน้า ทำให้ผู้อื่นมิอาจมองเห็นใบหน้าที่งดงามราวเทพธิดาได้ชัดเจนแต่อาภรณ์ของนางกลับบางเบา ทำให้มองเห็นรูปทรงโค้งเว้างดงามสะกดใจนั้นได้อย่างชัดเจน!หูซางและพวกเหม่อมองจนน้ำลายแทบหก“ฮิ ๆ นึกมิถึงว่าแคว้นเล็ก ๆ อย่างเป่ยเยี่ยนจะมีสาวงามเช่นนี้ สวรรค์ช่างใจดีกับหูซางผู้นี้เสียจริง! พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอลิ้มรสก่อน แล้วค่อย...”ยังมิทันกล่าวจบ เขาก็ถูกซ่างกวนอวิ๋นซีบีบคอ!คนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ!ซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากมิอยากตาย ก็จงตอบคำถามของข้ามา!”“อ่า คือว่า...” ทุกคนลังเลโดยฉับพลันกร๊อบ!ซ่างกวนอวิ๋นซีบีบคอหูซางหักในทันใดแล้วโยนร่างทิ้งไปข้าง ๆอีกสองสามคนที่เหลือต่างตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง มิคาดคิดว่าสตรีผู้มีรูปร่างโดดเด่นผู้นี้ จะลงมือสังหารคนอย่างโหดเหี้ยมโดยมิพูดพร่ำทำเพลง“ดูเหมือนพวกเจ้าจะเบื่อหน่ายชีวิตกันแล้วสินะ!” ซ่างกวนอวิ๋นซีมองพวกเ
ฉินซูกล่าวพึมพำ "อันดับแรก ข้าคือบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่ของหอดารารักษ์ของพวกท่านอยู่แล้ว อีกอย่างมีพวกท่านเป่ยเยี่ยนคอยรับมือเป็นด่านหน้า แม้ว่าอ๋องเซียงหยางหมายจะระรานต้าเหยียน ก็ต้องผ่านด่านพวกท่านไปก่อนมิใช่หรือ?"แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ อยู่มิใช่น้อยเพราะเขาเองก็มิแน่ใจว่า อ๋องเซียงหยางจะใช้อำนาจของตนเองกดดันต้าเหยียนในเรื่องอื่นหรือไม่ซ่างกวนอวิ๋นซีพูดอย่างมิค่อยสบอารมณ์นัก "เจ้าพล่ามกระไรนักหนา ตกลงคิดหาวิธีได้หรือยัง?""คิดได้แล้ว" ฉินซูพูดด้วยท่าทีจริงจัง"รีบว่ามา!""ก่อนอื่นตอนนี้ต้องปิดข่าวเรื่องการตายของหยวนหัวไปก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์กันต่อไป!"ซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้ว "นี่คือวิธีที่เจ้าคิดได้หรือ?"ฉินซูพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง"ดูเหมือนเจ้าจะคิดว่า คำพูดของข้าก่อนหน้านี้แค่ขู่เจ้าเท่านั้นสินะ"เมื่อสิ้นเสียงพูด กระบองหนามแหลมก็ปรากฏขึ้นในมือของนางแล้ว!ฉินซูรีบถอยร่นไปหลายก้าว "ใจเย็นก่อน ข้ามิได้หลอกท่าน ข้าจริงจังนะ"ซ่างกวนอวิ๋นซีโบกกระบองหนามในมือ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "เรื่องที่จะหักขาสกปรกของเจ้า เรื่องนั้นข้าก็พูดจริงเช่นกัน!"
ฉินซูจึงได้กระจ่างในทันที แล้วถามด้วยความสงสัยอีกว่า “แล้วท่านเล่าอยู่ในระดับใด?”“ข้ามิเหมือนจอมยุทธ์! ยิ่งกว่านั้น ข้าอยู่ในระดับใดนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับวิธีการที่เจ้าจะใช้รับมือกับอ๋องเซียงหยาง”“จะมิเกี่ยวข้องได้อย่างไร หากพลังของท่านแข็งแกร่งกว่าอ๋องเซียงหยางผู้นั้น ท่านก็มิจำเป็นต้องเสียแรงคิดหาวิธีรับมือแล้ว ท่านแค่ลงมือสังหารเขาเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว”ซ่างกวนอวิ๋นซีส่ายหน้า “แค่ระดับเหนือมนุษย์ ข้ามิได้เห็นอยู่ในสายตา ทว่าเจ้าคิดกระไรตื้น ๆ ในฐานะอ๋องแห่งแคว้นฉีผู้กุมอำนาจทางการทหารและการปกครอง มีหรือที่จะไม่มีกลุ่มอำนาจแข็งแกร่งคอยหนุนหลัง”ฉินซูถามด้วยความประหลาดใจว่า “หมายความว่ากลุ่มอำนาจเบื้องหลังอ๋องเซียงหยางมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าท่านหรือ?”แม้ซ่างกวนอวิ๋นซีจะมิอยากยอมรับ แต่สิ่งที่ฉินซูคาดเดานั้นเป็นความจริงดังนั้นนางจึงทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของฉินซูก็พลันเคร่งขรึมขึ้นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าซ่างกวนอวิ๋นซี เกรงว่าคงมีเพียงหัวหน้าโหรหลวงเท่านั้นที่สามารถรับมือได้ในตอนนี้เอง ซ่างกวนอวิ๋นซีก็กล่าวขึ้นอีกว่า “อีกอย่างยังมิต้องกล่าวถึงว่าอำนาจเ
มู่หรงเซี่ยวเทียนต้องการพบฉินซู!ซ่างกวนอวิ๋นซีกลับกล่าวอย่างอ้อมค้อมว่า “บุตรแห่งนักปราชญ์เพิ่งมาถึงหอดารารักษ์ เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย บัดนี้หลับใหลไปแล้ว วันพรุ่ง วันพรุ่งหม่อมฉันจะพาเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยตนเอง!”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ มู่หรงเซี่ยวเทียนก็โกรธขึ้งในทันทีข้ารออยู่ที่นี่ตั้งนานสองนาน บัดนี้เจ้ากลับให้ข้ารอถึงวันพรุ่งอีกรึ?แม้ในใจจะเดือดพล่านเพียงใด แต่ด้วยฐานะของซ่างกวนอวิ๋นซี เขาจึงทำกระไรมิได้ดังนั้นเขาจึงกล่าวเสียงเรียบว่า “ถ้าเช่นนั้น วันพรุ่งข้าจะคอยท่านเซียนมาเยือน!”พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเมื่อมู่หรงเซี่ยวเทียนเดินมาถึงประตูก็หยุดฝีเท้าลงกะทันหัน และหันกลับไปพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความนัยว่า “ท่านเซียนซ่างกวน ข้ายังอยากเตือนท่านอีกสักครั้ง อ๋องเซียงหยางกุมอำนาจทางการทหารและการปกครอง อีกทั้งวรยุทธ์ยังลึกล้ำเกินหยั่งถึง การยั่วยุคนเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่ปราชญ์พึงกระทำ!”พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความขุ่นเคืองซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้วเรียวสวย รู้สึกจนปัญญาอยู่เล็กน้อยที่ฉินซูลงมือกับหยวนหัวถึงตายนั้นเป็นสิ่งที่นางคาดมิถึงแต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้นางก็ทำได้
ฉินซูเหลือบมองเขาผาดหนึ่งแล้วจูงมือกู้เสวี่ยเจี้ยนขึ้นไปยังชั้นบนด้วยกันหานฉีกลอกตาไปมา สุดท้ายก็แค่นเสียงอย่างดูแคลนออกมาห้องโถงชั้นบนฉินซูเลิกคิ้วถามว่า “ซ่างกวนอวิ๋นซี บัดนี้ข้าก็มาถึงแล้ว เจ้ากักตัวเสวี่ยเจี้ยนไว้ก็หาได้มีประโยชน์ไม่ ปล่อยนางกลับต้าเหยียนไปเถิด”“จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร? หากนางอยู่และเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับหอดารารักษ์ของข้า เหลยเจิ้นย่อมมิอาจอยู่เฉยได้!”“ดูท่านพูดจาเข้าสิ หอดารารักษ์ของท่านเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยเยี่ยน ใครเลยจะกล้ามาหาเรื่องพวกท่านเล่า?”ซ่างกวนอวิ๋นซีจ้องมองฉินซูด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคนสารเลว เจ้าสังหารบุตรชายของอ๋องเซียงหยาง มิหนำซ้ำยังกล่าวต่อหน้าธารกำนัลว่าเจ้าคือบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่ของหอดารารักษ์ โยนความผิดทั้งหมดมาให้หอดารารักษ์ของข้าแล้วยังคิดจะให้พวกข้ารับมือกับความโกรธเกรี้ยวของอ๋องเซียงหยางแต่เพียงผู้เดียวหรือ?”ฉินซูกางมือออก “ข้ากล่าวความจริงมิใช่หรือ แล้วที่ท่านขู่เข็ญให้ข้ามา ก็เพราะอยากให้ข้าเป็นบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่ของพวกท่านมิใช่หรือไร?”“ถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าก็มิอาจอวดดีเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าก่อเรื่อ
ภายในท้องพระโรงแห่งพระราชวังเป่ยเยี่ยนหลังจากฟังรายงานของแม่ทัพกองกำลังรักษาเมืองแล้ว มู่หรงเซี่ยวเทียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรก็ลุกขึ้นพรวด“เจ้าว่าอย่างไรนะ? คุณชายหยวน… ตายแล้วรึ?!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เขาถูกคนผู้นั้นบิดคอตายคาที่พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าขุนนางที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกในทันใด!“เกิดเรื่องแล้ว คราวนี้เกิดเรื่องใหญ่หลวงแล้ว คุณชายหยวนตาย อ๋องเซียงหยางไม่มีปล่อยผ่านเป็นแน่!”“ฝ่าบาท สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือรีบจับตัวคนร้ายแล้วส่งตัวให้อ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีจัดการพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่แล้ว ๆ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ราชสำนักเป่ยเยี่ยนของเราพ้นจากเรื่องนี้ได้”ทุกคนกล่าวขึ้นพร้อมเพรียงมู่หรงเซี่ยวเทียนซักถามแม่ทัพผู้นั้นต่อ “ผู้ที่ลงมือคือผู้ใดกันแน่? จับตัวเขาได้หรือไม่?”“ฝ่าบาท คนผู้นั้นมีวรยุทธ์แข็งแกร่งยิ่งนัก ตบผู้คุ้มกันคนสนิทของคุณชายหยวนจนกลายเป็นหมอกเลือดด้วยฝ่ามือเดียว พวกข้าน้อยหาได้มีความสามารถพอที่จะจับกุมเขาได้ไม่ เพียงแต่คนผู้นั้นกล่าวในยามนั้นว่า เขาคือบุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่แห่งหอดารารักษ์...”“บุตรแห่งนักปราชญ์คนใหม่?!”เมื่อได